[GUDJA-MAN]

กลางเดือนธันวาคม ปี 2004

มีคำถามจากผู้ใหญ่ท่านนึงถามว่า
"จะเอา VIOS ไหม?"
มีรุ่น 1.5S Ivory ใช้ไปไม่กี่เดือน แต่อยากจะขายต่อ เพราะไม่มีที่จอดรถ

ผมคิดในใจว่าจะเอาดีไหม?
เพราะปกติผมไม่ค่อยชอบรถ size นี้สักเท่าไหร่ เพราะติดภาพลักษณ์ และความคิดเก่าๆ จาก soluna และ city รุ่นแรก
แต่เนื่องจากผมต้องเดินทางไปกลับ ประมาณวันละ 120 กิโลเมตร
ถ้าได้รถที่ประหยัดน้ำมันมาขับสักคันก็คงไม่เลว เพราะจะสามารถทำให้ประหยัดค่าน้ำมันไปได้เยอะ

[GUDJA-MAN]

ตอนที่ได้รถคันนี้มา ถือว่าวิ่งมาน้อยมาก แค่ 4 พันโล

มิติตัวรถยาว  4,285 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,440 มิลลิเมตร และในส่วนของฐานล้อนั้น ยาว 2,500 มิลลิเมตร

[GUDJA-MAN]

ย้อนกลับมาเล่าถึงประวัติรุ่นนี้กันซักนิด ตอนเปิดตัวในครั้งแรกมีรุ่นย่อย 3 รุ่น คือ J, E และ S
พอสักพักหนึ่งประมาณปี 2004 ก็จะเสริมทัพด้วยรุ่นปลีกย่อย คือ S Ivory ตกแต่งภายในสีครีม และ S sporty ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน
และมีการ minorchange ในช่วงปลายปี 2005

ซึ่งในครั้งนี้ผมขอกล่าวแต่เฉพาะรุ่น S เท่านั้นนะครับ

[GUDJA-MAN]

สำหรับภายนอกของรุ่น S ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปสุดนั้น สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นทั่วๆ ไปนั้นก็คือ ไฟตัดหมอกคู่หน้า, ล้อขอบ 15, มือจับเปิดประตู และฝากระโปรงท้ายแบบโครมเมี่ยม
และก็จะได้ Airbag ฝั่งคนขับ มีระบบเบรก ABS และ EBD มาเป็นอุปกรณ์มาตราฐาน

[GUDJA-MAN]

เปิดประตูเข้ามาในห้องโดยสาร ก็จะสะดุดตากับแผงหน้าปัดทรงนกหวีด โดยที่จะมีมาตรวัดความเร็วแบบ digital อยู่ตรงกลาง

[GUDJA-MAN]

ซึ่งภายในมาตรวัดนั้น ก็จะบอกความเร็วเป็นตัวเลข
ส่วนรอบเครื่องยนต์และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง จะบอกเป็น scale
ซึ่ง readline นั้นเริ่มตั้งแต่ 6200 rpm ยัน 7000 rpm
นอกเหนือจากนี้ยังมีไฟโชว์สถานะเปิดไฟหน้า ไฟตัดหมอกหน้า และไฟตัดหมอกหลัง

แต่สิ่งที่ขาดหายไป คือ มาตรวัดความร้อนแบบเข็ม
ซึ่งการจะดูนั้น ต้องดูสัญลักษณ์รูปปรอทแทน
โดยถ้าไฟเตือนรูปปรอทวัดอุณหภูมิสีฟ้าโชว์ ก็จะหมายถึงอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ซึ่งจะติดก็ต่อเมื่อสตาร์ทเครื่องตอนเช้า หรือ จอดทิ้งไว้นานๆ หลายชั่วโมง
ซึ่งถ้าเครื่องเย็น ก็จะมีระบบเร่งรอบเครื่องอัตโนมัติ โดยรอบเครื่องยนต์จะถูกเร่งขึ้นไปประมาณ 2000rpm และจะกลับมารอบเดินเบา เมื่อเครื่องร้อนได้ที่
และส่วนไฟเตือนรูปปรอทสีแดงจะบอกถึงอุณหภูมิที่สูงกว่า 117 องศาเซลเซียส

[GUDJA-MAN]

อย่างอื่นก็เป็นสัญลักษณ์ทั่วๆไป ที่รถส่วนใหญ่มีกัน
โดยมาตรวัดนั้น สามารถปรับระดับความสว่างได้ถึง 4 ระดับ และในตอนกลางคืน เมื่อมีการเปิดใช้ไฟหน้า
ความสว่างของมาตรวัดก็จะหรี่ลงมา 1 ระดับ เพื่อความสบายตา

และในการย้ายหน้าปัทม์มาไว้ตรงกลางนั้น แรกๆ ผมก็มีความกังวลว่าจะอ่านค่ายาก
แต่พอใช้ไปสักพัก ก็จะพบว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย

[GUDJA-MAN]

เบาะนั่งในรุ่น S Ivory นั้นเป็นเบาะหนังสีครีม ภายในตกแต่งโทนครีมหมด ซึ่งก็ทำให้ห้องโดยสารดูสว่างตาและหลอกตาว่ากว้าง
แต่การดูแลรักษานั้นต้องทำสม่ำเสมอ เพราะจะเกิดรอยเปื้อนค่อนข้างง่าย ถ้าไม่ระวัง
ตัวเบาะคู่หน้านั้นขนาดไม่ใหญ่ ส่วนรองนั่งค่อนข้างสั้นไปซักนิด
แรกๆ ที่ผมขับนั้น ต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะปรับได้ถูกใจ
โดยส่วนใหญ่ผมจะปรับให้นั่งได้สบายที่สุด โดยปรับให้เบาะต่ำๆ และเอนไปข้างหลังแบบสบายๆ (แต่ต้องไม่มีปัญหากับการควบคุม)

[GUDJA-MAN]

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยอมรับว่าถ้าหุ่นอย่างผมขับ เวลาที่เลื่อนเบาะหน้าลงมาเยอะ
เนื้อที่สำหรับวางขาของผู้โดยสารด้านหลังก็จะพอเหลือให้สำหรับท่านที่สูงไม่เกิน 170ซม. เท่านั้น
ซึ่งจริงๆ สำหรับผมมันก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะส่วนใหญ่ขับคนเดียว เวลาไปหลายคนก็เอารถคันใหญ่อีกคันไปแทน
สำหรับเบาะหลังนั้น เป็นแบบธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถพับได้ ไม่มีที่วางแขนตรงกลาง
และมีเข็มขัดนิรภัยมาให้ 5 ตำแหน่งเหมือนรถทั่วๆ ไป

[GUDJA-MAN]

วิทยุเป็นแบบ 2 din เล่นเทปและ cd ได้ 1 แผ่น
ซุ้มเสียงนั้น ถือว่าทำได้ดีเกินคาด เสียงเบส เสียงแหลม ปล่อยออกมาได้ดี
มองต่ำลงมาเป็นนาฬิกา ส่วนปุ่มข้างๆ ก็จะเป็น trip meter และปุ่มปรับความสว่างของแผงหน้าปัทม์
ถัดจากนั้นด้านล่างจะมีช่องสวิทช์อยู่3 ช่อง โดยจะมีให้ใช้งานแค่ 2 ช่องคือ ปุ่มกดไฟฉุกเฉิน, และกดไล่ฝ้า ตามลำดับ
ส่วนช่องที่เหลือนั้น ถ้าเป็น version ต่างประเทศ จะเป็นปุ่ม A/C ครับ
ต่อจากนั้นก็จะเป็นสวิทช์ปรับการทำงานของระบบแอร์
ในส่วนล่างสุด ก็จะเป็นช่องใส่ของเล็กๆ น้อยๆ เนื้อที่พอจะวางกล่อง CD แนวนอนได้
มีช่องวางแก้วน้ำ 2 ใบ

[GUDJA-MAN]

คันเกียร์แบบทั่วๆ ไป เป็นแบบ 4 สปีด มีปุ่ม overdrive ซึ่งในรุ่น S นั้นจะได้ปุ่มกด, คันเกียร์ และปุ่มกดปลดล็อกเบรกมือแบบโครมเมี่ยมมาให้ด้วย
มองถัดมาก็จะเป็นก้านเบรกมือ และ ช่องวางแก้วน้ำอีก1 ใบ

[GUDJA-MAN]

ลองมองฝั่งขวาด้านคนขับกันบ้าง ก็จะพบสวิทช์อยู่ 3 ช่อง
โดยจะเป็นปุ่มเปิด-ปิดไฟตัดหมอกหลัง, ปุ่มปรับกระจกมองข้าง
(ในรุ่น S คันนี้นั้น เป็นรุ่นก่อน minorchange ซึ่งจะไม่มีปุ่มพับไฟฟ้า เวลาจะพับกระจกมองข้าง ก็ต้องอาศัยมือพับเอาเอง
และจะเป็นแบบพับเก็บไฟฟ้าก็ต่อเมื่อเป็นรุ่น S ในล็อตที่ minorchage แล้ว)
และในช่องสุดท้าย ก็จะเป็นไฟแสดงสถานะของระบบกันขโมย TVSS

[GUDJA-MAN]

แผงประตูหน้าตาธรรมดาทั่วไป มีแผงสวิทช์กระจกไฟฟ้า หน้าตามองก็รู้ว่าเป็นของ TOYOTA ซึ่งจะมีปุ่มล็อกประตู และ ปุ่มล็อกกระจก 3 บาน (ยกเว้นคนขับ) มาให้ตามปกติ

[GUDJA-MAN]

ทางด้านท้ายนั้น เนื้อที่เก็บของมีให้มากพอตัว สามารถวางถุงกอล์ฟ หรือ พวกกระเช้าปีใหม่ใบโตๆ ได้ 4 กระเช้า แบบสบายๆ
ขวามือนั้นทำเป็นช่องเปิดสำหรับเปิดเอาแม่แรงออกมา
และใต้พรมนั้น ก็มีแผงไม้อัด โดยด้านใต้ของไม้อัด ก็จะมีตัวขอ ทำเป็นที่แขวนอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนยางอะไหล่
แต่จุดที่น่าติ คือ แผงฟิวเจอร์บอร์ดที่เอามากั้นระหว่างเบาะหลังและห้องเก็บของนั้น
ทำให้ดู look cheap เอามากๆ

[GUDJA-MAN]

ลองมาดูในส่วนของเครื่องยนต์กันบ้าง
เปิดใต้ฝากระโปรงมาก็จะเจอเครื่องยนต์รหัส 1NZ-FE 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,496 ซีซี พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT-i ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม.ที่ 4,200 รอบ/นาที
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แบบ Super ECT

[GUDJA-MAN]

สมรถนะ
อัตราเร่ง 0-100 km/h  12.4 sec.
80-120 km/h  8.6 sec.

ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ (อ่านตามมาตรวัด)
เกียร์ 1     58 @ 6250
เกียร์ 2     111 @ 6250
เกียร์ 3     187 ลากจนรอบตัด
เกียร์ 4     191 @ 5200 และถ้าจังหวะดีๆ ทางยาวๆ สามารถพาไปได้สุดไมล์ 199km/h (แต่ความเร็วจริงๆ จะเท่าไหร่ นั่นอีกเรื่อง) 

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
ในเมืองเฉลี่ย                 10-12 km/L
นอกเมือง (120km/h) 14km/L

[GUDJA-MAN]

ตอนที่ซื้อมา แล้วได้ขับ VIOS ในครั้งแรก ก็รู้สึกประทับใจพอสมควร
ทัศนะวิสัยโดยรอบถือว่าดี
กระจกมองข้างมีเนื้อเลนส์ขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป
จะมีปัญหาบ้าง ก็ตรงเสา A ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และจะแผลงฤทธิ์ก็ตอนเลี้ยงโค้ง ซึ่งจะทำให้บดบังทัศนวิสัยไปบ้าง

คันเร่งตอบสนองได้ดี ซึ่งถ้าเทียบกับคันเร่งสายด้วยกันแล้ว ถือว่าตอบสนองได้ไวมาก กดเป็นพุ่ง ไม่หน่วง
kickdown ก็มาได้ทันใจ ไม่ต้องรอให้มันประมวลผลนานเหมือนรถบางรุ่น

[GUDJA-MAN]

การบังคับควบคุม
ในส่วนของ VIOS รุ่นนี้นั้น ถ้าเราไปเปรียบเทียบกับ Soluna รุ่นแรก จะสัมผัสได้เลยว่า ความมั่นใจในการบังคับนั้นต่างเอาซะเหลือเกิน
การรองรับแรงสั่นสะเทือนของ VIOS นั้น ออกไปในทาง หนึบ แต่ค่อนไปทางแข็ง
เวลาใช้ความเร็วระดับโดนใบสั่งนั้น สามารถให้ความมั่นใจได้ค่อนข้างเยอะ  พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี ไม่เบาหวิวให้เสียวเล่น ซึ่งถือว่าทำได้ดีทีเดียวสำหรับรถ size นี้
ส่วนในกรณีที่วิ่งบนทางด่วน ในวันที่มีลมปะทะตัวรถแรงๆ นั้นก็ไม่สร้างความเครียดให้กับผู้ขับสักเท่าไหร่
เว้นซะแต่ว่าเท้าหนัก ลมแรงแล้ววิ่งกันเร็วๆ อันนี้ก็ต้องประคองพวงมาลัยให้ดีกันละครับ

ในส่วนของเบรกนั้น แป้นเบรกตอบสนองได้ดี
แต่ยางติดรถนี่ซิ ทำตัวได้ไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไหร่
กลับรถแรงๆ หรือว่า กระทืบคันเร่งจากจุดหยุดนิ่ง หรือว่า กดเบรกหนักๆ ก็ส่งเสียงร้องลั่นซะแล้ว
ทนใช้มาสักพัก ก็เลยเปลี่ยนยางใหม่ เลือกแบบที่ดีหน่อย โดยเปลี่ยนเป็น YOKOHAMA S.drive เพิ่มหน้ากว้างอีกเบอร์เป็น size 195/55R15
ซึ่งเปลี่ยนมาเสร็จ การตอบสนองขึ้นก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อาการ understeer นั้นน้อยลงกว่าเดิม
โยก 3 เลน มุด เหวี่ยงแรงๆ อาการออกน้อยลงมาก
ในส่วนของการรีดน้ำนั้น ก็ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน

[GUDJA-MAN]

ในการใช้งานทั่วไป มีบางเรื่องที่น่าติคือ การเก็บเสียง
เสียงที่ส่งผ่านเข้ามาในห้องโดยสารนั้นจะได้เริ่มยินชัดเจนเมื่อความเร็วขึ้นเกิน 80km/h เป็นต้นไป
ซึ่งถ้าเทียบกับ CITY และ JAZZ แล้ว ถือว่าเค้าทำได้ดีกว่า VIOS ครับ

[GUDJA-MAN]

การบำรุงรักษา (update  May21, 2009)

จากการใช้งานที่ผ่านมา 5 ปี กับระยะทาง 120,xxx กม. นั้น
ในส่วนที่จะมีบ่อย ก็คือบรรดาช่วงล่าง จำพวก พวกลูกยางปลายเหล็กกันโคลง และแหวนต่างๆ (ซึ่งผมเปลี่ยนทั้งชุดมาแล้ว 3 รอบ) ครั้งนึงก็ประมาณ 2 พันกว่าบาท
รายการต่อมา เมื่อต้นเดือน May ก็เป็นยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ โช๊คอัพรั่ว ลูกยางกันโคลงขาด(อีกแล้ว) 
และล่าสุด คลัชคอมแอร์เสื่อม
แต่ก็ต้องยอมรับหล่ะครับ ว่ามันเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ส่วนรายการที่ผมเจอบ่อยๆ นั้น ก็คงเป็นเพราะว่าผมตะบี้ตะบันมันมากไปหน่อย)

ส่วนอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร จะมีก็พวกโคมไฟหน้า ที่ซีลมาได้คุณภาพต่ำ เกิดฝ้าเข้าโคม
ครั้งแรกที่ผมเคลมไฟหน้าใหม่นั้น รถผ่านการใช้งานมา 1 ปีกว่าๆ
จากนั้น พอได้ของใหม่มา ก็เป็นอีก เคลมอีก และเป็นเฉพาะฝั่งขวาด้านเดียวด้วยซิ ??
พอรถหมดระยะประกันแล้ว ก็ยังคงเป็นอีกเช่นเดิม จนผมเบื่อมาก เลยขับไปที่ร้านประดับยนต์ให้เขาเอาซิลิโคนมาซีลรอบๆ ขอบให้
เสียเงิน 200 บาท ก็ไม่มีปัญหานี้มากวนใจอีกต่อไป
และแจ๊คพอต หม้อลมเบรกพัง ตอนรถวิ่งไปประมาณ 90,xxx km
แต่เบิกของใหม่ก็ไม่แพงครับ ราคาแค่ 2,200 บาท

[GUDJA-MAN]

สรุป

TOYOTA SOLUNA VIOS นั้น ถือเป็น city car ที่ตอบสนอง lifestyle ของคนในปัจจุบันได้ดี
เพราะส่วนใหญ่ รถคันเดียว ต้องใช้ทั้งจ่ายกับข้าว ทำงาน และท่องเที่ยว
ซึ่ง VIOS เองก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีเกินที่ผมคาดไว้
อัตราเร่ง น่าพอใจ ตีนปลายมีมาให้เกินตัว
การทรงตัวทำได้ดีเกินหน้าเกินตาพรรคพวกใน segment เดียวกัน

ถ้าคุณกำลังพึ่งทำงาน พึ่งเอนติดมหาลัย หรือ แม้แต่ต้องการรถคันแรกในชีวิต
โดยที่คุณจะสบายใจได้ ว่าอะไหล่นั้นไม่แพง ตัวรถโดยพื้นฐานนั้นไม่จุกจิก
VIOS เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คุณไม่น่ามองข้ามครับ

[PREM]

สถานที่สวยดีครับ
รีวิวดีด้วยครับ มีัทดสอบสมรรถนะด้วย
ตบมือให้ๆ

ผมว่า Vios ดีกว่า City แมลงสาบอีกนะครับ แต่ญาติผมออก City ไปตอนนั้น

[Iwata Kana Σ4]

เป็นอีกรุ่นที่ชอบที่สุดครับ

ถ้าพัฒนาฟิวเจอร์บอร์ดจะ Work มากๆ

[oporChee]

รูปสวย อ่านสนุกครับ เข้ามาให้กำลังใจครับ 

[BnN]

เป็นผลิตภัณฑ์จากโตโยต้าที่ผมชอบมากที่สุดรุ่นหนึ่งเลยครับ
สำหรับ Soluna Vios โฉมแรกนี้

[Dr.slum]

ว๊าวว

แถวบ้านเรียกว่า รุ่น "ช่วงล่างเปะ"

[อันตัวข้าฯนี้มีนามว่า"หมู"]

มีทดสอบอัตราเร่ง ความเร็วสูงสุดของแต่ละเกียร์ และก็อัตราการกินน้ำมันด้วย ดีจัง
ผมว่ารุ่นนี้มันดูยังไงก็สวยกว่ารุ่นปัจจุบันนะ

[Akeem-CLII]

ว้าว ๆๆ  ดูสวยหรูใช้ได้เลย สำหรับรุ่น ivory

เป็นรถที่โตโยต้า คงภาคภูมิใจสุด ๆ ละล่ะ

ตอนนั้น ผมก็ตัดสินใจ ระหว่าง vios ivory กับ city vtec อะครับ
สุดท้ายได้ city vtec มา เพราะเหตุผลคือ airbag 2 ใบ
กับพับเบาะได้ และภายในดูกว้างกว่านั่งสบายกว่า

ช่วงล่าง vios รุ่นนี้ ผมว่าดีมาก ๆ ไม่แข็งกระด้างเกินไป และเกาะถนน
พวงมาลัยก็เซ็ตมาดีจริง ๆ เท่าที่เคยเห็นเป็นปัญหา ก็คือ แอร์เหม็น

คันของ จขกท. เหม็นบ้างไหมครับ ถ้าเหม็นแล้วแก้ไขยังไงครับ ช่วยแชร์ความรู้หน่อย

[GUDJA-MAN]

คันของ จขกท. เหม็นบ้างไหมครับ ถ้าเหม็นแล้วแก้ไขยังไงครับ ช่วยแชร์ความรู้หน่อย

แอร์มีกลิ่นเหม็นไม่เคยเจอครับ
เคยมีแต่กลิ่นควันไอเสียของเข้ามาเท่านั้น
ทางแก้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ตอนไปล้างตู้แอร์ ให้ช่างถอดคอนโซลหน้า
จากนั้นก็บอกให้ช่างเขาปรับแต่งสายสลิงที่ใช้ เปิด-ปิด บานพับช่องลมให้ตึง พร้อมทั้งเสริมฟองน้ำรอบๆ ด้วย
แค่นี้กลิ่นก็หายแล้วครับ

[P_Wut]

Soluna Vios โฉมนี้ ผมเคยขับบ่อยๆ เพราะเป็นรถเวรของบริษัท (รุ่น 1.5E Auto)
จะได้ขับเป็นเวลา 1 อาทิตย์ทุกๆ 2 เดือน

ขอเอาข้อมูลบางส่วนมาเพิ่มเติมไว้ด้วยละกัน

1. มาตรวัดรุ่น 1.5E โฉมแรก เห่ยมากกกกก แทบจะเหมือนเอาหน้าปัดรถพลาสติกเด็ก 2-3 ขวบมาแปะเลย
แถมมาตรวัดความเร็วยังอ่อนถึง 8%  เคยเทสต์โดยขับมอเตอร์เวย์ 120 คงที่แล้วจับเวลา ปรากฏว่า ความเร็วจริงแค่ 110 เท่านั้น

2. เป็นรถรุ่นที่ท่านั่งขับ แย่มาก ขนาดว่า ปรับเบาะขึ้นไปสูงสุด ปรับพวงมาลัยลงมาต่ำสุด
พวงมาลัยก็ยังแหงนและสูงเกินไป ขับทางไกลนานๆ เมื่อยแขน เบาะรองนั่งก็สั้นจริงๆ

3. แผงคอนโซลกลาง look cheap จริงๆ แล้วมีปัญหาเรื่องการกระจายลมแอร์ด้วย
คนนั่งแถวหลังสามารถสัมผัสความรู้สึกร้อนๆ เหมือนแถว 3 ของ Wish ได้

4. ที่บ่นกันเรื่องฟิวเจอร์บอร์ดนั้น ผมว่า เค้ายังดูไม่ละเอียดนะ ลองดูช่องเก็บเครื่องมือในกระโปรงท้ายฝั่งขวา
ตัวฝาปิดยึดกับส่วนรอบนอก ด้วยแม็กเย็บกระดาษ !!!

5. แต่จุดเด่นของรุ่นนี้ที่ชอบมาก ก็คือ ความแรง/อัตราเร่งแซง และช่วงล่าง
โดยเฉพาะช่วงล่าง ขับทางไกลแล้ว ผมมั่นใจกว่า Altis คางคกโฉมแรกแล้วกัน