ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"  (อ่าน 18938 ครั้ง)

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
พอดี ผมไ้ด้ มาสด้า 3 ตัว 2.0 มาเมื่อต้นเดือน .... ตอนรับรถ เซลบอกว่า "รถใหม่เดียวนี้ไม่ต้อง RUNIN แล้วขับได้เลย และก็ไม่ต้องเข้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ 1000โลแล้ว ให้เข้าทีเดียว ที่ 10,000โลเลย .....

แต่ทีนี้ ด้วยนิใสและความเข้าใจส่วนตัว ก็ยังขับแบบ RUNIN อยู่ คือพยายามเหยียบไม่ให้รอบเครื่อง เกิน 3000รอบ ออกตัวเบาๆ

แต่พอบอกเพื่อนว่า รถยังวิ่งเร็วไม่ได้เพราะ RUNIN ไปได้แค่ 500โลเอง ... เพื่อนก็บอกแบบเซลว่า ... "รถใหม่สมัยนี้ไม่ต้อง RUNIN~ แล้ว ......"

ผมเลยมาขอคำยืนยันครับว่า ...."รถใหม่ สมัยนี้ ยังต้อง RUNIN อยู่ไหมครับ ......"   ฟันธงให้ผมที ......

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 13:31:35 »
กรุณาอย่าเรียกว่า ฟันธง เลย

เพาะเว็บไซต์ของเรา ไม่ใช่เว็บไซต์ ของ อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ ดังนั้น จะไม่มีการฟันธง แต่อย่างใด

เพียงแต่ สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ

รถยนต์ สมัยนี้ ถูกแล้ว ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ 1,000 กิโลเมตรแรก
เหตุผล เพราะ วัสดุ ด้านโลหะ ต่างๆ มันพัฒนาไปเยอะ และน้ำมันเครื่องเอง ก็พัฒนาไปไกลมาก
คุณภาพต่างๆ ย่อมดีกว่า สมัยที่มีการกำหนดมาตรฐานเก่าๆ เหล่านั้นแล้ว

การตรวจเช็คที่ 1,000 กิโลเมตรแรก ของบริษัทรถ ทุกวันนี้ คือการเช็คแค่ว่า ทุกสิ่งอย่าง อยู่ในความเรียบร้อย
ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เป็นหลักมากกว่า การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกวันนี้ อยู่ที่ระดับ 10,000 กิโลเมตร ขึ้นไปแล้วครับ
ขึ้นกับว่าใช้น้ำมันเครื่องอะไร ถ้าเป็นเกรด API ตั้งแต่ SL ขึ้นไป เปลี่ยนถ่ายที่ 10,000 กิโลเมตรขึ้นไป ได้หมดแล้วครับ

ถามว่า รถสมัยนี้ยังต้องการ การ Run-in อยู่หรือไม่
ขึ้นอยู่กับ แต่ละคนมากกว่า ถ้าถามผม ผมมองว่า ควรจะยัง Run-in อยู่
แม้ว่า ผู้ผลิตบางค่าย เช่น BMW จะจัดการให้คุณบนไดนาโมมิเตอร์ ที่โรงงานระยองให้เรียบร้อยแล้วก็ตามที


ออฟไลน์ 1212312121

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 150
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 13:54:12 »
ผมยังทำอยู่ครับ ตอนนี้ก้อ 1000 กว่าละ วิ่งก้อโอ ดีครับ ผมว่าน่าจะอยู่ที่แต่ละคนมากกว่าครับ รถใหม่วิ่งแบบดุๆ ไม่ค่อยดีเพราะเครื่องไรยังไม่ค่อยเข้าที่ ลองจับที่ฝากระโปรงมันจะร้อนๆ แต่ถ้า 1000 โลไปเครื่องมันจะเย็นๆกว่า ไม่รู้คิดไปเองป่าว

ออฟไลน์ K20A

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 18
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 14:39:14 »
เอาเป็นประสพการณ์แล้วกันนะ

ซีวิคES ที่ว่ากันว่าเกียร์ออโต้เปราะบางมักจะกลับบ้านกันประมาณแสนห้ากิโล

ของผมตอนนี้สองแสนห้าแล้วยังปกติดี

ผมทำทั้งรันอินและถ่ายน้ำมันเครื่องน้ำมันเกียร์ที่พันโลครับ

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 15:24:40 »
ของผมยังคงรันอินครับ ผมถือว่าไม่เสียหายอะไร ไม่รู้จะต้องรีบทำให้รถสึกหรอเร็วไปทำไม เพียงแค่เราขับตามปกตินิ่มๆก็พอ แค่1000กว่ากิโลเอง

ส่วนการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ผมทำตามผู้ผลิตครับ
toyota honda บอกว่า10000 ผมก็ตามนั้น
nissan บอกว่า1000 ผมก็ตามนั้น

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 15:51:02 »
เพาะเว็บไซต์ของเรา ไม่ใช่เว็บไซต์ ของ อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ ดังนั้น จะไม่มีการฟันธง แต่อย่างใด
55

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 16:20:20 »
แหม ... คำว่า ฟันธง มันเกิดมาก่อนหมอลักษณ์จะใช้คำนี้อีกนะครับ

เรื่อง RUN-IN ถ้าหลายๆท่านว่า ควรทำ ผมก็จะคงทำต่อไปล่ะครับ ทั้งๆที่มันออกจะอึดอัดไปนิดนึงก็ตาม ....

พอดีเวลาขับมาสด้า3 แล้วมันมันส์น่ะครับ อยากจะเหยียบหนักๆออกตัวปรู๊ดปราดบ้าง แต่มันทำให้ต้องข่มใจ ขับหวานเย็นไปก่อน ....

แต่ก็ทำให้สบายใจไปอีกอย่าง ที่ไม่ต้องเข้าศูนย์ที่ 1000โล ไปเข้าที่ 10000โน่นเลย ก็ดีครับไม่เปลืองเงินดี ...

ออฟไลน์ zzzz

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 17:29:09 »
run in เนี่ย เถียงกับเพื่อนๆกันกันมาหลายยกแล้วครับ
เอาสรุปใจความใน ความคิดเห็นส่วนตัว นะครับ

Run in มีความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ใช่ในส่วนของเครื่องยนต์เป็นหลัก
จำเป็นในทุกๆส่วนของรถ เพราะทุกอย่างมันยังใหม่
เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรหลุด QC ออกมาให้ตกใจบ้าง
ดังนั้นจึงไม่ควรซิ่ง หรือ ทำการใดๆที่จะทำให้เกิดอันตรายกับเรา
การขับรถ อย่าไปทำให้ตกอยู่ในสภาวะ ที่อาจจะไม่สามารถควบคุมได้
อันนี้คือจุดหลักครับ

ส่วนที่มีการเถียงกันบ่อยๆ น่าจะส่วนของเครื่องยนต์มากกว่านะ
ว่ามันต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอน 1000-2000 โลสักรอบก่อนไหมนั้น
อันนี้ต้องขอยกอีกกระบวนการมาอธิบายให้พังก่อนนิดนึง
กระบวนการนั้นเรียกว่า
การ Break in ครับ
หน้าสัมผัสต่างๆในเครื่องยนต์ที่ประกอปใหม่ เช่น แหวนลูกสูปกับเสื้อสูบ หรือ แคมชาพกับถ้วยวาล์ว
มันต้องมีการปรับหน้าสัมผัส โดยยอมให้มีการสึกหรออย่างมากในครั้งแรกก่อน เพื่อให้มันสัมผัสกันอย่างเต็มที่
ในกรณีนี้เรียกการ Break in ครับ
กระบวนการก็ไม่มีอะไรมาก แค่ในครั้งแรกของการติดเครื่อง
เราเข้าใจว่าต้องให้มันค่อยๆเร่งขึ้นไปช้าๆ เพื่อความชัวร์ว่าจะไม่มีอะไรกระเด็นออกมา...555
แต่จากกระบวนการที่เคยทำมาจริงๆ จะต้องเดินเครื่องไปที่รอบใช้งานเลย เช่น 2500-3500 รอบเลยในครั้งแรก
เพราะต้องการให้หน้าสัมผัสมันสีกันให้ดี สึกให้เข้าที่ ก่อนที่น้ำมันเครื่องจะเข้าไปแทรก
ทำให้การสึกหรอหยุดลงก่อนที่หน้าสัมผัสจะเข้าที่
ซึ่งการ Break in นี้ จะมีเศษโลหะ หลุดออกมาในปริมาณมาก
เนื่องจากในจารบีที่ใช้ในการช่วยประกอปในจุดดังกล่าว จะมีผงโลหะคมๆผสมอยู่ในปริมาณนึ่ง
หลังจากการ Break in ตามเวลาที่เหมาะสมแล้ว เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเก่าออกมา แล้วใส่น้ำมันใหม่
(จึงห้ามใช้น้ำมันสังเคราะห์ในการ break in)
เครื่องยนต์ก็พร้อมที่จะใช้งานได้ เต็มกำลังครับ
ตัวอย่างเช่นเครื่องรถแข่ง ประกอปเสร็จ Brake in แล้วก็ ลุยกันเลย
เข้าใจเองว่า การ berak in นี้ ถูกกระทำมาจากโรงงานแล้ว เพราะเครื่องทุกตัวต้องถูกติดก่อนการส่งมอบรถ
ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปทำซ้ำอีก
จนกว่าจะมีการใส่ชิ้นส่วนใหม่ที่ต้องการ การ break in เข้าไปครับ
เช่น แคมซิ่ง ลูก ก้าน ข้อ หรือชิ้นส่วนเคลื่อนไหว

ดังนั้น ที่โรงงาน หรือ เซลบอก ว่ามัน run in มาจากโรงงานแล้วนั้น
มันคือการ Break in มาจากโรงงานครับ จึงไม่แปลกที่ เปลี่ยนน้ำมัน 1000 กิโลแรก แล้วลองมาดู
ก็ไม่พบฝุ่น หรือฝงอะไรในนั้น
แต่อย่างว่า ในกระบวนการผลิดที่แม่นยำ มันควรจะไม่ต้องเปลี่ยนของเหลวอะไร
แต่ถ้าระบบมันมีความน่าเชื่อถือ 99.9 % แปลว่า มันจะมี 1 คัน ใน 1000 คัน มีเศษหลุดออกไป
ถ้าเราอยู่ 999 คัน เปลี่ยนไปก็เสียตังฟรี แต่ถ้าเราเป็น 1 คันที่เจอของแถม
การเปลี่ยนน้ำมันจะช่วยยืดอายุของเครื่องได้มากเลยทีเดียวครับ
ว่าแต่ระบบบ้านเรามันมีความน่าเชื่อถือกี่% หว่า

หลังจาก break in แล้ว จริงอยู่ทีสามารถใส่ได้เต็มๆเลยก็จริง แต่อย่างที่รู้กัน
รถคันนึง ชิ้นส่วนมันเยอะ มาจากหลายที่ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้น
ถึงเครื่องจะไม่เป็นอะไร ก็ควรจะเบาๆเท้าไว้ก่อน
ใช้สักระยะ มั่นใจว่า มันลงตัวแล้ว ค่อยใส่เต็มๆครับ
รักเต่า ใช้เต่า

ออฟไลน์ prachaja

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 100
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 17:30:29 »
เล่าสู่กันฟังครับ  ;D

เคยคุยกับคนที่ทำงานในโรงงานประกอบรถยนต์สองคน ได้คำตอบต่างกัน ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลน่ารับฟัง

คนแรกบอกว่ารันอินดีกว่าเพราะที่ว่ารันอินมาจากโรงงานมันแค่รันอินเครื่องยนต์ แต่เบรค ช่วงล่าง และระบบอื่นๆ มันไม่เคยรันอิน และที่สำคัญ คนขับก็ต้องรันอินด้วยเพราะเรายังไม่คุ้นเคยกับรถ คือคนขับก็ป้ายแดงเหมือนกับรถนั่นเอง เพราะฉะนั้นรันอินดีกว่าเพื่อความชัวร์  ;D

คนที่สองบอกว่าไม่ต้องรันอินหรอก ขับไปเถอะ รถสมัยใหม่เทคโนโลยีมันไปไกลมากแล้ว รันอินเลยกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อีกอย่างถ้ารถมีข้อบกพร่องจะได้รู้เร็วๆเลยจะได้เคลมก่อนหมดประกัน  ;D

แต่อ่านตามเวปหรือตามหนังสือก็ยังมีคนถามตลอดว่าต้องรันอินไหม อิอิ  :D

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 18:58:28 »
ผมว่าถ้าเป็นรถตลาดทั่วไปก็รันอินก่อนเถอะครับ ยกเว้นซื้อพวก Ferrari ที่ประกอบมาเนี้ยบๆ ลองมาให้เสร็จแล้ว อะไรแบบนั้น *-*

ออฟไลน์ Boonchoo8

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 192
  • เมื่อใดคุณหยุดก้าว เมื่อนั้นคุณก็เริ่มถอยหลังแล้ว
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 20:26:29 »
ของใหม่ ยังไม่เคย อะไรๆมันก็ฝืดครับ ค่อยๆหน่อยก็ดี

แต่ที่เห็นคือ กว่าจะรับรถป้ายแดงออกจากศูนย์รถก็วิ่งกันเป็นร้อยโลแล้วก็มี สงสัยลืม reset  แบบนี้เรียกว่า Free Run In Service ....
แม้แต่เพชร ยังต้องเอามาเจียระไนก่อน จึงจะส่งประกายแวววาวได้
...รถก็ต้องล้าง ต้องขัด ต้องเคลือบ มันจึงจะสวย


preme123

  • บุคคลทั่วไป
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 21:34:39 »
ผมคิดว่าเอาตอย่างงี้ดีก่วา

ถ้าทนไม่กดได้ก็ run-in ไปเพื่อ safe ไว้ก่อนคับ

แต่ถ้าทนไม่ไหวก็กดไปเร่ย  ;D  เพราะยังไงก็หน้าจะ break in มาจากโรงงานแล้ว แต่เราก็มีความเสี่ยงนิสหนึงอะครับ แต่ก็ไม่มาก นะ

5555+  ;D

ออฟไลน์ boykung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,174
  • ตอนเด็กๆ โคตรอยากเป็นจีบันเลย
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 21:35:10 »
ผมว่าคนเราปกติก็ไม่ได้วิ่งกันเกิน 100 อยู่แล้วนะครับสำหรับวิ่งในเมือง ส่วนพวกขึ้นทางด่วน เกินมา120-140 อย่าไปซีเรียสครับ ขับๆไปเถอะ
Hyundai Grand Starex 2012
Kia Rio 2013
Volvo XC60 D4 Hybrid with Engine Oil 2013
Mercedes Benz S300Hybrid AMG 2014
BMW 420D Coupe M Sport 2016

ออฟไลน์ PuppyKak

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 273
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 22:13:39 »
ผมว่าควรนะครับ ของผมนี่ระบุมาในคู่มือเลย

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 06:04:52 »
อยากจะบอกว่า
ถ้า Run-in แล้วไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ก็ไม่ต้อง Run-in หรอกครับ

ที่มาที่ไปของการ Run-in เพราะเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างต่างยังใหม่
อาจจะมีเศษโลหะที่เกิดจากค่าการผลิตวัสดุที่ผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย หรือไม่ผิวโลหะไม่เกลี้ยงเกลา
ซึ่งของพวกนี้ เมื่อมันสึกออกมาก็จะตกไปรวมอยู่กับน้ำมันเครื่อง และของเหลวต่างต่าง
ถึงแม้ผ่านการใช้งานระยะ 1,000 กิโลแรกไปแล้ว เครื่องยนต์จะเข้าที่มากขึ้น ไม่ก่อให้เกิดการสึกหรอแบบนั้นแล้วก็ตาม
แต่เศษโลหะทั้งหลายก็ยังไหลวนอยู่ในระบบ ติดอยู่ที่กรองน้ำมันเครื่องบ้าง แต่พวกที่ไม่ติดก็ถูกปั๊มฉีดเข้าไปในเครื่องยนต์อีก

แล้วถ้าเราไม่ถ่ายออก จะเรียกว่า Run-in ได้อย่างไรครับ

สิ่งที่น่าคิดต่อคือ มันไม่ได้มีผลชัดเจนอะไรขนาดนั้น ไม่ใช่ว่ารถไม่รันอิน พังคาเท้าตั้งแต่ 50,000 กิโลเมตร
แต่รถที่ทำรันอินจะวิ่งใช้งานไปได้ 100,000 กิโลเมตร โดยไม่พังหรือสึกหรอ
ของแบบนี้มันเป็นเรื่องระยะยาวครับ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็รันอินไปไม่เห็นเสียหายอะไร

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 09:04:35 »
ครับ

เรื่องความเร็วทีใช้ ก็ไม่ได้เยอะหรอกครับ เพียงแต่ นิใสเดิมผมเป็นคนที่ชอบ ออกตัวแรงๆ เวลาเปลี่ยนเลน หรือจังหวะจะแซงผมจะกดคันเร่งหนักนิดนึง ทำให้รอบเครื่องจะกวาดไปที่ 4000-5000รอบเลยทีเดียว ... แต่พอต้อง RUN--IN มันทำให้กดไม่ได้หนักน่ะครับ มันต้องเลี้ยงรอบไม่ให้เกิน 3000รอบอะ  ...

ตอนนี้รถวิ่งได้ 500โลแล้ว (พยายามจะขับทุกวัน) สิ่งที่พบเลยคือ .. เบรคไม่ค่อยอยู่อะ .... นี่กระมังที่หลายท่านบอกว่า มันต้อง RUN-IN มากกว่าเครื่องยนต์ .... เวลาเบรคแล้วมันลื่นๆ ถึงแม้จะจอดติดไฟแดงอยู่ ใส่เกียร์ไว้ แล้วเหยียบเบรค บางทีเหมือนมันจะไหลไปข้างหน้าทำให้ต้องกดเบรคลงไปอีก ..... เมื่อยขาชมัด ....

กะว่า ถ้าครบ 1พันโล อาจจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องซะหน่อยล่ะครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 09:56:12 »
ขออภัยนะครับผม

นิสัย ครับ ไม่ใช่ นิใส

^_^

น้ำมันเครื่อง ไม่ต้องเปลี่ยนครับ 1 พันกิโลเมตรแรกหนะ
รถผม 1 พันกิโล แรก ก็ไม่เปลี่ยน และไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้น
อย่าเปลี่ยนให้เปลืองตังค์ และเปลืองทรัพยากรโลก รวมทั้ง เพิ่มขยะให้กับโลกโดยไม่จำเป็นเลยครับ

ออฟไลน์ Northbridge

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 751
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 10:11:42 »
จำได้ว่าคู่มือรถฮอนด้าแฟนผมมันเขียนว่า

ให้ขับเบาๆ หลีกเลี่ยงการกดคันเร่งจนสุด หรือเบรคกระทันหัน บลาๆๆๆ ในหนึ่งพันกิโลเมตรแรก

แล้วมันก็ยังเขียนย้ำไว้อีกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใน 1-2 พันกิโลเมตรแรก  8)

อืม หลายคนก็หลายแนวทาง สรุปแล้วเชื่อคู่มือดีกว่าครับ 555

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 10:38:43 »
ครับ

เรื่องความเร็วทีใช้ ก็ไม่ได้เยอะหรอกครับ เพียงแต่ นิใสเดิมผมเป็นคนที่ชอบ ออกตัวแรงๆ เวลาเปลี่ยนเลน หรือจังหวะจะแซงผมจะกดคันเร่งหนักนิดนึง ทำให้รอบเครื่องจะกวาดไปที่ 4000-5000รอบเลยทีเดียว ... แต่พอต้อง RUN--IN มันทำให้กดไม่ได้หนักน่ะครับ มันต้องเลี้ยงรอบไม่ให้เกิน 3000รอบอะ  ...

ตอนนี้รถวิ่งได้ 500โลแล้ว (พยายามจะขับทุกวัน) สิ่งที่พบเลยคือ .. เบรคไม่ค่อยอยู่อะ .... นี่กระมังที่หลายท่านบอกว่า มันต้อง RUN-IN มากกว่าเครื่องยนต์ .... เวลาเบรคแล้วมันลื่นๆ ถึงแม้จะจอดติดไฟแดงอยู่ ใส่เกียร์ไว้ แล้วเหยียบเบรค บางทีเหมือนมันจะไหลไปข้างหน้าทำให้ต้องกดเบรคลงไปอีก ..... เมื่อยขาชมัด ....

กะว่า ถ้าครบ 1พันโล อาจจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องซะหน่อยล่ะครับ


อันนี้น่าจะเป็นที่ไม่คุ้นชินกับระยะแป้นเบรกรึเปล่าครับ
ปกติรถวิ่ง 500 กิโล พ้นระยะ เบดดิ้ง-อิน ของผ้าเบรกไปแล้วครับ

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 10:57:58 »
ถ้าคุณ Jimmy ยืนยันว่าไม่ต้องเปลี่ยน ก็ไม่เปลี่ยนล่ะครับ (เชื่อผู้เชี่ยวชาญดีกว่าเนอะ ขนาดผมพิมพ์ผิดยังเห็นเลย อิอิ ) ไม่เปลืองเงินดีด้วยครับ

ส่วนเรื่องเบรค เดียวจะลองดูครับ ว่ามันยังไงกันแน่ .. เพราะผมมองที่จานเบรค มันยังดำๆ ไม่เงาออกเงินๆ เหมือนรถที่วิ่งมาเยอะๆเลย ... จริงๆมันก็เบรคอยู่ล่ะครับ แต่มันไม่รู้สึกว่าดูด เหมือนรถคันเก่า ทั้งๆที่คันเก่าเป็นรถกระบะด้วยซ้ำ ....


ออฟไลน์ FyGI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,306
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 14:15:45 »
ในความรู้สึกผม ยังงัยก็ต้องรันอินครับ ไม่ว่าจะกี่กิโลเมตรก็ตาม

เหมือนอาหาร ที่ต้องชิมก่อนปรุงเสมอ




มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย

ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,332
Re: ช่วยฟันธงให้หน่อย "รถใหม่ต้อง RUN IN หรือไม่ ??"
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 19:53:44 »
 ;D ;D ;D.........as the matter of fact on RUNNING-IN.............you could do as you wish on your virgin new car such as dragging up or rev it off over 7,000 rpm. and your engine still run OK even all of cylinder's liners already worn out !!,but it will running.
anyway if you just take it easy by gently running-in on your new engine which you might found your car would stay last longer with you.
                                                                                                             yogibear 8)