เลือกรถใช้รับส่งลูกในเมืองชั้นใน ระหว่าง Honda Jazz GK กับ Maza 2

[iKrit]

Jazz ใช้ในเมืองแดกน้ำมันมาก แต่ดูแลง่าย อะไหล่หาง่าย ราคาอะไหล่ถูก ค่าบำรุงรักษาถูก ถ้าจะซื้อเพื่อลดค่าน้ำมันก็อย่าาาาาาาาาา

[helloweentz]

ใช้ในเมือง Honda jazz GK ก็กินน้ำมัน พอควร 8 โลลิตร มีแน่

mazda 2 ใช้ในเมือง ประหยัดกว่า jazz แต่ก็ ไม่มากเท่าไหร่ ประมาณ 9-10 โลลิตร

ลองหา toyota altis ติดแก๊ส หรือ avenza ติดแก๊ส  ประหยัดแน่นอน ทนสุดๆ

[MyName]

จากที่ใช้ 2D อยู่

หนีป๊ายยยยย!!

รถใช้ในเมืองกินน้ำมันน้อยก็จริง เจอรถติดๆ ขับให้ติดยังไงก็ยังมีตัวเลข 15 km/l ให้เห็น
ถ้าได้ทางขับเรื่อยๆ หน่อยก็ขึ้น 17+ ง่ายๆ
แต่… สิ่งที่คุณต้องแลกมาคือค่าบำรุงรักษาครับ ใช้จริงเจ็บจริงไม่อิงคำพูดใคร
- ค่าเช็คระยะที่ก็มากกว่ารถเบนซินทั่วไปเพราะปริมาตรน้ำมันเครื่องใช้จำนวนลิตรมากกว่า กรองโซล่าเปลี่ยนระยะถี่กว่า (30,000 km) ยังไม่รวมค่าแรงที่แบรนด์ขูดกันมาหลายปีแต่ก็ยังว่าดีกันอยู่ได้
- ค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนที่ต้องการดูแลพิเศษอย่าง i-Eloop , DPF ยิ่งรถใช้ในเมืองแบบนี้ DPF สร้างปัญหาแน่ และถ้าคิดจะปิดระบบตัดอุดจูนทั้งหลาย พวกนี้ก็มีค่าใช้จ่ายไม่น้อย และไม้ได้การันตีระยะยาวว่าปัญหาจะจบจริง ไม่จบก็มี
- นี่ยังไม่รวมค่าบำรุงรักษาตัวรถที่ไม่เกี่ยวข้องกับขุมพลังอย่างพวกช่วงล่างมานะ รถผม 7 ปีกว่า 160,000 km ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ อะไหล่ช่วงล่างทยอยเสียกันแบบไม่ได้พัก โช๊ค , ลูกปืนล้อ ล่าสุดก็ลูกหมากกันโคลง กดเครื่องคิดเลขรวมค่าใช้จ่ายแล้วก็กระอักเลือดอยู่ขนาดบางตัวหาของข้างนอกแทนแล้ว

สรุป ถ้าจะหารถที่เซฟค่าใช้จ่ายลงจากคันเดิม 2D ไม่ใช่ตัวเลือกนั้นแน่นอนครับ

[gundam126]

ใช้JAZZ GKอยู่ ในเมืองรถติดหนัก เคยได้ต่ำสุด8กม./ลิตร เฉลี่ยคือ10-13กม./ลิตร
ข้อดี คือ ห้องโดยสารโปร่ง ขับง่าย มุดง่าย กระจกรอบคันบานใหญ่สะใจ มองเห็นทุกมุม การปรับเบาะหลังที่หลากหลาย ทำให้เหมาะกับการขนของชิ้นใหญ่ ผมไปซื้อTV60นิ้ว มันขนได้ซะงั้น รถผมใช้มา7ปี เพิ่งโดนชนมาอัดจนหน้าและท้ายยับ หน้าก็เปลี่ยนพวกไฟหน้า คานหน้า หม้อน้ำ กระจังหน้า ฝากระโปรงหน้า ส่วนท้ายก็เปลี่ยนพวกฝาท้าย กันชน  ไฟท้าย กันชนท้าย กระจกหลัง สเกิร์ตหลัง เชื่อไหมว่าอะไหล่มีเพียบทั้งเบิกศูนย์หรือของเทียบ อู่ไปทำเรื่องเอาอะไหล่มาให้ได้ครบภายใน1สัปดาห์(ผมมีประกันชั้น1อู่) เปลี่ยนเสร็จพร้อมเช็คดีเฟคที่ต้องแก้รวมเวลาประมาณ2สัปดาห์นิดๆ ดังนั้นอะไหล่จึงมีเพียบ เช็คราคาใบเบิกที่อู่ทำเรื่องเบิกประกัน ราคาอะไหล่ก็ไม่ได้แพงครับ

ข้อเสีย คือ รถรุ่นนี้มันมีสนิม เป็นJAZZสนิม คันผมสนิมขึ้นตรงบานพับต่างๆและจุดยึดน็อต เหล็กใต้ท้องรถ และจุดที่โดนเศษหินปลิวกระแทกระหว่างขับ สีรถของJAZZมันบางมาก จุดที่โดนหินจะทำให้สีหลุดและเกิดสนิมขึ้นได้ง่ายครับ อยากให้เช็คดูดีๆก่อนซื้อเรื่องสนิม และ เรื่องคุณภาพงานประกอบที่ห่วย คุณอาจต้องทำใจถ้าระหว่างขับมันมีเสียงเหมือนพลาสติกประกอบไม่แน่นแล้วมันเสียดสีกัน ถ้าหาจุดกำเนิดเสียงเจอ ก็ดันๆทุบๆมันหน่อย เดี๋ยวมันก็เงียบครับ

การขับขี่ ข้อดี ขับในเมืองค่อนข้างดีเลย พวงมาลับเบา ขับง่าย พวงมาลัยมีระยะฟรีนิดเดียว ไม่ได้คมขนาดนั้น ช่วงล่างด้านหลังจะตึงตังและรู้สึกว่ามันกระเด้งเมื่อเจอลูกระนาด แต่ถ้ามันมีคนนั่ง ท้ายรถมีน้ำหนัก มันจะนิ่งขึ้นแบบสังเกตุได้
           ข้อเสีย ขับทางไกล พวงมาลัยเบา แทบไม่ต่างจากตอนขับในเมือง ทำให้ต้องจับพวงมาลัยไว้ตลอด เพราะมันเก็บทุกรอยต่อ ถ้าเจอถนนมีคลื่น มันสั่นมาถึงพวงมาลัยไปด้วยครับ เสียงลมเริ่มเข้ารถมาตั้งแต่ความเร็วที่80 คันผมเป็นตัวรองTOP แก้มยางจะเตี้ยทำให้รถถ้าตกหลุมลึกสักหน่อย ยางแตกได้(เจอมาแล้ว)

ราคาที่ต้องจ่ายเมื่อเข้าศูนย์บริการตามรอบเช็ค ถ้ายึดตามเว็บHONDAที่แจ้งไว้ไม่แพง แต่ศูนย์มันชอบยัดรายการนั่นนี่มาให้ตลอด คุณต้องตัดออกเองทุกครั้งครับ ยัดมาบางทีจนราคาเข้าศูนย์เกือบ8,000บาท ผมต้องตัดออกเองจนน่าหงุดหงิดใจทุกครั้ง จนเหลือจ่ายจริงประมาณไม่เกิน3,000บาท ผมจำไม่ได้ว่ามันจะมีรอบเข้าศูนย์เลขคู่หรือเลขคี่ ที่มันจะทำให้มีการจ่ายเยอะกว่าปกติจากอีกรอบครับ
ปล.ผมมีมาสด้า3ด้วย ค่าแรงช่างHONDAถูกกว่าMAZDAพอสมควรนะครับ ทำให้ราคาอะไหล่+ค่าแรงก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นขนาดนั้นจนเราเอะใจว่า เฮ้ย ค่าแรงแพงจัง

[NoName__???]

ยุโรปเก่า ดูตรงลายเซนต์  250 CDI น่าจะประหยัดพอๆกับ Eco car เผลอๆดีกว่าอีก

[Sommerดอยแม่สลอง]

ถ้าให้เลือกระหว่าง Honda Jazz รุ่นปี 2015-2019 กับ Mazda2 XD

ผมไป Honda Jazz ดีกว่าครับ ขนของได้เยอะกว่า ภายในกว้างกว่า นั่งสบายกว่า แม้บริการหลังการขายสู้ Toyota ไม่ได้ แต่กลับสู้ Mazda ได้ ปล. Honda Jazz รุ่นนี้ เติม E85 ได้ ตั้งแต่รุ่นถูกสุดเลยครับ

Mazda2 XD ผมไม่เลือกแน่นอน เพราะ มีDPF=ไม่เหมาะกับวิ่งในเมือง ถ้าวิ่งในเมืองตลอด แล้วเกิด DPF ตัน ต้องเสียเวลาวิ่ง Highway เพื่อเผาเขม่า DPF จนเกลี้ยง แถมสิ้นเปลืองน้ำมัน เพื่อเผาเขม่า DPF