ผู้เขียน หัวข้อ: อนาคตรถกระบะในไทย  (อ่าน 2193 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sommerดอยแม่สลอง

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 192
    • อีเมล์
อนาคตรถกระบะในไทย
« เมื่อ: ธันวาคม 22, 2023, 16:19:08 »
อีกไม่นานหลังจาก Happy New Year 2024 น้ำมันเบนซิน ดีเซลทุกชนิด ทุกปั๊ม ต้องผ่านมาตรฐาน EURO5 ขั้นต่ำ

ประเด็นสำหรับเรื่องนี้ก็คือ เมื่อน้ำมันดีเซลเป็น EURO5 กระบะทุกชนิดต้องติดตั้ง DPF เพื่อผ่านมาตรฐาน EURO5 แต่ว่า AdBlue จะติดตั้งในกระบะทุกรุ่นด้วยหรือไม่ (เพราะ Mitsubishi Triton JDM โฉมล่าสุดนอกจากมี DPF แล้ว มี AdBlue มาด้วย…..)



ปล. ถ้าใครซื้อกระบะดีเซลโฉมปี 2024 เป็นต้นไป รับรอง ถอด DPF กันกระจายแน่ๆเลย (น่าจะควรออก กม. ให้ตรวจเช็คสภาพรถดีเซลทุกๆปี (ใครถอด DPF = ผิดกฎหมาย) นับตั้งแต่วันออกรถใหม่ เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ทั้งประเทศ) และรถบรรทุกยักษ์ๆทั้งหลายผลิตตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ควรใส่ DPF แล้วครับ
2019 Mercedes-Benz CLS300d AMG Premium
2024 ORA Good Cat GT

ออฟไลน์ Weetting

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,970
  • ช่วงล่าง+เครื่องยนต์
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2023, 16:58:35 »
ประเทศไหนบังคับใช้แล้วหว่า​ euro5.
พูดเฉพาะดีเซลละกันครับ
แค่​Euro4.รถที่วิ่งข้ามแดนยังมีปัญหาเรื่องน้ำมันเลยครับ​ปั๊มเพื่อนบ้าน​ หา​euro 4 ยากกว่า

เครื่องดีเซลรถกระบะบ้านเราเกือบทุกค่าย​ euro5ครับ​  แต่ทุกค่าย​ ค่าบำรุงรักษา​แพงขึ้น​

Adblue นี่ค่อนข้างวิเศษ​ ลดค่ามลพิษบางตัวได้เกือบ​ 50%   

และเอาจริงๆรัฐควรมองว่า​ช่วยประเทศควรมีสิทธิทางภาษีที่จูงใจครับ

ที​EV.ยังมีอ้างว่าลดมลภาวะ​ euro5​ดีเซลก็ควรมีนะ
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2023, 17:56:33 »
DPF  จะมีอะไรจุกจิกและบำรุงรักษาแพงขึ้นไหมนะ   เห็นรถยุโรปดีเซลซ่อม  หรือ Mazda  เจอ DPF  เข้าไปไม่กล้าใช้ละ
   ถ้าให้เติม Adblue  อีก ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย สำคัญ  ผมคนนึงไม่อยากใช้เพราะแพงเกินเหตุ 

ออนไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,953
    • อีเมล์
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2023, 17:58:29 »
ไม่รู้ผมเข้าใจถูกไหมนะครับ คือ euro5 เนี่ย ถ้ารถคันไหนได้มาตราฐานนี้ ก็จะเสียภาษีน้อยลง ส่วนใครไม่ถึงก็จะเสียภาษีอีกเรทที่แพงกว่า และคิดว่าเค้าไม่ได้บังคับนะครับ

อย่างมาสด้า CX5 ที่เค้าทำออกมาเป็น euro5 โดยมี DPF แต่พอมาเจอปัญหาน้ำดันที่โด่งดัง ตัวล่าสุดเค้าก็ปรับลดตัวเองเป็น euro4 แทนและปรับการทำงานของ DPF ลง

ส่วนกระบะก็คิดว่า คงไม่บังคับหรอกครับ ค่ายไหนผ่าน euro5 ก็จะเสียภาษีน้อยลง ขายราคาเดิม กำไรก็อาจเพิ่มขึ้น ส่วนใครไม่ถึงก็เสียภาษีเรทเดิม น่าจะมีแค่นี้แหละ

ออฟไลน์ Zephyrs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 913
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2023, 19:00:08 »
เขาผ่านกฎหมายแล้วหนิว่าเป็น Euro 5 แต่หมายถึง "รถที่จะผลิตในปี 2024 เป็นต้นไป"
อย่างไอ Terra อันนั้นเครื่องมันยังไม่ผ่าน แต่เขาผลิตไว้ล้นสต๊อคก็เลยให้ขายต่อได้เรื่อยๆ (Euro 4 มั้งอันนั้น)

เรื่องต้องเติม Adblue คือนู่นเลย Euro 6 อ้างอิงจากของโตโยต้า uk เขา
https://mag.toyota.co.uk/what-is-adblue-and-why-do-we-use-it/
ส่วนของ Euro 5 จะใช้เป็น DPF แทน
https://mag.toyota.co.uk/toyota-dpf-regeneration/
"European legislation places strict exhaust emissions targets on all vehicle manufacturers. From September 2009, the Euro 5 legislative standard came into effect, part of which required all diesel cars registered from that point on to be equipped with a diesel particulate filter, or DPF."

ส่วนเรื่องน้ำมันคิดว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ผู้ผลิตเดี๋ยวนี้เหลือไม่กี่เจ้าในไทย โรงกลั่นก็เหลือแค่ไม่กี่โรง จิ้มเลขเซ็ตกันใน Control Room
รันเอา Sample ออกมาสักหน่อยก็น่าจะไป Euro 5 ได้แล้ว

ออฟไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,737
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2023, 19:29:38 »
รถกระบะ ต้นทุนอาจสูงขึ้นครับ หรืออาจหักลบภาษีได้บ้าง
เรื่องคนใช้รถ ไม่ค่อยกังวลครับ
ถ้าเน้นใช้งาน วิ่งงาน ผมว่าคงจูนเสียบคอมตัดระบบออกได้ เหมือนกับพวก EGR นั้นแหละ

ตอนตรวจสภาพ ก็ไม่ได้เชครถละเอียดขนาดมาเชคว่าค่าไอเสียมันต่างจากเดิมไหม...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 22, 2023, 21:48:15 โดย เนื้อน่องไม่หนัง »

ออฟไลน์ อีกนิดก็แรง

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 972
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2023, 21:34:54 »
ดีครับ ยิ่งไป euro 6 ได้เลยยิ่งดี รถที่มีแอดบลูนี่ไอเสียไม่เหม็นเลยนะครับ เทียบ c300 กับกระบะส่งของที่บ้าน และยิ่งเห็นชัดกับกระบะส่งควันดำแต่งซิ่ง (lalamove, lazada, kerry)
ซึ่งน้ำยาแอดบลูเดียวนี้ถูกมาก เมื่อก่อนเติม 0 เบนซ์ลิตรละ 200 มาเติมข้างนอก 50 บาท เติม 1 ลิตร = ระยะวิ่ง 1,000km กล่าวคือ ทุกๆ 10,000 km ค่า adblue 500 บาท

ที่น่ากลัวคือตอนระบบมันพัง ค่าซ่อมมันหลายหมื่น

ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,333
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2023, 10:32:44 »
 8) 8) 8)......แหม ผมเห็นจั่วหัวไว้มองเห็นอนาคตกระบะไทยไว้ซะหลูเฟ่เลย  ไหงย้อนกลับไปคุยกันเรื่องดีเซล จะเติม AdBlue ที่ยุโรปเขาใช้มานานจนเลิกกันไป หันไปใช้ DPF เกือบทุกรุ่นดีเซลแล้ว

นึกว่าเราจะไปถึงกระบะ EV pick up truck กันได้ซะที ทั่วโลกเขาให้ปี 2030 จบ ICE กันหมดแล้ว อย่าไปเดินตามญี่ปุ่นกันอยู่เลย เขากลับตัวช้าเลยจะดึงหาเพื่อนเดินถอยหลังแบบตัวเองไปด้วย อย่าไปให้ความสนใจญี่ปุ่นมากนัก !   :-X

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2023, 07:48:06 »
ผมกลับมองข้าม เกินadblue ไป
คิดว่า ถ้าจีน ทำรถกระบะไฟฟ้า วิ่งไกล ราคาถูก ชาร์ทเร็ว นี่อาจจะค่อยๆdisrupt กระบะดีเซลไปเลย
เพราะ ต้นทุน ต่อ กม ถูกกว่า

ออฟไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,737
Re: อนาคตรถกระบะในไทย
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2023, 10:54:35 »
ผมกลับมองข้าม เกินadblue ไป
คิดว่า ถ้าจีน ทำรถกระบะไฟฟ้า วิ่งไกล ราคาถูก ชาร์ทเร็ว นี่อาจจะค่อยๆdisrupt กระบะดีเซลไปเลย
เพราะ ต้นทุน ต่อ กม ถูกกว่า

อันนี้น่าสนใจครับ ถ้ากระบะส่งของที่วิ่งวันละ 400km เปลี่ยนเป็นไฟฟ้าได้ ประหยัดค่าเชื้อเพลิงไปเลย km ละบาท
หรือเดือนละหมื่น..
แต่ชนมาที ถ้าถึงแบตก็จบกันเลย...


8) 8) 8)......แหม ผมเห็นจั่วหัวไว้มองเห็นอนาคตกระบะไทยไว้ซะหลูเฟ่เลย  ไหงย้อนกลับไปคุยกันเรื่องดีเซล จะเติม AdBlue ที่ยุโรปเขาใช้มานานจนเลิกกันไป หันไปใช้ DPF เกือบทุกรุ่นดีเซลแล้ว

นึกว่าเราจะไปถึงกระบะ EV pick up truck กันได้ซะที ทั่วโลกเขาให้ปี 2030 จบ ICE กันหมดแล้ว อย่าไปเดินตามญี่ปุ่นกันอยู่เลย เขากลับตัวช้าเลยจะดึงหาเพื่อนเดินถอยหลังแบบตัวเองไปด้วย อย่าไปให้ความสนใจญี่ปุ่นมากนัก !   :-X
กระบะไทยหลักๆวิ่งงานครับ อาจมีส่วนน้อยที่เป็น 4 ประตู หรือใช้งานส่วนตัว
ถ้าวิ่งส่งของ มันก็ต้องดูความน่าเชื่อถือของตัวรถ รถเสียกลางทาง ส่งของไม่ทันบางทีมันไม่คุ้มกัน แอร์ไม่เยนไม่เปนไร แต่ต้องวิ่งไปแล้วกลับมาได้
ถ้ากระบะ ev จีนมาก็ต้องทำส่วนนี้ให้ได้ก่อนครับ... MG EXTENDER ก็ไม่ได้ทำได้ดีขนาดนั้น(หรือผมอาจไปสิงในกลุ่มที่ bias มากไป)...
ถ้าทำได้ดี ผู้ประกอบการมั่นใจ ประหยัดค่าใ้ชจ่ายได้ ยังไงก็คงปัง