ผู้เขียน หัวข้อ: รถ EV พวกTesla, Byd ฯ ที่อัตราเร่งดี แล้วเบรคดีไหมครับเทียบBenz Bmw Audi ตัวพวก ICE  (อ่าน 3356 ครั้ง)

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,368
ถ้าเทียบกับพวก Benz Audi Bmw เครื่อง ICE พวก 150-250 แรงม้า  อัตราเร่งไม่ได้ดีกว่า Tesla Byd. แต่ top speed พวกเยอรมันมักจะ 230 up ทั้งนั้น

แต่พวก EV Tesla Byd top speed ไม่สูง แต่เร่งที ยังกับวาร์ป

ตอนพัฒนารถ  สเป็กเบรค(ระยะเบรค) เคสไหนจะทำได้ดีกว่ากันครับ 
1. Premium German ICE
2. EV ที่แรงหน่อย พวก 0-100 ระดับไม่เกิน 6-7 วิ

ตกลงอันไหนเบรคดีกว่ากันใคร  สายมุดๆ  หรือจี้ตูด อันไหนเบรคหนึบกว่า 

ปล.  เคยขับเยอรมันทั้ง 3 ค่ายเบรคผมว่าก็ดีหมด  ถ้าเหยียบไปแบบ 60 70%  แล้ว  แต่เหยียบเพิ่ม  มันจะมีก็อก2   แบบหน่วงเพิ่มขึ้นอย่างเยอะเลยทำให้มุดแล้วเบรค late (ให้ไม่ปาด+กันคันหลังด่า) ก็เอาอยู่แบบไม่ได้เสียวนัก  แต่พวกรถญี่ปุ่น  ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าครับ

ปล.  เห็นรถ EV จีนบางค่ายเล่นยางเกรดต่ำ หรือกลาง หรือ eco เลย  มันจะเบรคหนึบๆ ไหวเหรอครับ  ขนาดผมเคยลองยาง eco  เบรคทีไหลมากเลย  สู้ยาง sport ไม่ได้ ชัดๆ เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2023, 14:46:14 โดย bingoman »

ออฟไลน์ Carbon Neutral

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 32
ถ้าเป็นรถทั่วๆไปอย่าง m3p หรือ seal per เบรคมันเป็นหน้า 4 หลัง 2  ก็ประมาณ brembo ทองซูบารุอ่ะครับ แต่ผมว่าพวก ev น่าจะเบรคดีกว่าเพราะมี kers ช่วยด้วย

ออฟไลน์ Zephyrs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 913
คือต้องเข้าใจว่า การทำรถ EV มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ ICE คือ Budget มันมีเท่าไหนก็ทำได้เท่านั้น

เรื่องแรงของ EV เป็นในเชิงของแรงบิด ซึ่งเป็นธรรมชาติของรถไฟฟ้าอยู่แล้วที่พลังงานมัน instant (ทันที) ไม่ใช่รอรอบแบบรถ ice ซึ่งแรงบิดตรงนี้ไม่ใช่เจตนาของคนผลิตเลย สมมติถ้าเขาเลือกกันได้ก็คงไม่ทำให้รถไฟฟ้าเหยียบทีดึงหน้าแหกขนาดนั้น

ทีนี้เรื่องเบรคกับยางเขาก็โดนลิมิตด้วยต้นทุน ซึ่งโดนไปแล้วทั้งเรื่องค่าแบตและค่ามอเตอร์ ไอที่เหลือก็ต้องหารทั้งเทคโนโลยีแก๊ดเจทในรถ ช่วงล่าง เบรค ยาง รวมถึง overall เกรดวัสดุที่ใช้

ซึ่งยางและเบรคเนี่ย เขาทำมาให้ใช้แบบ "ทั่วไป" คือไม่ใช่ให้คุณซัดเป็น WRX มาเหยียบเบรค 170 ถึง 0 ได้เป็นเซรามิค หรือยางเกาะเป็น Pilot Sport 3 อะไรแบบนั้น คือต้นทุนมันไม่ได้
รถแบตมันดีตรงที่ CG มันต่ำแล้วน้ำหนักถ่วงมันเยอะกว่า การมุุดมันเลยดีกว่ารถน้ำมัน "คลาสเดียวกัน" เช่นถ้าให้ผมเลือก Atto3 vs March/Swift ผมก็ไป Atto3 ถ้าต้องมุด อย่างน้อยๆแรงก็มีมากกว่า บาลานซ์ก็ไม่ได้แย่นัก มีน้ำหนักช่วงถ่วงอยู่ + ระบบ KERS ช่วยบ้าง

ฉะนั้นแล้วสำหรับคำถามของจขกท
ยังไงพวกรถเยอรมันก็อุ่นใจกว่าครับ อย่างที่ย้ำไปหลายๆครั้งด้านบน คือต้นทุนมีผลมากๆ

ปล. เอาง่ายๆ ไม่ต้องเทียบรถจีนหรือ ev ก็ได้ คุณเห็นพวกบทชีวืตหนักหนาแต่ละตัวๆเนี่ย คุณว่ามันลงเงินกับเบรคและยางเท่าไหนกัน แล้วเบรคแต่ละทีทันที่ไหนล่ะ นั่นแหละ EV จีนตัวถูกๆก็คล้ายกันเลย แค่ว่าไม่ได้พ่นควันหมึกขนาดนั้น
เจตนาผู้ผลิตทั้งคู่เขาไม่ได้เผื่อขนาดนั้น แต่ผู้ใช้เอาไปใช้ผิดๆเอง มันก็เลยเป็นแบบนั้น

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,368
ถ้าเป็นรถทั่วๆไปอย่าง m3p หรือ seal per เบรคมันเป็นหน้า 4 หลัง 2  ก็ประมาณ brembo ทองซูบารุอ่ะครับ แต่ผมว่าพวก ev น่าจะเบรคดีกว่าเพราะมี kers ช่วยด้วย

พวกเยอรมันก็มี brake energy recuperation นะครับ  เอามาชาร์จแบตสำหรับตอน idle stop

แต่การหน่วง ไม่ได้ปรับได้ และไม่ได้หน่วงหนักมากๆ แบบ hybrid/ev

แต่รถ hybrid หลายๆ คัน ผมกลับรู้สึกว่าเบรคแย่ลงนะครับ ทางด้าน feeling. แต่ระยะเบรคก็ผ่านมาตรฐานอยู่แล้ว

ออฟไลน์ Spada_Valess

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 749
    • อีเมล์
จากที่ผมขับตอนเดิมๆทั้งคู่ f30 330e vs seal performance เบรค seal per ดีกว่าครับ

ออฟไลน์ sk-non

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 500
ev ยกเท้า ไฟไม่เข้า มอเตอร์หมดแรง
ไฟรีเจนขึ้น ชาร์จกลับ ครับ
ผมดูโพสคนทีมียุโรป 530e taycan 4s แล้วซื้อ seal อีกคัน
บอกว่าขับดีกว่า seal
แต่บางคนก็บอกว่าต้องเอา seal ไปทำช่วงล่าง
ของเดิมๆ ไม่ดีครับ

ออฟไลน์ Ex_machina

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 721


Max TV เทส BYD seal ไว้ 100-0 ได้ระยะ 36m
ลองเทียบรถยุโรปดูครับ

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,953
    • อีเมล์
ไม่รู้ว่าเบรคใครดีกว่า ..แต่ที่เห็นคนที่แต่งๆกันรถผมยังไม่ค่อยเห็นมีเปลี่ยนเบรค tesla เลยนะ ทำกันก็เห็นมีแต่ล้อ ยาง โช็ค ที่เปลี่ยนเบรคส่วนใหญ่ก็คนที่แต่งโชว์แต่งสุดกัน

โดยส่วนตัวคิดว่าคงเพียงพอแหละ รีวิวที่เคยดูก็ไม่ค่อยมีใครบอกว่าเบรคเอาไม่อยู่นะ


ออฟไลน์ Left lane driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 701
เห็นที่ข่อง carwow ลงล่าสุด
Seal เบรคดีกว่า Model3 อีก



ก่อนหน้านี้ carwow ก็เคยเอา Model S Plaid มาทดสอบ
มีเบรคหนักๆ 2-3 ทีตอนทำ 1/4 mile (ไม่ใช่ตอนทดสอบเบรค)
ปรากฏว่าเบรคขึ้นเตือนว่า overheat



Max TV เทส BYD seal ไว้ 100-0 ได้ระยะ 36m
ลองเทียบรถยุโรปดูครับ
เสริมข้อมูลให้อีกนิดนึงคือ พวกรถญี่ปุ่นบ้านๆ B-seg C-seg D-seg
Max TV เทสเบรคได้ประมาณ 35 ถึงเกือบๆ 40 เมตร
ก็ถือว่า Seal เบรคไม่ได้แย่ เมื่อเทียบกับรถทั่วๆไป
แต่รถยุโรปผมหาที่เขาเทสไม่เจอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2023, 22:52:10 โดย Left lane driver »

ออฟไลน์ อีกนิดก็แรง

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 972
รถยุโรปผมว่าแล้วแต่รุ่นเหมือนกัน อย่าง เบนซ์รุ่นปี 2015 สมัยอัด option เต็มๆ พวกตัวท๊อปๆ ได้เบรคโต+จานเซาะร่อง พวกนั้นขับมา 150+ ส่วนตัวผมว่าเอาอยู่ แต่ความเร็วต่ำกะระยะยาก เบรคลึกหน่อยนี่หัวทิ่ม ส่วน bmw ถ้าไม่ใช้เบรคพวก m sport สีฟ้า หรือ สีแดง ความเร็วต่ำเบรคดีมาก แต่ 150+ เอาไม่อยู่ ส่วนเทสล่าผมใช้ model y ถ้าขับจี้ๆ แล้วไปเบรค รถเอาอยู่ แต่ความรู้สึกเหมือนเอาไม่อยู่ มันเหมือนเบรคกดไม่ลง แล้วความเร็วไม่ลด ส่วนรถไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ไม่มีความเห็นครับไม่เคยลอง

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
tesla byd หาบททดสอบโหดๆ เจอยากคร้บ เลยตอบไม่ได้  แต่เคยเห็นคลิบ ผ่านๆ เหมือน tesla hihg landขับดีกว่า bydนะครับ
โดยส่วนคิดว่าคงขึ้น กับการจูน กับยางที่ใช้มากกว่าครับ รถไฟฟ้า ศูนย์ถ่วงต่ำก็จริง แต่น้ำหนักก็เยอะไปด้วย บางคันเน้นระยะทางก็ใช้ยางแรงเสียดทานต่ำ ทำให้เลี้ยวไม่คม ระยะเบรคไม่ได้
แต่ถ้าจูนดีๆ ใช้ยางดีๆ อย่าง taycan เท่าที่อ่านรีวิวก็เบรคดีมาก เมื่อใช้งานทั่วไป
อีกตัวที่ เป็นม้ามืด และน่าจะตอบโจทย์ จขกท คือ hyndai ioniq 5n ตัวนี้ สื่อบอกเป็น รฟฟ ที่ขับมันส์ที่สุด น่าจะตอบโจทย์ จขกท นะครับ

ออฟไลน์ ติ่งมาเต็ม

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 198
W213 e220d AMG Dynamic vs ฺ BYD Seal Long Range

เบรค MB ดีกว่าทุกย่านความเร็วครับ

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,226
    • อีเมล์
มันต่างกันในบางมุม ครับ

ยางเดิม รถ BEV มันเป็นยางที่เน้นการเสียดทานน้อย(แรงฉุด) เพื่อให้ระยะวิ่งดี มันก็แปรผันตรงกับระยะเบรค ไม่ใช่เบรคไม่ดี แต่ระยะเบรคจะยาวหน่อย(ถ้าเทียบกับแรงม้า)

จากของที่ใส่ ปั้มเบรค คาลิเปอร์เบรค มันใหญ่ไม่ได้แพ้รถยุโรปเลย แต่ขอเสียเปรียบของ BEV คือ น้ำหนัก (ถ้าเทียบกับ BEV ยุโรป ก็อาจจะผลลัพธ์อีกแบบนะ)

คุณเอารถน้ำหนัก 2 ตันกว่า เทียบกับ รถที่เบากว่า แล้ว มาเทียบระยะเบรค มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อย make sense เท่าไหร่

เดี๋ยวผมหาผลทดสอบมาแปะให้อีกทีครับ ถ้าอยากรู้

ปล.ผมก็ยังงงๆ ว่าทำไมต้องเทียบกับยุโรป ในเมื่อมันราคาพอๆ รถญี่ปุ่น แต่ไม่เทียบกับรถญี่ปุ่น หรือ รถ ICE ราคาพอๆ กัน

ออฟไลน์ Left lane driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 701
ลองดูที่เว็ป Car and Driver ทดสอบ 70-0 mph ก็ได้ครับ

https://www.caranddriver.com/

ตรงด้านบนให้กด Makes & Models แล้วเลือกยี่ห้อกับรุ่น
จากนั้นเลื่อนไปล่างๆ ตรง Specifications ให้กด expand
แล้วดูตรง C/D TEST RESULTS จะมีระยะเบรคเป็นหน่วยฟุตที่ทดสอบไว้อยู่

ผมสุ่มยกผลมาบางรุ่นละกัน (สีเหลือง=รถไฟฟ้า)

127 ft Chevrolet Corvette ZR1 (ระยะเบรคสั้นสุดที่เคยทดสอบได้)
147 ft Tesla Model 3 Dual Motor Performance
149 ft Audi A4 45 TFSI Quattro
150 ft Tesla Model S Plaid
151 ft Mercedes-AMG C63 S Coupe
153 ft Honda Civic Type R
153 ft BMW M3 Competition xDrive
154 ft Tesla Model Y Performance
154 ft Mercedes-Benz C300 4Matic
154 ft BMW i4 M50
155 ft Porsche Taycan Turbo S
156 ft Toyota Camry TRD
157 ft BMW M340i xDrive
157 ft Audi RS e-tron GT
158 ft BMW iX xDrive50
159 ft Rolls-Royce Cullinan
159 ft Bugatti Chiron Super Sport
159 ft Kia EV6 GT
160 ft BMW M3
161 ft Mazda CX-50
161 ft Tesla Model Y Long Range
164 ft Mazda6 Turbo Carbon Edition
165 ft BMW 330i xDrive
166 ft Polestar 2 Plus
167 ft Toyota GR Corolla Circuit
167 ft Lucid Air Touring
167 ft Mercedes-Benz EQS450+
168 ft Kia EV6 Long Range RWD
168 ft Hyundai Ioniq 6 SE Long Range
168 ft Nissan Ariya Empower
169 ft Mazda 3 Turbo AWD
169 ft BMW i4 eDrive40
171 ft Volvo XC40 Recharge P8 AWD
172 ft Tesla Model 3 Long Range
172 ft Toyota Corolla Cross XLE AWD
173 ft Nissan Versa SR (Almera บ้านเรา)
173 ft Volvo XC40
173 ft Honda Accord Touring Hybrid
174 ft Honda Civic Touring
174 ft Toyota Corolla sedan
174 ft Toyota bZ4X Limited AWD
176 ft Toyota Camry SE AWD
177 ft Mercedes-Benz EQS580 4Matic
178 ft Volvo S60 Recharge
179 ft Hyundai Ioniq 5 AWD
180 ft Ford F-150 Lightning Platinum
181 ft Toyota Corolla Hybrid SE AWD
181 ft VinFast VF8 Plus City Edition
184 ft Honda Accord EX
190 ft Nissan Leaf SV Plus
193 ft Lucid Air Grand Touring
203 ft Ford F-150 Lariat Powerboost
214 ft Ford F-150 Raptor

------------------------------

ส่วนคลิปข้างล่างนี้เป็นข้อมูลเสริมเกี่ยวกับระยะการเบรคครับ



สรุปให้ก็คือมันอยู่ที่ยางเป็นหลักครับ
น้ำหนักตัวรถไม่ได้มีผลมากอย่างที่เราคิด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 24, 2023, 23:36:34 โดย Left lane driver »

ออฟไลน์ Steve_Davis

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 114
ก่อนอ่านกระทู้นี้เข้าใจว่า ev น่าจะเบรคแย่กว่าเพราะรถหนักกว่า
แต่เอาจริงๆ จากตัวเลขก็ไม่ได้แย่มาก เดี๋ยวจะหาเวลาไปลอง model y สักหน่อยครับ 5555

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
ระยะเบรคไม่ได้ต่างกันมากครับ แต่ว่ารถ EV ตอนเบรคหยุดสนิท ฟีลลิ่งนุ่มนวลมาก หัวไม่ทิ่มเหมือนรถ ICE

ออฟไลน์ Sommerดอยแม่สลอง

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 196
    • อีเมล์
รถ EV ที่ระยะเบรคจาก 100-0km/h สั้นที่สุด ยกให้กับ Tesla
2019 Mercedes-Benz CLS300d AMG Premium
2024 ORA Good Cat GT

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
เห็นที่ข่อง carwow ลงล่าสุด
Seal เบรคดีกว่า Model3 อีก



ก่อนหน้านี้ carwow ก็เคยเอา Model S Plaid มาทดสอบ
มีเบรคหนักๆ 2-3 ทีตอนทำ 1/4 mile (ไม่ใช่ตอนทดสอบเบรค)
ปรากฏว่าเบรคขึ้นเตือนว่า overheat



Max TV เทส BYD seal ไว้ 100-0 ได้ระยะ 36m
ลองเทียบรถยุโรปดูครับ
เสริมข้อมูลให้อีกนิดนึงคือ พวกรถญี่ปุ่นบ้านๆ B-seg C-seg D-seg
Max TV เทสเบรคได้ประมาณ 35 ถึงเกือบๆ 40 เมตร
ก็ถือว่า Seal เบรคไม่ได้แย่ เมื่อเทียบกับรถทั่วๆไป
แต่รถยุโรปผมหาที่เขาเทสไม่เจอ

เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกว่ารจีนตั้งใจทำตลาดจริงๆครับ เห็นตั้งแต่เรื่องวัสดุที่ดีกว่ารถญี่ปุ่นระดับเดียวกันแล้ว เรื่องเบรคก็ทำได้เท่ารถญี่ปุ่นทั้งๆที่รถไฟฟ้าน้ำหนักตัวมากกว่าอีก มันช่วยยกมาตรฐานยานยนต์ในตลาดดี ต่อไปถ้ารถญี่ปุ่นใช้วัสดุที่ห่วยกว่ารถจีนมันก็เหมือนเป็นครว่าขายมานานกว่าเค้าแต่ลดต้นทุนน่าเกลียด
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ rokrok

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 380
เบรคดีต้องแยกว่า หมายถึง ฟิลลิ่งเบรกดี หรือ เบรกแล้วหยุดสั้นจริงๆ หรือเบรกแล้วรู้สึกปลอดภัยไม่เสียว
เพราะรถบางคันเบรกแล้วโคดน่ากลัว แต่ดันหยุดอยู่พอๆกะรถแพงๆ ก็เป็นไปได้

เบรกฉุกเฉินทางตรงๆ กดเต็มตีน มันขึ้นอยู่กะยาง + น้ำหนัก + การกระจายน้ำหนักเป็นหลักเลยนะครับ

เพราะถ้าปั้มเบรค สามารถเบรกจน ABS ทำงานได้ ก็จบแล้ว ไม่ต้องการปั้มใหญ่ จานใหญ่ใดๆเลย สำหรับการเบรคทดสอบเพียงรอบเดียว

ปั้มที่ใหญ่ จานที่คุณภาพดีขึ้น มันไม่ได้ทำให้การเบรกแบบ ABS มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมันก็ทำได้แค่จับปล่อยๆเท่าๆกัน

มันแค่มีประโยชน์ตอนคุณเบรกฉุกเฉิน 5 รอบติดแล้วมันไม่เฟด ยังมั่นใจได้ ซึ่งมันมีแต่ในสนามเท่านั้นทีต้องเบรกแบบนั้น

หน้าที่ที่เหลือคือยาง ถ้ายางเหนียว ก็จะลื่นน้อยกว่า หยุดได้ดีกว่า และน้ำหนักแต่ละล้ออยู่ในจุดที่ไม่เทไปล้อหน้ามากไป ทำให้ล้อหลังก็สามารถออกแรงเบรกได้เยอะ ก็ช่วยแบ่งภาระล้อหน้าไป

แต่ที่จะต่างจริงๆก็คือว่า รถที่Performanceดี มันสามารถเบรกแล้วควบคุมรถไปด้วยได้ในสถานการณ์จริง

เช่นถ้าดันต้องเบรกในทางโค้งขึ้นมาหละ อันนี้ผมบอกเลยว่า BMW ทำได้ดีกว่า BYD แน่ๆ แบบไม่ต้องลองขับเลย

จากข้อมูลที่บอกด้านบน ถ้าทำการทดสอบ ยังไง รถแพงก็เบรกได้ดีกว่ารถถูกครับ เพราะรถแพงเขาใส่ยางมาให้ดีกว่า
ถ้าจับ BYD ใส่ Pilot sport 4s เบรกเทียบ  BMW ทางตรงรอบเดียว ผมว่ายังไงก็สูสี

รถสำหรับผม ขับบนถนนหลวงสำคัญสุดคือยางครับ เพราะขับถนนจริง ไม่มีเบรกหลายรอบ ไม่มีเข้าโค้งรุนแรงติดต่อกัน 5 โค้ง ฉนั้นหายางที่คุณภาพดีสุดใส่รถคือจบ รถอะไรก็เบรกดีขึ้นเยอะครับ

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์
ผมไม่เคยลองรถไฟฟ้าค่ายอื่นๆนะครับ  เคยได้ลอง BYD seal ตัว performance แค่คันเดียว แล้วได้ลองกันแบบ"รีด" บนถนนที่เพิ่งเปิดใช้ แทบไม่มีรถสัญจร  นั่งกันไปสี่คน  เซลด้านหลัง 2 คัน (โคตรสงสาร เพราะน่าจะเวียนหัวมาก )  ไปกับเฮียเจ้าของร้านยางในจังหวัดที่ผมทำงานอยู่

พื้นฐาน เราสองคนขับ BMW กันทั้งคู่  แต่แกขับ M3 ( 6สูบ NA )  รถแกแรงกว่าผม  เบรคดีกว่า แต่รถก็หนักกว่า
BYD seal ขับสี่ หนัก 2.2 ตัน 

วันนั้นตั้งทุกอย่างเป็น sport หมดครับ พวงมาลัยsport , เบรค sport และ ส่งกำลังแบบ sport   เราลงความเห็นเหมือนกันว่า อัตราเร่งของมันน่าตื่นเต้นมาก แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือ การใช้เบรคที่ความเร็วสูงในระดับผิดกม. มันไม่ใช่ 100-0 แต่มันคือ การใช้เบรคเพื่อลดความเร็วในระดับมากกว่า 150 km/hr ขึ้นไป  มันไม่เหมือนกับบีเอมที่เราขับเลย  เพราะบีเอมกดเบรคแล้วมันมาทันที หน่วงทันที  มันลดความเร็วลงมาได้อย่างว่องไวในเวลาสั้นกว่า ( ส่วนหยุดจนเป็นศูนย์นั้น อันนี้ไม่มีการเปรียบเทียบ  )  ( เท่าที่อ่านทดสอบมาจึงเข้าใจว่า Seal ไม่ได้ regen brake ในช่วงแรกแบบ BEV ดีๆอย่าง Tesla ทำ )  และถึงจะตั้งเบรคเป็น Sport ซึ่งก็ควรจะ regen brake ได้มากก็ตาม  แต่สิ่งที่เราสัมผัสกันนั้น ตรงกัน  อธิบายยังไงดี   คือ ทันทีที่กดเบรค แรงเบรคมันไม่ได้มาแบบพรวด ณ บัดนั้น มันมาแบบเบาก่อนแล้วจึงมาเต็ม  นั่นแปลว่า ทันทีที่เรากดเบรคลงไป ระยะห่างด้านหน้าจะไม่ลดลงมาแบบพรวดพราดเหมือนที่เราคุ้นชินในรถสันดาปที่มีระบบเบรคดีๆ

เช่นกัน การโยกพวงมาลัยเพื่อโยนรถเข้าออกเลน  ความที่รถมันหนัก และช่วงล่างมันไม่ได้ทำมารับกับความเร็ว ความแรง และน้ำหนักรถได้มากแบบนั้น  มันสัมผัสถึงความน่ากลัว ทั้งย้วย โยน และยวบ  rebound ทีเดียวไม่หยุด ( เจอถนนลอนๆนี่ ต้องรีบยกคันเร่ง )

ผมขับก่อน แกนั่งแล้วจับอาการรถจากที่ผมขับ  ช่วงผมขับยังมียั้งๆไว้บ้าง  พอแกขับเองก็จัดเต็มที่ไม่ต้องยั้งอย่างผม  แกยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของผมลงไปอีก ว่า เบรคมันไม่น่าเชื่อใจสำหรับกรณีฉุกเฉินที่ความเร็วสูง  แต่มันเหมาะกับการขับรถในความเร็วตามกม.และตามวิถีของคนส่วนใหญ่ที่เขาขับกัน

ตัองยอมรับเรื่องหนึ่ง  รถยนต์เป็นเรื่องขององค์รวม  เยอรมันเก่งเรื่องนี้มากกว่าจีน  ถึงแม้ว่าจีนจะพัฒนาระบบขับเคลื่อน ระบบคอนโทรล  แต่ระบบการบังคับควบคุม การออกแบบช่วงล่างและระบบรองรับน้ำหนักไม่ว่าจะเป็นความแข็งของสปริงและแดมเปอร์ รวมถึงเบรคให้มีความลงตัวกับน้ำหนักของรถ ยังไม่สามารถเทียบกับรถเยอรมันได้ง่ายนักครับ

แรงทางตรงมันเรื่องหนึ่ง  แต่องค์รวมของรถ ไม่ว่าจะเป็นการเบรค การบังคับควบคุม การทรงตัว  มันก็ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ดีที่สุดคือ ต้องทดลองด้วยตัวเองครับ     เพราะบางทีอาจจะพอใจกับเบรคและการทรงตัวของเขา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 31, 2023, 07:21:36 โดย lucifer »

ออฟไลน์ firstime911

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 454
ตั้งแต่ใช้ YP มา 7xxx โล เหยีบเบรค นับครั้งได้เลยคับ ไม่น่าเกิน 15-20 ครั้ง
แต่ตอนเหยียบ ฉุกเฉิน เอาอยู่นะคับ ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว