ผู้เขียน หัวข้อ: Subaru สู้ไม่ไหว ปิดโรงงานเลิกสายการผลิตแล้ว ใครจะเป็นรายต่อไปครับ  (อ่าน 6350 ครั้ง)


ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,012
    • อีเมล์
อ่านในลิ้งค์ที่แปะมา

ใครรักซูบารุ ให้รีบซื้อซะภายในปีนี้ ไม่งั้น มันจะกลับมาแพงในเรทรถนำเข้าทั้งคันแล้วนะ



ออฟไลน์ Floppy-T

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 816
เท่าที่ทราบข่าว ไม่ปิด ก็เหมือนปิดนะครับ

หยุดแบบไม่มีกำหนดที่แน่ชัด เลออฟพนักงานออก

ไม่รู้ผู้บริหารยังอยู่หรือไม่ ถ้าอยู่ ก็คงจะจัดการเรื่องการส่งต่อโรงงานให้บริษัทจีน

ตันจงเอง ก็มีสัมพันธ์กับจีนอยู่แล้ว

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,574
ข่าวที่ออกก่อนหน้านี้ไม่ใช่ SUZUKI  แต่เป็น SUBARU

ออฟไลน์ palma

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,090
    • อีเมล์
1.1x ล้าน ได้ C-suvขับ 4 ฉลาดๆ เอาตัวรอดได้ พร้อมระบบช่วยเหลือเพียบ

ราคานี้ได้เก๋งเจ้าตลาดธรรมดา C seg รุ่นท้อปเท่านั้น

ส่วนตัวราคาขายปัจจุบัน เทียบกับคุณค่าตัวรถนั้นเกินคุ้ม ถ้าเป็นราคานำเข้านั่น คงจับต้องยาก

เสียดายที่คงสถานะนี้(รถดี ประกอบไทย ราคาสู้ได้) ได้ไม่นาน

ถ้าไม่ติดใจเรื่องง่ายๆแบบเจ้าตลาด หลุดจากปัจจัยเหล่านั้นได้  subaru ถือเป็นรถที่โครดดีครับ

พอใจที่จัดมาแล้วคันนึง มันดีมาก เสียดายที่จะจากไปในสถานะรถดี ราคาย่อมเยา
2023 : SK9 FB20 ES4.0 SAWD
2017 : NSP170R-2NR-FE+CVT
2015 : B17-MR16DDT+CVT-M6
2014 : L33-QR25DE+CVT-8
1995 : SXV10-3S-FE (sold)
1994 : AE101-4AFE+MT (sold)

ออฟไลน์ 20TRF

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 457
    • อีเมล์
ลุ้นว่าราคาอะไหล่จะดีดตัวตามหรือเปล่านี่แหละ
  แต่ใช้เเล้วรู้สึกดีสุดๆครับ

ออฟไลน์ paul_frank

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 188
Outback จะลงไปเหลือ 1.99 ล้านเหมือนรุ่นที่แล้วไม๊???

ออฟไลน์ Chicken Wings

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 287
ลุ้นว่าราคาอะไหล่จะดีดตัวตามหรือเปล่านี่แหละ
  แต่ใช้เเล้วรู้สึกดีสุดๆครับ

แน่นอนครับ รถนำเข้าอะไหล่ยังไงก็แพง

ไม่นับความเชื่อมั่นของลูกค้าเก่าที่คงเทขายกันอีก คนใช้น้อยลง อะไหล่ยิ่งน้อยตาม

ออฟไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,814
เข้าใจว่า สถาณการคล้ายๆ volvo ก่อนหน้านี้นะครับ
มีโรงงานประกอบ(หรือผลิต) ในมาเลเซีย และยอดขายในไทยไม่ได้สูงมาก ก็ยุติการประกอบในไทยไปและนำเข้าเอา
เพราะยังไงก็การนำเข้าจากมาเลเซียก็ได้รับการช่วยเหลือด้านภาษีอยู่แล้ว ต้นทุนต่อคันสูงขึ้น แต่ไม่ต้องแบกภาระของโรงงานประกอบ

ในเคสซูบารุ คิดว่าการตัดสินใจ ลดราคา XV รอบนั้นยังตราตรึงใจหลายๆท่านอยู่ คิดว่าเป็นเจ้าแรกๆที่ออกมาทุบราคาตัวเองด้วย...
ลูกค้าเก่าก็กลัวโดนหักหลัง ลูกค้าใหม่ก็รอ Lot ลดราคาอยู่

อีกอย่างคือตัว Product ก็ไมไ่ด้น่าสนใจขนาดนั้น ระบบการขับขี่ AWD กับช่วงล่างอาจเป็นจุดขาย
ผมเองมองว่าทาง Subaru เองยังติส และขายในสิ่งที่อยากขาย มากกว่าสิ่งที่ตลาดต้องการครับ
อัตราเร่งของ XV 2.0 na + CVT มันก็ยังไม่ได้ตอบโจทย์ใครหลายๆคน รวมถึงตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ไม่ได้สวยหรูอีก
ซึ่งถ้าเทียบกับ CX-30 อัตราเร่งตามอยู๋ 2 วิ รวมถึง ฟิลลิ่ง CVT กับ 6at ...

Forester เองก็เจอปัญหาคล้ายๆกัน พอเอาไปเทียบกับ CR-V คุณงามความดีของช่วงล่าง มันชดเชยความสดใหม่ของ CR-V ไม่ได้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 29, 2024, 14:52:54 โดย เนื้อน่องไม่หนัง »

ออฟไลน์ boogie2020

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 993
    • อีเมล์
ถึงแม้ผมจะชอบตั้งแต่สมัย WRX บี้กับ Evo


แต่พอมาเป็นรถบ้าน XV กะ Forester มันช่างไม่ตอบโจทย์ผมเลยอะ เวลาจะเปลี่ยนรถทีไร มันโดนตัดออกจากช้อยไปก่อนทุกที หน้าตาเฉย ๆ สำหรับ XV  แต่ Forester ถึงขั้นแย่ ปกติขับในเมือง มันไม่แรง แถมกินน้ำมัน จะเอาขับสี่ไปสาดโค้งทางด่วน หรือลุยฝนตก ก็คงไม่ใช่แนวผม  .... มันคงเป็นรถสายอินดี้จริง ๆ  แต่ก็ถึอว่า อยุ่ในตลาดเมืองไทยได้นานอยุ่นะเนี่ย
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,184
    • อีเมล์
ในฐานะที่เคยใช้ GC8 และ เกือบได้ Levorg เพิ่มอีกคัน

ผมว่า หลังจากที่พยายามทำรถตลาดๆ ราคาไม่แพง มีฮือฮาตอนที่เป็น XV มาขายแรกๆ พอไปได้ ทำราคามาดี (ถึงแม้ค่ายนี้จะราคาขึ้นๆ ลงๆ เป็นหุ้น ตามค่าเงิน) แต่ก็ถือว่าทำได้ดี

แต่หลังๆ ทั้งตัวรถ สเปค เทคโนโลยี เริ่มสู้คู่แข่งไม่ได้แล้ว จุดขายแทบไม่มี แถมหน้าตา เหมือนเอารถยุค 2000 มาขายปี 2020 มันช่างโบราญซะจริงๆ ทุกวันนี้ผมยังรับท้าย forester ไม่ได้อยู่เลย

กลายเป็นตอนนี้ แทบไม่มีจุดน่าสนใจใดๆ เหลือเลย

คงต้องกลับมานำเข้าเหมือนเดิม

ส่วนจะมาเล หรือ ญี่ปุ่น ก็ว่ากันเป็นรุ่นๆ ไป

ค่าบริการ กับ อะไหล่ มีแนวโน้ม จะแพงขึ้น

ยิ่งทำให้ลูกค้าหนีหนักกว่าเดิมอีก

ออฟไลน์ oryor

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
ในฐานะที่เคยใช้ GC8 และ เกือบได้ Levorg เพิ่มอีกคัน

ผมว่า หลังจากที่พยายามทำรถตลาดๆ ราคาไม่แพง มีฮือฮาตอนที่เป็น XV มาขายแรกๆ พอไปได้ ทำราคามาดี (ถึงแม้ค่ายนี้จะราคาขึ้นๆ ลงๆ เป็นหุ้น ตามค่าเงิน) แต่ก็ถือว่าทำได้ดี

แต่หลังๆ ทั้งตัวรถ สเปค เทคโนโลยี เริ่มสู้คู่แข่งไม่ได้แล้ว จุดขายแทบไม่มี แถมหน้าตา เหมือนเอารถยุค 2000 มาขายปี 2020 มันช่างโบราญซะจริงๆ ทุกวันนี้ผมยังรับท้าย forester ไม่ได้อยู่เลย

กลายเป็นตอนนี้ แทบไม่มีจุดน่าสนใจใดๆ เหลือเลย

คงต้องกลับมานำเข้าเหมือนเดิม

ส่วนจะมาเล หรือ ญี่ปุ่น ก็ว่ากันเป็นรุ่นๆ ไป

ค่าบริการ กับ อะไหล่ มีแนวโน้ม จะแพงขึ้น

ยิ่งทำให้ลูกค้าหนีหนักกว่าเดิมอีก

จุดขายไม่มีจริงๆครับตอนนี้
เหลือแต่ตัวอะไรก็ไม่รู้ดูโบราณมากๆ

ออฟไลน์ thanawanch

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 38
Mazda เป็นค่ายที่น่ากังวล

ไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือ เทคโนโลยีใหม่ๆ เปืดตัวในตลาดโลกเลย
นิสสันยังมี E-Power ที่พอจะสู้หน้าได้ว่าเป็นเทคโนโลยีกึ่งๆไฟฟ้า
แต่มาสด้า ทำกระบะก็แป้ก ทำรถเก๋งใหญ่ก็ไม่รอด  เก๋งเล็กก็ลากแซยิด SUVก็ชื่อเสียกระฉ่อน
ผมว่าน่าห่วงสุด

ออฟไลน์ solo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 570
    • อีเมล์
ยอดผลิตของปี 2023


1. TOYOTA = 629,806 คัน
2. MITSUBISHI = 279,826 คัน
3. ISUZU = 277,515 คัน
4. FORD = 210,008 คัน
5. HONDA = 147,370 คัน
6. NISSAN = 101,975 คัน
7. MAZDA = 97,795 คัน
8. MG = 19,986 คัน
9. SUZUKI = 11,164 คัน
10. GREAT WALL = 7,250 คัน
11. SUBARU = 1,317 คัน

Premium Brand
BMW = 12,165 คัน
Mercedes-Benz = 12,124 คัน


ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,478
ผมว่านำเข้าไม่น่าจะแพงขึ้นมากนัก  เยนอ่อนกว่าบาทเยอะนะครับ

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 414
    • อีเมล์
ผมมองว่าถึงให้รถช่วงล่างจะดีแค่ไหน
คนทั่วไปที่เลือกซื้อรถ เขาไม่น่าจะเลือกจากช่วงล่างก่อนอยู่ดีครับ

คนทั่วไป 100 คน จะมีถึง 1 คนไหม ที่พูดชื่อ  Subaru ออกมา
คนที่จะซื้อ subaru มันจำเพาะมาก ๆ ครับ
มันไม่ mass
เพราะฉะนั้น ถ้ารถมันไม่จบจริง ๆ ในตัวมันเอง ขายยาก

Subaru มัน wow ถ้ากลับไปช่วงปี 2000s
แต่พอมาตอนนี้ ผมรู้สึกเฉย ๆ
จุดอ่อนเลยคือภายนอกรถ ต่อมาอัตราเร่ง หลังจากนั้นคือผิวสัมผัสวัสดุ
ผมรู้สึกมันไปไม่สุด ถ้าจะเอาสนุกก็น่าจะได้เครื่องแรงกว่านี้

แล้วมาเจอการแข่งขันจากรถตลาดจีน ลดราคาขนาดไหนก็สู้ยาก

ผมคิดว่าทาง Subaru ทำถูกแล้วที่วางแผนแบบนี้
ส่วนการกลับมาแบบสมัยก่อน ตั้งราคาไปทาง premium
คือไม่ mass แต่มันมีคุณค่า และ dealer คงจะมีแค่ในกทม

ส่วนต่างจังหวัด ลูกค้าตอนนี้อ่านเริ่มกังวล
แต่คนที่สนใจจะซื้อตอนนี้ อาจคิดหนักขึ้น
สุดท้ายราคาอาจจบแบบ X-trail หรือ Teana

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 29, 2024, 18:20:30 โดย Odrecranon »

ออฟไลน์ KTN88

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 985
1.1x ล้าน ได้ C-suvขับ 4 ฉลาดๆ เอาตัวรอดได้ พร้อมระบบช่วยเหลือเพียบ

ราคานี้ได้เก๋งเจ้าตลาดธรรมดา C seg รุ่นท้อปเท่านั้น

ส่วนตัวราคาขายปัจจุบัน เทียบกับคุณค่าตัวรถนั้นเกินคุ้ม ถ้าเป็นราคานำเข้านั่น คงจับต้องยาก

เสียดายที่คงสถานะนี้(รถดี ประกอบไทย ราคาสู้ได้) ได้ไม่นาน

ถ้าไม่ติดใจเรื่องง่ายๆแบบเจ้าตลาด หลุดจากปัจจัยเหล่านั้นได้  subaru ถือเป็นรถที่โครดดีครับ

พอใจที่จัดมาแล้วคันนึง มันดีมาก เสียดายที่จะจากไปในสถานะรถดี ราคาย่อมเยา
ถ้ารถดีมันต้องไม่พังครับ นี่ในกลุ่มยังบ่นกันอยู่เลยเดี๋ยวนั่นพังนี่พัง แถมแก้ปัญหาให้ลูกค้าไม่ได้อีก

รถเปราะไม่พอ ระบบหลังบ้านก็ดันห่วย โพสในเพจของ Headlightmag เองก็ยังมีลูกค้ามาบ่นอยู่เลย

Subaru นี่นอกจากช่วงล่างดีอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเด่นซักอย่าง(ถ้าไม่ใช่รุ่น Performance Car)

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,189
    • อีเมล์
อะไหล่ไม่น่าจะแพงขึ้นไหมครับ เพราะปัจจุบัน อะไหล่ส่วนมาก(ที่เคยซื้อที่ศูนย์) ก็เขียนว่าผลิตจากญี่ปุ่น อยู๋แล้ว อีกทั้งยังมีการปรับลดราคาลงมาบ้างหลายๆรายการ

ปัญหามันน่าจะ อะไหล่มันไม่ทนมากกว่าครับ  ;D

ออฟไลน์ shorttoeh

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 37
ก็พี่เล่นไม่ลดขนาดความจุเครื่องยนต์ให้เหลือสัก 1.8 แบบค่ายเจ้าตลาด

แต่พี่ใจปล้ำยัดเครื่อง 2.0 ตั้งแต่ XV มา Forester เสียภาษีสรรพสามิตอย่างเดียว 30%

แล้วพี่จะเอาอะไรสู้กะไอ้พวกเจ้าตลาดล่ะฮะ

แค่เจอภาษีอย่างเดียวเพ่ก็ตายแล้ว เจ้าตลาดเบนซิน 1.5-1.8 มันเสีย 20% ถ้าเป็นไฮบริดมันเสีย 4% เอง

ขายราคาเท่ากัน ก็คิดดูว่าใครกำไรบานกว่าใคร ...


ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,564
ก็พี่เล่นไม่ลดขนาดความจุเครื่องยนต์ให้เหลือสัก 1.8 แบบค่ายเจ้าตลาด

แต่พี่ใจปล้ำยัดเครื่อง 2.0 ตั้งแต่ XV มา Forester เสียภาษีสรรพสามิตอย่างเดียว 30%

แล้วพี่จะเอาอะไรสู้กะไอ้พวกเจ้าตลาดล่ะฮะ

แค่เจอภาษีอย่างเดียวเพ่ก็ตายแล้ว เจ้าตลาดเบนซิน 1.5-1.8 มันเสีย 20% ถ้าเป็นไฮบริดมันเสีย 4% เอง

ขายราคาเท่ากัน ก็คิดดูว่าใครกำไรบานกว่าใคร ...

ถ้าแบบนั้น ต้องถอดระบบ awd ให้เหลือเป็นขับหลัง หรือหาเครื่องของพาร์ทเนอร์แปลงขับหน้ามาลงใส่ xv หรือ forester ด้วยมั๊ยอะครับ

ผมคิดว่าถ้าคนจะซื้อ subaru ยังไงก็ซื้อน่ะครับ
แต่ที่ขายไม่ออก ไม่น่าใช่เพราะคู่แข่ง แต่เพราะคนไม่ซื้อแล้วต่างหาก
หรือคนที่อยากได้จริงๆ น้อยลงจนตัวโรงงานอยู่ไม่ได้มากกว่า

ออฟไลน์ Left lane driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 664
สรุปว่าเป็นคนละ Su กับตอนนั้นจริงๆด้วย

ส่วนตัวผมที่ใช้ Forester อยู่ ผมชอบตัวรถมากกว่าคู่แข่งในเกือบทุกด้าน ยกเว้นอัตราเร่งกับอัตราสิ้นเปลืองแค่นั้นเลย
คือถ้าเปลี่ยน powertrain จากเครื่อง 2.0 และเกียร์ CVT ตัวนี้ ไปเป็นระบบ BEV แต่อย่างอื่นเหมือนเดิม มันจะเยี่ยมมากเลย

แต่ถ้านอกจากตัวรถแล้ว ผมว่าค่า maintenance ค่ายนี้แพงสุดในบรรดารถญี่ปุ่นแล้ว
กับศูนย์บริการที่นับวันมีน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยจะมีศูนย์ให้เข้า
แต่ผมยังโชคดีที่มีศูนย์ดีๆใกล้บ้าน และเป็นยี่ห้อที่ศูนย์อยู่ใกล้บ้านที่สุดด้วย (แต่ไม่รู้จะเปิดต่ออีกนานไหมนะ 5555  :'()
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 30, 2024, 02:24:38 โดย Left lane driver »

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,250
    • อีเมล์
ในมุมของผม ก่อนซื้อ CR-V G6 RS ตอนปลายปีที่แล้ว .. ผมก็ดู Forester นะ แต่ ที่ไม่เลือกเพราะ

1. อัตราเร่งอืด .. กระแทกคันเร่งสุดตอนออกตัว ยังไม่ดึงเลย .. อืดพอกับ G3 2.0 คันเก่า แล้วผมจะเปลี่ยนรถทำไม
- จริงๆ ถ้าเอา 1.8 Turbo มา ผมซื้อแล้ว

2. อัตราสิ้นเปลือง .. นั่นแหละ พอกับคันเก่า

- ช่วงล่างดี ทัศนวิสัยโปร่ง โล่ง ไม่เถียง แต่ผมก็มองว่า ถ้าแค่ช่วงล่าง ผมปรับแต่งได้ภายหลังไม่ยากครับ รวมถึง ตอนนั้น ส่วนลดยังไม่เยอะ แถวๆแสนนึง เลยมองว่า ยอมจ่าย ใช้ของสดใหม่ ใช้รถที่คุ้นเคย ทั้งในแง่ความทนทาน และ บริการหลังการขาย ดีกว่า

ออฟไลน์ panupong508

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 585
    • อีเมล์
ศูนย์บริการก็ไม่มี แล้วใครจะซื้อล่ะครับ เป็นผมก็ไม่ซื้อ รถดีก็ต้องทำให้ทุกๆคนได้ใช้รถที่ดีด้วย ไม่ใช่บอกแต่ว่าแบรนด์รถตัวเองนั้นดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ราคารถก็หลักล้านนะครับ ผู้บริหารซุบารุช่วยใส่ใจและหาทางแก้หรือทำการบ้านมาใหม่ให้พร้อมกว่านี้นะครับ

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,582
    • อีเมล์
ในมุมของผม ก่อนซื้อ CR-V G6 RS ตอนปลายปีที่แล้ว .. ผมก็ดู Forester นะ แต่ ที่ไม่เลือกเพราะ

1. อัตราเร่งอืด .. กระแทกคันเร่งสุดตอนออกตัว ยังไม่ดึงเลย .. อืดพอกับ G3 2.0 คันเก่า แล้วผมจะเปลี่ยนรถทำไม
- จริงๆ ถ้าเอา 1.8 Turbo มา ผมซื้อแล้ว

2. อัตราสิ้นเปลือง .. นั่นแหละ พอกับคันเก่า

- ช่วงล่างดี ทัศนวิสัยโปร่ง โล่ง ไม่เถียง แต่ผมก็มองว่า ถ้าแค่ช่วงล่าง ผมปรับแต่งได้ภายหลังไม่ยากครับ รวมถึง ตอนนั้น ส่วนลดยังไม่เยอะ แถวๆแสนนึง เลยมองว่า ยอมจ่าย ใช้ของสดใหม่ ใช้รถที่คุ้นเคย ทั้งในแง่ความทนทาน และ บริการหลังการขาย ดีกว่า

เคยใช้ forester gen 1 ตัวปี 2001 โน่น มาก่อนติดใจในคุณภาพของตัวรถที่เหนือว่าญี่ปุ่นด้วยกัน ด้อยกว่ายุโรปไม่มาก
เคยคิดจะซื้อมาใช้อีกครั้ง ไปลองมาเหมือนกัน และไม่ได้ซื้อก็เพราะเหตุผลเดียวกัน
คุณภาพยังคงถือว่าดี เรี่ยวแรงก็ดีกว่าตัวเก่าก็จริง แต่ผ่านมา 20 ปี ไม่ได้แรงขึ้นมากมาย
เครื่องที่ให้มามันไม่สัมพันธ์กับตัวถัง และเทคโนหรือความแรงของรถปัจจุบัน

ตั้งโรงงานมาเพื่อประกอบรถอยู่รุ่นเดียวมันเลยไปไม่ไหว
เคยมีข่าวว่าจะเอา xv มาประกอบด้วย แต่ก็ไม่มา
ต่อให้ไม่มีจีนก็ไปต่อยาก มันไม่คุ้ม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 29, 2024, 22:11:05 โดย bobsan »

ออฟไลน์ nimnim_thailand

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 393
ตลาดมือสองของรถยี่ห้อนี้ น่าจะไม่ต่างจากเชฟโรเลตแน่ๆ  ราคาถูก อย่างกับล็อคคอแจก

ออฟไลน์ อีกนิดก็แรง

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 954
ผมว่านำเข้าไม่น่าจะแพงขึ้นมากนัก  เยนอ่อนกว่าบาทเยอะนะครับ

แพงสิครับ mazda6 ยัง 2.499 ล้าน (option เป็นไงไม่รู้) ต่างกับคู่แข่งตัว top 7 แสนเลย หรือต่างกัน 39% ถ้า เจ้าป่าปัจจุบันขาย 1.4 ล้าน ตัวนำเข้า อาจจะพุ่งไป 1.9 ล้าน

subaru ผมคิดว่าตัว product เข้าถึงตลาด mass ยากไป เหมือนจะไปเน้นตลาดนิชที่ต้องการ performance เลยเน้นโปรโมทการขับ 4 แต่ความเร็วทางตรงดันไม่แรง ส่วนตัวแรงที่เป็นรถนำเข้า ราคาแพง ดันต้องมาเจอ c43 cls53 m340i ที่เข้าถึงง่ายขับไปไหนคนก็รู้เลยว่าเนี่ยรถคนรวย และแรงด้วย  แล้วมาเจอราคาน้ำมันที่แพง ทีนี้ไปกันใหญ่เลย ตลาด mass คนก็ไป cross hrv ตลาดบนคนก็ไปค่ายยุโรป
เศร้าใจนะครับที่ต้องเห็นค่ายรถประกอบในประเทศที่ต้องถอนตัวไป

ออฟไลน์ AZMVI

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 184
กลุ่มคนที่ชอบขับรถ ชอบสมรรถนะน่าจะเหลือน้อยลงแล้วครับ รักขับรถแค่ไหนแต่เจอค่าน้ำมัน ค่าอะไหล่ เสียภาษี แต่ถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ก็คงจัดไปแบบไม่ต้องคิดมากครับ

ถ้าปิดแค่โรงงาน แต่เรื่องศูนย์บริการยังอยู่ แบบเชฟโรเลต ก็คงพอไปได้แหละครับ แต่ประเด็นคือราคารถแบบนำเข้า น่าจะพอ ๆ กับ Lexus ล่ะมั้งครับ

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,411
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
โดยส่วนตัวสนใจ Subaru น้อยลง หลังรถยุโรป ตัวแรงเปิดตัว ทั้ง Audi A4 45, M340i, C43

มีคำถามในใจว่า เราจะสนใจ WRX ไปทำไม

ประกอบกับสมัย BRZ ปัจจุบันเปิดตัว หรือ Outback เปิดตัว ผมเจอเซลล์ที่เร่งให้จอง โดยใช้คำพูดว่า รถมีไม่กี่คัน ผมไม่อยากแย่งกับใครเลยไปซื้อยี่ห้ออื่นแทน

แต่ก็ยอมรับว่าตัวรถดีจริงๆ Subaru Legacy GT ตัว BM9 เป็นรถคันแรกในบ้าน ที่ใช้เกิน 10 ปี ปัญหาที่เจอน้อยมาก แค่ Lock up clutch เกียร์เสีย กับ คอมแอร์พัง
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,588
    • อีเมล์
ถ้าตอนนั้นจัด forester มา เจอข่าวนี้คงโดน ผบ ด่า....เละ

รอดไป

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,746
ดูทรงไม่น่าจะเหลือในตลาดบ้านเราในอนาคตแล้วล่ะแบบนี้
BMW 750E M SPORT