ขอความเห็นทุกท่านครับ ในแง่ค่าใช้จ่ายโดยรวมของรถ ErEv จะตอบโจทย์มากกว่ารถ BEV หรือไม่
(ErEV รถไฟฟ้าที่มี เครื่องยนต์ปั่นไฟเพื่อชาร์จแบต ขยายระยะทาง อารมณ์เหมือน Nissan Kicks ที่มีแบตใหญ่เสียบชาร์จไฟบ้านได้)
ผมได้ลองเปรียบเทียบราคาแบตใหม่ปี 2024 ของ BYD
[ ** ขออนุญาตอ้างอิง
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=88502.0 ** ]
แบต Seal Performance 82.56kWh ราคา 536,411.21 บาท
แบต Dolphin Standard 44.9kWh ราคา 309,364.49 บาท
ราคาต่างกัน 227,046.72 บาท (หรืออาจจะต่างกันได้ถึง 2.5 แสนบาท ถ้าให้แบตเล็กลงกว่านี้)
ถ้ายังไม่สนใจอัตราภาษีนำเข้า และภาษีสรรพสามิตถ้าลดขนาดแบตลงครึ่งหนึ่ง และไปเพิ่มเครื่องยนต์ขนาดเล็กพร้อม Generator ในการปั่นชาร์จแบตขยายระยะทางได้
โดยการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ ก็จะนับระยะเวลา 6 เดือน หรือตามชั่วโมงทำงานของเครื่องยนต์ (น่าจะทำระบบนับชั่วโมงทำงานเครื่องยนต์และแจ้งเตือนเข้าเช็คระยะได้ไม่ยาก)
- รายการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็จะหายไป
- หากใช้คอมแอร์ไฟฟ้า และไดร์สตาร์ต่อตรง ก็จะไม่ต้องมีสายพานหน้าเครื่อง
- สายพานราวลิ้น หากเป็นแบบโซ่ก็จะลดความกังวลลงไปได้อีก (แต่อาจได้เสียงดังมาแทน)
ข้อดีที่อาจจะได้รับ
- แบตไม่ต้องใหญ่มาก ค่าเปลี่ยนแบตในอนาคตก็อาจจะถูกลง
- ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาที่ชาร์จ ในการขับทางไกล
- เครื่องยนต์เล็ก ใช้น้ำมันเครื่องน้อย กรองอากาศ กรองเครื่องก็ไม่ต้องใหญ่โต ทำราคาอะไหล่ได้ถูก
- พอแบตเล็กลง และไม่มีความเสี่ยงแบตหมดรถตายกลางทาง ค่าประกันภัยก็อาจจะถูกลงได้ (ช่วยเหลือฉุกเฉิน / บริการรถสไลด์ ก็อาจจะไม่บ่อยเท่า)
ข้อเสียที่อาจจะเจอ
- ซ่อมบำรุงทุก 6 เดือนแบบรถน้ำมัน หรืออาจเร็วกว่านั้นถ้าใช้รถเยอะ (ซึ่งบ่อยกว่ารถไฟฟ้าแน่นอน)
- ค่าซ่อมบำรุงแพงกว่า (ไม่นับราคาเปลี่ยนแบต)
- เครื่องยนต์อาจจะดังรบกวนในขณะชาร์จไฟ อาจมีต้นทุนในการบุฉนวนกันเสียงมากขึ้น
- รถอาจจะสั่นมากขึ้นหากแท่นเครื่องเริ่มเสื่อมสภาพ
- น้ำหนักรถอาจจะลดลงหรือมากขึ้น อยู่ที่น้ำหนักเครื่องยนต์ที่มาแทนขนาดแบตที่ลดลง แต่การ balance น้ำหนักอาจจะยุ่งยากกว่าเดิม และอาจจส่งผลกับการทรงตัว
- อาจต้องเสียพื้นที่เก็บของด้านหน้า เพราะต้องมีเครื่องยนต์ (แต่รถไฟฟ้าบางรุ่นก็ไม่มีที่เก็บของด้านหน้าอยู่แล้ว)
นึกไม่ออกละครับ ทุกท่านมีความเห็นเสริมอย่างไร โปรดชี้แนะ
ปล1. ส่วนตัวคิดอยู่บ่อยๆว่าหาก Nissan Kicks ใส่แบตให้ใหญ่ขึ้นและเสียบชาร์จได้ เพียงพอต่อการขับสัก 150-200กิโลเมตร เราอาจจะแทบไม่ได้ใช้เครื่องยนต์เลยในการขับ Daily Use ก็คงจะมีคนสนใจมากขึ้น
แต่ราคาอาจจะสูงขึ้นกว่าเดิมมากกว่า 2 แสนบาท เป็นโจทย์ที่ยากจริงๆครับ
ปล2. โครงสร้างภาษีตอนนี้ ทำให้ตลาดบิดเบือน และอาจไม่เป็นธรรมกับบางราย เหนื่อยใจแทนจริงๆครับ