« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 14, 2025, 09:51:18 »
จริงๆแล้ว การที่มันผ่านมาตรฐาน API มา แปลว่ามันทำหน้าที่ได้ครบถ้วน ตามเกรดที่ระบุไปเรียบร้อยแล้วครับ (คือ Spec ที่บริษัทรถเค้าออกมาให้ใช้ ก็คิดตามมาตรฐานแค่นี้ ไม่ได้คิดตาม additive)
ที่เหลือมันก็เป็นเรื่องที่ใครจะใส่ Additive อะไรเพิ่มเติมเข้าไปตามที่โฆษณา ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ของแบบนี้ ไม่ได้ส่งผลครั้งแรกที่เติม แต่มันจะเกิดผลต่อเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ดังนั้นส่วนตัวจึงคิดว่าคนที่ "รู้สึกได้" ถึงความต่างในการเติมแต่ละครั้ง (สมมติว่าเกรดเดียวกัน คนละยี่ห้อ) คือความรู้สึกปลอมครับ (แต่ถ้าเป็นรถแข่ง ที่วิ่งแข่งจริงจัง หรือรถที่ต้องวิ่งในภูมิอากาศแบบสุดขั้ว อันนั้นก็อีกเรื่องนึง)
ให้ตอบสั้นๆก็คือ ใช้ได้ครับ ใช้ไปเถอะ มันไม่เคยแย่หรอก
สมัยนั้น ผมใช้ PTT เป็นหลัก และก็พบว่ามันมีผลต่างเมื่อใช้เป็นเวลานานเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น นั่นล่ะครับ
PTT เมื่อเปลี่ยนใหม่และวิ่งไปสัก 3-5พันกิโล และเมื่อดึงก้านน้ำมันเครื่องมาดูพบว่า สีน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีแดงจากเดิมที่เป็นเหลืองใสตอนเติมครั้งแรก
ซึ่งต่างจากยี่ห้ออื่นที่ใช้ในระยะเดียวกันคือเค้ายังสีเหลืองใส เหมือนกับที่เติมครั้งแรก
ดังนั้นสรุปได้เลยว่า PTT (ยุคนั้น) น้ำมันเครื่องเปลี่ยนคุณสมบัติไม่สามารถทนความร้อนได้จนเกิดการเปลี่ยนสี เป็นสีแดงไหม้ และเมื่อใช้เป็นเวลานาน มันจะทิ้งคราบแดงไหม้นี้ไว้กับแคมชาร์ปและชิ้นส่วนอื่นๆของเครื่อง (หาภาพดูใน internet ได้)
และผมก็เลิกใช้ รวมถึงเลิกแนะนำให้คนอื่นใช้ด้วย แต่หลังจากนั้น 5ปีมาแล้ว ไม่แน่ใจว่าเค้ายังเป็นเหมือนเดิมไหม กับการที่น้ำมันเครื่องทนความร้อนไม่ได้ ลื่นแค่ วันแรกที่เติม