User's Review : New vios 1.5G unlimited "ใครๆก็ไม่ชอบหนู"

[Bingoboy_Joe]

User’s Voice : Toyota New Vios 1.5G Unlimited หนูน้อยใจ ใครๆก็ไม่ชอบหนู


สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาชาว HLM

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ

ผมชื่อ โจ้ เรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะแพทยศาสตร์ ปีสามครับ

เนื่องจากได้แอบอ่าน แอบชมเรื่องราวเกี่ยวกับรถ ณ ที่แห่งนี้มานานเกินหนึ่งปีแล้ว

จึงอยากจะลองทำ User’s voice เพื่อเป็นการตอบแทนเว็บแห่งนี้ ที่เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีให้ผมมาโดยตลอด

เริ่มเลยละกันนะครับ

[Bingoboy_Joe]

รถยนต์คันนี้ ในตอนแรก ไม่เคยคิด ไม่เคยฝัน และไม่เคยอยากจะได้เลย

เพราะอายุก็แค่ยี่สิบปี รายได้ก็ยังไม่มี แล้วถ้าจะให้ใช้รถยนต์ มันก็ดูเกินความจำเป็นไปหน่อย

ณ ตอนนั้น กำลังรอ Ninja 250r ตัวใหม่อยู่ โดยคุณพ่อคุณแม่พาไปคร่อมตัวจริงที่โชว์รูมแล้ว

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครับ

http://www.ninja250thailand.com/board/index.php?topic=9013.0

คุณพ่อจึงกลัวผมจะตายก่อนได้ลูกได้เมีย เลยตัดสินใจออกรถยนต์ให้เลย

โดยที่คุณพ่อกับคุณแม่ไปที่ศูนย์โตโยต้าแก่นนคร แล้วจึงโทรมาหาผมตอนเรียนอยู่ ว่าชอบสีอะไร

ดำ ขาว บรอนซ์ ทอง ฟ้า เทา  ผมก็ตอบไปว่า ดำ ครับ คุณพ่อก็เลยบอกว่า เนี่ยมาจองรถให้แล้ว วีออสดำนะ

ทำให้ได้เจ้าตัวนี้มาครับ

[Bingoboy_Joe]

หลังจากผมได้กลับบ้าน จึงได้ไปดูที่โชว์รูม และถามคุณพ่อคุณแม่ว่าจองรุ่นอะไร คุณแม่บอกว่า รุ่น 1.5J Ivory

ผมก็ “ก็ดีครับ ประหยัดดี” เพราะปกติอยู่ มหา’ลัย ผมก็ขี่ Wave 125i อยู่แล้ว ไม่ได้เดือดร้อนอะไร

แต่พอมานั่งดู Option กันโดยละเอียด คุณแม่ก็บอกว่า “ล้อไม่สวยอะ เบาะผ้าอีก แล้วเบรกหลังเป็นดรัมเบรกด้วย”

ผมก็เริ่มหวั่นๆ (ในใจคิดไว้ว่า ถ้าได้มาใช้ไปซักพัก ค่อยไปเปลี่ยนขอบ 17” น่าจะดี)

คุณแม่จึงเปลี่ยนไปเป็นตัว 1.5E Ivory (เพิ่มจาก J 30k) แต่คุณแม่ก็ยังบอกว่า อยากได้ดิสเบรกหลังอีก

ก็เลยเปลี่ยนไปจอง 1.5ES Ivory (เพิ่มจาก E 30k) ซึ่งผมก็แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่ เพราะเป็นเงินของท่าน

ผมก็เลยเดินไปเจอตัว 1.5G limited เลยชวนคุณพ่อคุณแม่มานั่ง พอคุณพ่อคุณแม่มานั่ง ลูบๆคลำๆซักพัก

ก็หันไปซุบซิบกัน แล้วก็พูดกับผมว่า  “เข้าท่าดีหนิ Option ครบดี ซื้อทีเดียวจบ ไม่ต้องแต่งอะไรแล้ว”

แต่ผมก็บอกว่า ถ้าอยากให้ครบจริงๆ ไม่ต้อง Limited ก็ได้ 1.5G ก็พอ แค่นี้ก็เกินพอแล้ว


รออยู่ประมาณ 3 สัปดาห์ วันอาทิตย์ เซลล์สาวแสนสวยก็โทรมาบอกว่า “น้องโจ้คะ รถมาแล้วนะ จอดอยู่โตโยต้าชัวร์นะ”

ผมก็รีบบึ่งไปดูทันที ซึ่งนัดกับศูนย์ไว้ว่า จะส่งมอบกันวันพุธหน้า แต่พี่ที่ขนรถจากจุดพักรถไปที่ศูนย์โตโยต้า

เห็นผมเดินส่องหน้า ส่องหลัง อยู่หลายชั่วโมง พี่เค้าจึงบอกว่า “ผมถูกชะตากับคุณจัง มานี่ ขับไหนว่ามา

เดี๋ยวผมเอาขึ้นรถไปไว้ที่ศูนย์เดี๋ยวนี้เลย” ผมก็เลยชี้ไปเล่นๆว่า Vios สีดำ คันนั้นไงครับ ที่จอดสวยๆอยู่หนะ

พี่แกก็เอากุญแจออกมา แล้วเดินไปที่รถผม แล้วบอก “อะ..น้อง พี่ให้น้องเปิดรถเป็นคนแรก (หลังจากออกจากโรงงานเลย)

[Bingoboy_Joe]

เลขไมล์ (ต้องเลขกิโลเมตรสิ) ก็ขึ้นดังรูป

[Bingoboy_Joe]

และหลังจากนั้นก็นำไปแต่งที่ศูนย์ โดยได้ติดตั้ง

1.   กันสาดสีดำ
2.   ฟิล์ม 3M รอบคัน
3.   เซนเซอร์ถอยหลัง 2จุด
4.   สปอยเลอร์หลัง
5.   พรม

แล้วก็ส่งมอบรถ

จนถึงตอนนี้เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ที่ได้ใช้เจ้านี้ จึงพอจะทำ User’s Voice ได้แล้วววว

[Bingoboy_Joe]

Toyota New Vios 1.5G (unlimited) ตัวนี้ ข้อมูลเบื้องลึก ทุกท่านคงเข้าไปดูได้ใน Review ของพี่จิมมี่

เพราะไม่มีอะไรต่างกันในด้านเครื่องยนต์ หรือประวัติความเป็นมา

สำหรับ New Vios นี้ ดูเหมือนว่า จะนำเอารุ่นใหญ่กว่ามาย่อ-หด เข้า

เพราะหลายๆมุมมอง ดูแล้วคล้ายๆ New camry + New altis อยู่เหมือนกัน

[Bingoboy_Joe]

มาเริ่มจากภายนอกเลยแล้วกัน

กระจังหน้า คล้าย camry มีการเสริมกรอบโครเมี่ยมเข้าไปในกระจังหน้าทุกเส้นสาย

พร้อมทั้งตัวกระจังหน้าเป็นสีเทาๆ  ส่วนตราสัญลักษณ์โตโยต้า อยู่ตรงกลาง เป็นโครเมี่ยม มีพื้นสีดำ
(ผมชอบพลาสติกสีดำๆจุดๆที่เป็น BG ของตรานั้นแหละ ดูสปอร์ตนิดๆ)

[Bingoboy_Joe]

ไฟหน้า เป็นมัลติ รีเฟลกเตอร์ สว่างพอประมาณ ไม่จำเป็นต้องไปติด HID เพิ่ม

ด้านล่างของกระจังหน้า มีไฟตัดหมอกข้างละหนึ่งดวง ทรงกลม อยู่ในกรอบไฟตัดหมอกสีเงิน ทรงโฉบเฉี่ยว

ดูสวยเด่นเลยทีเดียว อีกทั้งในการวิ่งต่างจังหวัด สามารถช่วยเพิ่มความสว่างในยามค่ำคืนได้อย่างมากเลยทีเดียว

[Bingoboy_Joe]

มาถึงกระโปรงหน้า  มีความยาวประมาณ 1.5 เมตร ในตอนแรกที่ขับ จะจอดตามห้างต่างๆ ห่างจากฟุตบาท

เกือบเมตร เพราะกะระยะไม่ได้เลย (มองไม่เห็นสุดกระโปรงหน้า)

แก้มด้านข้าง มีเพียงสัญลักษณ์ VVT-I  ซึ่งต่างจากรุ่น J , E เพราะสองรุ่นนั้น จะมีไฟเลี้ยวที่แก้มทั้งสองข้าง

แต่ G limited & Unlimited ไม่มี เพราะย้ายไปไว้ที่กระจกมองข้างแล้ว

[Bingoboy_Joe]

มาถึงด้านข้างรถกันบ้าง ประตูบานหน้า มีขนาดใหญ่พอประมาณ สามารถเข้า ออก รถได้สะดวกพอสมควร

และมีคิ้วพร้อมแถบโครเมี่ยมกันกระแทกที่ประตูทั้งสี่บาน

อ้อ...สำหรับปุ่มเปิดประตูที่มือจับคนขับนั้น มีเฉพาะ G limited เท่านั้นนะครับ

[Bingoboy_Joe]

มาถึงด้านหลัง มีไฟท้ายขนาดใหญ่ และมีความแตกต่างจากไฟท้ายของ Vios รุ่นก่อนคือ

มีการจัดเรียงไฟท้ายใหม่ โดยสลับกับรุ่นก่อน สวยขึ้นกว่าเดิมเยอะ
(แต่ผมก็ยังอยากเปลี่ยนเป็น LED ทรง E60 อยู่ดี)
และที่ด้านล่างของกันชนหลัง มีสิ่งที่สะดุดตา และกระตุ้นต่อมใครหลายๆคน

คือ ไฟตัดหมอกหลัง แยกออกมาจากโคมไฟหลัก ซึ่งชัดเจนดีมาก(เกินไป)

ตั้งแต่ซื้อรถมา จำได้ว่าเคยเปิดสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนรับรถ ตรวจสอบว่าติดหรือเปล่า

ครั้งที่สองตอนถ่ายภาพมาทำ User’s voice นี่แหละครับ

[Bingoboy_Joe]

ฝากระโปรงหลัง มีสัญลักษณ์บ่งบอกรุ่นที่มุมบนขวา และสิ่งที่แตกต่างจากรุ่น J & E คือ

แถบโครเมี่ยมใต้สัญลักษณ์ บนกรอบทะเบียนหลังครับ

แต่ที่เหมือนคือ ท่อไอเสีย ยิงออกมาทางขวาใกล้ๆกับไฟตัดหมอกนั่นแหละครับ

[Bingoboy_Joe]

ล้อและยางของรถคันนี้ มีขนาด 15 นิ้ว ลายสิบสองก้าน (จะเยอะไปไหน รู้มั้ยว่ามันล้างยาก)

รัดด้วยยาง  Bridgestone Potenza RE 080 ขนาด 185/60 R15 ผลิตสัปดาห์ที่ 39 เดือน 10

ซึ่งจากที่ขับผ่านมาแล้วสี่พันกว่ากิโลเมตร ได้ความว่า มีความนุ่มมาก แต่เรื่องน้ำนี่ ยังไม่เคยเจอฝนเลย

[Bingoboy_Joe]

รอบคันหมดแล้ว ต่อมา เรามาเปิดกระโปรง(รถ)กันดีกว่า

สำหรับเรื่องสมรรถนะที่เป็นตัวเลขทุกท่านคงจะทราบกันแล้ว (ไม่งั้นก็ตามไปดูที่ Review พี่จิมมี่นะครับ)

คร่าวๆก็ 1500 ซีซี 109 แรงม้า 141 นิวตัน-เมตร

[Bingoboy_Joe]

การจัดวางต่างๆในห้องเครื่อง ไม่ถือว่ารกมากนัก ไม่โล่งเกินไป และไม่ได้เป็นระเบียบดูสบายตาเท่าไหร่

(สรุป ไม่มีอะไรดีซักอย่าง โดยเฉพาะมีกล่อง ECU มาอยู่ในนี้ด้วยสิ)

อุ้ย...ลืมชม  มีแผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรงหน้าด้วยนะ


เท่าที่ผมลองจับเวลาดูนะครับ นั่งสองคน (รวมแล้ว 120 กิโลกรัม)
 
0-100 ประมาณ 10ปลายๆ 11ต้นๆ  เป็นที่น่าพอใจ

80-120 ประมาณ 7ปลายๆ  ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร (มั้ง)

สำหรับอัตราการบริโภคเชื้อเพลิง ส่วนใหญ่ผมเติมโซฮอล์ 91 ครับ (คนไม่มีตังค์ก็งี้แหละ)

วิ่งที่ความเร็ว 110 km/h (ใช้ Foot control) เส้นมิตรภาพ ขอนแก่น-อุดรธานี ได้ 20.5 km/l

ล่าสุด ไปทริปเขาใหญ่ ขาไปวิ่งเฉลี่ย 120-140 km/h ได้ 13.5 km/l
      ขากลับ วิ่งเฉลี่ย 140-180 km/h  ได้ 14.5 km/l (รวมขึ้นลงเขาใหญ่)

ก็งงๆกับตัวเลขอยู่เหมือนกันครับ อาจจะเป็นเพราะขาไปเจอรถติด (รับปริญญา มมส. + มข.)

ความเร็วสูงสุดของรถคันนี้ เท่าที่ได้ลอง ได้ประมาณ 185 km/h และยังไปต่อได้ แต่เริ่มช้าแล้ว

สำหรับน้ำมันหนึ่งถังมากที่สุด ก็เติม ปตท.ปากช่อง (ก่อนทางแยกขึ้นเขาใหญ่ ถ้ามาจากขอนแก่น)

วิ่งขึ้นเขาใหญ่ ตื่นเช้าลงมา Palio ไปถ่ายรูปบ้านที่ชาโต เดอ เขาใหญ่ และวิ่งไป Primo Posto

เลยไปดูทุ่งทานตะวันแล้วค่อยกลับมหาสารคาม รวมแล้วได้ระยะทาง 600 km

สำหรับสเกลบอกน้ำมันนั้น ขีดแรกจะตกเมื่อผ่านไปประมาณ 100 – 110 km

ส่วนการกระพริบ จะมีสองระดับ ระดับแรกตอนน้ำมันเหลือพอประมาณ (จำตัวเลขไม่ได้)

แต่อีกระดับคือ จะกระพริบถี่ๆ และล่าสุด ผมเติมเต็มถัง หมดไป 1400 บาท ได้ 40.37 ลิตร

(- -a เกือบได้เข็น เพราะถังน้ำมัน New vios มีความจุ 42 ลิตร)

[Bingoboy_Joe]

สำหรับ G unlimited จะไม่มี ปุ่ม Push start  นอกนั้น ไม่มีอะไรแตกต่าง คือ

ได้หน้าปัด Optitron สีสันสวยงาม ปรับระดับแสงได้ และจะลดความสว่างเมื่อเปิดไฟหน้า

ซึ่งมีลูกเล่นให้เปลี่ยนได้คือ

1.ODO meter (Km)

2.Trip A (Km)

3.Trip B (Km)

4.อัตราการบริโภคเชื้อเพลิง ณ ปัจจุบัน (Km/L)  ...คำนวนทุก 2 วินาที

5.อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงเฉลี่ย (Km/L) ...คำนวนทุก 10 วินาที

6ระยะทางที่สามารถแล่นต่อไปได้จากน้ำมันที่เหลือ (Km)

7.ความเร็วเฉลี่ย (Km/h)

[Bingoboy_Joe]

โดยการกดที่ตรงปุ่ม Disp ใต้ไฟฉุกเฉินระหว่างช่องแอร์ตรงกลาง และปุ่มข้างจะเป็นปุ่มปรับนาฬิกา

[Bingoboy_Joe]

หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับการที่แผงหน้าปัดมาอยู่ตรงกลาง (แถมไม่ค่อยอยากจะเอียงหาคนขับอีก)

แต่หลังจากที่ผมใช้มาซักพัก ผมก็ว่ามีสะดวกดี มองเห็นง่าย ใช้หางตามองกะความเร็วได้สบาย(เหมือนตอน

สอบใบขับขี่ ที่ให้ใช้หางตามองไฟ) ไม่เหมือน VIGO ของคุณพ่อ จะมองที โดนพวงมาลัยบังซะหมด

[Bingoboy_Joe]

สำหรับช่องแอร์ ตรงกลางจะมีสองช่อง สี่เหลี่ยม ที่ปรับมุมแอร์ มีการคาดโครเมี่ยมมาให้ด้วยเล็กน้อย สวยงาม

แต่ช่องสองช่องหน้าข้างนี้ สำหรับคนนั่ง อาจรู้สึกว่า ตำแหน่งดีแล้ว ปรับง่าย เป็นทรงกลม น่ารักดี

แต่สำหรับคนขับแล้ว เป็นอะไรที่สุดจะทน มันเป็นองศาที่ช่างพอเหมาะพอเจาะกันเสียจริงๆกับมือของ

คนขับที่จะต้องกุมพวงมาลัยเอาไว้ตลอดเวลา

[Bingoboy_Joe]

ใต้ช่องแอร์ทั้งสองข้าง เป็นที่ใส่แก้วน้ำ โดยการกดเข้าไปหนึ่งครั้ง แล้วมันจะค่อยๆเปิดออกมาเอง

ดูดีกว่าของ Yaris เยอะเลย (อันนั้นต้องดึงออกมา เสียวหลุดติดมือ)

[Bingoboy_Joe]

ไหนๆก็มาเรื่องแผงหน้าปัดแล้ว ก็พ่วงคอนโซลหน้าไปให้หมดเลยละกัน

แผงคอนโซลหน้า ขนาดกำลังพอดี (ไม่เว่อร์เหมือน FD) ขนาดนี้ก็ยังมองไม่เห็นฝากระโปรงหน้า

พักหลังมานี่ ใช้การกะระยะเอาว่า 1.5 เมตร จึงหยุด

เครื่องเสียง เป็นแบบ built-in ทรงประหลาดจากเพื่อนๆซักหน่อย มีจอขนาดกลางๆอยู่ตรงกลาง ปุ่มต่างๆ

วางตำแหน่งได้ค่อนข้างดี เล่น CD,MP3 ได้ 1 แผ่น + AUX  และระบบปรับความดังตามความเร็วรถ คุณภาพเสียงที่ออกมาจากลำโพง 6 ตัว อยู่ในเกณฑ์รับได้

การปรับเครื่องปรับอากาศ จัดวางอยู่ใต้เครื่องเล่น เป็นปุ่มวงกลม 3 ปุ่ม หมุนได้ทั้งวงนอกและวงใน

ไม่มีปุ่ม A/C ให้ ต้องบิดเอาเอง การปรับ คอมแอร์จะเริ่มทำงาน เมื่อปรับน้ำยาแอร์มาซักประมาณ 1 ใน 3

และตรงกลางของปุ่มปรับน้ำยาแอร์ จะเป็นปุ่มกดไล่ฝ้ากระจกหลัง

ด้านข้าง ทั้งสองฝั่งของคอนโซลกลาง จะเป็นช่องเก็บของเล็กๆน้อยๆ พอให้ใส่โทรศัพท์ iPod หรือโบชัวร์ได้

[Bingoboy_Joe]

ลิ้นชักใส่ของฝั่งคนนั่ง ดูเหมือนว่าจะเล็กไปซักนิด เพราะผมใส่คู่มือรถ

คู่มือป้ายแดง และแว่นตาสองอันก็เต็มแล้ว

ด้านบนของลิ้นชัก เป็นที่อยู่ของถุงลมนิรภัยฝั่งคนนั่งครับ

[Bingoboy_Joe]

พวงมาลัย สำหรับรุ่น G & G limited นั้น จะเป็นหนังหุ้ม และทรงสปอร์ต คือจะไม่ได้เป็นวงกลม

แต่มีการตัดฉากด้านล่าง แรกๆก็รู้สึกแปลกๆ หลังๆมาเริ่มชอบมันแล้ว

มีสามก้าน การกดแตรจะกดได้เฉพาะตรงกลางเท่านั้น (ข้อเสีย..กดไม่ค่อยทัน)

ตรงมุมบริเวณ 9และ 15 นาฬิกา จะมีการเว้าเข้าไป เพื่อให้นิ้วหัวแม่มือของเราโอบรอบได้

พร้อมทั้งมี Function ในการควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย เปิด-ปิด เพิ่ม-ลดเสียงได้ เปลี่ยนเพลง

หรือเปลี่ยนคลื่นวิทยุได้

[Bingoboy_Joe]

หลังพวงมาลัยด้านซ้าย เป็นก้านควบคุมใบปัดน้ำฝน สีดำด้าน ถ้าดึงเข้ามาตัวเองจะเป็นการฉีดน้ำล้างกระจก

ดันขึ้นเป็นการปัดหนึ่งครั้ง ดันลง 1 จังหวะ เป็นการปัดแพล๊บ(คุณพ่อพาเรียก ไม่รู้จริงๆเรียกว่าอะไร)

แต่ไม่สามารถปรับจังหวะความถี่ได้ (สู้ Vigo ก็ไม่ได้) ดันลงไปอีกหนึ่งจังหวะ

เป็นการปัดต่อเนื่อง และสุดท้าย เป็นการปัดต่อเนื่องแบบเร็ว

[Bingoboy_Joe]

ด้านขวามือ เป็นก้านสีดำด้านเหมือนกัน ใช้ควบคุมระบบไฟ โดยการบิดก้านเอา ซึ่งมีวงแหวนให้บิดอยู่ 2 วง คือ วงนอกสุด (บิดปลายก้านเลย) กับบิดวงแหวนข้างในถัดเข้ามา

ผมขออธิบายอย่างละเอียดพร้อมภาพนะครับ เพราะเห็นมีหลายๆท่านข้องใจ

1.   ปิดไฟหน้า ดังภาพ

[Bingoboy_Joe]

2.   เปิดไฟหรี่เพียงอย่างเดียว : บิดก้านนอกไปข้างหน้าหนึ่งจังหวะ

[Bingoboy_Joe]

3.   เปิดไฟหรี่พร้อมไฟตัดหมอกหน้า : บิดก้านนอกไปหนึ่งจังหวะ พร้อมทั้งบิดวงแหวนในไปหนึ่งจังหวะ

[Bingoboy_Joe]

4.   เปิดไฟหรี่พร้อมไฟตัดหมอกหน้าและไฟตัดหมอกหลัง : บิดก้านนอกไปหนึ่งจังหวะ พร้อมทั้งบิดวงแหวนในไปสองจังหวะ

[Bingoboy_Joe]

5.   เปิดไฟใหญ่พร้อมทั้งไฟตัดหมอกหน้าและไฟตัดหมอกหลัง : บิดก้านนอกไปสองจังหวะ พร้อมทั้งบิดวงแหหวนในไปสองจังหวะ

6.   การปิดไฟหน้าและไฟหรี่ ในบิดก้านนอกกลับมาสองจังหวะ และก้านนอกจะหมุนวงแหวนปิดไฟตัดหมอกหลังให้อัตโนมัติ 
                (การปิดไฟหน้าและไฟหรี่ ไฟตัดหมอกก็ดับด้วย)

[Bingoboy_Joe]

7.   ในการเปิดไฟหน้าครั้งต่อไป หลังจากบิดก้านนอกไปหนึ่งจังหวะ (เปิดเฉพาะไฟหรี่)

วงแหวนในจะยังคงอยู่ที่หนึ่งจังหวะเท่านั้น (ไฟตัดหมอกหน้าติด) และต่อไปบิดก้านนอกไปอีกหนึ่งจังหวะ

หรือรวดเดียวสองจังหวะตั้งแต่แรก (เปิดทั้งไฟหรี่และไฟหน้า) อย่างมากไฟตัดหมอกหน้าจะติด

แต่ไม่มีทางที่ไฟตัดหมอกหลังจะติดตามไปด้วย นอกจากผู้ขับจะบิดวงแหวนเปิดเองครับ