คำว่า Eco Car นั้น หลายคนเข้าใจผิดไปคิดถึง Economy Car ซึ่งหมายถึงรถราคาถูก เพื่อคนมีรายได้น้อยเป็นหลัก แต่อันที่จริงแล้ว นั่นกลับมิใช่ความหมายของคำว่า Eco Car เลย จริงๆ แล้ว Eco Car มาจากศัพท์คำว่า Ecology Car ซึ่งหมายถึง รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้ใช้ข้อกำหนดตามมาตรฐานของยุโรป ทั้งในส่วนของ Euro4 ซึ่งกล่าวถึงเรื่องมลพิษ และ UNECE94-95 ที่กล่าวถึงเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Global standard Eco car ที่กำหนดในเรื่องของอัตรการสิ้นเปลืองน้ำมันต่อลิตร และยังมีข้อกำหนดที่ในบางประเทศกำหนดเพิ่มเติม เช่น อัตราภาษี เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นว่าเกิดความเข้าใจผิดอย่างมากว่า Eco Car คือรถราคาถูก แล้วจะไม่ดี ไม่มีมาตรฐาน วิ่งทางไกลไม่ได้ โครงสร้างไม่แข็งแรง เรื่องเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น เนื่องจากรถ Eco Car เป็นรถที่ถือว่ามีมาตรฐานการผลิตที่สูงมาก จนกระทั้งค่ายรถยักษ์ใหญ่หลายๆค่ายยังไม่สามารถผลิตรถได้ตามมาตรฐานที่กำหนด แต่ส่วนที่ราคารถถูกลงเนื่องจากได้รับการยกเว้นภาษีอย่างมาก ทั้งในส่วนของอะไหล่ เครื่องจักร และวัสดุที่ต้องนำเข้า สรรพสามิต อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการลงทุนต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ เป็นต้น
ข้อกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตราฐานสากล หรือรถอีโคอาร์ (ECO Car) มีทั้งหมด 4 ข้อ โดยรถที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวจะได้รับประโยชน์ทางภาษี โดยภาษีสรรพามิตรของอีโคคาร นั้นคือ 17%
4 คุณสมบัติ ของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Technology)
- ความประหยัดน้ำมัน โดยจะต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร/100 กม. หรือ น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทาง 20 กม.
- การรักษาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานมลพิษปลอดภัยระดับยูโร 4 คือ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 120 กรัม/ระยะทาง 1 กม. โดยรถยนต์ในกลุ่มประเทศยุโรป มีเพียง 5% ที่ผ่านมาตรฐานระดับยูโร 4 นี้
- ความปลอดภัยในระดับสูง ได้มาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป (UNECE 94 และ 95) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยจากการชนด้านหน้าและด้านข้าง
- ความคล่องตัว เพื่อให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง จึงกำหนดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,300 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และไม่เกิน 1,400 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
http://guru.sanook.com/8482/เน้น...ย้ำ
Eco Car ย่อมาจาก Ecology Car ไม่ใช่ Economy Car
ดูได้จากข้อกำหนดต่างๆที่ค่อนข้าง Concern เรื่อง Environment Impact และ
Fuel Consumption ครับ ส่วนที่ตัวรถราคาถูกลงเป็นเพราะว่ารัฐ Subsidize ให้ครับ
โดยมีจุดประสงค์เพื่อโลก เป็นหลัก ครับ เพราะว่าถ้ารัฐไม่ Subsidize ให้ รถเหล่านี้อาจจะมี
ราคาไม่ต่างจาก B-Seg ซึ่งด้วยธรรมชาติของมนุษย์ส่วนใหญ่ที่มีความต้องการความคุ้มค่า
สูงสุด ถ้า Ecology Car เครื่อง 1.0-1.2 ราคาเท่า B Seg เชื่อได้ว่าตายหยังเขียด ขายไม่ออก
ครับ เพราะก็จะเอาแต่เครื่อง 1.5 กัน ส่วน Co2 ที่ปล่อยออกมาจะเท่าไหร่อะไรยังไง จะสนใจ
ไปทำไม แต่ถ้าเอาปัจจัยทางด้านราคาที่ถูกกว่าเพราะรัฐ Subsidize มาเป็นตัวผลักดัน คนก็
จะหันมามอง Ecology Car กันมากขึ้นครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเฟสที่ 2 ก็เหมือนๆกันครับ เพียง
แต่จะมีข้อกำหนดต่างๆที่เข้มมากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านการประหยัดพลังงานและทางด้านความ
ปลอดภัย ซึ่งเอาจริงๆแล้วก็ไม่มีตรงส่วนไหนที่เป็นข้อกำหนดว่า Eco Car ราคาต้องถูกครับ