ผู้เขียน หัวข้อ: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด  (อ่าน 13519 ครั้ง)

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 09:18:41 »
 จากเงื่อนไขที่ออกมาให้เห็นกัน ทาง Mazda เห็นลู่ทางและเลือกส่งผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม หรือว่าทำให้เงื่อนไขเปิดกว้างให้รองรับผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองมีอยู่ ก็ไม่ทราบได้

 แต่ก็ยอมรับเลยว่า ผู้บริหารและฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ Eco car ทั้งหมด มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ตีความเงื่อนไขได้ดีเยี่ยม
  จากเงื่อนไขโครงการ
   - มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด 1.3L เบนซิน และ 1.5L ดีเซล ส่งมาเลยทั้ง 2 รุ่น
   - มีการออกแบบเทคโนโลยีใหม่ SkyActiv รองรับมาตรฐานมลพิษและความสิ้นเปลืองได้ดีขึ้น สามารถผ่านคุณสมบัติ Eco car ได้พอดี
   - ไม่มีกำหนดเงื่อนไขจำนวนรุ่น สามารถทำรถออกมาได้มากกว่า 1 รุ่น และไม่กำหนดรูปแบบตัวถัง ก็เลยมีทั้ง Sedan , Hatchback และ Crossover ( ถ้าคุณสมบัติตัวรถผ่านและ Mazda ยื่นเข้าโครงการนะ )
   - สามารถเอายอดขายของหลายตัวถังมารวมกันได้ เพื่อให้ผ่านเงื่อนไข 1 แสนคันในปีที่ 4 อย่างน้อยคิดว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าตลาด ที่ขายรุ่นเดียวก็เกินแสนคันได้ง่ายๆ ดังนั้น การมีหลายรุ่นก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

  ทำให้ Mazda มีรูปแบบตัวถังและเครื่องยนต์ได้มากที่สุดในโครงการ Eco car
    1. Mazda 2 sedan ดีเซล
    2. Mazda 2 hatchback ดีเซล
    3. Mazda 2 sedan เบนซิน
    4. Mazda 2 hatchback เบนซิน
    5. CX-3 ดีเซล ถ้ายื่นเข้าโครงการ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 09:24:19 »
เห็นด้วยตามนั้นครับ

อยากให้ค่ายอื่นทำตามด้วย

กับการเอารถ B-seg มาตีตั๋วเด็ก

จริงๆ ถ้าทุกค่ายตีตั๋วเด็ก

รถ 1.5 เบนซินก็จะหายไป

ใครก็ตามที่ไม่เข้า ก็คือ ตกรถไฟขบวนสุดท้าย ;D

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,328
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 09:50:47 »
Mazda มีสินค้าในมือให้ขาย ไม่กี่รุ่นต้องใช้ให้คุ้มครับ ไม่เหมือนเจ้าอื่นมีของในมือดีๆหลายรุ่น แต่ไม่ค่อยเอามาขายให้คนไทย  ;D ;D ;D

ค่าไอเสียต่างๆต้องผ่านมาตาฐานสูงๆ ด้วย ทั้งในญี่ปุ่นเองหรือในยุโรป ไทยเราพึ่งมาปรับภาษีใหม่ ตามค่าไอเสีย ทำให้ได้ใช้ของดีๆกับเค้าด้วย

โครงการ Eco car 1 - 2 เป็นการปรับตัวที่ดีของรัฐบาล ที่ออกข้อกำหนดแบบนี้ออกมา ด้วยข้อกำหนดเครื่องยนต์ เป็นเชื้อเชิญค่ายรถต่างๆ หันมาลงตลาดกลุ่มนี้

หลังจาก Mazda กับ ford แยกตัวกันออกมา เริ่มเห็นมีความเปลี่ยนแปลงของ Mazda มากขึ้นครับ ทั้ง เทคโนโลยีต่างๆผลิตภัณฑ์ที่ออกมามากขึ้น วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร



GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 09:55:19 »
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 10:27:36 »
เห็นด้วยตามนั้นครับ

อยากให้ค่ายอื่นทำตามด้วย

กับการเอารถ B-seg มาตีตั๋วเด็ก

จริงๆ ถ้าทุกค่ายตีตั๋วเด็ก

รถ 1.5 เบนซินก็จะหายไป

ใครก็ตามที่ไม่เข้า ก็คือ ตกรถไฟขบวนสุดท้าย ;D

ขอโทษนะครับ
Eco car บ้านเรา ส่วนใหญ่ก็ B-segment ตลาดต่างประเทศนะครับ
แค่เอามาตีตั๋วเด็กบ้านเรา แต่ยืนระดับ ราคา ลดลง ถือภาษี eco car
ทำให้ประชาชน มีทางเลือกมากขึ้นทั้งในเรื่อง ราคา และ สมรรถนรถ

มีแต่ มาสด้านี่ละครับ ที่มาช้าเอง แถมมาเนียนด้วย

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 10:31:56 »
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

ออฟไลน์ secrecyguy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,744
  • 3.2plus
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 10:45:31 »
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ออฟไลน์ deathsheep

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,094
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 10:50:53 »
1.3skyactiv  นี่เติมe85ไม่ได้ใช่มั้ยครับ  ตามที่บอกว่าดูเหมือนฉีดตรงจะไม่ค่อยถูกกับ e85

3รุ่น 5ตัวถัง   แล้ว1 แสนคันนี่รวมตัวเลขส่งออกด้วยใช่ไหมครับ



GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 10:52:48 »
เห็นด้วยตามนั้นครับ

อยากให้ค่ายอื่นทำตามด้วย

กับการเอารถ B-seg มาตีตั๋วเด็ก

จริงๆ ถ้าทุกค่ายตีตั๋วเด็ก

รถ 1.5 เบนซินก็จะหายไป

ใครก็ตามที่ไม่เข้า ก็คือ ตกรถไฟขบวนสุดท้าย ;D

ขอโทษนะครับ
Eco car บ้านเรา ส่วนใหญ่ก็ B-segment ตลาดต่างประเทศนะครับ
แค่เอามาตีตั๋วเด็กบ้านเรา แต่ยืนระดับ ราคา ลดลง ถือภาษี eco car
ทำให้ประชาชน มีทางเลือกมากขึ้นทั้งในเรื่อง ราคา และ สมรรถนรถ

มีแต่ มาสด้านี่ละครับ ที่มาช้าเอง แถมมาเนียนด้วย


ผมอยากให้ B-seg 1.5 หมดไปครับ จะได้ใช้สิทธิภาษี Eco ให้หมดครับ

รถจะได้ประหยัด + ปลอดภัยมากขึ้น

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 10:57:01 »

คุณ  G...G
อยากได้ ประมาณ  City ที่ ความปลอดภัยมาเต็ม แต่ราคา Eco car
ผมก็อยากได้ครับ ถ้าราคา มันลงมาจริง

แต่ถ้า ถือ สิทธิ Eco car แต่ราคา B นี่ผมก็ไม่เอาครับ


GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 11:00:45 »

คุณ  G...G
อยากได้ ประมาณ  City ที่ ความปลอดภัยมาเต็ม แต่ราคา Eco car
ผมก็อยากได้ครับ ถ้าราคา มันลงมาจริง

แต่ถ้า ถือ สิทธิ Eco car แต่ราคา B นี่ผมก็ไม่เอาครับ


ตามนั้นครับ แต่ราคาต้องไม่แพงเท่า city 1.5 :)

ออฟไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,850
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 11:01:21 »
คนอยากได้เครื่อง1.5มากกว่า1.2ก้ยังมีอยุ่ และเยอะด้วย ไม่งั้นวีออสซิตี้คงขายไม่ออก
อย่าลืมว่าเครื่อง1.2อาจเพียงพอสำหรับคุณ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 11:02:42 »
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 22, 2015, 11:04:27 โดย mamaman »

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 11:30:01 »
1.3skyactiv  นี่เติมe85ไม่ได้ใช่มั้ยครับ  ตามที่บอกว่าดูเหมือนฉีดตรงจะไม่ค่อยถูกกับ e85

3รุ่น 5ตัวถัง   แล้ว1 แสนคันนี่รวมตัวเลขส่งออกด้วยใช่ไหมครับ




 Mazda 2 1.3L ไม่รองรับ E85 ครับ
  และผมก็เชื่อว่า ไม่มี Eco car ได้ส่วนลด E85 เลยซักรุ่นเดียว เพราะติดที่อัตราสิ้นเปลืองไม่ผ่านครับ

 Eco car รวมยอดส่งออกด้วยครับ แต่ต้องใช้เครื่องขนาดเดียวกันกับที่ขายในประเทศที่เข้าเงื่อนไข
  กรณี Mazda 2 ถ้าขายในประเทศ 1.3L เบนซิน แล้วส่งออกเครื่อง 1.5L เบนซิน แบบนี้ยอดส่งออกจะไม่นำมารวมในเงื่อนไข Eco car 1 แสนคันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 22, 2015, 13:31:47 โดย H3T »

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 11:32:14 »
1.3skyactiv  นี่เติมe85ไม่ได้ใช่มั้ยครับ  ตามที่บอกว่าดูเหมือนฉีดตรงจะไม่ค่อยถูกกับ e85

3รุ่น 5ตัวถัง   แล้ว1 แสนคันนี่รวมตัวเลขส่งออกด้วยใช่ไหมครับ




 Mazda 2 1.3L ไม่รองรับ E85 ครับ
  และผมก็เชื่อว่า ไม่มี Eco car ได้ส่วนลด E85 เลยซักรุ่นเดียว เพราะติดที่อัตราสิ้นเปลืองไม่ผ่านครับ

 Eco car รวมยอดส่งออกด้วยครับ แต่ต้องใช้เครื่องขนาดเดียวกันกับที่ขายในประเทศที่เข้าเงื่อนไข
  กรณี Mazda 2 ถ้าขายในประเทศ 1.3L เบนซิน แล้วส่งออกเครื่อง 1.5L เบนซิน แบบนี้ยอดส่งออกจะไม่นำมารวมในเงื่อนไข Eco car 1 แสนคันครับ

แบบนี้ก็เท่ากับว่า ภาษี Eco car 12% แทบไม่มีความหมายเลยนะครับ


ออฟไลน์ xtrarach

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 113
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 12:13:27 »
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413

เค้าก็ทำถูกแล้วนิครับ. "มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป" ไม่ได้บอกว่าต้องถูก
ถ้าไม่มีโครงการนี้ เทคโนโลยีมาขนาดนี้คงมาในราคาที่คนจับต้องไม่ค่อยได้

ออฟไลน์ deathsheep

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,094
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 12:52:18 »
1.3skyactiv  นี่เติมe85ไม่ได้ใช่มั้ยครับ  ตามที่บอกว่าดูเหมือนฉีดตรงจะไม่ค่อยถูกกับ e85

3รุ่น 5ตัวถัง   แล้ว1 แสนคันนี่รวมตัวเลขส่งออกด้วยใช่ไหมครับ




 Mazda 2 1.3L ไม่รองรับ E85 ครับ
  และผมก็เชื่อว่า ไม่มี Eco car ได้ส่วนลด E85 เลยซักรุ่นเดียว เพราะติดที่อัตราสิ้นเปลืองไม่ผ่านครับ

 Eco car รวมยอดส่งออกด้วยครับ แต่ต้องใช้เครื่องขนาดเดียวกันกับที่ขายในประเทศที่เข้าเงื่อนไข
  กรณี Mazda 2 ถ้าขายในประเทศ 1.3L เบนซิน แล้วส่งออกเครื่อง 1.5L เบนซิน แบบนี้ยอดส่งออกจะไม่นำมารวมในเงื่อนไข Eco car 1 แสนคันครับ

การทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองนี่ใช้ e85 เป็นตัวทดสอบเหรอครับ

ผมนึกว่าจะใช้ได้หรือไม่ได้ก็ตามจะใช้น้ำมันชนิดเดียวกันทดสอบซะอีก


ผมเคยอ่านเจอน่าจะประชาชาติธุรกิจว่าเฟส2  จะเน้นการเติมe85  เพื่อเน้นประหยัดค่าเชื้อเพลิง  ก็เลยคิดว่าราคาเฟส2  คงพุ่งแตะb segmentแน่เลย

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,328
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 13:12:40 »
ส่วนตัวคิดว่า ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มสุดๆ คงต้องยกให้ โตโยต้าครับ เห็นมีขายแค่ ยาริส รุ่นเดียว แต่ยอดขายนั้นเกินคาด ฟันกำไร ไปได้เท่าไรไม่รู้แล้ว

ทั้งๆที่ไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ฉีดตรง เครื่องดีเซล เกียร์ 5-6 จังหวะ อะไรมากมาย ออปชั่น ก็ระดับพื้นๆ การขับขี่ก็ไม่ได้เด่นนัก แต่ยอดขายเดือนๆหนึ่ง หลายพันคัน

Mazda เองก็คงรู้ละ มาเอาของใหม่ๆมาลงขาย ราคามันย่อมแพงกว่ายีห้ออื่นเค้า ถึงได้หาช่องลง โครงการ Eco car จะได้เปรียบตรงราคาที่ คาดว่าจะถูกลงบ้าง

รอดูราคา Mazda 1.3 ดีกว่าครับ ว่าจะเปิดตัวที่เท่าไร แล้วจะจบที่เท่าไร  ;D ;D ;D

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 13:30:29 »
@ คุณ Deathsheep และ คุณ G...G
ผมไปหาคำตอบมาแล้วครับ ผมต้องขออภัย ผมเขียนผิดพลาดเองครับ

 อัตราสิ้นเปลืองในการทดสอบจะใช้น้ำมัน เบนซิน 91 ครับ ไม่เกี่ยวกับ E85 แต่อย่างใด
 แต่ถ้าผู้ผลิตปรับปรุงให้สามารถรองรับ E85 ได้ ก็จะได้าับส่วนลดภาษีสรรพสามิต 2% ครับ

 ส่วนประเด็นว่า ทำไมผู้ผลิตเลือกจะไม่ปรับปรุงรองรับ E85 เพื่อส่วนลดภาษี คงเป็นเหตุผลเรื่องอื่นๆครับ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 22, 2015, 13:32:58 โดย H3T »

ออฟไลน์ deathsheep

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,094
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 14:18:48 »
@ คุณ Deathsheep และ คุณ G...G
ผมไปหาคำตอบมาแล้วครับ ผมต้องขออภัย ผมเขียนผิดพลาดเองครับ

 อัตราสิ้นเปลืองในการทดสอบจะใช้น้ำมัน เบนซิน 91 ครับ ไม่เกี่ยวกับ E85 แต่อย่างใด
 แต่ถ้าผู้ผลิตปรับปรุงให้สามารถรองรับ E85 ได้ ก็จะได้าับส่วนลดภาษีสรรพสามิต 2% ครับ

 ส่วนประเด็นว่า ทำไมผู้ผลิตเลือกจะไม่ปรับปรุงรองรับ E85 เพื่อส่วนลดภาษี คงเป็นเหตุผลเรื่องอื่นๆครับ

 

ขอบคุณครับผม ที่ต่างประเทศนี่ใช้น้ำมัน e85กันหรือเปล่าครับ 

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 14:35:03 »
 ส่วนเรื่องที่ว่า ภาษีสรรพสามิตใหม่ 1 ม.ค. 2559 จะส่งผลต่อรถกลุ่ม Eco car ที่ขายอยู่แล้วหรือไม่

 ผมจะสรุปดังนี้นะครับ
   1. ผู้ผลิตที่ยื่นรถรุ่นใดในเฟสแรกไปแล้ว ก็ขายต่อไปได้ครับ ไม่มีผลต่อภาษีใหม่ใดๆทั้งสิ้น
     ยกตัวอย่าง รถรุ่น A Co2 = 120 g/km ตามเงื่อนไขเฟสแรก ขึ้นปีหน้าภาษีใหม่ต้องยังเสียภาษีสรรพสามิตที่ 17% เท่าเดิม
   2. ผู้ผลิตรายใดยื่นเฟสสองอยู่แล้ว ก็เสียภาษีที่ 14% เท่าเดิม
   3. ถามว่าเมื่อไหร่รถเฟสแรกจะหยุดขาย ก็ต่อเมื่อยอดขายเกินเงื่อนไขไปแล้ว และต้นทุนทางด้านภาษีที่สูงกว่าเฟสสอง ผู้ผลิตก็จะหยุดการจำหน่ายไปเองตามความเหมาะสม
   4. ผู้ผลิตสามารถขายรถในเฟสแรกกับแฟสสองพร้อมกันได้ ไม่มีข้อห้ามใดๆ ยังไงเฟสแรกก็จะหยุดจำหน่ายในไม่นานอยู่แล้ว
   5. ผู้ผลิตสามารถนำรถที่อยู่ในเฟสแรก มาปรับปรุงให้เข้าข้อกำหนด เช่น ลดอัตรา Co2 , ทำอัตราสิ้นเปลืองให้ดีขึ้น มายื่นเข้าเฟสสอง เพื่อเอาภาษีต่ำลง 3% ( จาก 17% เป็น 14% ) ไม่ได้ครับ เพราะรถรุ่นนั้นๆต้องไม่เคยจำหน่ายในประเทศมาก่อน ต้องเป็นรหัสตัวถังใหม่เท่านั้น

  สรุปอีกครั้งว่า ภาษีสรรพสามิตใหม่ 2559 มีผลกับทุก Segment ยกเว้นรถในโครงการ Eco car ครับ


@ คุณ Deadsheep
  FFV มีใช้ในบางประเทศครับ โดยเฉพาะแถบอเมริกาใต้ ที่มีผลผลิตเอทานอลมากๆ เช่น บราซิล

ออฟไลน์ sk-non

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 494
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 15:04:37 »
บราซิลใช้
E100

Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 15:31:26 »
แล้วถ้ารถที่เข้าร่วมเฟส 1 หมดอายุตลาดแล้ว โมเดลต่อไปสามารถใช้อัตราภาษีแบบเฟส 1 ต่อไปได้ หรือว่าหมดแล้วหมดเลยครับ

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 16:51:53 »
แล้วถ้ารถที่เข้าร่วมเฟส 1 หมดอายุตลาดแล้ว โมเดลต่อไปสามารถใช้อัตราภาษีแบบเฟส 1 ต่อไปได้ หรือว่าหมดแล้วหมดเลยครับ

 หมดอายุแล้ว จะยื่นเฟสหนึ่งเพื่ออะไรครับ ในเมื่อภาษีสรรพสามิตเฟสสองถูกกว่า

 แต่ถ้าหมายถึงไม่ได้ลงทุนเพิ่มแต่ออกรุ่นใหม่มาอีก โดยขอยื่นเงื่อนไขเฟสแรก ข้อนี้ยังมีเวลาอยู่ครับ เพราะเงื่อนไขยังสามารถเปิดตัวขายได้ในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามผู้ผลิตรายนั้นต้องแจ้งขอรุ่นนั้นๆไว้แล้วตั้งแต่ยื่นเฟสแรกนะครับ

 ถ้าไม่ได้แจ้งไว้ก็หมดสิทธิครับ

ออฟไลน์ equinox

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 17:15:50 »
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413

มีตรงไหนที่บอกว่าถูกครับ ผมอ่านดูมีแต่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตราฐานทางด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสม คำว่าเหมาะสม ก็คือราคาเหมาะสมกับมาตรฐานทางด้านความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ต.ย. เช่น เก๋งดีเซลที่มีความประหยัดอย่าง 320D นี่ ราคาเท่าไหร่ครับ 2-3 M ซึ่งราคาดังกล่าวมีประชาชนกี่คนที่สามารถเข้าถึงไอความประหยัดแบบดีเซล 20KM/L บ้างครับ ?
 
ลองอ่านใจความดูครับ รัฐต้องการให้ ประชาชนเข้าถึง รถยนต์ที่ มีความประหยัดพลังงาน มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น โดยต้องการให้รถยนต์ดังกล่าวมีราคาที่เหมาะสม เพื่อต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 17:56:28 »
โดยส่วนตัวผมอยากให้มันมีรถหลายๆ กลุ่มครับ เช่น

1. Eco car ราคาถูกจริงๆ แบบ Celerio March Mirage Brio

2. B-seg ตีตั๋วเด็ก แต่ option เต็มๆ เช่น Mazda 2

3. รถใหญ่ๆ ตีตั๋วเด็ก เช่น Yaris Almera

4. รถหรู และรถพิเศษอื่นๆ (ยาก)

 :)

ออฟไลน์ gumpzgear

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 382
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 18:10:48 »
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413

มีตรงไหนที่บอกว่าถูกครับ ผมอ่านดูมีแต่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตราฐานทางด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสม คำว่าเหมาะสม ก็คือราคาเหมาะสมกับมาตรฐานทางด้านความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ต.ย. เช่น เก๋งดีเซลที่มีความประหยัดอย่าง 320D นี่ ราคาเท่าไหร่ครับ 2-3 M ซึ่งราคาดังกล่าวมีประชาชนกี่คนที่สามารถเข้าถึงไอความประหยัดแบบดีเซล 20KM/L บ้างครับ ?
 
ลองอ่านใจความดูครับ รัฐต้องการให้ ประชาชนเข้าถึง รถยนต์ที่ มีความประหยัดพลังงาน มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น โดยต้องการให้รถยนต์ดังกล่าวมีราคาที่เหมาะสม เพื่อต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ

ใช่ครับ ตามนั้นเลย รัฐต้องการให้ประชาชนเข้าถึงรถที่มีมาตรฐานความปลอดภัย และประหยัดพลังงานสูง จึงช่วย Subsidize ต้นทุนให้ ซึ่งแต่ก่อนรถ B-Segment หรือ C-Segment ที่จะมีออพชั่นความปลอดภัยสูงเท่านี้ต้องแลกกับราคารถที่มากกว่า 7 แสน

แต่โครงการนี้ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้บอกว่าถูกนะครับ

ออฟไลน์ equinox

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 18:55:44 »
  คำว่า Eco Car นั้น หลายคนเข้าใจผิดไปคิดถึง Economy Car ซึ่งหมายถึงรถราคาถูก เพื่อคนมีรายได้น้อยเป็นหลัก แต่อันที่จริงแล้ว นั่นกลับมิใช่ความหมายของคำว่า Eco Car เลย จริงๆ แล้ว Eco Car มาจากศัพท์คำว่า Ecology Car ซึ่งหมายถึง รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้ใช้ข้อกำหนดตามมาตรฐานของยุโรป ทั้งในส่วนของ Euro4 ซึ่งกล่าวถึงเรื่องมลพิษ และ UNECE94-95 ที่กล่าวถึงเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Global standard Eco car ที่กำหนดในเรื่องของอัตรการสิ้นเปลืองน้ำมันต่อลิตร และยังมีข้อกำหนดที่ในบางประเทศกำหนดเพิ่มเติม เช่น อัตราภาษี เป็นต้น      ดังนั้นจะเห็นว่าเกิดความเข้าใจผิดอย่างมากว่า  Eco Car คือรถราคาถูก แล้วจะไม่ดี ไม่มีมาตรฐาน วิ่งทางไกลไม่ได้ โครงสร้างไม่แข็งแรง เรื่องเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น เนื่องจากรถ Eco Car เป็นรถที่ถือว่ามีมาตรฐานการผลิตที่สูงมาก จนกระทั้งค่ายรถยักษ์ใหญ่หลายๆค่ายยังไม่สามารถผลิตรถได้ตามมาตรฐานที่กำหนด แต่ส่วนที่ราคารถถูกลงเนื่องจากได้รับการยกเว้นภาษีอย่างมาก ทั้งในส่วนของอะไหล่ เครื่องจักร และวัสดุที่ต้องนำเข้า สรรพสามิต อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการลงทุนต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ เป็นต้น
            ข้อกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตราฐานสากล หรือรถอีโคอาร์ (ECO Car) มีทั้งหมด 4 ข้อ โดยรถที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวจะได้รับประโยชน์ทางภาษี โดยภาษีสรรพามิตรของอีโคคาร นั้นคือ 17%
     4 คุณสมบัติ ของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Technology)
     - ความประหยัดน้ำมัน โดยจะต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร/100 กม. หรือ น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทาง 20 กม.
     - การรักษาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานมลพิษปลอดภัยระดับยูโร 4 คือ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 120 กรัม/ระยะทาง 1 กม. โดยรถยนต์ในกลุ่มประเทศยุโรป มีเพียง 5% ที่ผ่านมาตรฐานระดับยูโร 4 นี้
     - ความปลอดภัยในระดับสูง ได้มาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป (UNECE 94 และ 95) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยจากการชนด้านหน้าและด้านข้าง
     - ความคล่องตัว เพื่อให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง จึงกำหนดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,300 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และไม่เกิน 1,400 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล


http://guru.sanook.com/8482/

เน้น...ย้ำ

Eco Car ย่อมาจาก Ecology Car ไม่ใช่ Economy Car

ดูได้จากข้อกำหนดต่างๆที่ค่อนข้าง Concern เรื่อง Environment Impact และ

Fuel Consumption ครับ ส่วนที่ตัวรถราคาถูกลงเป็นเพราะว่ารัฐ Subsidize ให้ครับ

โดยมีจุดประสงค์เพื่อโลก เป็นหลัก ครับ เพราะว่าถ้ารัฐไม่ Subsidize ให้ รถเหล่านี้อาจจะมี

ราคาไม่ต่างจาก B-Seg ซึ่งด้วยธรรมชาติของมนุษย์ส่วนใหญ่ที่มีความต้องการความคุ้มค่า

สูงสุด ถ้า Ecology Car เครื่อง 1.0-1.2 ราคาเท่า B Seg เชื่อได้ว่าตายหยังเขียด ขายไม่ออก

ครับ เพราะก็จะเอาแต่เครื่อง 1.5 กัน ส่วน Co2 ที่ปล่อยออกมาจะเท่าไหร่อะไรยังไง จะสนใจ

ไปทำไม แต่ถ้าเอาปัจจัยทางด้านราคาที่ถูกกว่าเพราะรัฐ Subsidize มาเป็นตัวผลักดัน คนก็

จะหันมามอง Ecology Car กันมากขึ้นครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเฟสที่ 2 ก็เหมือนๆกันครับ เพียง

แต่จะมีข้อกำหนดต่างๆที่เข้มมากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านการประหยัดพลังงานและทางด้านความ

ปลอดภัย ซึ่งเอาจริงๆแล้วก็ไม่มีตรงส่วนไหนที่เป็นข้อกำหนดว่า Eco Car ราคาต้องถูกครับ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 19:06:26 »
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413

เค้าก็ทำถูกแล้วนิครับ. "มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป" ไม่ได้บอกว่าต้องถูก
ถ้าไม่มีโครงการนี้ เทคโนโลยีมาขนาดนี้คงมาในราคาที่คนจับต้องไม่ค่อยได้

เครื่อง ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ
แต่เบนซินยังไม่สรุปขอดูราคา

ว่าแต่อวยมาสด้าไปป่าว ครับมันก็ B-segment ธรรมดาคันนึงนีละ ไม่ได้วิเศษมาจากไหน
จับต้องไม่ได้ ทำไม เบนซิน สเปคนี้มีขายทั่วโลกครับ ในราคา เท่าๆ คู่แข่ง segment เดียวกันกับ city ที่เครื่อง 1.5
แค่ ฉีดตรง กับ ESP แค่นี้ จะจับต้องไม่ได้กันเลยเหรอครับ
ผมมองว่า ไม่ได้มีอะไรดีกว่า city เลยด้วยซ้ำ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 19:18:23 »
เน้น ย้ำ ผมรู้มาตั้งนาน ว่ามัน  ย่อมาจาก Ecology Car

แต่ที่ผมบอกว่าต้องถูก คือ
คือผม เน้นคำว่า ประชาชนเข้าถึง ผมตีความว่ามันต้องเป็นประชาชน ทุกภาคส่วน
ไม่ใช่แค่ คนที่ มีอันจะกิน หรือ ชนชั้นกลาง ไม่งั้นทำไม เค้าไม่เอา D-segment มาละครับ
ดังนั้น จะถูกหรือแพง เอา คนๆ เดียวตัดสินไม่ได้
ต้องฟังเสียง ประชาชน ส่วนใหญ่ครับ

ระบบ ABS ESP มันคือ มาตราฐานของ B-segment ยุคใหม่อยู่แล้วครับ

หาก B-Car ถือ ภาษี Eco car แล้วถูกลง อันนั้นผมยินดีครับ ผมถือว่าเหหมาะสม
ถามหน่อยทำไม city ทำได้ครับ
มีระบบ ความปลอดภัย พร้อมในระดับที่ Eco car ต้องการแต่ขาย AT 589,000 ไม่แปะ

มาสด้า 2 ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ ถือว่าถูกด้วยครับ เพราะไม่มี รถที่ spec เดียวกันให้เปรียบเทียบ หรือถ้าจะมีก้อย่างที่บอกกันมา คือ รถราคา 2-3 ล้าน

ถามหน่อยทำไม Mazda 2 ตัวต่างประเทศ มีเทคโนโลยีเดียวกัน แต่ขาย ราคาเท่าๆ City
เน้น ย้ำ
Mazda 2 ต่อให้มัน ไม่ใช่ Eco car ขายเครื่อง 1.5 ราคามันก็แค่ คู่แข่ง city เท่านั้นครับ
ไม่ได้เป็นรถวิเศษอะไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 22, 2015, 19:37:14 โดย mamaman »