สำหรับเมืองไทยอาจไม่ค่อยเห็นผลโดยรวมในแง่ของมลพิษทั้งประเทศ เพราะพพลังงานไฟฟ้าของไทย เกือบ85%มาจากฟอสซิล และถ่านหิน อ้างอิงจาก
https://workpointnews.com/2018/08/07/ไฟฟ้าไทยมาจากไหน/
แต่ต่างประเทศที่มีวิชั่น และให้ความสำคัญกับมลพิษทางอากาศมากๆอย่างนอร์เวย์นั้น พลังงานจากฟอสซิล เค้าใช้แค่2-3%เท่านั้นเอง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Electricity_sector_in_Norwayดังนั้นประเทศเค้าจึงสนับสนุนให้รถไฟฟ้าเกิดเต็มที่ น่าจะเป็นประเทศแรกในโลกที่ยอดขายรถไฟฟ้าแซงรถน้ำมันไปแล้ว
ดังนั้นถ้าถามว่าโดยรวมทั้งโลกทำให้มลพิษ ทางอากาศดีขึ้นไหม ผมว่าดีขึ้นแน่ๆ เพราะประเทศที่พัฒนาแล้ว ต่างพยายามลดการสร้างพลังงานไฟฟ้าจากฟอสซิลกันไปมาก
แต่ข่าวร้ายคือเมืองไทยยังไม่มีแผนการชัดเจนในแง่ของการใช้พลังงานทดแทนเลย
แต่คิดว่ารถไฟฟ้าถ้าใช้แพร่หลายไม่ว่าที่ไหนในโลกก็จะส่งผลในแง่ลดมลพิษทางอากาศแน่นอนเพราะ
1. การผลิตและการทำลายมีมลพิษก็จริง แต่แบตลูกนึงใช้ได้10ปี หรือหลายแสนกิโลในเทสล่า
2. มลพิษที่เข้มข้นและหนาแน่นมากๆในเมือง มีความสัมพันธ์โดยตรงกับโรคต่างไเช่นมะเร็ง นอกจากนี้มีผลในเรื่องความร้อนด้วย
3. การผลิตไฟฟ้าที่ใดที่หนึ่ง ย่อมควบคุมมลพิษได้ง่ายกว่ารถหลายล้านคันที่คุมไม่ได้ ลองนึกภาพ สิบล้อ กระบะควันดำ
4. ถ้าอนาคต รัฐบาลเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ย่อมเห็นทางออกในการลดมลพิษได้มากขึ้นถ้าคนส่วนใหญ่มาใช้รถไฟฟ้าแล้ว ดีกว่าสนับสนุนภายหลัง
ปัจจุบันนี้ โลกเราร้อนขึ้น มีการวิเคราะห์ว่าถ้าอุณหภูมิโลกสูงขึ้น เกิน2-3องศา ปะการังจะตายหมดซึ่งอาจจะมีผลต่อจำนวนปลาในทะเลและอาหารของเรา น้ำทะเลในโลกจะสูงขึ้นอีกหลายเมตร แผ่นดินจะหายไปอีกมาก รวมถึงกรุงเทพเมืองหลวงของไทยด้วย
จึงมีข้อตกลงปารีส ว่าจะป้องกันเรื่องนี้โดยไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกินอีก1.5 องศา รถไฟฟ้ากับพลังงานทดแทนน่าจะเป็นส่วนนึงที่ช่วยตรงนี้ได้
ส่วนตัวถ้าที่คอนโด ติดpower chargeได้ ผมคงถอยaudi etron แน่นอน ไม่ใช่เพราะแค่แรงและเงียบ แต่เป็นเรื่องมลพิษและความร้อน ที่คิดว่าใน กทม ทุกวันนี้มันเยอะเกินไปมากๆแล้ว