เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ

Ex_machina

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 16:23:51 »
อย่าดูจุดสูงสุดของกราฟอย่างเดียว

ให้ดูพื้นที่ใต้กราฟโดยรวมทั้งหมดจะดีกว่า



SM.

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 16:49:48 »
การใช้งาน ทำให้การ tuning ต่างกันไปครับ รวมทั้งระบบอื่นๆด้วย เช่น เกียร์



dinpordinpuen

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 17:16:01 »
ผมว่าถ้าหากเครื่องดีเซลในเก๋งมาวางในกระบะ ผมว่าอาจจะเป็นที่เรื่องที่ดีต่อการใช้งานมากขึ้นซีซีน้อยแต่กำลังเหลือๆ

แต่ถ้าถามว่าทำไมเครื่องเล้กกว่าถึงทำแรงม้า แรงบิดได้สูงกว่า ก็อย่างคอมเม้นดานบน ถ้าเค้าต้องการดันเครื่องเล็กดีเซลหรือเบนซิลเทอร์โบให้เป็นตัวท็อปของแต่ละรุ่น เขาก็ต้องทำกำลัง

เครื่องให้มันดูดีกว่าในแคตตาล็อก คุยว่าจริงมั้ยตามประสาคนชอบดูแรงม้าแรงบิดแล้วเอามาเทียบกับ เฮ้ยคันนี้ม้าเยอะกว่า อีกคันแรงบิดเยอะกว่า ก้มานั่งถกกันอีกทีนึง

แล้วทำไมกระบะถึงไม่ทำแรงม้าแรงบิดให้มันดูดีดูแรงกว่าทั้งๆที่ซีซีเยอะกว่าเห็นๆ ผมว่าจุดประสงค์ของเครื่องดีเซลในกระบะคือความทนต่อการใช้งานในทุกการสภาพไหนจะต่อแบกโหลด

น้ำหนักเป็นตัน ไหนจะต้องลากออกตัว หนำซ้ำขึ้นเขาอีก แต่ผมว่าดีเซลในเก๋งออกแบบมาเพื่อความหยืดหยุ่นของการใช้งานไม่ต้องกดเยอะให้แรงบิดรอบต่ำๆพาตัวรถที่ไม่หนักมากไป
เรื่อยๆ

แล้วการจูนแรงม้าผมว่าโรงงานเค้าจูนให้มันมีม้ามากกว่านี้ก้ได้ แต่อัตราสิ้นเปลืองในดีเซลกระบะอาจจะกินกว่าเดิมก็ได้ เพราะไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมายเท่า ดีเซลที่พัฒนาเพื่อวาง
ในรถเก๋ง มีแต่ลดขนาดซีซีลงมาช่วยแทน แล้วค่ามลพิษเข้มงวดขึ้น ค่าลงทุนพัฒนาสูงขึ้น อาจจะไม่มากเกินแต่บริษัทก็คงมองว่าไม่จำเป็น

ปล.ผิดถูกยังไงก็ขออภัย
ปล.บางทีแรงม้าแรงบิดอาจจะทำให้ชื่นใจเวลากางสเปคเฉยๆก้ได้ แต่ขับจริงๆ หลายคนในประเทศอาจจะใช้ไม่ครบเลยด้วยซ้ำ



Vitz

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 17:56:09 »
ไม่ต้องไปคิดอะไรซับซ้อนหรอกครับ

เทคโนโลยี เครื่องยนต์ดีเซลคอมม่อนเรลน่ะ ... มันไปไกลแล้ว ผู้ผลิตเค้าจะให้มันมีแรงม้าเท่าไรก็ได้ ไม่ว่าจะ เครื่องยนต์ที่อยู่ใน SUV หรือ ที่อยู่ในรถกระบะ ....

แต่ปัจจัยมันอยู่ที่ว่าา ... คนซื้อ จะคิดยังไง ถ้าเครื่องยนต์ 2.2 ใน BT50 PRO มีแรงม้าแรงบิดมากกว่า CX5 .... ทั้งๆที่ CC เท่ากัน ... แต่ราคา CX5 แพงกว่ามาก .... (ทุกวันนี้ยังมีลูกค้าหลายคนคิดว่า เครื่องยนต์ CX5 เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ BT50 อยู่เยอะ)

คนจะคิดยังไง ถ้า 1.6 I-Dtec ของ Honda มีแรงม้าแรงบิด น้อยกว่า 1.9 DDI ของ  ISUZU ล่ะ

รถแพงกว่า แต่สเป็กเครื่องห่วยกว่ากระบะคันละ 7-8 แสน .... มันจะขายออกไหมล่ะครับ .....

โดยเฉพาะลูกค้าคนไทย ... คงได้มาโพสว่า "รถก็แพง เครื่องยังแรงน้อยกว่ากระบะอีก" เป็นแน่แท้ ....
เห็นด้วยกับเม้นท์นี้ครับ

[เพิ่มเติม]
ผมเคยเห็นในหลายๆกระทู้ก่อนหน้า หลายๆท่านบอกว่าต้นทุนรถกระบะแพง ซึ่งในบางประเทศรถกระบะแพงกว่ารถสปอร์ตสองประตูของค่ายเดียวกัน บวกกับเทรนด์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่สนใจออฟชั่นเพื่อความ สุนทรีย์ และสะดวกสบาย มากกว่าข้อมูลทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เลยทำให้ผู้ผลิตลดต้นทุนเครื่องแล้วมาใส่ของพวกนี้แทน เป็นไปได้ไหมครับ  :-X
呵呵呵



locomotive

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 20:35:44 »
แค่คำว่า วางขวางขับหน้า กับ วางยาวขับหลัง ( รถเก๋งมีครับไม่เถียง แต่น้อยมาก ส่วนใหญ่คือรถระดับ Hi performance )  จขกท. ยังไม่เก็ท ยังจะเอาความคิดตังเอง เอาเครื่องเก๋ง ชนเกียร์กระบะ ซึ่งโครงสร้างเกียร์ กับรถสองประเภท คนละเรื่อง แถมสิ่งที่เป็นตัวแปลที่หลายคนไม่พูดคือ น้ำหนัก รถเก๋ง ยังไงๆ มันก็มีน้ำหนัก เบา กว่า กระบะอยู่แล้ว ถึงได้ประหยัดน้ำมันกว่า  อย่างที่ จขกท. สงสัยไง วัตถุประสงการใช้ 2 อย่างนี้ก้คนละโลกแล้ว ยังไม่เข้าใจ เพราะกระบะมีเหล็กเฟรมแซสชีขั้นกลางตัวรถกับช่วงล่าง อยู่ จึงที่มาว่ารถกระบะจึงมีแรงบิดรอบต่ำ เพื่อเน้นบรรทุก รถเก๋งเน้น โดยสาร สมถนะ คล่องตัว  จึงเช็ทอัพมาต่างกัน ถ้าแค่นี้ จขกท. ไม่เข้าใจ เชิงวิศกรรม ก็ช่วยไม่ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 20:39:53 โดย locomotive »



Koong

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 22:09:14 »
 น่าจะเกี่ยวกับเรื่องอัตราสิ้นเปลือง

      รถกระบะตัวถังหนัก ยิ่งจูนให้แรง ยิ่งเหยียบ ก็ยิ่งกินเป็นทวีคูณ คงกลัวว่าตัวเลขการประหยัดน้ำมันจะออกมาไม่สวยก็เลยตอนๆไว้  เดี๋ยวคนจะเอาไปลือว่ารถรุ่นนี้รุ่นนั้นกินน้ำมันมากเกินไป

     แต่รถเก๋งน้ำหนักเบา ขับเร็วหรือช้าอัตราสิ้นเปลืองจะไม่หนีกันมาก   ก็จูนให้แรงๆอีกหน่อย เอาให้แรงแล้วอัตราสิ้นเปลืองออกมาไม่น่าเกลียด เป็นใช้ได้

ถ้าจะยกตัวอย่างก็ มาสด้า 2 ดีเซล  105 แรงม้า   ดูธรรมด้าธรรมดา  แต่ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบใช้งานจริงยืนพื้น 20 กม/ล   และ  25 กม/ลิตร มีคนทำได้หลายคน
คือถ้ามาสด้าไม่เน้นให้มันประหยัดขนาดนี้  ก็อาจจะจูนให้มีสัก 120 ม้าก็คงได้   แต่ตัวเลขประหยัดคงลดลงเช่นกัน



SuperY

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2017, 11:14:03 »
เนืองจากเทคโนโลยี่ ดีเซล ถูกปฎิวัติโดย BMW ในปลายทศวรรตที่ 1990  นั่นแหละครับ
(ได้รางวัลเครื่องยนต์ดีที่สุดหลายรางวัล) 

และที่สำคัญ ถึงเวลานี้ สิทธิบัตร สำคัญๆ มันน่าจะหมดอายุไปเยอะแล้วและหลายปีแล้ว
(สิทธิบัตรมีอายุแค่ 17 ปี)  (อย่างน้อยๆ ก็ดีเซลรุ่นใหม่ของ Merc. Benz ก็เอาเทคโนฯ
ของ BMW มาใช้ (W213 220D นี่แหละครับ ควันไม่ดำแล้วคราวนี้ หลังดำมาเป็นชาติๆ
เพราะเทคโนฯ โบราณ) ไม่ต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรด้วย 

พวกรถญี่ปุ่นหลายแบรนด์ก็นำเอาเทคโนฯ ดีเซลยุคใหม่ไปใช้แล้วนะครับ หมดสิทธิบัตร
แล้วใครๆ จะลอกจะทำยังไงก็ได้ครับ แต่ดูเหมือนจะมีมาสด้าเจ้าเดียวที่เอามาขายในไทย
ในขณะนี้  ฮอนด้าก็มีนะครับ แต่ยังไม่เอาเข้ามาขาย

BWM แลกเทคโนฯ Hybrid ของโตโยต้า โดยแลกกับ เทคโนฯ เครื่องเบนซิลรุ่นใหม่ของบีเอ็ม
(ตอนนี้ยังถือว่าดีที่สุดของโลกและสิทธิบัตรยังไม่หมด อีกนานครับ)  รุ่นต่อๆ ไปของโตต้า
จะได้ใช้เทคโนฯ เครื่องยนต์ของบีเอ็ม นะครับ

*** ขอตั้งข้อสังเกต ***
E-Class 220D เครื่อง 2.0 เทอโบ แรงม้าแรงบิดตามสเปค ไม่หนี 520D แต่เพื่อการตลาด
ลอกลวงผู้บริโภคหรือเปล่า??? ถึงตั้งชื่อรุ่น 220D   ตลกจริงๆ  (อยากรู้วิ่งจริงๆ จะโดน
520D ทิ้งเหมือน 300E Hybrid ไหม???)





DiKiBoyZ

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2017, 12:00:48 »
แค่คำว่า วางขวางขับหน้า กับ วางยาวขับหลัง ( รถเก๋งมีครับไม่เถียง แต่น้อยมาก ส่วนใหญ่คือรถระดับ Hi performance )  จขกท. ยังไม่เก็ท ยังจะเอาความคิดตังเอง เอาเครื่องเก๋ง ชนเกียร์กระบะ ซึ่งโครงสร้างเกียร์ กับรถสองประเภท คนละเรื่อง แถมสิ่งที่เป็นตัวแปลที่หลายคนไม่พูดคือ น้ำหนัก รถเก๋ง ยังไงๆ มันก็มีน้ำหนัก เบา กว่า กระบะอยู่แล้ว ถึงได้ประหยัดน้ำมันกว่า  อย่างที่ จขกท. สงสัยไง วัตถุประสงการใช้ 2 อย่างนี้ก้คนละโลกแล้ว ยังไม่เข้าใจ เพราะกระบะมีเหล็กเฟรมแซสชีขั้นกลางตัวรถกับช่วงล่าง อยู่ จึงที่มาว่ารถกระบะจึงมีแรงบิดรอบต่ำ เพื่อเน้นบรรทุก รถเก๋งเน้น โดยสาร สมถนะ คล่องตัว  จึงเช็ทอัพมาต่างกัน ถ้าแค่นี้ จขกท. ไม่เข้าใจ เชิงวิศกรรม ก็ช่วยไม่ได้

ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ ที่ให้กับผม

และที่บอกผมไม่เก็ท ไม่ใช่ไม่เก็ทครับ ผมรู้ว่าอะไรทำได้ หรือไม่ได้ ผมไม่ได้จะมาแย้งบริษัทผู้ผลิตรถ หรืออะไรหรอก เพราะวิศกรพวกนั้นเขาเก่งกว่าผมเยอะครับ แค่ผมสงสัยหรือมีทฤษฎี หรือ ความคิด ว่ามันเป็นไปได้ไหม???? แค่นั้นเอง

ผมขอชี้แจงเพิ่มแบบนี้ล่ะกัน
- เรื่อง เครื่องวางขวางขับหน้า วางยาวขับหลัง อันนี้ผมไม่สนใจหรอกครับ และเห็นบอกมาว่า เครื่องวางยาวขับหลัง เป็นกลุ่ม Hi performance อันนี้อาจจะใช่ แต่ C/E/S class หรือพวก Series 3/5/7 เป็น Hi performance เขาเรียก premium หรือป่าว? แล้ว innova crysta ใช่ กลุ่ม Hi performance ป่าวเอ่ย? คำว่า performance กับ premium มันไม่จำเป็นต้องมาด้วยกันเสมอไปน่ะ แต่ช่างเหอะ ข้อนี้ผมปล่อยผ่าน

- ผมก็อยากยกตัวอย่างเช่น innova crysta 2.8 ใช้เครื่อง 2.8  เครื่องเดียวกับ REVO แต่ในขณะเดียวกัน D-Max 1.9 ใช้เครื่องแค่ 1.9 ซึ่งมองตามความเป็นจริงแล้ว innova crysta มันไม่น่าจะบรรทุกหนักเท่า D-Max น่ะ 1.9 คนเอาไปทำรถคอก วิ่งการเยอะแยะ(แต่คงอาจจะไปทำเพิ่ม เข้าใจ) ถ้ามันเป็นแบบนี้แล้ว มันไม่เสมอไปหรือป่าว ที่กระบะต้องเครื่องใหญ่กว่าเก๋ง/suv/mpv เป็นต้น

- แนวคิดหรือคำถามของผม คือ คิดว่าถ้าเอาเครื่อง Diesel ในเก๋ง ไปใส่รถกระบะ จะเป็นไง ซึ่งผมก็อธิบายไปแล้วว่า ว่า "ถ้าเอาเครื่องพวกนี้ มาประกบกับเกียร์กระบะ เพื่อให้ได้อัตราทดหรือระบบส่งกำลังเหมือนกัน แต่จุดกำเนิดกำลังหรือเครื่องยนต์ ในเก๋ง CC น้อยกว่า แต่ได้กำลังเท่ากันหรือมากกว่าด้วยซ้ำ มันน่าจะทำให้ กำลังลงล้อ หรือ กำลังลงพื้น น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ" คือผมไม่ได้จะเอาทุกอย่างในเก๋งไปใส่ในกระบะหรอกนะครับ ส่วนเรื่องเอาเครื่องเก๋งไปชนกับเกียร์กระบะ ได้หรือไม่ได้นั้น ช่างมันครับ อย่างที่คุณ locomotive บอกว่าเป็นความคิดตัวผมเอง มันแน่นอนอยู่แล้วครับ ผมถึงต้องมาตั้งกระทู้ถามความคิดคนอื่นๆ ไงครับ ผมไม่ใช่ทีม R&D หรือวิศวกร ปล่อยเป็นหน้าหน้าที่ทีม R&D หรือวิศวกรเขาไปคิดหรือผลิตเอง ผมไม่สนใจ

- เรื่องน้ำหนักรถ หรือ น้ำหนักตัวถัง ลักษณะการใช้งาน มันต่างกัน ผมรู้ และ ผมและหลายๆ comment เอ่ยถึงตลอดครับ รบกวนไปอ่านย้อนหลังด้วย

- เรื่องโครงสร้างตัวรถ ผมรู้ครับว่า กระบะส่วนใหญ่เป็น แบบ body on frame หรือ body on chasis ส่วนเก๋งส่วนใหญ่เป็นแบบ unibody หรือ monocoque ผมรู้มันคืออะไร และรู้ว่ามันแตกต่างกัน แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะในกระทู้นี้ หรือ คำถามผม สนใจเครื่องยนต์มากกว่า

- ถ้ามันยากที่คุณ locomotive เข้าใจ ผมก็เปลี่ยนคำถามละกันว่า ถ้ามีเครื่อง Diesel 1.6-2.0 ที่มีแรงม้า 160-200 HP และแรงบิด 350-500 Nm แล้วเอาใส่แทนเครื่องพวก Diesel  2.4-3.0 จะเป็นไปได้ไหม??? เอาแบบนี้ล่ะกัน ไม่ต้องสนใจว่ามันจะเป็นเครื่องเก๋ง หรือเครื่องสูบน้ำ ถือว่าผมยกตัวอย่างจากเครื่อง BMW2.0 Mazda2.2 Honda1.6 เฉยๆ ละกัน


ทั้งหมดทั้งมวล ผมสนใจ หรือ มีคำถาม หรือ อยากทราบแนวคิด การพัฒนา หรือทฤษฎี บลาๆๆๆๆๆ ว่า มันเป็นไปได้ไหม ดีไหม เหมาะไหม ที่จะเอาเครื่อง Diesel ซีซี น้อยๆ  ในเก๋งทั้งหลาย ไปใส่แทน เครื่อง Diesel กระบะที่ ซีซี เยอะๆ เพราะอย่างที่บอกว่า ดูแล้ว แรงม้า แรงบิด อัตราการกินน้ำมัน มันดูจะดีกว่า

ซึ่งมันจะเป็นแนวทาง down-sizing แบบง่ายๆ ที่ผมคิด แบบไม่ต้องไปเสียเวลาคันคว้า พัฒนา หลายปี (ผมคิดหัวข้อนี้แค่ 5 นาที แค่คำถามนี้ผมสงสัยมานานล่ะ)



soklong

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2017, 14:05:15 »
แรงม้าแรงบิดในสเปคในกระดาษ เค้าวัดที่เครื่อง หรือเปล่าครับ




DiKiBoyZ

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2017, 21:39:18 »
แรงม้าแรงบิดในสเปคในกระดาษ เค้าวัดที่เครื่อง หรือเปล่าครับ

ถ้าตามสเปค เครื่องแต่ละตัว ตามกระดาษ หรือ โบว์ชัวร์ วัดที่ Flywheel ครับ(กำลังของเครื่องล้วนๆ) ยังไม่ผ่านเกียร์ ระบบขับเคลื่อน

ถ้าจะแรงม้า แรงบิด ลงพื้น ก็จะวัดบน Dyno กันครับ



kittiphat123

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2017, 23:23:05 »
มีเครื่องยนต์วางนอนแบบของซูบารุ แต่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลมีไหมครับ สรุปคือ เครื่องดีเซลวางนอนมีไหมครับ



bluecef169

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: มีนาคม 02, 2017, 10:21:53 »
รถกะบะ รถบรรทุก เครื่องยนต์จะเน้นแรงบิด กำลังในการชุดลาก บรรทุก
รถเก๋ง เน้นความเร็วคล่องตัว
โหลดที่เครื่องยนต์ต้องแบกรับจากชุดเกียร์และเพลาแตกต่างกันครับ
อยากให้ลองดูที่ ช่วงรอบการเค้นกำลังและแรงบิดด้วย รวมถึงกำลังอัด

ถ้าจะเอาเครื่องดีเซลตัวเดียวกันไปยัดลงทั้งกะบะทั้งเก๋งคงเป็นไปไม่ได้ตามการใช้งาน
 
1.เน้นบรรทุก แรงบิดต้องมาก มาในช่วงที่กว้างครับ พละกำลังจะได้ไม่หดหาย(พื้นที่ใต้กราฟอย่างที่ความเห็นด้านบนบอก) แรงม้าต้องมาในรอบต่ำ (โหลดเยอะจะหวังให้ลากรอบสูงๆคงไม่รอด)
2.เก๋ง เน้นความเร็ว คล่องตัว แรงบิดมากมาต่ำในช่วงแคบๆ แรงมาต้องมาในรอบที่สูงๆครับ ถึงจะทำความเร็วได้ ไม่งั้นความเร็วก็หดเหมือนกันถ้ามารอบต่ำ(อย่าบอกว่าใช้ชุดเกียร์อัตราทดช่วย มันช่วยได้ไม่มากหรอกครับ)
ซึ่งการเซ็ทให้ได้อย่างที่ว่ามันอยู่ที่เครื่องด้วย ที่ช่วงชัก (อย่าลืมว่าซีซ๊เท่ากัน ใช่ว่าลูกสูบต้องเท่ากันเสมอไปนะครับ) ความจุกระบอกสูบคือ ลูกสูบ x ช่วงชักครับ อันนี้แหละที่สร้างความแตกต่างให้เครื่องดีเซลแต่ละตัวที่จะผลิตแรงม้า แรงบิดออกมาที่รอบที่แตกต่างกัน
NISSAN Sunny B310  MT '1975 สีไข่ไก่
NISSAN Cefiro A31  RB25DET MT '1994 สีฟ้า
HONDA City VAT Society '2011  สีขาวมุก



DiKiBoyZ

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: มีนาคม 03, 2017, 12:59:08 »
มีเครื่องยนต์วางนอนแบบของซูบารุ แต่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลมีไหมครับ สรุปคือ เครื่องดีเซลวางนอนมีไหมครับ

ถ้าไม่หมายถึง boxer ก็มีครับ ใน MB, BMW, VW, AUDI และอื่นๆ ที่เป็น diesel วางนอน ในเก๋ง (ถ้าเป็น 6 สูบจะสายอเมกาอีกหลายตัว)



DiKiBoyZ

Re: เครื่องยนต์ Diesel ในเก๋ง vs กระบะ
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: มีนาคม 03, 2017, 13:13:23 »
รถกะบะ รถบรรทุก เครื่องยนต์จะเน้นแรงบิด กำลังในการชุดลาก บรรทุก
รถเก๋ง เน้นความเร็วคล่องตัว
โหลดที่เครื่องยนต์ต้องแบกรับจากชุดเกียร์และเพลาแตกต่างกันครับ
อยากให้ลองดูที่ ช่วงรอบการเค้นกำลังและแรงบิดด้วย รวมถึงกำลังอัด

ถ้าจะเอาเครื่องดีเซลตัวเดียวกันไปยัดลงทั้งกะบะทั้งเก๋งคงเป็นไปไม่ได้ตามการใช้งาน
 
1.เน้นบรรทุก แรงบิดต้องมาก มาในช่วงที่กว้างครับ พละกำลังจะได้ไม่หดหาย(พื้นที่ใต้กราฟอย่างที่ความเห็นด้านบนบอก) แรงม้าต้องมาในรอบต่ำ (โหลดเยอะจะหวังให้ลากรอบสูงๆคงไม่รอด)
2.เก๋ง เน้นความเร็ว คล่องตัว แรงบิดมากมาต่ำในช่วงแคบๆ แรงมาต้องมาในรอบที่สูงๆครับ ถึงจะทำความเร็วได้ ไม่งั้นความเร็วก็หดเหมือนกันถ้ามารอบต่ำ(อย่าบอกว่าใช้ชุดเกียร์อัตราทดช่วย มันช่วยได้ไม่มากหรอกครับ)
ซึ่งการเซ็ทให้ได้อย่างที่ว่ามันอยู่ที่เครื่องด้วย ที่ช่วงชัก (อย่าลืมว่าซีซ๊เท่ากัน ใช่ว่าลูกสูบต้องเท่ากันเสมอไปนะครับ) ความจุกระบอกสูบคือ ลูกสูบ x ช่วงชักครับ อันนี้แหละที่สร้างความแตกต่างให้เครื่องดีเซลแต่ละตัวที่จะผลิตแรงม้า แรงบิดออกมาที่รอบที่แตกต่างกัน
อันนี้ก็น่าใจ

ผมเคยเห็น dyno test ของ isuzu 1.9 แล้วผมเอาไปเทียบกับ 2.0 diesel ในเก๋งเจ้านึง ผลคือ กราฟเก๋ง แทบจะดีกว่าในทุกย่านเลย (ขนาดใช้ เกียร์เก๋ง อัตราทดเก๋ง แต่เข้าใจว่าน้ำหนักมีส่วน) มันเลยเกิดคำถามในตัวเองขึ้นมา แบบนี้ล่ะครับ

ผมเห็นเครื่อง 2.0 TDI ใน VW Amarok ซึ่งเป็นเครื่องเดียวกัน (ไม่แน่ใจว่าใส้ในเหมือนกันทุกอย่างหรือป่าว แต่จูนคนละ map แน่ๆ) ซึ่งถูกวางใน VW, A4, A5, A6, Passsat, VW Transpoter, Seat Leon อื่นๆ อีกเยอะแยะในเครือของ VW อีกเยอะแยะเลย

ผมเลย เอ๊ะๆ มันน่าจะเป็นไปได้ ตามทฤษฎี ที่ผมตั้งคำถามนั้น

ปล.ทำได้ หรือ ถ้าคิดจะทำ เราไม่ต้องสนใจ เพราะมันเป็นเครื่องของบริษัทผู้ผลิต  ::)