ผมเคยexperiment โดยเทียบกันระหว่าง ถอดกรองอากาศทิ้ง วิ่งแมร่มแบบนั้นเลย
ผลออกมาไม่ต่างอะไรจากใส่กรองอากาศเลยแม้แต่นิดเดียว รถNA ผมว่า แรงดูดมันไม่มาก
เท่ารถเทอร์โบ พวกนั้นเวลาสืดอากาศทีโฮกฮาก อาจจะมีผลบ้าง แต่ผมไม่กล้าที่จะลอง
เพราะถ้าถอดกรองวิ่งเท่ากับแค่รอบเดียว เท่ากับผมฆ่าเทอร์โบ GT2871 เบิกป้ายแดงมาฟรีๆเลยทีเดียว
สรุปว่า ไม่ต้องไปดิ้นรนอะไรกับกรองเปลือย กรองเห็ดอะไรมากมายหรอกครับ มันได้เสียง
พอได้เสียง มันก็เลยเร้าใจ เหยียบเยอะขึ้น อุปทานไปเองเหมือนกราวน์ไวร์เหมือนVolt Stabilized
เป๊ะเลย แม้กระทั่งK&N ผมยังไม่ใช้เลย ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะ แต่ว่านานๆเข้า มันจะพาผมเสียสตางค์หลัก
หลายหมื่นบาท ตามlogic ง่ายๆ กรองตาถี่... กรองฝุ่นละเอียด โฟลว์น้อยกว่า กรองตาห่าง...กรองฝุ่นหยาบกว่า โฟลว์ดีกว่า
ความต้องการของผู้บริโภค อยากจะให้ได้โฟลว์ขึ้น ไม่ไปrestrict การดูดอากาศของเครื่องยนต์หรือเทอร์โบ
แต่ประสิทธิภาพในการดักฝุ่น ได้ใกล้เคียงของเดิม(อย่าคาดหวังว่า
กรองตาห่าง มันจะกรองฝุ่นได้แจ่มเหมือนกรองอากาศแบบติดรถยนต์มาตรฐาน) ทางบริษัทผู้ผลิต
เลยต้องมีน้ำยา ทาเคลือบเอาไว้เพื่อช่วยดักฝุ่น คราวนี้ลองมาคิดต่อ ถ้าน้ำยา หรือของเหลวที่ทาเคลือบนั้น
ไม่มีความเหนียวในตัว คุณว่ามันจะจับฝุ่นได้ดีมั้ย? เพราะฉะนั้นสารที่ทาเคลือบมันก็จะเป็นพวกคล้ายๆน้ำมัน
ผมไม่ได้บอกว่าเป็นน้ำมันนะครับ เพราะนานๆเข้าพวกนี้ก็จะมีโอกาสหลุดผ่านเข้าไปได้ ยังไม่ต้องไปคิดถึงเครื่องนะครับ
มันจะไปเจอแอร์โฟลว์ ที่เป็นขดลวด hot wire ที่ปกติมันจะวาบไฟในช่วง1/1000วินาที ก่อนจะดับเครื่องเพื่อชำระล้างตัวเอง
ลองมาคิดดูว่า ไอของสารเคลือบที่คล้ายๆน้ำมัน บวกกับเศษฝุ่นนิดหน่อยหลุดเข้าไปแปะอยู่บนขดลวดhot wire แถมมีวาบไฟ
ด้วย พอนานๆเข้าพวกนี้จะกลายเป็นoil gunk เคลือบบนขดลวด แอร์โฟลว์คุณก็จะกลับ สู่มาตภูมิเดิม ในที่สุด ถ้ารถยอดนิยม
คงไม่ซีเรียสแต่ถ้าไปเจอรถประหลาดๆ แอร์โฟลว์ เปิดราคามาขำๆ 14,000-23,000 เจ้าของรถร้องเจี๊ยก เป็นลิงตกน้ำเลยทีเดียว