จาก swift กลายมาเป็น freed ซะงั้นครับ
จริง ๆ มันก็เกินความจำเป็นอยู่หรอกนะ
แต่ผู้หญิงเค้าคิดอะไรแบบรอบคอบ ลงรายละเอียดมากกว่าผมครับ
ภรรยาผมบอกว่าถ้าเอา eco มันก็ได้ที่ประหยัด แต่ถ้าจะเอาไปธุระ หรือไปเที่ยวทางไกล
มันก็ไม่ค่อยคุ้ม freed วิ่งในเมืองก็คล่องตัวพอสมควร น้ำมันก็ยังไง ๆ ก็น้อยกว่า GV. 2000 cc. ที่ใช้อยู่
เอาไปวิ่งทางไกลก็ OK ไม่อึดอัด และที่สำคัญคุณแม่ยายผมก็ขึ้นลงสะดวกครับ
มันก็เป็นรถที่ไม่ใหญ่ ไม่เล็กนะ พอดี ๆ
กะแล้วครับว่าคุณอาต้องเสร็จเจ้านี่ เชื่อภรรเมียไว้ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงที่ไม่ได้เกิดจากรถ ซ่อมก็ไม่ได้ เครมก็ไม่ได้ บุ แดมป์อะไรก้ไม่ได้
55555 กะไว้แม่นดีนะครับ
ผมเองนะ ชอบมันก็ตรงที่ความเอนกประสงค์ล้วน ๆ เลย แล้วอีกอย่างก็เป็นสาวก honda ใช้ city มา 10 ปี มันไม่จุกจิกกวนใจครับใหม่ ๆ ทะเลาะกับช่าง สองสามครั้งนะ ทำพรมรถผมเปื้อนน้ำมันเครื่อง แต่ตอนนี้กลายเป็นสนิทกันกับช่างและผู้จัดการไปแล้ว รถที่ผมใช้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษกว่าคนอื่น
ถึงเวลาเช็คระยะหัวหน้าช่างก็มารับรถเองถึงที่ทำงาน เสร็จแล้วก็มาส่งเองครับ ภรรยาผมเคยอาละวาดซะแต่ละคนนี่กลัวไปหมดครับ
แต่ส่วนตัวผมเองก็บอกตรง ๆ ว่าลังเล ๆ ระหว่าง freed กับ swift 50 - 50 อยู่ครับ พอมาลอง brio ก็พอใจพอสมควรนะ ข้อติมันมีเยอะ แต่ก็ถูกใจห้องโดยสารที่ดูโปร่งสบาย ที่นั่งด้านหลังก็วางขาได้ไม่แคบเกินไป
เพียงแต่เสียว ๆ ตูดครับ มันติดกระจกบานหลังเลย แต่นึกในใจไว้แล้วว่า ภรรยาต้องชอบ freed แน่ ๆ แต่ราคามันก็ไปคนละเรื่องกับ eco car เลย แล้วมีรถใหญ่ใช้งานอยู่แล้ว freed มันก็เลยดูเกินความจำเป็นสำหรับผมครับ
ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องฟันธงเลือกรถเอาเมื่อวานซืน ผมก็ออกไปดู swift อีกครั้ง แต่มันก็มีข้อด้อยที่พื้นที่ด้านคนนั่งหลังกับที่เก็บสัมภาระ แต่ก็พอรับได้นะ เพราะใช้ในเมืองก็ไม่มีความจำเป็นมากนัก แล้วก็ไปไหนมาไหนในเมืองก็แค่ผมกับภรรยา อาจจะมีบ้างที่ภรรยาผมพาเพื่อนไปสามสี่คนไปสังสรรค์ แต่ข้อด้อยอีกเรื่องก็คือภายในห้องโดยสารที่เป็นสีดำ ภรรยาผมเค้าเป็นโรคกลัวที่แคบ แต่มันก็พอมีทางออกอยู่บ้าง เพราะผมก็ได้ติดต่อร้านทำเบาะไว้แล้ว ฝีมือดีใช้ได้ แต่ต้องลงทุนอีกประมาณ 20000 ทำเบาะหนังพร้อมกับด้านข้างประตูเป็นสีเทาอ่อน แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจว่ามันจะออกมาดูกลมกลืนแค่ไหน กลัวจะออกเป็นลิเกเหมือนกันครับ
อ่ะ
คันต่อไป ผมไปดู mirage รูปลักษณ์ก็พอไหว พื้นที่โดนสารด้านหลังสบายกว่า swift เล็กน้อย แต่วัสดุดูไม่ดีเท่า แล้วยิ่งพื้นห้องสัมภาระ ไม่ดีเอาเลย ที่สำคัญ ภายในสีดำอีกแระ
ทีนี้ในใจผมก็ลองหันมาที่ brio ก็เลยไปดู brio ต่อเลยครับ อืม
.โทนสีเบจภายใน ดูใช้ได้ เบาะนั่งสบาย
ด้านหลังก็มีพื้นที่วางขาดีพอสมควร แต่ถ้าซื้อมาก็คงต้องเสียเงินตกแต่งอีกหน่อย เพราะผมไม่ชอบด้านท้ายเอาเลยครับ แต่ดูไปดูมามันก็เหมือนเฟอร์นิเจอร์ชั้นนึง จะดูให้สวยมันก็พอไปไหว ก็คิดว่า เอาเจ้า brio นี่ก็ได้วะ
แต่ก็แอบมอง freed นะ ซึ่งผมก็เคยไปลองขับมาแล้วด้วยครับ
ก็กลับมาที่ทำงานครับ วันรุ่งขึ้นก็เลยชวนคุณภรรยาไปดู brio เลย เพราะรถก็มี ถ้าจะเอาก็ออกรถได้เลยครับ
Swift กับ mirage ก็เลยตัดไป
ภรรยาไปดู brio โห
เจอเสาอากาศก็โดนภรรยาตำหนิเลย ทำไมมันโบราณอ่ะพี่ แล้วก็ บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
อีกหลายเรื่อง ผมอ่ะลุ้นให้ภรรยาตัดสินใจเอานะครับ ก็พยายามหว่านล้อมเต็มที่ ก็พอได้ผลอยู่บ้าง ช่วยกันกล่อมกะน้องฝ่ายขายครับ 55555 และแล้วสายตาภรรยาไปเห็น freed สีขาว ด้านใน ( อ่ะ
งานเข้าแระกรู )
พอได้เห็นห้องโดยสารภายใน freed ก็เป็นดังคาดครับ ถูกใจแม่หญิงเรไรเอามาก ๆ ตกลงก็ขอน้องฝ่ายขายทดลองขับทั้งสองคัน ก็ลอง brio ก่อน ภรรยาผมขับเองนะครับ อืม
ก็ OK ในระดับหนึ่ง แต่บ่นว่าพวงมาลัยมันไวมาก แล้วก็บ่นต่อว่ามันเล็กอ่ะ
พอมาลอง freed โอ
ชมเอา ๆ ๆ ( งานเริ่มเข้า 80 % แล้วกรู )
สุดท้าย ก็คุยกับผู้จัดการ ต่อรอง โน่น นี่ นั่น ไปเมื่อวาน กับวันนี้ ขอ ลดแลก แจก แถม ไปเพียบแล้วครับ
( งานเข้า 90 % แล้ว ณ ขณะนี้ และทางผู้จัดการก็ OK ไปตามที่เธอเรียกร้องแล้วด้วย ตอนนี้ก็คงเหลือทำสัญญา ไฟแนนท์ กันแล้วมั้งครับ ล่าสุดคุณภรรยาก็บอกให้ผู้จัดการ เตรียมรถไว้เลย )
เธอให้เหตุผลตามประสาผู้หญิงที่เค้าคิดอะไรรอบคอบ ผมก็ต้องเห็นชอบล่ะครับ ผ่อนเหนื่อยหน่อย แต่เธอบอกว่ามันคุ้มที่จะมีรถแบบนี้ไว้ใช้ เพราะคุณแม่เธอก็อายุมากแล้ว หลานสาวก็กำลังซน ซึ่งเราต้องไปเยี่ยมเยียนที่ภูเก็ตบ่อย ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ก็หลายคน freed มันก็เหมาะ ถ้าเอา GV. ไป ก็กินน้ำมันกว่า แล้วก็ไม่ได้ไปเข้าป่า ด้วย และหากต้องเข้าป่าที่ตรัง ก็เอา GV. ไปใช้ วิ่งในเมืองหรือไปทำงาน freed ก็ไม่ได้ซดน้ำมันจนเกินไป รวม ๆ แล้ว มันคุ้มกว่าใช้ eco car มันก็เป็นเหตุผลที่ดีนะครับ
ถ้ายังไงผมติดอะไรตรงไหนในเรื่องของการใช้งาน ก็คงต้องปรึกษาท่านล่ะครับ