สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวHeadlightmagครับ หลังจากที่เกริ่นมานานกับเจ้ารถคันนี้ Toyota Camry 3.5Q V6 ซึ่งตัวที่ผมจับมาทำรีวิวครั้งนี้เป็นตัวไมเนอร์เชนจ์ครับ
อ้อคราวนี้อาจจะรู้สึกแปลกกันหน่อยเพราะตัวรถนั้นเราได้มาเป็นคู่พี่น้องเกร์ยสเกล สีขาว และดำ สองสียอดฮิตของคนไทย สำหรับแคมรี่3.5นั้นหากให้พูดมันก็มีพี่น้องฝาแฝดอีก1คันเหมือนกันนะ รุ่นนั้นคือLexus ES350 ดั่งในรูป
เอาหล่ะครับ มาที่เรื่องของตัวรถซึ่งเป็นพระเอกของงานนี้กันดีกว่าสำหรับตัวรถภายนอกนั้น หากมองผ่านๆ มันก็เหมือนกับพวกCamry 2.0,2.4 ดีๆนี่แหละครับ หากลองมองดีๆ ก็แยกออกได้อย่างง่ายดายครับ เอาหล่ะเรามาดูที่ภายนอกกันเลยนะครับ
สำหรับตัวนี้ถึเป็นไมเนอร์ ก็จริงแต่ถ้าดูดีๆแล้ว มันไม่ค่อยมีอะไรต่างกับ3.5ตัวก่อนหน้านี้เสียเท่าไหรแต่ ราคาดันกระโดดมาเป็น 2.9ล้าน!?เอ๊ะ มันกระโดดมาถึงขนาดนี้เลยหรือ สิ่งที่เปลี่ยนในตัวนี้ มีดังนี้ครับ
-ชุดกันชนหน้า เหมือน 2.0 และ2.4 ซึ่งผมว่าตัวนี้เป็นอะไรที่ดูลงตัวกว่าโฉมที่แล้วจริงๆ
-แผงกระจังและแผงเรดาห์ใหญ่ขึ้น
-ล้อขนาด17นิ้ว ลายใหม่โดยใจเจ้เต็มๆ
-ชุดไฟท้ายใหม่ ซึ่งผมส่าโอเคมองดู สวยแต่ดูบวมๆอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนนอกนั้นเหมือนตัว3.5เก่าทุกอย่าง เอาหล่ะงานนี้เราคงไม่ต้องโฟโต้ฮันท์อะไรมากมายซึ่งเรื่องนี้ผมจึงไม่ขออธิบายให้รีวิวยาวเหยียดเป็นหางว่าวนะครับ
เรามาที่ภายในกันดีกว่าครับ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาเราจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายอันแสนจะคุ้นเคย
เบาะเป็นแบบปรับไฟฟ้า8ทิศทางและ ระบบจดจำตำแหน่งและที่เบาะคนขับมีระบบปรับเบาะพิงหลังมาให้ และเรื่องนึงที่ผมอยากจะตินิดหน่อย
เห็นไหมครับ ถ้าไม่เ็ห็นผมอธิบายเลยและกัน คือปุ่มจดจำตำแหน่งมันทำไมถึงไปอยู่ในซอกหลืบเสียขนาดนั้น โอเคผมอาจจะติสแตกกับเรื่องเล็กๆน้อยแต่หากคุณอยากใช้งานขึ้นมากมันควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่ายกว่านี้เสียหน่อยก็จะดีมาก
สำหรับภายในนั้นตัวรถจะถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำแลดูขรึมและมีความเป็นผุ้ใหญ่ มากกว่าสีเบจ ซึ่งผมว่ามันเป็นเหมือนสีสามัญประจำรถไปแล้วจริงๆ
อ้อหากท่านต้องการภายในสีนี้แต่เงินในกระเป๋าไม่เอื้อ คุณยังมีทางเลือกอีก คือ รุ่น2.0G Extream หรือไม่ก็ 2.4 Hybrid บลู เศษเล็บ(Celeb) แต่ผมไม่แน่ใจว่าอี2รุ่นนั้นมันโดนโละหมดหรือยัง
เรามาดูกันที่อุปกรณ์ภายในกันเลยดีกว่าครับ
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่ทำให้คุณเป็นพระเจ้าได้ด้วยปลายนิ้ว มองอย่างนี้ก็สวยดีนะครับ แต่พอลองใช้งานจริงๆผมหันไปหากับคุณมีนเจ้าของรถเลยว่า "พวงมาลัยชวนเก๊กซิม"มาก ปุ่มบ้าไรเยอะแยะไปหมดวร๊าา~~!!!??
สำหรับปุ่มควบคุมต่างๆมีตั้งแต่ เครื่องเสียง แอร์ และปุ่มรับสาย-วางสาย
เอาหล่ะขยับมาดูครูซคอนโทรล กันบ้าง จัดอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่มีเปลี่ยนเว้นแต่.......ลองมองไปที่ปุ่มเล็กๆ ที่เป็นเหมือนส่วนเกินของพวงมาลัยสิครับ(ช่างน่าสงสารจริง) นั่นแหละปุ่มควบคุม เรดาห์ครูซคอนโทรล สำหรับ เรดาห์ครูซคอนโทรลนั้น มีให้ปรับด้วยกัน3ระดับครับ การทำงานของมันคล้ายๆกับครูซ คอนโทรลทั่วไปเพียงแต่ว่า เมื่อมีรถคันข้างหน้าวิ่งอยู่มันก็จะรักษาระยะห่าง ด้วยความเร็วที่เหมาะสม แต่ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยเบรคแต่อย่างไรนะเจ๊อะ เพราะมันไม่ใช่Volvo ที่จะได้ For Life ไปซะทุกอย่าง (แต่ก็คงไม่For life แน่ถ้ายังขืนขับรถไม่ระวังกันอันนี้อยากให้เอาเป็นข้อคิดนิสนึง ว่าต่อให้รถดีแค่ไหน แต่ขับไม่ระวัง ขับประมาทมันก็ ไม่ได้ช่วยอะไรเรามากหรอกครับ) นอกจากนี้ยังมีระบบกะระยะถอยหลัง ซึ่งใช้งานคล้ายๆกับLS460
หน้าตาปุ่มกดเดิมๆที่คุ้นเคยกันดี ข้างๆคือ ปุ่มควบคุมปรับระดับพวงมาลัยครับ
ป.ล. จิ้มเลยสิฮร๊าา~~!!!!
เอาหล่ะมาดูกันที่คอนโซนกลางกันมั่งครับ
แผงหน้าปัดนั้นถือได้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พบเจอได้ในตัวไฮบริดเช่นเดิม
แอร์แบบแยกฝั่งซ้ายขวา ในส่วนของผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนด้านหลังยังเหมือนของ2.4และ2.0เหมือนเดิม อ้อมีสิ่งนึงที่ผมว่าเก๋กู๊ดดีเหมือนกันคือระบบดับกลิ่นPlasma Cluster
ไฟอ่านแผนที่พร้อมแผงควบคุมซันรูฟ ซึ่งสิ่งนึงที่ผมเริ่มจะเห็นประโยชน์ของมันคือ ทำให้บรรยากาศของห้องโดยสารแลดูสว่างงามตายิ่งขึ้น
มาที่ด้านหลังกันบ้างครับ
สิ่งนึงที่ผมค่อนข้างจะแอบปลื้มเสียเล็กน้อย คือสิ่งนี้เลย(ขออภัยที่ของในรถอาจจะเรี่ยราดไปหน่อยครับ=_="เจ๊แกตุนขนมไว้หลังรถเยอะมากกกกกกกก)
นี่เลย แผงควบคุมสุดเมพ!!! ชุดสวิชต์ ควบคุมปรับพนักพิงเบาะให้เอนลงด้วยไฟฟ้าระบบปรับอากาศ
ม่านบังแดดไฟฟ้าที่กระจกบังลมหลังและชุดเครื่องเสียง!!! แฟม่ อะไรจะเก๋กู๊ดขนาดนั้น เพราะเท่าที่จำได้คู่แฝดของมันES350 มันไม่มีสิ่งนี้มาให้ซึ่งผมคิดว่ารถระดับนี้น่าจะมีมาให้หน่อยนะ!?
แอร์ด้านหลังเหมือน2.4และ2.0ทุกประการ
จากที่ลอง ผมว่าเบาะหลังมันค่อนข้างเหมือนเดิมนะ จากที่ลอง ใช้ปรับเอนหลังให้สุดมันก็ยังฟิลเดิมอยู่ แต่มันก็ทำให้สบายขึ้นไปอีกหน่อยแต่ก็ไม่มากนักอย่าหวังกับมันมาก 5555 อ้ออีกอย่างที่ผมแอบเสียดายหน่อยๆคือ น่าจะมีแอร์หลัง ในส่วนหลังคามาให้หน่อยก็คงจะดี เพราะอย่าลืมตัวรถภายในสีดำ มันดูดความร้องเก่งเสียนี่กระไร= =
มาที่ด้านเครื่องยนต์กันบ้างครับ
เครื่องยนต์เป็นขนาด3,456 ซีซี 2GR-FE วี6 DOHC 24 วาล์ว พร้อมระบบ DUAL VVT-i
เรี่ยวแรงมีมาให้ใช้ถึง 272@ 6,200 RPM แรงบิดสูงสุด 35.3 กก.-ม.ที่ 4,700 รอบ/นาที สำหรับเกียร์ที่ใช้เป็นแบบ6Speeds พร้อมโหมดบวก ลบ แบบที่ควรจะมี การขับขี่นั้นแบบเดิมเช่นเคย เอาใจคนแก่ แต่ยังแอบอยากรักสนุก พวงมาลัย ผมเห็นด้วยกับคุณจิมมี่ทุกประการมิอาจโต้แย้ง
สำหรับความเร็วสูงนั้นไม่ไม่ขอยุ่งด้วยดีกว่าครับไม่กล้าพอ
การะซดน้ำมันนั้น จากที่ลองๆ ได้ประมาณ 9โลต่อลิตรถือว่่าแปลกๆอยู่เหมือนกัน ซึ่งทำได้ดีกว่าที่คาดแต่ทำไมมันไม่เท่าพี่จิมแหะ=_=" สงสัยผมจะทำอะไรผิดพลาดไปหน่อยนึงแน่ๆ
สรุป จะกล้าไหมถ้าคุณจะควักสัก2.9ล้านเพื่อสู่ขอมัน
คำถามนี้แน่นอน อาจจะทำให้คุณรังเรเมื่อเ็ห็นราคาสินสอดของมันแต่!! 2.9ล้านนั้น ถ้าคุณคิดจะเล่นใบพัดฟ้าขาวหรือดาวสามแฉก ในราคานี้คุณอาจจะได้เพียง3 SeriesหรือC-Classเืท่านั้น ซึ่งคุณอาจจะไม่ได้ของเล่นจุกจิกเหล่านี้มา และอาจจะไม่ได้เรี่ยวแรงแบบนี้มา(และคุณก็อาจจะไม่ได้ช่วงล่างที่ร่อนแบบนี้มาด้วยเช่นกัน
) เพราะฉนั้น หากคุณไม่ใช่สาวก2ค่ายนี้ และต้องการความสบายในแบบเรียบๆ ที่ฉูดฉาดหวือหวาเท่าใดนัก ผมว่าตัวนี้อาจเป็นตัวเลือกได้ดีพอสมควร สิ่งที่ผมต้องการจะติก็คงไม่พ้นอะไรนอกจากข้างบนนั้น เพราะเรื่องช่วงล่างเอาใจคนแก่ นั้นผมคนปล่อยไปเพราะรถมันก้ไม่ได้เอาใจวัยรุ่นอยู่แล้ว ส่วนถ้าสงสัยทำไมผมถึงให้มันเป็น Crownเวอร์ชั่นขับหน้า ก็เห็นจะเป็น พวกอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆและ ของเล่นเล็กๆน้อย ที่ผมคิดว่ามันก็พอจะสามารถเทียบได้ เพราะมันเป็นรถที่ ใช้ได้ทั้งขับเองหรือนั่งงอมืองอเท้าอยู่ด้านหลังให้คนขับไปส่ง.......
ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ และขอโทษด้วยที่ล่าช้าเพราะ ช่วงนี้ไม่รู้เหมือนปัญหา มันเข้ามารุมเร้ากันจังเลย= = ขอบคุณมากๆฮร๊าฟฟฟฟ~~~