VW Passat TDI 2003 เริ่มพิ้นฐานมาจากVW Passat 1.8 รหัสตัวถังB5 Passat เปิดตัวบ้านเรา
อย่างเป็นทางการในตัวถังB4 ในปี1995 ยอดขายถล่มทลายเมื่อ ยนตรกิจ เคาะราคาขาย
เปิดตัวที่ ราคา938,000.- รวมทั้งมีการให้จับฉลาก ส่วนลดโดยการเอากล่องมาแล้วให้ท่านเจ้าของ
รถหยิบคูปองขึ้นมาว่าได้ส่วนลดเท่าไหร่ ของผมลดไป5,000.-
ในตอนนั้น ถือว่า เป็นที่ฮือฮา
เพราะ รถยนต์ประกอบนอกCBU จากประเทศเยอรมัน ชื่อเสียงVW รถยนต์เพื่อประชาชน(สำหรับประเทศอื่น)
เพราะเมื่อคนไทยเอามาใช้ค่าซ่อม ค่าอะไหล่เล่นเอาประชาชนจนได้เหมือนกัน ตอนนั้นAccord Vtec ไฟท้าย
2ก้อนออกมาพร้อมกัน ในราคาที่เบียดกับPassat ในขณะที่Passat ออกโฆษณาอย่างโจ๋งครึ่ม ว่า
รถประกอบนอกทั้งคัน พร้อมด้วยระบบเบรคABS และถุงลมนิรภัยคู่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในยุคนั้นถือว่าเป็นที่
ฮือฮามากๆ จริงๆแล้วPassat ตัวแรกที่มาขายบ้านเรามันคือการนำเอาPassat B3 ซึ่งออกทำตลาดที่เมืองนอก
แถวๆปี1991-1992 มาแต่งหน้าทาปากใหม่ครับ มาว่ากันถึงตัวPassat B5 เปิดตัวราวๆปี1998 โดยเป็นรถประกอบนอก
ในล๊อตแรกๆสังเกตว่า จะมีรถสีฟ้า และล้อจะเป็นฝาครอบล้อ พวกนี้จะเป็นประกอบนอก เป็นเบาะผ้ากำมะหยี่
และเบาะคู่หน้าจะยังไม่เป็นระบบไฟฟ้า จะใช้ระบบโยกแบบ VW Golf GTI Mk4 ช่วงล่าง และเครื่องยนต์นั้น
เหมือนกันกับ Audi A4 B5 กันแทบจะทุกประการ มีแรงม้าให้ใช้กันแถว125แรงม้า และจะมีรุ่นPassat V5 คือตัวเครื่อง
ยนต์2.3 เกียร์ทริปทรอนิค มีมูนรูฟมาให้ จากโรงงาน จนเมื่อเข้าสู่ยุคมิลเลเนียม Y2K กำลังฮิตๆยนตรกิจ ตัดสินใจ
เดินสายพานการผลิต รถยนต์VW CKD ตัวแรกในประเทศไทย ด้วยการ ปะตูด ฝากระโปรง ด้วยคำว่า Highline
จนเป็นที่ติดปากว่า Passat Highline สิ่งที่แตกต่างไปจากตัวประกอบนอกอย่าเห็นได้ชัด คือ ล้อแม๊กขอบ16นิ้ว
และไม่มีรถสีฟ้า อีกต่อไปในตัวHighline เบาะเป็นเบาะหนังแท้ปรับไฟฟ้ามาจากโรงงานใน ด้านหน้าทั้งซ้ายและขวา
จนเข้าสู่ปี2002 Passat ก็มีการปรับเปลี่ยนอีกแล้ว โดยปลดระวาง เจ้าเครื่อง1.8 ซึ่งรับใช้กันมาตั้งแต่ปี1995 ในAudi A4 B5
และเอาเจ้า2.3 V5 มาเป็นเครื่องยนต์มาตรฐาน ซึ่งในโมเดลนี้ รหัสตัวถังจะเรียกกันว่า Passat GP กำลังวังชามีมาให้ใช้กันที่
170แรงม้า อัตราเร่ง ดีครับ แต่ยังมีความรู้สึกเป็นรองไม้เบื่อไม้เมาในสมัยนั้นคือ BMW E46 323i ซึ่งยอดขายถล่มทลาย
เนื่องจากรูปทรงE46 มันถูกใจวัยสะรุ่นในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ทำให้ยอดขายPassat ไม่กระเตื้องนักจนกระทั่งดั๊มพ์ราคาลง
มาก็ยังไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไหร่ มาว่ากันถึงTDi ที่ที่สนใจ ในตอนนั้นกระแสของรถเก๋งนั่งเครื่องยนต์ดีเซล เพิ่งจะเริ่มเข้ามา
แต่ยังไม่เป็นที่นิยม เพราะยังติดภาพลักษณ์ของรถยนต์ดีเซลจะต้องเป็นกระบะขนปลา เสียงเครื่องดัง ควันดำกลบตูด
ทำให้TDi ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก โดยพื้นฐานช่วงล่างก็ยังเหมือนเดิมครับ เรียกง่ายๆว่าฟิลลิ่งของPassat B5 GP
มันก็เหมือนๆกับAudi A4 ตัวแรกในบ้านเรานั่งเอง แต่ความรู้สึกคงจะดีกว่าหน่อย ในตอนนั้นมีกระแสออกมาว่าสปริงของเจ้า
Passat GP 2.3 V5 นั้น ออกจะยวบยาบไป ซึ่งเมื่อมีการมาเปรียบแล้ว กลายเป็นว่าTDi กลับให้ความรู้สึกมั่นคงกว่าตัวเครื่องเบนซิน
มาว่าการถึงด้านการใช้งาน อะไหล่ ความแพร่หลาย ถือว่าอยู่ในระดับที่ พอจะไหว้วานร้านอะไหล่ข้างนอกได้บ้างครับ มีอะไหล่
พอจะหาซื้อข้างนอกกันได้บ้างแต่อุปกรณ์เชิงลึก อิเล็คทรอนิคส์ ยังไงๆก็ยังต้องพึ่งพายนตรกิจเค้า ราคาอะไหล่ในศูนย์บอกได้เลยว่า
ไม่ถูก ล่าสุดมีการปรับราคาอะไหล่ขึ้นมาอีก 10% -50% ในกลุ่มรถยนต์VW Audi ยกตัวอย่างเช่น Actuator ไฟหน้ารถAudi ผมจาก2พัน
กว่าโดดไป 4พันกว่า แผงทับทิมท้ายรถ ของผมตอนนี้ราคาอัพขึ้นไป 14,000.- เป็นต้น ความจุกจิกของ รถโมเดลนี่นั้น เป็นโรคประจำตัวคือ
ช่วงล่าง ซึ่งเป็นกันทุกรุ่นตั้งแต่A4 A6 Passat เพราะมันใช้ช่วงล่างชุดเดียวกันหมด ปัจจุบันมีการซ๋อมแซมได้ และมีผู้นำเข้าช่วงล่างเข้ามาแบบ
เป็นเซ็ตเปลี่ยนยกชุดในราคาไม่ถึง2หมื่นบาท เทอร์โบสำหรับตัวดีเซลนั้นไม่ค่อยทนทานครับ เสียง่าย แกนขาดเคยมีให้เห็นหลายคันครับ
ต้องระวังและหมั่นดูแลเค้านิดนึงครับ อุปกรณ์ภายในมีลอกบ้างเหมือนรุ่นอื่น ความสวยงามภายใน สวยงามครับ ดูดีกว่าE46 การเกาะถนน
มั่นคง เชื่อใจได้ดีแต่ก็ยังเป็นรองE46 อยู่ครับ ที่ความเร็วสูง การบริโภคน้ำมันสำหรับตัวดีเซลนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีครับ สำหรับรถเก๋งเครื่องยนต์
ดีเซลในยุคนั้น อะไหล่ชิ้นส่วนตัวถังแพง แน่นอน อื่นๆนอกเหนือจากนี้ รถAudi พวกA4 Passat ในยุคนั้นให้อารมณ์คล้ายๆกัน แต่Passat GP
ผมว่าออกจากเกาะกว่าหน่อยครับ เสียงเครื่องยนต์ดังพอสมควร ใครมาขับครั้งแรกอาจจะรับไม่ได้ ส่วนเรื่องอัตราเร่ง ถือว่าใช้ได้ทีเดียวครับ
ตีนปลายทะลุ200แน่นอนครับ แต่ผมจะพูดในมุมมองแบบกลางๆ คือผู้ใช้รถทั่วไป อัตราเร่งดีครับ เร่งแซงให้ความมั่นใจได้ ไม่มีเสียวกันบ่อยๆ
ไม่ต้องลุ้นกันให้ข้อพับเปียก ปัจจุบันอู่นอกสามารถดูแลได้เต็มที่ มีความชำนาญ แล้วครับ ส่วนเรื่องเกียร์นั้น หากใช้ถูกต้อง เปลี่ยนน้ำมันเกียร์บ่อย
ทนทานครับ อย่าเชื่อว่าเกียร์VW Audi เปราะครับ ไม่ขนาดนั้น หากคุณดูแลหมั่นถ่ายน้ำมัน สามารถใช้งานได้ในระดับ2-300,000กิโล แต่อาจจะต้อง
มีการยกเปลี่ยนชุดคลัชท์ซักชุดหากพบว่า ตามท่อทางเดินเริ่มมีเศษผ้าคลัชท์อุดทางเดิน เนื่องจากผ้าคลัชท์มันมีส่วนผสมคล้ายๆไฟเบอร์ อาจจะทำให้
มันไปตามทางเดินน้ำมัน อุดแถวท่อเข้าออยเกียร์ครับ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงครับ เรื่องปลีกย่อย