ผู้เขียน หัวข้อ: สงสัยเกี่ยวกับการทดเกียร์ครับ ทำไม MT ถึงต้องทดจัดกว่า AT  (อ่าน 12084 ครั้ง)

ออฟไลน์ Pomy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 157
ส่วนตัวผมใช้ All New City ตัว MT ที่รู้ๆกันคือเกียร์จะทดจัดกว่า AT อยู่พอสมควร
ที่เกียร์ 5 ความเร็ว 100    MT จะใช้รอบเครื่องที่ 3000 ส่วน AT จะอยู่ราวๆ 2พันต้นๆ (AT นี่ผมไม่แน่ใจเพราะรถผม MT แต่ก็อยู่ราวๆนั้น)
ทีนี้ที่ผมสงสัยคือ ทำไม MT ต้องไปทดให้มันจัดกว่า AT
ทั้งๆที่อัตราการสูญเสียกำลังมันน้อยกว่า AT  
ลำพังแค่ทดเกียร์เท่า AT     MT มันก็น่าจะแรงกว่าอยู่แล้ว
แล้วไปทดจัดขึ้นให้ผลาญน้ำมันเล่น + เครื่องสึกหรอเพิ่มเวลาเดินทางไกลทำไม
สงสัยๆ ครับ เพราะผมใช้ MT อยู่และรู้สึกว่าเวลาวิ่งยาวๆ 100 - 140 นี่รอบสูงเหลือเกิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 13, 2011, 19:32:44 โดย Pomy »

ออฟไลน์ johnlee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,603
    • อีเมล์
Re: สงสัยเกี่ยวกับการทดเกียร์ของ Honda All New City ครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2011, 14:22:57 »
รอบสูงแต่ว่ามันไม่มีการสูญเสียในระบบเกียร์และคลัทช์เท่าออโต้ครับ

คิดเล่นๆว่าหากเราเอาเกียร์ทดเท่าออโต้ มาเป็นเกียร์ธรรมดาแทน

จะเกิดปัญหาคือ คนขับไม่ได้เลือกตำแหน่งเกียร์เป๊ะ เท่าออโต้  ผลตอบแทนคือความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการสึกหรอที่มากกว่าเดิม อีกอย่าง หากเกียร์ 1 ทดเท่าออโต้ ออกตัว ดับแน่นอนครับ ไม่งั้นเลียจนคลัทช์ไหม้

หากคนขับดื้อดึงที่จะใช้เกียร์สูงสุดตลอดเวลา ไม่ว่าความเร็วต่ำเพียงใด ใช่จะเกิดผลดี ลองนึกถึงเราขี่จักรยานแบบเกียร์ หากเราใช้เกียร์สูง ปั่นน้อย รถแล่นเร็ว แล้วขึ้นเนิน ปวดขานะครับ

ดังนั้น จึงต้องทดเกียร์เผื่อ กรณีคนขับธรรมดาไม่ยอมลดเกียร์เมื่อความเร็วต่ำด้วย ไม่งั้นคนขับจะไม่ยอมลดเกียร์เพราะเห็นว่ารอบต่ำดีจัง

ผลคือ เร่งไม่ออกอืด กินน้ำมัน นึกได้แค่นี้ นึกไรออกจะบอกต่อ
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t

ออฟไลน์ Pomy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 157
Re: สงสัยเกี่ยวกับการทดเกียร์ของ Honda All New City ครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2011, 17:05:02 »
ผมกลับคิดว่า ถ้าคนใช้ MT เป็นถึงจะทดห่างหรือแปลกแค่ไหนเค้าก็สามารถใช้รอบให้เหมาะสมได้นะครับ
กลับกันถ้าคนที่ใช้ไม่เป็นชอบขับเกียร์สูงที่ความเร็วต่ำอยู่เป็นนิจเพราะคิดว่ามันประหยัด ถึงจะทดห่าง หรือทดปกติแค่ไหนมันก็เน่าทุกรายไป
เพราะพี่แกก็จะตะบี้ตะบันขับในสไตล์เดิมอยู่ดี

แต่เห็นด้วยที่ถ้าทดเกียร์ 1 เหมือน AT คงได้เลียคลัชกันกระจุยแน่ แต่ทางออกมันก็น่าจะมีนะครับเช่น เกียร์ 1 ทดให้เหมาะสมกับ MT ไป
แล้วเกียร์ต่อๆไปก็ทดให้ห่างขึ้นๆ จนเกียร์ 5 ก็เป็น Overdrive ให้รอบต่ำๆเหมือน AT ไปเลย เพราะผมขับ MT ตอนนี้สังเกตุว่า
จากเกียร์ 4 ไป 5 รอบตกลงมาแค่ประมาน 200 รอบเท่านั้น คือเข็มรอบกระดิกลงมานิดส์เดียวเองอะ แทบไม่มีประโยชน์
อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวของผมตามประสาคนที่ไม่ค่อยช่ำชองเรื่องรถนะครับ

อีกคำถามคือ เกียร์ MT สุญเสียกำลังในระบบเกียร์น้อยกว่าแต่วิ่่ง 100 ใช้รอบสูงถึง 3000
กับเกียร์ AT สูญเสียกำลังในระบบขับเคลื่อนมากกว่าแต่วิ่ง 100 เท่าๆกันใช่รอบแค่ 2พันต้นๆ
ถึงจะเป็นแบบนี้ MT ก็ยังประหยัดกว่า AT อยู่ดีหรือครับ แล้วในแง่ของการสึกหรอของเครื่องยนต์หละครับจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: สงสัยเกี่ยวกับการทดเกียร์ของ Honda All New City ครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2011, 18:04:09 »
อยากทราบเหมือน จขกท เลยครับ

เพราะเห็นด้วยที่ว่า เกียรธรรมดา ใช้รอบสูง
อัตราทดช่วงเกียรแรกๆสูง
พอเดินทางไกล อย่างเกียรออโต้ วิ่ง120 รอบเครื่อง 2,900รอบ
พอเกียรธรรมดา รอบสูงถึง 3,500 รอบ ต่างกันเยอะพอสมควร
ถ้าวิ่งทางไกลยาวๆ ยิ่งมีความต่างมากขึ้น

ไขข้อสงสัยทีครับ

ออฟไลน์ toonze

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,967
    • อีเมล์
Re: สงสัยเกี่ยวกับการทดเกียร์ของ Honda All New City ครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2011, 19:03:16 »
ผมก็สงสัยมาก เพราะผมใช้ อัลติส 1.6j MT รอบสูงมาก ตอนแรกที่ออก MT เพราะจะเอาความมันของการสับเกียร์และคิดว่าจะประหยัดน้ำมันกว่า AT ไปๆๆมาๆๆ AT ประหยัดกว่าถ้าใช้นอกเมือง แต่ในเมืองพอๆๆกัน

ออฟไลน์ Pomy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 157
ขอเปลี่ยน Topic ให้กว้างๆไปเลยนะครับ ไม่เจาะจงยี่ห้อแล้ว
เพราะเห็นว่าส่วนใหญ่ MT จะทดจัดกว่า AT หลายคัน หลายค่าย (ทุกคันเลยหรือเปล่าหว่า  :D)

ออฟไลน์ BestHuafoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,120
  • เอี๊ยดแอ๊ด

เอาแบบง่ายๆ

ออโต้ไม่มีแป้นคลัตช์ และไม่มีการเครื่องดับกลางอากาศ
จึงไม่ต้องมาห่วงเรื่องการสูญเสียกำลังในการออกตัว ก็เลยทดให้ต่ำลงมา
และโดยธรรมชาติ ออโต้มันเป็นเกียร์ที่เน้นไปในการขับขี่แนวสุภาพอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องทดจัดจ้านเกินเหตุ

ออฟไลน์ diow_1991

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
    • อีเมล์
ผมละคนหนึ่งที่ชอบขับ MT แต่ซื้อรถ AT เพราะวิ่งทางซูปเปอร์เยอะกว่า วิ่งในเมือง

ไม่รู้ว่าคิดถูกต้องหรือเปล่า ผมคิดว่ารอบสูงจะต้องเปลืองกว่ารอบต่ำแน่


ออฟไลน์ patzahut

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,091
ผมละคนหนึ่งที่ชอบขับ MT แต่ซื้อรถ AT เพราะวิ่งทางซูปเปอร์เยอะกว่า วิ่งในเมือง

ไม่รู้ว่าคิดถูกต้องหรือเปล่า ผมคิดว่ารอบสูงจะต้องเปลืองกว่ารอบต่ำแน่



แต่ถ้าเป็นเกียร์ MT รอบสูงกว่าเกียร์ AT ในรุ่นและเครื่อง ขนาดเท่ากัน ผลการทดสอบวิ่งทางไกลของ HLM แนวโน้มออกมา MT ประหยุดกว่าทุกรุ่นเลยนะครับ แม้ว่ารอบจะสูงกว่า

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
อัตราทด กับการประหยัดน้ำมัน มีอะไรมากกว่านั้นนิดหนึ่งครับ

อธิบายได้ง่าย ๆ มาก คือ เคยขับรถขึ้นเขาไหมครับ ?

ถ้าผมเอารถคันหนึ่ง เกียร์อะไรก็ได้ มาขับทางเรียบ แล้ว ไปขับขึ้นเขา

ตอนขับทางเรียบ ให้ใช้ความเร็วรอบ และเกียร์เดียว กับตอนขึ้นเขา มันก็จะวิ่งด้วยความเร็วเท่ากัน

ตอนไหนจ่ายน้ำมันมากกว่า ?

มันก็เหมือนกันครับ เวลาจ่ายน้ำมันค่าคงที่ค่าหนึ่ง เพื่อให้พลังงานเปลี่ยนเป็นความเร็วค่าหนึ่ง ยิ่งLOST เยอะ มันก็ต้องทดต้นทางให้รอบต่ำกว่า LOST น้อย เพราะถ้าจะเค้นรอบจากเจ้าต้วLOST เยอะ มันก็ต้องจ่ายน้ำมันเยอะกว่า

งงไหมเนี่ย ?

อีกตัวอย่างแล้วกัน ผมออกแรงถีบกล่องหนัก 100กิโล กับออกแรงเท่ากัน ไปถีบของ 1 กิโล อะไรจะไปไกลกว่าครับ ? โหลดน้อยก็เหมือนเกียร์ธรรมดา ระยะทางมากกว่า ซึ่งแปลงเป็นรอบเครื่องที่หมุน ก็ได้รอบมากกว่า เพราะแรงถีบจากผม ก็คือ แรงถีบจากสูบที่ได้พลังงานจากการระเบิดของน้ำมันผสมอากาศแล้วครับ

สรุปแล้วการออกแบบเกียร์นั้น คำนึงถึงพลังงานที่ออกไปมากกว่าครับ มีบ้างที่มันจะไม่สัมพันธ์กับพลังงานเพราะเกียร์ลูกหนึ่งอาจจะนำไปใช้กับเครื่องยนต์หลายขนาด แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะลบล้างกฎของพลังงานไปได้ครับ LOST เยอะ มันก็ต้องกินน้ำมันกว่า

มีแต่รถกระบะขนาดใหญ่ที่ทดเผื่อบรรทุกไว้ แบบนั้นแหละครับที่เรียกว่าทดเหลือจริง ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 13, 2011, 22:31:29 โดย jaesz »

ออฟไลน์ dum.d

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
เกียร์ธรรมดารอบเครื่องสูงกว่าแต่กดคันเร่งน้อยกว่าครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ตามที่คุณ jaesz ยกตัวอย่างเลยครับ รอบ ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ตัวอย่างเรื่องขึ้นเขาชัดเจนมากครับ เพราะการขับขึ้นเขา ที่ความเร็ว60 กับทางเรียบ  ถึงรอบเท่ากัน แต่กินน้ำมันกันคนละเรื่อง ตามแรงที่ต้องใช้  :)

ออฟไลน์ Pomy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 157
เกียร์ธรรมดารอบเครื่องสูงกว่าแต่กดคันเร่งน้อยกว่าครับ

เข้าใจอันนี้ที่สุดเลยครับ อันยาวๆผมอ่านแล้วงง ฮ่าๆ อย่าว่าผมฉลาดน้อยนะ

สรุปคือ AT ขับ 100 ที่รอบ 2500 (สมมุติ)
กับ       MT ขับ 100 ที่รอบ 3000
กลายเป็นว่า AT ทำงานหนักกว่า ต้องกดคันเร่งลึกกว่า MT ที่หมุนถึง 3000 รอบ
ใช่ไหมครับ

ถามกลับอีกข้อ แล้วหากทำเกียร์ 5 MT ให้ทดลงมาเลย 2500 รอบ ที่ความเร็ว 100 เท่า AT
มันจะดีกว่าไหม จะประหยัดกว่าที่เป็นอยู่นี้ไหม จะมีประโยชน์กว่าไหม

ออฟไลน์ johnlee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,603
    • อีเมล์
เกียร์ธรรมดารอบเครื่องสูงกว่าแต่กดคันเร่งน้อยกว่าครับ

เข้าใจอันนี้ที่สุดเลยครับ อันยาวๆผมอ่านแล้วงง ฮ่าๆ อย่าว่าผมฉลาดน้อยนะ

สรุปคือ AT ขับ 100 ที่รอบ 2500 (สมมุติ)
กับ       MT ขับ 100 ที่รอบ 3000
กลายเป็นว่า AT ทำงานหนักกว่า ต้องกดคันเร่งลึกกว่า MT ที่หมุนถึง 3000 รอบ
ใช่ไหมครับ

ถามกลับอีกข้อ แล้วหากทำเกียร์ 5 MT ให้ทดลงมาเลย 2500 รอบ ที่ความเร็ว 100 เท่า AT
มันจะดีกว่าไหม จะประหยัดกว่าที่เป็นอยู่นี้ไหม จะมีประโยชน์กว่าไหม

ทำได้แต่ไม่มีประโยชน์ครับ  เพราะอย่างที่ผมบอกใน คห.1 ไว้ว่า หากให้เกียร์สุดท้ายทดต่ำเกินไป ผู้ขับจะดื้อดึงที่จะใช้เกียร์5 ตลอดเวลาทำให้สึกหรอและสิ้นเปลืองมาก
และ จริงอยู่ที่เกียร์ 5 ทดต่ำ มี2ทางเลือกสำหรับเกียร์ 4 คือ 1 ทดเท่าเดิม ประมาณ 1ต่อ1 แล้วให้เกียร์ 5ทด 0.65ต่อ 1ปัญหาคือเปลี่ยนเกียร์แล้วรอบตกมาก รถไม่มีแรง
หากลดมาเกียร์4รอบก็สูงเกินไป จขกท ไม่ชอบอีก มันจะเกิดการคาบเกี่ยวของกำลังในเกียร์4-5มากเกินไป

ทางเลือกที่ 2 ให้เกียร์ 4 ทดต่ำตามกันมา อาจจะ 0.75ต่อ 1 ปัญหาคือ แล้วเกียร์3 ล่ะ จะต้องต่ำไล่ลงมาอีกมั้ย แล้วมันจะโยงไปถึงเกียร์ 2 ด้วย ช่วงความห่างของเกียร์ต้องสม่ำเสมอกัน
ดังนั้น หากไล่ไปถึงเกียร์1 กลายเป็นทดต่ำเกิน ออกตัวไม่ได้ เครื่องดับ เลียจนคลัทช์ไหม้
ถึงตรงนี้มันก็ย้อนไปหาคห.1 ของผมอีก

สรุปนะครับว่า รถเกียร์ธรรมดาต้องรักษาช่วงห่างของแต่ละเกียร์ ชิด มากกว่าเกียร์ออโต้ เพราะคลัทช์มันแห้ง ปล่อยหมดมันจับตัว 100% ไม่มีฟรีเลยไงครับ
ดังนั้นถึงมันจะเหลือรอบใช้งานที่ความเร็วสูงมาก ก็ไม่ได้เสียหายอะไร การสึกหรอในระดับ 3 พันรอบต่อนาทีมันจิ๊บๆครับ
มอไซด์2จังหวะ วิ่ง 100 ผมว่ารอบที่ข้อเหวี่ยง เป็น 1 หมื่นรอบต่อนาทีนะครับ
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องการสึกหรอ

มันก็วิธีการอธิบายเดียวกับขับรถขึ้นเขานั่นแหละครับ

รถขึ้นเขา กับรถทางเรียบ อะไรจะเสียเกิดการสึกหรอมากกว่ากัน ?

การสึกหรอของเครื่องไม่ได้ ขึ้นกับรอบเครื่องเพียงอย่างเดียว อุณหภูิมิ sheer stress ของฟิลม์น้ำมัน การขยายตัวของโลหะ cylinder-piston ring friction ที่เปลี่ยนตามรอบและอุณหภูมิ ความสามารถการถ่ายเทอากาศ การหมุนเวียนน้ำมันเครื่องที่รอบต่างกัน และ อื่น ๆ อีกมากมาย

เครื่องยนต์ไม่ได้ออกแบบมาให้วิ่งรอบต่ำจัด ๆ หรือ สูงจัด ๆ ครับ เขาจะเน้นช่วงปลอดภัยให้ครอบคลุมได้มากทุกย่านก็จริง แต่สุดท้าย มันคลุมได้แค่ ช่วง 80% กลาง ระหว่างรอบเดินเบา กับ redline และปลอดภัยสุด ๆ เกือบ ๆกึ่งกลาง

เช่นรอบเดินเบา 500 redline 5000 rpm จุดเสียหายต่ำจะวิ่งอยู่ราว ๆ 950 - 4550 รอบ และจะปลอดภัยสุด ๆ แถว ๆ 2750 รอบ ซึ่งมักจะเป็นค่าที่ eccentricity เกือบดีสุด ๆ นั่นเอง

ตัวเลขก็แล้วแต่รถแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ banch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,214
กดลิ้งค์เลยครับ

http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?PHPSESSID=689dee0e89273fcfe7c29ea04e478863&topic=18173.0;

สำหรับผู้ที่ต้องการความกระจ่างเรื่องระบบส่งกำลังแบบ Torque converter

ขอบคุณท่าน zuzarz แห่ง www.vlovepeugeot.com

สำหรับบทความดีๆ ที่ค้นอยู่นานมากๆ กว่าจะเจอ

 ;D


ออฟไลน์ Pomy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 157
ขอบคุณทุกท่านมากเลยครับ ความรู้ทั้งนั้น  :P