ตอบโจทย์ตรงๆ ไม่อ้อม
ในแง่ของค่าใช้จ่ายและการซ่อมบำรุง
กำหนดให้เครื่องยนต์ 2,000 ซีซี เท่ากัน
ความทนทาน ดีเซล ชนะ
เครื่องยนต์ออกแบบให้หนากว่า ทนกว่า เพราะต้องทนต่อแรงอัดที่สูงมากกว่าเครื่องเบนซิน เนื่องจากต้องใช้แรงอัดเป็นตัวจุดระเบิด
ค่าใช้จ่ายน้ำมัน ดีเซลชนะ
ค่าน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร รถกระบะทั่วไปใช้งานจริงวิ่งเฉลี่ย 10-12 กม./ลิตร (ไม่บ้าเหมือนพวกโฆษณา 30-40 กม./ลิตร)
ค่าน้ำมันเบนซิน 40 บาท +/- แล้วแต่เกรด รถทั่วไปวิ่งเฉลี่ย 10-12 กม./ลิตร
การซ่อมบำรุง ดีเซลชนะ
เปิดฝากระโปรงมา ไม่มีระบบไฟ จานจ่าย คอยล์ หัวเทียน ECU จุดระเบิด อะไรให้ตรวจเช็คเลย
วิศวกรทั่วโลก หลายค่ายเครื่องยนต์ เขาทดสอบมากันเยอะแล้ว
จึงเห็นได้ว่า
รถยนต์เกรดสูงหลายค่ายปัจจุบัน เช่น Benz, BMW, Audi, Volk จึงหันมานิยมเครื่องดีเซลมาใส่ไว้ในรถเกรดสูงของตนเองแทบทั้งสิ้น
ถ้ารถยนต์ตระกูล Hybrid ทั้งหลายแหล่ ไม่แคร์เรื่องความนิ่ง,เงียบ ในห้องโดยสาร ป่านนี้มีเครื่องดีเซล+มอเตอร์ไฟฟ้า ออกมากันเยอะแล้ว
รถที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม-เกษตรกรรม จึงเน้นเครื่องดีเซลเป็นหลัก
นอกจากได้แรงบิด-แรงม้าที่ดี ในรอบต่ำแล้ว
เกษตรกรที่อยู่ในฟาร์ม ไม่ต้องดูแลอะไรมาก แค่เปิดฝาน้ำมัน เติมน้ำมันดีเซล ดูว่าน้ำมันเครื่องยังอยู่สภาพดีหรือเปล่า...จบ..แค่นี้ก็เครื่องติดได้แล้ว
แต่ถ้าดูคำถามสีฟ้า
Vigo เบนซิน 2.7 กับ Vigo ดีเซล 3.0
ตอบได้ทันทีว่า ดีเซลดูแลง่ายกว่ามาก ยิ่งใช้นาน ยิ่งปวดหัวน้อยกว่ามาก
อีกทั้งการกินน้ำมัน ดีเซล 3.0 กินน้อยกว่า เบนซิน 2.7 อยู่เกือบ 20%
เมื่อคูณค่าน้ำมันดีเซลที่ถูกว่าน้ำมันเบนซินแล้ว Vigo เบนซิน 2.7 แพ้ Vigo ดีเซล 3.0 กระจาย
ยอดขายตัว 2.7 กับ 3.0 ก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่ง
แต่ทางเลือกที่ 2.7 จะชนะ 3.0 ได้คือ นำไปติดแก๊ส LPG หรือ NGV ครับ