อยากรู้อนาคต อ่านข่าวสัมภาษณ์ชิ้นนี้ครับ
ในงานบางกอกอินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ (26 มี.ค.-6 เม.ย.) ที่ผ่านมา ถือเป็นการปรากฏตัวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนของรถยนต์ เฌอรี่ รถสัญชาติจีน ที่มีดีกรีเหมือน โตโยต้าของญี่ปุ่น โฟล์กสวาเก้นของเยอรมนี เฌอรี่แนะนำรถ 3 รุ่น คือ รถยนต์ขนาดเล็ก รุ่นคิวคิว (QQ) รุ่นทิกโก้ (Tiggo) รถยนต์อเนกประสงค์ หรือเอสเอวี (SAV) ขนาด 5 ที่นั่ง และ รุ่นครอส (Cross) รถยนต์อเนกประสงค์ หรือเอ็มพีวี (MPV) ขนาด 7 ที่นั่ง นับจากเปิดตัว “เฌอรี่” แล้ว แทบมองไม่เห็นรถวิ่งบนถนน จนผู้คนเริ่มสงสัยว่า เฌอรี่ ทำไมเคลื่อนไหวน้อยมาก กรุงเทพธุรกิจ ยานยนต์ สัมภาษณ์ ดำรง ดำรงกุลวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเฌอรี่ยานยนตร์ จำกัด การทำตลาด 6 เดือนแรก เพื่อจับทิศจีนในวันนี้
ดูเหมือนการตลาดในประเทศไทยเป็นไปแบบช้าๆเบื้องต้นเราทำกิจกรรมเข้าถึงลูกค้า ไม่เน้นจำนวนการปล่อยรถ เราส่งมอบรถไป 100 กว่าคัน ทุกเดือน ตอนนี้ทยอยออกไปเรื่อยๆ 120-130 คัน เราจะรักษายอดนี้ไปเรื่อยๆ งานที่ทำอยู่คือ สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้จำหน่าย ที่มาร่วมทำธุรกิจกับเราตอนนี้ก็มีอยู่ 20 แห่งที่จะเปิด เปิดไปแล้ว 16 แห่ง กรุงเทพฯ มี 5 แห่ง อีกส่วนหนึ่งเราสร้างความพึงพอใจ ที่เขาได้ใช้รถ คือเอารถไปแล้ว ต้องประทับ
ถามว่าทำไมผมยังไม่ใช้แผนเชิงรุกในการเปิดเน็ต เวิร์ค เพราะผมยึดถือคำนี้มาตลอด "ผมเปิดโชว์รูมแล้วไม่มีคำว่าปิด" คนที่จะทำเฌอรี่ต้องสนใจจริง เท่าที่ผมเจอ คนที่เดินทางมาขอทำเขามีความมั่นใจมากแล้ว เราบอกเขาว่า เรามีแผนอย่างไร รุ่นไหนบ้างที่เอามาสร้างชื่อ และมีรถใหญ่ขึ้นไปทีละขั้นตอน
วางกลยุทธ์ตลาดไว้อย่างไรแผนตลาดของเราคือ การเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น ตลาดรถอย่างคิวคิว อดีตมันเคยมีฟอร์ดแอสไปร์ มีคอร์ซ่าเวลานี้มันหายไป มีเพียงแซฟวี่ที่เริ่มเข้ามาทำ เราจะดูช่องว่างอย่างเช่น รถเอสเอวี หรือรถที่เป็นเอสยูวี แต่ใช้ในเมืองไม่จำเป็นต้องมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขอให้มีพื้นที่ใช้งานมาก ก็เป็นตลาดหนึ่งที่เราเอารถเข้ามา
แผนระยะยาววางไว้อย่างไร2 ปีนี้เป็นการวางรากฐาน ปีที่ 3 เราจะเริ่มรุก แน่นอนโปรดักซ์ไลน์อัพ เราควรจะมี 5-6 รุ่น ซึ่งปีหน้าเราจะนำเข้ามาใหม่อีก 2 รุ่น ตอนนี้เราเริ่มต้นด้วยบีโลว์เดอะไลน์ 80-90% อิงกิจกรรมต่างที่ทำกับลูกค้า เช่น โรดโชว์รถไปในชุมชน ในดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ซึ่งวันๆ หนึ่งมีลูกค้ามองเห็นเราเป็นพันคน สามารถสัมผัสเราได้ เหมือนที่โบราณว่า สิบปากว่าไม่เท่ามือคลำ เราไม่ใช้สื่อวงกว้างเลยในเวลานี้
การทำบีโลว์เดอะไลน์วัดความสำเร็จจากอะไรวัดจากลูกค้าเข้ามา ลูกค้าสนใจ
การทำตลาดรถจีนมีข้อบังคับเข้มงวดจากบริษัทแม่หรือไม่ไม่บังคับมากนัก กลยุทธ์เราจะเดินอย่างไรก็ได้ แต่ขอซีไอได้ตามที่เขาต้องการ แตกต่างไปจากบริษัทรถยนต์หลายๆ แห่ง
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เชื่อว่ารถเฌอรี่มีอนาคต1.จุดแข็งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทแม่ สถานภาพความพร้อมของโรงงาน ชิ้นส่วน อุปกรณ์ ที่เขาพัฒนาด้วยตัวเอง การออกแบบที่ดูแลเอง 3 ปีที่ผ่านมา เขาพัฒนาพวงมาลัยขวา 10 รุ่นแล้ว
2.เรามั่นใจในการเติบโตของเรา จีนต่างจากญี่ปุ่น เยอรมนี ที่จีนมีตลาดใหญ่มากเขาเติบโตในบ้าน อื่นๆ มักจะเติบโตโดยพึ่งพาตลาดนอกบ้าน เพียงแต่ว่าเวลานี้จีนอยากจะขยายนอกบ้านมั่ง ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนอันดับที่ 61 เวลานี้เขาตั้งเลย 70 ประเทศไปแล้ว
3.การที่เฌอรี่ถือหุ้นโดยรัฐบาล ซึ่งคิดว่าในอนาคตจะเอาหุ้น 30% เข้าตลาด
4.ความได้เปรียบทางด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งหมายถึงเงินทุนท้องถิ่นดอกเบี้ยถูก บุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงและวัตถุดิบต่างๆ ที่เขามีในประเทศ
เฌอรี่ใหม่ ทั้งบ้านเราและตลาดนานาชาติ จะไม่ใช้กลไกราคาทำตลาดได้หรือผมบอกเลยว่า รถยนต์ราคาถูกอาจจะขายไม่ได้ในบ้านเรา ดังนั้นเราต้องเอาของคุณภาพมาขาย คือ ถูกแล้วต้องดี ผมวางแผนสร้างแบรนด์ เราต้องใช้คุณภาพสินค้าเป็นตัวสร้างแบรนด์ ดังนั้น รถที่เราส่งไปต้องเนียบทุกคัน ผมให้ดูเลยว่า รถเรามาตรฐานสากล
แผนการลงทุนในไทยมีความคืบหน้าหรือไม่เขากำลังหาช่องทางปักเสาใหญ่อยู่ ที่อินโดฯ ที่มาเลย์ เขาเป็นเหมือนเสาเล็ก ทำป้อนตลาดท้องถิ่น ซึ่งในเมืองไทย เมื่อเร็วๆ นี้ทีมใหญ่เขาเข้ามาศึกษาว่า จะเลือกทำเลที่ไหน ศึกษา การซื้อ การเช่าที่อย่างไหน ต้นทุนเป็นอย่างไร เรื่องกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งผมบอกว่า เมืองไทยนั้นพร้อมหลายอย่าง ขอให้ตัดสินใจลงมา เพราะว่าพื้นที่เราเหมาะกับการผลิตรถยนต์ เรามีอุตสาหกรรมใกล้ๆ กับชายฝั่ง การคมนาคมสะดวก
เริ่มเห็นสัญญาณจากการปกป้องตลาดของรถญี่ปุ่นหรือยังก็เริ่มๆ เห็นจากความเคลื่อนไหวของโครงการอีโคคาร์ ที่ราคาอาจจะต่ำ ซึ่งหากพิจารณาไปแล้ว ความจริงอาจจะต่ำไม่ได้มาก ขนาด 3.5 แสน ซึ่งต้องดูว่าเขาทำอย่างไร ทำได้หรือไม่
http://www.bangkokbiznews.com/2009/08/17/news_29299908.php?news_id=29299908