ท้าวความจากครั้งที่คุณจิมได้ ทดลองขับได้ที่นี้
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=673:-honda-jazz-2009-15-i-vtec-5at-&catid=63:b-segment-1300-1500-cc&Itemid=74เอาไว้ใครอยากเปรียบเทียบความต่างระหว่าง JAZZ JP และ Jazz TH + RS น่ะครับ
สำหรับรีวิวนี้ผมพยายามถ่ายรูปตามแบบที่พี่จิมฯ รีวิวนี้ให้มากที่สุดเพื่อจะได้เห็นความแตกต่างง่ายขึ้น
สำหรับรีวิว JAZZ JP คันนี้ ตอนแรกคิดว่าจะทำที่หลังจาก รีวิว Freed SE เสร็จก่อน แต่ด้วยเวลา สถาพรถ และโอกาสอำนวย
จุดประสงค์การมาของเจ้า Jazz JP ทีได้มาอยู่ในบ้านผม (ตามกระแสน้ำท่วมเป็นเหตุ การเปลียนแปลงของบุคคลภายในบ้าน)
เพื่อให้รถที่ใช้ตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงจุดประสงค์การใช้งานให้มากที่สุด (ถึงแม้จะต้องขายรถคันเก่าที่ใช้มาแค่ 4 ปีไปผมก็ไม่รู้สึกเสียดาย)
แต่เพราะพี่สาวบอกว่า Mazda3 มันยังไม่ตอบโจทย์ เพราะอยากได้รถที่ไปได้ทั้งบ้าน (หลังที่จองเจ้าส้มจี๊ดนี้แล้ว) เหลือบไปเห็น Freed SE จอดบนโชว์รูม
ก็ได้สอบถามกับทางเซลล์ ว่าเป็นตัวใหม่พึ่งมาหลังจากตัว Freed Limited โดย Freed SE ราคาลดเหลือ 820,000 บาท (สีขาวเพิ่ม 10,000)
ก็เอามาปรึกษาที่บ้าน ว่าเห็นชอบไหม (อนุมัติจัดซื้อ) แต่เราขอข้าม Freed ไปก่อน มาดูเจ้า JAZZ JP (ส้มจี๊ด) แล้วกันน่ะครับ
สำหรับตัวนี้ เป็น Honda JAZZ MC Japan Lot-2 (GE8) ซึ่งต่างจาก JP Lot-1
1. ที่เปลี่ยนวิทยุบิวอินไปเป็น Pioneer AVH 2450BT LCD 5.8" เล่น DVD ได้ แต่ต้องอยู่ตำแหน่ง P (เพิ่มคอลโซนวิทยุ 2 din สีสำหรับตัว JP มาให้แทน)
* วิทยุ Pioneer ตัวนี้ Honda นำมาติดตั้งเองในประเทศไทย น่ะครับ การเชื่อมสายสำหรับวิทยุตัวนี้ทำได้ เรียบร้อยมากๆๆ (ไม่มีการตัดสายไฟเลย)
2. ตัดปุ่มควมคุมวิทยุที่พวงมาลัย ด้านซ้ายออก (แปะเพิ่มไมล์ของ Pioneer ตรงพวงมาลัย )
ราคาจาก Lot-1 747,000 เพิ่มอีก 4,000 บาท ไปเป็น 751,000 บาท ซึ่งถือว่าแพงที่สุดสำหรับ B-Sub ญี่ปุ่นในไทย ณ.ตอนนี้
สำหรับ Jazz JP สีส้มนี้ (Orange Sunset) ที่เลือกเพราะวันพฤหัสใช้แล้วดี และใครดูเห็นก็รู้ว่ามีเฉพาะ JAZZ Japan เท่านั้น
สำหรับการหาสีส้มนี้ ช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะ Lot1 นั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว และสีส้มนี้มีศูนย์ล่ะแค่ 1 - 2 คันเท่านั้น (สีนี้ประมาณ 3-400 คัน)
JAZZ GE ก่อน MC จะยาว 3,900 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,525 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อยาว 2,500 มิลลิเมตร
แต่หลังจาก MC มีกันชนหน้า และหลังไม่เหมือนกันในแต่ระช่วงเวลาการทำตลาด TH มีแบบ ธรรมดาด้วย และมีรุ่น Active Plus อีกรุ่นที่ต่างกัน
ส่วน Jazz JP จะยาว 3,915 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง1,525 มม. ฐานล้อ 2,500 มม. หนัก 1,115 กก. ใต้ท้องสูง 150 มม. (ตามโบว์ชัว)
ในญี่ปุ่น สีส้มนี้ Orange Sunset อยู่ใน Fit RS ปี 2010 และ MC ไปช่วงปี 2011 ทำให้ใครอยากแปลงเป็น FiT RS เริ่มต้นได้ง่ายขึ้น
ไม่ต้องไปลอกสีพ่นใหม่
1. หาไฟหน้าลมดำ แต่โคมเป็น HID เหมือนเดิม (ราคาของใหม่ เห็นแล้วหนาว 2x,xxx)
2. สปอยเลอร์หลัง RS จะไม่เหมือนกับ Modulo and Mugen ที่เห็นๆ กันอยู่ (ของใหม่ ไม่รวมสี 6,xxx)
3. โลโก้กระจังดหน้า RS ซื้อเพิ่ม โดยใช้กระจังดหน้าเดิมได้เพราะสีเดียวกัน และแบบเดียวกัน
4. โลโก้ Fit (ติดแทนป้าย Jazz )กับ logo RS ด้านขวา มาติดแค่นี้ก็เหมือน Fit RS แล้ว
5. ล้อ RS (อันนี้ แล้วแต่สะดวก แต่ขนาด 16" เท่าเดิม)
ประตูด้านหน้า ขึ้น-ลงสะดวก ประตูเปิดได้กว้าง แต่ยังไม่ชินกับที่เปิดประตูแบบเก่า และดูบอบบาง (ส่วนคันอื่นในบ้านเป็นแบบดึงหมดแล้ว)
เสียงปิดประตูยังคงดูไม่หนักแน่นเหมือนเดิม กลางๆ สำหรับผม ไม่หนึบเท่า Mazda3
ตัวเบาะนั่งขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่นั่งได้ (ดีกว่า VIOS) ฟองน้ำแน่นนั่งแล้วไม่แข็ง แต่อยากได้ปีกเบาะข้างมากกว่านี้หน่อย
ตำแหน่งท่านั่งนั้นสำหรับผม สูงกว่า Civic ES ที่พึ่งขายไปนิดเดียว แต่ไม่เตึ้ยเท่า Mazda3 คันเดิม (ลุกนั่งเข้า ออก สบาย)
ลายเนื้อผ้าเบาะ หยาบๆ หน่อย แต่จัดแล้วนิ่ม จับตัวเราได้ดีมาก ลายและสัมผัสไม่เหมือน Jazz TH
ประตูหลัง เปิดได้กว้างพอสมควร แต่ช่องทางขึ้นลง ไม่ถือว่ากว้างนัก แต่เพียงพอสำหรับลูกผมปีนขึ้นไปนั้งที่เบาะหลัง ได้สบายๆ เหมือน Mazda3
พื้นด้านหลังมีอุโมงตรงกลางโผล่มาหน่อย ไม่เรียบหมดเหมือน ES แต่ไม่มีปัญหาในการใช้งานแต่อย่างใด
มีช่องเก็บของหลังเบาะคนนั้งข้างด้านหน้า ตำแหน่งเดียว แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน เหมือน Mazda3
ช่องวางขาด้านหลังเพียงพอสำหรับผู้โดยสาร (ในรูปเบาะคนขับปรับมาด้านหลังในต่ำแหน่งผมแล้ว)
ซึ่งเทียบกับ Mazda3 แล้ว มีพื้นที่มากกว่าเห็นๆ แต่ตัวเบาะนั่งออกแบนๆไปหน่อย ไม่เข้ารูปเพราะเบาะมันปรับได้เยอะมาก
พนักพิงด้านหลัง ปรับเอนได้ 2 ระดับ และฟองน้ำแน่นดี คงไม่ยุบง่ายๆ หัวหมอนปรับสูงต่ำได้ (แต่ผมปรับไว้ต่ำสุดเพราะลูกนั่งหลัง)
ที่พิงศรีษะ มีให้ทั้ง 3 ตำแหน่ง จัดเก็บเรียบร้อยดี ไม่บดบังด้านหลัง ตรงกลางเป็นสีน้ำเงินเข้มๆ
หัวหมอนถ้าผู้ใหญ่นั่ง ต้องปรับขึ้นสูงสุด เพราะนั่งแล้วคอมันจะมาดันตรงหัวหมอนพอดี นั่งแล้วปวดคอ
เอาเบาะหลังพับลงทั้งหมด อันนี้ชอบมาก พับแล้วเรียบใส่ของได้สะดวก ซึ่ง Mazda3 ,Tiida 1.8 ที่บ้านทำไม่ได้ เหมาะสำหรับขนของขนาดใหญ่
แต่อยากได้ ถาดหลัง กลับหัวได้ แบบ Tiida , Mazda3 ที่ด้านนึงเป็นกำหยี่ อีกด้านเป็นพลาสติกแข็งกันน้ำ
พับเอนแบบนี้ สำหรับวางถุงกอล์ฟ 3 ใบ และนักกอล์ฟ 3 คน (Mazda3 ก็ต้องพับเหมือนกัน แต่ได้แค่ 2 ใบหล่วมๆ)
และที่เหลือสำหรับใส่กระเป๋าเสื้อผ้าอีก 3 ใบ ไปออกรอบ อันนี้ผมชอบ
พับขึ้นได้แบบนี้ คงมีประโยชน์ซักวัน (ตอนนี้ยังไม่รู้ไว้ใส่อะไรดี ต้นไม้ก็ไม่เคยซื้อ)
พัดลมตั้งพื่้นตัวใหญ่น่าจะใส่ได้มั่ง จะให้มันอยู่อย่างนี้ได้ ต้องเอาขาเหล็กพับแนบกับเบาะด้วย
ช่องวางของด้านหลัง เรียบเสมอกันถ้าหาพรมปูหน่อย และหาโต้ะญี่ปุ่นวาง (รอบวงได้เลย)
อันนี้ไม่รู้ไว้เสียบกับเบาะเด็กเปล่า (พอดีคาร์ซีทที่ใช้อยู่ไม่มีรู้ให้เสียบเจ้านี้)
สายคาดเบ็ลสำหรับตำแหน่งที่ 5 ตรงกลางที่คงไม่มีใครอยากนั่ง ส่วน JAZZ TH ไม่มีให้ และคงไม่ได้ใช้
เปิดประตูที่ 5 โชว์หน่อย สังเกตุไหมว่ามีตรงไหนที่ต่างจาก JAZZ TH เห็นกลอนล็อคประตูสีเงินๆ ด้านบนไหมครับ นั้นแหละของ TH เป็นสีดำ ครับ
เอาซูมเข้าไปหน่อย เบาะหลังพับ 60:40 ที่จัดเก็บสัมภารกแบบไม่มีผ้ายางปู (สำหรับ JP ได้ที่บังสำภาระเพิ่มน่ะครับ สำหรับ TH สั่งได้ที่ศูนย์ฯ)
เปิดแผ่นบังที่เก็บของออกให้ดูหน่อย (เป็นแบบพับได้) ด้านล่างเป็นโฟมปิดบนยางอะไหล่อีกชั้นนึง มีที่สำหรับวางเครื่องมือ ให้ดิ่นไปมาได้ แต่ตื้นไปหน่อย
จะเอายางอะไหล่ต้องเอาแผ่นปิดนี้ออกก่อนครับ แล้วถึงจะยกโฟมปิดยางอะไหล่ออกไป มองเห็นสีตัวถังรถไหมครับ ออกส้มอ่อนๆ น่ะแหละ
สีตัวถังไม่ต้องตกใจครับ รถนำเข้า เป็นแบบนี้กันหมด เขาพ่นสีเฉพาะส่วนที่มองเห็นเท่านั้น ที่มองไม่เห็น เขาก็พ่นกันแค่นี้ (แต่ก็พ่นน่ะครับ)
ยางอะไหล่เป็นแบบไซท์เล็ก และหน้าแคบเปลี่ยนใส่แล้วขับไม่เกิน 60 km/hr ครับ Mazda3 ก็เป็นแบบนี้ครับ ผมชอบน่ะไม่หนักรถดี
มันทำหน้าที่ยางอะไหล่ จริงๆ และแนะนำให้พกที่เติมลมติดรถไปด้วยน่ะ (ผมว่าเติมลมใส่ยางที่แบนจะง่ายกว่าเปลี่ยนล้ออะไหล่น่ะ)
อีกนิด ช่องวางของด้านข้าง เหมาะสำหรับผ้าเช็ดรถ หรือปั้มลม อุปกรณ์ฉุกเฉิน พวกสายพ่วงแบตฯ
มาดูที่คอลโซนหน้าครับ แทบไม่แตกต่างจากตัว Jazz TH เลย ( ไม่นับ แอร์Auto ,Pioneer DVD )
คอลโซนหน้าวางตำแหน่งเข้ามาลึกมาก ตามกระจกบานหน้าเลย กระจกมองหลังตัดแสงด้วยมือของคนขับ
(แบบตัดแสงออโต้มีขายข้างนอก แต่ต้องเดินสายไฟเพิ่ม และกล่องใส่แว่นตาหาซื้อเพิ่มติดได้ตรงไฟเพดานด้านหน้า)
ช่องแอร์ตรงกลางวางสูง สำหรับให้ความเย็นผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนทางด้านข้างหน้าซ้าย-ขวา มีที่วางแก้วน้ำไว้ให้แอร์เป่าทำความเย็นมั่ง
แผงประตูด้านหน้า จะเห็นว่าเนื้อผ้าไม่เหมือนกับตัวTH และไม่เหมือนกับ RS คันที่คุณจิมเอามาถ่ายคู่กันด้วย
ลายผ้าสากๆ หน่อย ลายคล้ายตารางคาร์บอนเคฟล่า ที่เปิดประตูสีเงินดูบอบบาง (แต่เห็นมีสีไทเทเนียมขายด้วย)
ปุ่มปรับกระจกมองข้างซ้าย-ขวา ปรับได้ง่าย พร้อมปุ่มพับเก็บได้ และด้านล่าง มีช่องว่างสำหรับเติมปุ่มต่างๆ ที่มีเป็น Option
ให้คุณเลือก 3 ช่อง (ปุ่ม ECO, ปุ่มปรับไฟหน้าสูงต่ำ ) หามาใส่เพิ่มให้เต็ม น่าจะสวยดี
พวงมาลัย Jazz Lot-2 จะไม่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงด้านซ้าย เพราะได้เปลี่ยนเป็น Pioneer DVD แทน แต่ใครอยากใส่ก็หามาติดได้ไม่กี่พัน
แต่ต้องซื้อตัวแปลงสัญญาณพ่วงมาด้วย เพื่อควบคุมวิทยุตามยี่ห้อที่ต้องการ (แต่ผมว่าคงไม่จำเป็น ซื้อมาติดเฉยๆ ก็พอ)
อ่อ Crusie Control ด้านขวา ก็ไม่มีให้น่ะครับ ใครอยากได้ติดเพิ่มได้เลย เสียแค่ค่าปุ่มกับค่าต่อสาย เพราะกล่อง ECU JP มีมารองรับครับ ( TH MC ไม่รองรับ)
ตำแหน่งนั่งขับผมว่ามันสูงไปหน่อย (ติดถังน้ำมันข้างใต้) ถ้าขยับพวงมาลัยลงมาล่างสุด จะไปบังหน้าปัดความเร็วตรง 110-120 km/hr พอดี
ทำให้ต้องยกพวงมาลัยขึ้นหน่อยให้มองเห็นความเร็วบนหน้าปัดทั้งหมด JP ชุดนี้มีถึง 220 km/hr เหมือน TH (ถ้าเป็น JDM จะแค่ 180 km/hr)
ตรงกลางมีโชว์ข้อมูลต่างๆ โดยกดตรงก้านข้างๆกัน น่ะแหละ ถ้าหมุนก็ปรับแสงไฟที่หน้าปัด แต่ mazda 3 ปรับได้ ทั้ง พื้นหนัง และเข็ม
มาตรวัดอุณหภูมิน้ำไม่มี (เหมือน Tiida) มีแค่ไฟตอนเครื่องเย็น และถ้าปกติก็จะดับไป ส่วนถ้าฮีดก็ขึ้นแดง แค่นั้น (แนะนำติดมาตรวัดเพิ่ม)
มาตรวัดระดับน้ำมัน เล่นง่ายไปไหม มีแค่ 3 ขีดนะ ES, Coupe เขายังละเอียดกว่านี้เลย (จะเรียบไปไหน) ไฟส้มขึ้นวิ่งได้อีก 40 km น่ะ
หน้าตา Pioneer AV 2450BT จอ 5.8" ครับ ราคาตามร้านขายกัน 10,000 นึง ตัวนี้เป็นตัวใหม่สุด สำหรับปี 2012 เลย
ผมชอบน่ะ หน้าจอเล็กดี มีปุ่มแบบ Manual ด้วย ไม่ต้อง Tuchscreen หน้าจอมันอย่างเดียว เปลี่ยนสีได้หลากหลาย
เล่น DVD CD 1 แผ่น AUX Preout 3 port 2V ต่อ USB และช่องนี้ต่อ iPhone ผ่านสายชาต์ทไฟได้ในตัวแต่ iPad 10w ไม่ชาร์ต
มี BT สามารถเชื่อมต่อ iPhone เล่นเพลงใน iPhone ผ่าน BT ได้เลย และรายชื่อในโทรศัพท์ ทุกอย่างออกที่หน้าจอได้ ควมคุมมือถือได้ดี
รายชื่อเพลงไทยแสดงชื่อเพลงเป็นภาษาไทยได้ และมีหน้าปกเพลงเหมือนใน iPhone แค่นี้ก็แจ่มแล้ว อ่อ ต่อกล้องมองหลังเพิ่มได้น่ะ
ดู DVD ได้เฉพาะตอนอยู่ เกียร์ P ถ้าอยากปลด ดูในคู่มือที่ให้มา มีสายที่ต่อไปที่ตำแหน่งเกียร์ เอาออกแล้วต่อลงกราว์น
คอลโซลด้านซ้าย เหมือนกับ TH ครับ แต่สีเทาเงาๆ ผมว่าคนละสีกับตัว TH ดูแล้วสีมันเหมือนมันจะเข็มกว่าน่ะ
ที่เก็บของด้านบนใส่ของได้นิดหน่อย ถัดลงมามีร่องที่วางของตรงที่เปิดด้วย มีเยอะจริงช่องเล็กช่องน้อยนี้ แต่ผมอยากได้แบบล็อคกุญแจ
เบรคมือกับช่องเก็บของด้านข้างเล็กๆ ที่กำลังรอเท้าแขนแบบพับได้มาติดตั้งเข้าไปแทน เพราะแบบนี้เอาไว้เก็บอะไรได้อ่ะ
ที่เท้าแขน ซื้อเพิ่มจาก JP มี 2 แบบคือ แบบติดเพิ่ม เป็นหนัง สไลด์ได้พับได้ ราคา 1x,xxx
และอีกแบบเป็นแบบกล่องใหญ่ ที่ต้องเปลี่ยนทั้งยวงตั้งแต่ด้านหน้าเลย แต่พับไม่ได้ ลายผ้าจะเป็นแบบเดียวกันด้วย
ช่องเก็บของล่างเท่าที่จะยัดได้ครับ ผมชอบวางของไว้เก๊ด้านล่างมากกว่าด้านบนน่ะครับ สมุดคู่มือ เล่มน้ำตาล ที่เสียบบัตรบางจาก
ด้านขวา สวิทย์ไฟต่างๆ ไฟตัดหมอกอยู่ที่ก้านนี้น่ะ (ไม่มีไฟออโต้ ถ้าอยากได้ เปลี่ยนก้านได้ครับ แต่ต้องมีอุปกรณ์ และสายมาครบๆ น่ะ )
ด้านซ้าย ก้านสวิทย์ปัดน้ำฝนหน้า หน่วง ช้า เร็ว ปัดน้ำฝนหลัง (ใครอยากได้ ปัดหน่วงแบบตั้งค่าได้หามาเปลี่ยนแทนได้เลย )
ด้านล่างเห็นช่องๆ 4 ช่องไหม ช่องวัดอุณหภูมิ สำหรับแอร์ออโต้ มีอีกตัวอยู่ที่ด้านบนคอลโซนซ้าย ใกล้ๆกระจกหน้า ไว้วัดแสง
มุมด้านขวา ไม่ได้บดบังอะไร แค่ปรับกระจกมองหลังให้ได้ตำแหน่งก็พอครับ แต่ฝนตก เม็ดฝนก็ยังเกาะทำให้มองเห็นยากขึ้น
ใครอยากอัปเกรดมี แบบตัดแสงและลดน้ำเกาะให้เสียเงินกันด้วยแต่ราคาแรงใช้ได้ (6,xxx)
ด้านซ้าย สำหรับผม ถือว่า เครียร์ดีครับ อ่อ ม้านนิรภัย มี 4 ใบ อยู่ที่เสา A, C น่ะครับ ทั้ง 2 ด้าน
ถุงลมนิรภัยด้านข้างอยู่ข้างเบาะนั่งด้านหน้า ซ้าย ขวา และถุงลมนิรภัยคู่หน้า รวมกันได้ = 8 ใบ ครับ แค่นี้ก็มากเท่า Camry ใหม่แล้ว
หันไปด้านหลัง ตำแหน่งนี้ บดบังนิดหน่อยที่เสา D ที่หนา แต่ก็ไม่มีปัญหาพอๆกับ Mazda3 ครับ
พูดถึงกระจกหน้าน่ะ กระจกติดรถ JP จะได้มาตรฐาน JIS ไม่ใช้ มอก. น่ะครับ และมีความแปลกหน่อยตรง Jazz จะมีกระจกทั้งหมด 8 บานน่ะ
บานหน้า จะเป็น Honda Lamipane Dot 23 (Dot เป็นความเข็มของกระจก ยิ่งมากยิ่งเข็ม)
ช่องกระจกมองข้าง บานเล็ก จะเป็น AGC Dot 23 สีจะเหมือนกระจกบานหน้า
ช่องกระจกด้านข้างด้านหน้า จะเป็น AGC Dot 20 UVs Temperlite สีออกเขียว และกัน UV และใสกว่าบานหน้านิดนึง
ช่องกระจกด้านบ้าง บานหลัง และบานหลังสุด จะเป็น AGC Dot 20 Temperlite สีชา ใสกว่าบานหน้า แต่ไม่กัน UV น่ะ
กระจกที่ติดกับประตูที่ 5 เป็น AGC Dot 20 Temperlite สีขา เหมือนกัน พร้อมไล่ฝ้า และที่ปัดน้ำฝนหลัง
คันเกียร์เหมือนกัน แต่ JP ดูไฮท์กว่าตรงที่ได้หุ้มหนังด้ายดำครับ (น่าจะเป็นด้ายส้ม จะได้เหมือน RS น่ะ)
อ่อ พวงมาลัยหุ้มหนังเหมือนกัน วงใหญ่อวบมากกว่า Mazda3 อีก จะไปคล้ายๆ ของ BMW เขาน่ะใหญ่เหมือนกัน
ที่ปลดล๊อคเกียร์ว่างถูกปิดอยู่ (แกะออกได้) สามารถซื้อเปลี่ยนแบบ TH ได้ (มีช่องเสียบกุญแจ) ราคา 15 บาท
เครื่องยนต์เหมือนเดิมครับ 4 สูบ L15A7 มี 120 แรงม้าญี่ปุ่น จับคู่กับเกียร์ออโต้ 5 Speed ตัวเดียวกับบ้านเรา (แต่บ้านเขาเป็น CVT)
รอบเดินเบาถือว่านิ่ง ทำตัวได้ดี (เพราะยังใหม่) เปลี่ยนเกียร์ แต่ละจังหวะ จับแทบไม่ได้ โดยเฉพาะ 1-2 -3
ใครจะทำอะไรกับโช้คหน้า ต้องถอดแผ่นตรงปัดน้ำฝนออกเพื่อให้เห็นน็อต ตรงหัวโช้ค เพื่อทำการถอดออกได้ง่ายๆ
อ่อ มีตรงฝาเครื่อง ของ JP จะดำหมด แต่ของ TH ตรงคำ VTEC จะเป็นสีเงิน ครับ ที่เหลือว่างตำแหน่งเหมือนกัน
ช่วงออกตัวทำได้ดี แต่รู้สึกว่าไม่เร็วเท่า Coupe พอๆ กับ ES แต่ขึ้นเร็วแป็บเดียว 60 เลย
แต่มีจังหวะเหมือนรอรอบ ช่วง 70-80 (4) นิดนึง ต้องใช้คันเร่งช่วย แต่ถ้ากดมากไปมันจะลดเกียร์เป็นเกียร์ 3 แทนซ่ะงั้น
ถือว่ายังทำงานได้ไม่นุ่มนวล แต่ถ้าเอามันละก็ ใช้เลย ยิ่ง 100 up จะสนุกมากขึ้น ในการวิ่งไป 130
ด้านขวาเครื่อง เหมือนกันกับตัวTH แต่ไม่เหมือนตัว ญี่ปุ่นเพราะมันขาด กระป๋อง ERG มั่งครับ (จำชื่อไม่ได้จริงๆ)
แต่มีช่องใส่ ซึ่ง ทางฮอนด้าได้อุดไว้ ด้วยแผ่นอลูมิเนียม Freed ก็อุดไว้เหมือนกัน
ที่ติดน้ำมันเบรค โผล่มาแค่ครึ่งนึง ส่วนหมอลมอยู่ด้านในมองไม่เห็น ชุดจ่ายน้ำมันเบรค ABS อยู่ด้านล่าง จะสกปรกเร็ว
จากน้ำมันเบรคที่ละเหยออกมา (แนะนำผ้าหุ้มกระปุ็กน้ำมันเบรค) ที่เติมน้ำฉีดกระจกชุคอออกมาให้เติม ส่วนถังอยู่ด้านล่างหลบใน
ด้านซ้าย แบตเตอรรี่ลูกเล็กๆ แต่ไม่มีปัญหา ลองขับตอนฝนตกหนัก ไฟกลางคืนเปิด มันก็จ่ายไฟไม่มีสั่นๆ ให้รู้สึก
ด้านหลังแบตฯ เป็นกล่องไฟ หุ้มไว้อย่างดี แต่พวกสายไฟต่างๆ หุ้มไว้ก็จริงแต่ก็น่ากลัวน้องหนูไปกัดเล่นจัง
กรองอากาศจขนาดเล็ก แต่ไม่เล็กน่ะ เพราะมีช่องทางเดิมวนไปมาให้เก็บฝุ่นก่อนเข้ากรองเข้าเครื่องได้ดี
(ที่รับอากาศจากกระจังหน้าขึ้นไปบนฝากระโปรงแล้วอ้อมไปด้านหลังก่อนกลับมาเข้ากรองอากาศด้านหน้า และไปต่อด้านหลังเข้าเครื่องอีกที่)
เจ้าตัวนี้ไดชาตร์ครับ ของมิซซูบิชิ Made in Japan รวมทั้งท่อต่างๆ ด้วย (มีกัมตรังสีมาด้วยเปล่าหว่า)
ก้านด้านขวาเป็นที่เช็คน้ำมันเครื่อง ที่ลากยาวไปที่ก้นเครื่่อง
กระจังหน้าพลาสติกสีออกดำ ก็ไม่เหมือนกัน พลาสติกที่ให้มา หนาและเหนียวกว่าตัวบ้านเราครับ
ช่องกระจังด้านขวานี้ให้ลมเข้าเครื่องได้ ส่วนอีกด้านจะเข้ากรองอากาศครับ
ไฟหน้า HID ปรับสูงต่ำ อัตโนมัติ จากเซนเซอร์ หน้าหลังที่เคยบอกไว้ ไฟหรีเป็นสีเหลืองน่ะครับ
ด้านหลังไฟหน้า มีพื้นที่เหลือๆ เอาไว้ระบายความร้อน ครับ
สำหรับเซนเซอร์ 2 ตัวนี้ หน้าหลัง มันคือ เซนเซอร์วัดระดับปรับสูงต่ำ ไฟหน้า HID ครับ
ที่แปลกคือมันจะมีขามายึดกับปีกนกหน้า (ทำตัวซ่ะ) ส่วนด้านหลังยึดกับคานหลังเหมือนกัน
จากการใช้มันมาได้ไม่นาน ก็ต้องยอมรับเลยครับว่า เลือกไม่ผิดมันไม่เหมือน Honda Thai ที่เคยใช้มา ทั้ง Civic ES, Civic Coupe
การประกอบนั้นแน่นมากครับ และเสียงภายนอกที่เข้ามา เช่นเสียงมอไซ ข้างๆ เสียงปีบแตร์ เก็บได้ดีกว่า Accord 2.4 ตัวไทยอีก
นอกนั้นเสียงยางบดถนน(เปลียนยางเป็น Yokoham dB V551) ก็ยังมีมาให้ได้ยินกันพอให้รู้ว่ารถวิ่งอยู่ เงียบกว่าES แต่สู้ Mazda3ไม่ได้
เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคา (สังกะสี) ตอนฝนตก ที่สู้ Coupe และ Mazda3 ไม่ได้ แต่พอๆ กับ ES (คงต้องแดมป์หลังคา)
การควบคุมพวงมาลัย ถึงแม้จะเปลี่ยนล้อตั้งแต่วันออกจากศูนย์แต่ก็รับรู้ได้ ว่าพวงมาลัยหนักขึ้น แต่เฉียบคม สำหรับผมมันดีเกือบเท่า Mazda3 เลยครับ
ขับในเมือง หรือถนนรถติดๆ (ถนนเพชรเกษม) คล่องตัวมากจนผมว่าคล้ายๆ พวงมาลัยของ Mazda2 แต่พอเร็วขึ้นแล้วมันดีกว่า (120 km/hr)
สำหรับการกินน้ำมันของ JAZZ นี้ ในคู่มือบอกว่าเติมได้แค่ E10 แต่จะเอา 91, 95 ก็ได้ ซึ่งผมจัด E10 95 (Esso ,บางจาก) ไป
ได้อัตราการกินน้ำมัน เฉลี่ยๆ 11.8 โลลิตร ครับ ซึ่งรอให้พ้นรันอินก่อน แล้วค่อยมาจับกันใหม่อีกที่นึง
หลังจาก 2,000 กม. แล้ว เครื่องลื้นขึ้น กินน้ำมัน 12 โลขึ้นแล้ว ทั้ง โซ 91, 95 กินเท่ากันครับแต่ 95 ลื่นกว่าหน่อย
คงต้องเอาประหยัด จบที่ E10 91 ครับ
สุดท้าย ถ้าใครมีโอกาส มีกำลังทรัพย์พร้อม ไม่ต้องการสิทธิคืนภาษี แสนนึง ได้รถที่ภายนอกเหมือนชาวบ้าน แต่ภายในไม่ใช้ คันนี้เลยครับ
สำหรับผม น้องส้มจี๊ด สีนี้น่ากินแต่ระวังเข็ดฟันน่ะจ่ะ
รายการเปลี่ยนอุปกรณ์ในรถ
- ล้อ SSR TypeC 7x16" off 42 สีขาวมือสอง 27,000 + ทำสีใหม่ 3,200
- ยาง Yokohama dB V551 (12/11) 205/50R16 made in japan (4,300x4)
- สปริง TEIN H-Tech (สีทอง) 8,800+ใส่1,000
- สปอยเลอร์หลัง แบบ Fit RS ทำสีส้ม 6,500
- Rigid Collar บูทยึดแบบอลู สำหรับช่วงล่าง งานไทยก็อป Spoon มา 2,200
- ฟิมล์ V-Kool 3 บานหน้า VK55 (เขียวใส) และ 5 บานหลัง VK15 (สีชาเข็ม) 24,000
- พ่นกันสนิมแบบใส R2000 6,000
- เครือบสี BlackFire cleanner 1 c เครือบWax 2 c 4,000
หมายเหตุ
- รูปภายในรีวิวถ่ายจากกล้อง RICOH CX2 และ iPhone 4s
- ขออภัย หากรูปหลายๆ รูป มันตะแคงข้าง น่ะครับ
- ส่วนรูปภาพ ใครจะเอาไปทำอะไร กรุณา บอกกล่าวกันก่อนนะครับ อย่าได้เอานิสัยเสียๆ ของนิตยาสาร ARC
