สืบเนื่องจาก Hyundai Tuscon Diesel ที่มาเปิดตัวในงาน Motor Expo 2011 เมื่อปีที่แล้ว
ทำให้ผม สนใจมันเป็นอย่างมาก
เลยชวนแฟนไปดูที่งาน Motor Expo แต่พอไปดูแล้ว รู้สึกว่า Options ถูกตัดเยอะไปหน่อย
โดยเฉพาะถุงลม ที่มีให้แค่คู่หน้า เนื่องจากมีลูกเล็ก เลยค่อนข้างเป็นห่วง เรื่องความปลอดภัย
แถมไม่มีหลังคาแก้ว ความ Sexy มันหายไปเยอะเลย
หลังจากนั้นก็เดินในงานเรื่อยๆ ก็ไปเจอะกับเจ้า BMW X1 เข้า
ผบ. ถูกใจอย่างแรง เปิดประตูเข้าไปนั่ง
แล้วบอกว่า เอาคันนี้ดีกว่า ........... เฮ้ยยยยย


หลังจากนั้น กลับบ้านมานอนคิด 1 วัน สุดท้าย เชื่อเมียก็ได้ฟร่ะ
ถึงแม้ X1 เบนซิลจะแพงกว่า Tucson Diesel ถึง 4.5 แสน แต่ยังงัยก็ BMW ล่ะว่ะ
หลังจากนั้นก็ทำการจอง BMW X1 ไว้ โดยกำหนดรับรถเดือน 7 ปี 2012 (ประมาณ 8 เดือน ฮ่วย...)

ระหว่างที่รอ มีโอกาสได้นั่ง และ ลองขับ X1 เบนซิลรถของเพื่อนในระยะทางยาวๆ ไปกลับ กรุงเทพ - บ้านแพ้ว 160 กว่ากิโล
ทำให้เริ่มกลับมาคิดหนักขึ้น ว่า X1 จะใช่ตัวเลือกที่ใช่สำหรับเราหรือไม่
X1 เป็นรถที่ขับดี พอใช้ได้ ช่วงล่างดีมาก เข้าโค้งเอาอยู่หมด ขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป
รูปทรงถูกใจหมดทุกอย่าง
แต่อัตราเร่งช่วงแซง 80-120 เรียกว่า เหนื่อยเหมือนกัน ต้องรอรอบมาก่อน
ถ้าจะเปลี่ยนเป็นตัว Diesel ในราคา 2.8 ล้าน ก็เกินงบไปเยอะ
ระหว่างที่รอรถ ก็เลยทำให้เกิดตัวเลือกอื่นๆ เข้ามาวนเวียนในหัวใจ
ทั้ง 320d, CooperS, Scirocco, IS250 (มือสองในงบไม่เกิน X1)
เพราะรู้สึกว่า ผมยังต้องการความแรง ความสนุกในการขับขี่อยู่
และ สุดท้าย สิ่งที่ทำให้ตัดใจจากเจ้า X1 นั่นก็คือ ..........
======= BMW 320d Sport ======= วันนี้เลยขอเอาลูกรักคันใหม่ มาทำ Review ให้อ่านกันครับ

================================
BMW Series 3 E90
ถือเป็น BMW ที่ผมไม่ชอบมันเอาซะเลย
ตั้งแต่เปิดตัวในเมืองไทย ประมาณปี 2005
รู้สึกเหมือนหลายๆ คนว่า E46 ยังสวยกว่าอีก
แต่พอ ปี 2009 ทาง BMW ได้ทำการ Minor Change
โดยเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าเป็น V-shape, กันชนหน้า, กระจังหน้า,
Skirt ข้าง, ลายล้อแม่ก, กันชนหลัง, ฝากระโปรงหลัง, ไฟท้าย และอื่นๆ
มันทำให้หน้าตาของเจ้า E90 ดูดีขึ้นมาในทันที
และ BMW320d Sport ถือเป็น version สุดท้ายของ Series 3 E90
ที่ออกมาทิ้งทวน ก่อนที่มันจะโบกมืออำลาจากโชว์รูมไปเรียบร้อยแล้ว
เพื่อที่จะหลีกทางให้กับน้องใหม่ไฟแรง อย่าง F30 ได้เข้ามาแทนที่ ตามวัฎจักรของมัน
โดย Version สุดท้ายนี้ ทาง BMW ได้จับ E90 LCI มาแต่งตัวให้ก่อนออกจาก Showroom กันเลยทีเดียว
สิ่งที่แตกต่างจากรุ่น 320dSE ทั่วไปก็คือ ชุดแต่ง M-sport ที่ใส่มาให้จากโรงงาน
พร้อมกับล้อ M 18" กาบข้าง M พวงมาลัย M และ ตกแต่งภายในด้วยสีเงินเมทัลลิก ลายเคฟล่า (ไม่รู้เค้าเรียกแบบนี้รึเปล่า)
แทนที่จะเป็นลายไม้เหมือน E90 ตัวอื่นๆ ทั่วไป
ส่วนขุมกำลัง ยังคงเป็นเครื่อง Diesel Turbo อันเลื่องชื่อของ BMW
ความจุ 2000 CC Turbo 184 แรงม้า แรงบิด 380 NM.
โดย Spec จากโรงงาน อัตราเร่ง 0-100 ไว้ที่ 7.6 วินาที และ ประหยัดน้ำมันถึง 18.9 กิโลเมตร /ลิตร กันเลยทีเดียว
ซึ่งเครื่อง Diesel ตัวนี้ จะเป็นเครื่องเดียวกันกับที่จะประจำการใน BMW 320d F30 ตัวใหม่
เพียงแต่รุ่นใหม่จะปรับเกียร์เป็น 8 Speed และ เป็นเกียร์ไฟฟ้า
และ ขอเดาว่า เจ้าเครื่องตัวนี้แหละ จะไปประจำการใน X1 Diesel Minor change ( BMW คงแอบกั๊กใส่เครื่องตัว 177 แรงม้า มาขายก่อน )
เอาล่ะ เกริ่นมาซะยาว มาดูตัวรถกันดีกว่าครับ

กันชนหน้า M sport

Skirt ข้าง และ กันชนท้าย M สิ่งที่เห็นแล้วหงุดหงิดกับมันทุกทีเลย ก็คือ ปลายท่อ !!
ทำไมไม่หาครอบสแตนเลสสวยๆ มาใส่ให้ซะหน่อยห๊ะ


ล้อ M 18" รัดมากับยาง Runflat หน้า 225/40/18 หลัง 255/35/18


กาบข้าง M ติดตั้งมาให้จากโรงงาน



I-drive



เบาะภายในใช้สีน้ำตาล บางคนก็เรียกว่าสีกาแฟ หรือ ชานม ดูสุขุม นุ่มลึก

พวงมาลัย M อวบอูม เต็มมือดีจริงๆ มาพร้อมกับ Paddle shift

สังเกตุที่เบาะ รุ่นนี้จะออกแบบมาค่อนข้างโอบกระชับ คล้ายๆ กับ Bucket Seat ของรถแข่ง
เพื่อรองรับการขับขี่แบบ Sport มีปุ่มปรับปีกเบาะให้โอบกระชับได้ด้วย

จอแสดงผล

หัวเกียร์ แอบคิดว่า ไหนๆ ก็จะเป็น M-version แล้ว ทำไมไม่ใส่หัวเกียร์ M มาให้ซะ จะได้ครบๆ




บทสรุป สำหรับ Feeling การขับขี่ คงไม่ต้องพูดอะไรมาก
บอกได้คำเดียวว่า ไม่รู้จะติอะไรครับ
อัตราเร่งสั่งได้ดั่งใจ แค่กดคันเร่งเบาๆ หลังก็ติดเบาะ พร้อมกับตัวรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ช่วงล่างไม่มีความแข็งกระด้างเลย ขับขี่ และ นั่งสบายมาก
แน่น และ หนึบ ทุกโค้งเอาอยู่หมด พวงมาลัยเฉียบคม แม่นยำ
สำหรับผม มันคือ feeling การขับขี่ที่ใกล้เคียงกับคำว่า Perfect !
TOP Speed ยังไม่มีโอกาสได้ลอง และคงไม่ลอง
แต่คุณ JIMMY เคย Review ตัวเครื่อง 177 แรงม้า
ได้ top speed ถึง 244 KM/hr ซึ่งตัวนี้ คงไหลไปได้มากกว่านี้นิดหน่อย
มีลุ้นได้เห็นเลข 250 km/hr ถ้าได้ลองกันจริงๆ
อัตราการสิ้นเปลือง ใช้งานปกติ ในเมือง 30% ชานเมืองประมาณ 70%
kick down บ้าง เหยียบบ้างเวลาถนนโล่งๆ ความเร็วไม่เกิน 190
เติมน้ำมันเต็มถัง วิ่งจนไฟเตือน ได้ระยะทางประมาณ 680 กิโลเมตร (ใช้ประมาณ 10 วัน)
หน้าจอ On board โชว์ว่า วิ่งได้อีก 80 กิโลเมตร
เติมน่้ำมันกลับเข้าไปจนเต็มถังอีกประมาณ 56 ลิตร
สรุป 680/56
ได้เฉลี่ยประมาณ 12.14 กิโลเมตร / ลิตรครับ ในการใช้งานจริง ถือว่าค่อนข้างพอใจครับ เพราะตั้งแต่ผมใช่รถมาทุกคัน ไม่เคยมีคันไหนได้เกิน 10 เลย
===ส่วนสิ่งที่อยากให้แก้ไขและปรับปรุงเกี่ยวกับตัวรถก็พอมีอยู่บ้างครับ=== - ช่องใส่ของตรงที่พักแขนเล็กมากๆ ใส่อะไรแทบจะไม่ได้เลย ใส่กล่องซีดีซักแผ่นก็ยังไม่ได้ น่าจะออกแบบให้เก็บของได้มากกว่านี้
- เสียงเครื่อง Diesel ยังพอมีเล็ดลอดให้ได้ยินในห้องโดยสาร แต่ไม่มากมายนัก อยู่ในระดับที่พอรับได้
แต่พออยู่ด้านนอก โอโห้ อย่างกะรถกะบะ ไม่รู้ว่าทาง BMW จะพอมีวิธีการใดในการเก็บเสียงในห้องเครื่องให้ดีกว่านี้
บางคนอาจจะเถียงว่า ก็มันเครื่อง Diesel ก็ต้องเสียงดังสิ
แต่อยากจะบอกว่า เสียงเครื่อง Diesel ของ Mercedes เงียบกว่านี้มาก ถ้า MB ทำได้ BMW ก็ต้องทำได้สิ (เทียบกับ CLS 350CDI ของแฟน )

- วัสดุในห้องโดยสาร Design เรียบง่ายไปหน่อย ออกแนวเชยๆ ภายในผมว่าแพ้ Mercedes หลุดลุ่ย
แต่ทั้งหมดนี้ น่าจะถูกแก้ไขหมดแล้ว ในตัว F30 เพราะแอบเห็นรูปภายในของมาแล้ว F30 ดูหรูหรา ดูมีราคาขึ้นมากๆ
- หัวเกียร์ไหนๆ จะเป็นรุ่น M-sport Version แล้ว ก็ใส่ หัวเกียร์ M มาให้หน่อยเถอะ
- ปลายท่อใส่ครอบสแตนเลสสวยๆ มาให้หน่อยเห๊อะ รับไม่ได้จริงๆ
- รถราคาขนาดนี้ (ป้ายแดง 3ล้าน ทอน 1 พันบาท) น่าจะมี Sunroof/ Moonroof มาให้หน่อย ต้นทุนมันจะเท่าไหร่เชียว ห๊ะ ?
Mazda3 , Prius Minorchange, Teana ตัว Top รถราคาล้านกว่าๆ เค้ายังใส่มาให้เลย
318i อาจจะไม่ต้องมี แต่อย่างน้อยรุ่น 320iSE ขึ้นไป ควรจะใส่มาให้ได้แล้ว มันจะทำให้รถดูดี มีราคาขึ้นเยอะครับ

จบล่ะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ
ถ้ามีโอกาส จะขอยืมคันข้างหลังของพ่อตา มา Review ให้ได้ชมกันครับ
