สวัสดีทุกท่าน วันนี้จะมาทำ Review รถ Suzuki Swift ให้ทุกท่านได้อ่านกัน
จริงๆอยากทำมาหลายวันแล้ว แต่มันร้อนเหลือเกิน วันนี้ก็ร้อน แต่อยากลองถ่ายดู ภาพเลยไม่ค่อยดีเพราะแสงจ้ามาก
ก่อนจะใช้รถคันนี้ผมใช้ Honda Civic FD 1.8 S AT เพราะฉนั้นอาจเปรียบเทียบกับรถ civic เป็นบางครั้ง...
เป็นรีวิวแรก หากมีอะไรผิดพลาดขออภัย และทั้งหมดเป็นความคิดเห็นของผม บางท่านอาจเห็นไม่เหมือนกัน
โอเคพูดมาเยอะแล้ว มาเริ่มกันดีกว่า
กุญแกมีมาให้สองดอก เป็น Keyless entry ดูหรูหราน้ำหนักดีทีเดียว แต่ตรงทีให้ห้อยพวงกุญแจเป็นรอยง่ายหน่อย
ระวังหน่อยแล้วกัน
และแน่นอนว่าสามารถถอดกุญแจออกมาได้ ในกรณีเกิดอะไรขึ้นและไม่สามารถเปิดประตูรถได้
เดินดูรถหน่อย
ด้านข้าง 3 บาทหน้า fx30 หลัง fx20 หรือที่เรียกกันว่า หน้า 50% หลัง 60% ของ 3M นั่นเอง
จะเปิดรถก็กดที่กุญแจ หรือไม่ก็กดปุ่มเล็กๆปุ่มนี้ *รถล็อคอยู่* กดครั้งแรกจะเปิดแค่ประตูฝั่งที่กด กดอีกครั้งเปิดทุกบาน มีเสียงเตือนด้วยเสียง
ติ๊ด สองครั้ง ถ้าล็อคก็จะดังติ๊ดเดียว เสียงน่ารักทีเดียว
ประตูเปิดสุดก็จะได้เท่านี้ เข้าออกง่ายไม่มีปัญหาอะไร
วิธีติดเครื่องก็ เอาเท้าเหยียบเบรค จะมีรูปนี้ขึ้นมา
กดปุ่ม start ทีเดียว ไม่ต้องแช่ เบรคไม่ต้องปล่อย รอจนเครื่องติดหลังนากนั้นปล่อยเบรคได้
หน้าปัดสามารถเลือกโหมดแสดงได้ ดังนี้ (เปลี่ยนโหมดโดยการกดก้านด้านขวา):
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน แบบ Real-time
อัตราสิ้นเปลืองแบบเฉลี่ย
ระยะทางที่แล่นต่อได้
และก้านนั้นยังหมุนซ้ายขวา (เป็นคลิ๊ก) เพื่อปรับความสว่างของเรือนไมล์และเครื่องเสียงและแอร์ออโต้ เวลากลางคืน(เปิดไฟหน้า) ได้ด้วย
หากกดด้านซ้ายก็เป็น Trip A, Trip B อย่างที่คุ้นเคยกัน
ส่วนก้านไฟเลี้ยวด้านขวา สามารถติ๊กเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณเลี้ยว 3 ทีได้ แต่น่าเสียดายที่น่าจะปรับไฟตัดหมอกจากก้านไฟเลี้ยวได้เลย อันนี้จะเป็น
สวิทช์ใต้ปุ่ม start ส่วนก้านปรับใบปัดน้ำฝน มี int ให้เลือกความเร็วมาด้วย!
แอร์ออโต้หน้าตาดูดีทีเดียว วิธีที่ง่ายที่สุด หมุนที่ปรับด้านซ้าย (Temp) ตั้งอุณหภูมิ หลังจากนั้นกด Auto โลด
ปุ่มอื่นๆ มีปรับโหมดว่าให้แอร์เป่าตรงไหน มี Front defroster, Rear defroster เปิดปิด A/C, ปิดแอร์ และลมหมุนเวียนด้านใน หรือเอาลมนอกเข้า
แอร์เย็นมาก! ไม่แพ้พี่โตพี่ฮอนเลย
ด้านล่างที่เห็นก็เป็นรูไว้ชาร์จไฟ และที่เสียบ USB สำหรับเครื่องเล่น
ลำโพงเสียงดีทีเดียว ให้เสียงต่ำ Bass - mid bass ได้ดีค่อนข้างมาก จนถึงเสียงกลาง เสียงสูงแสบหูนิดๆ ไม่พริ้วเท่าไร แต่ฟังได้ไม่ขี้เหร่ และดีกว่าใน civic fd แน่นอน
โดยสามารถคุมได้ด้วย ปุ่มบนพวงมาลัย (มี mute เสียงด้วย!)
น่าเสียดายที่เมืองไทยโดนตัด option bluetooth ไม่งั้นจะน่าใช้ขึ้นอีกเยอะ!
ส่วนนี่เป็นที่ปรับสำหรับกระจก ปุ่มแต่ละปุ่ม สัมผัสดีทีเดียว แต่เสียดายที่รถไม่ล็อคอัตโนมัติ ต้องกดล็อคเอง
และกระจกออโต้มีแค่ตอนกดลง ขึ้นไม่ออโต้!
ตรงกลางเป็นที่อยู่ของสัญญาณฉุกเฉิน และแอร์กลาง ... ปุ่มแต่ละปุ่มสร้างมาดีมาก น่ากดเล่น แอร์กลางก็ปรับปกติขึ้นลงซ้ายขวา
ส่วนนี่เป็นแอร์ ฝั่งขวา (ด้านซ้ายก็เหมือนกัน) อันนี้ปิดโดยการยกลงให้สุด
ดังเช่นรูปนี้ และปรับซ้ายขวาโดยเลื่อนอันล่าง
ส่วนนี่เป็นที่อยู่ของคันเกียร์ และมีช่องวางแก้ว และที่เก็บของเล็กๆน้อยให้มา ... คันเกียร์ดูดีมาก หุ้มหนังไว้อย่างสวย
ปุ่มกดเพื่อเลื่อนเกียร์ อยู่ด้านหน้าของเกียร์แบบ civic fd นั่นแหละ เกียร์เข้านุ่มมากๆ ถูกใจที่สุด แต่หากจะเข้าสลับระหว่าง เกียร์เดินหน้าและถอยหลัง
รอรถหยุดนิ่งสนิทก่อนนะ ไม่งั้นเกียร์มันไม่ชอบอย่างรุนแรง (civic พอถอยหลังเกือบจะหยุด แล้วเข้าเกียร์เดินหน้า ไม่กระตุก)
ด้านขวาก็จะมีปุ่ม S (sport) ให้กดเล่นกัน ถ้าอยากให้มันคารอบไว้ให้อยู่รอบสูงๆ
แอบเห็นเบรกมือ ดึงนุ่มนวลสบายมือมาก และจับล้อหลังได้หยุดดีมากทีเดียว
ช่องเก็บของฝั่งคนนั่ง ไซส์ค่อนข้างเล็ก แต่พอเก็บของได้อยู่
ป่ะ ไปดูด้านหลังกันมั่ง
ก้นอันมหึมา อวบน่ากอด มีที่ปัดน้ำฝนหลังมาด้วย!
วิธีเปิดก็ไม่ยาก มีสองปุ่มอย่างที่เห็น ปุ่มเล็กมีไว้ปลดล็อคในกรณีที่มันล็อคอยู่ ปุ่มใหญ่ ก็กดค้างแล้วง้างออกฝาท้ายก็จะเปิดอย่างค่อนข้างเร็วและ
จะถูกชลอไม่ให้เปิดสุดอย่างเร็วเกินไป เพราะมีโช้คฝาท้ายด้วย
เปิดฝาท้าย รถก็จะมีหน้าตาแบบนี้
มีที่ปิดบังสัมภาระด้านหลังมาให้ด้วย แต่ถ้าเป็น mirage ตอนยกขึ้นมันจะยกที่ปิดนี้ขึ้นด้วย
ดึงขึ้นได้ และเอาออกได้
มองลงไป จะเห็นมุมนี้ อยู่ล่างขวา ดึงมันขึ้นมา
อ้าเจอแล้ว ยางอะไหล่ (อยู่ไหนฟระ) เปล่าๆ รุ่นตัว top นี้ไม่มีมาให้ มีแค่ที่เติมลมโดยมี sealant แยก ในนั้นประกอบด้วยสารยางเหมือนกัน
ทำให้ปะยางเองได้ (ชั่วคราว) ก่อนที่จะหาร้านเปลี่ยนยาง
เขยิบไปอีกนิดก็จะเจอหูลาก
ด้านขวาจะเป็นที่เก็บที่ยกรถ
หน้าตาแบบนั้นแหละ
ยาง Turanza ER300 ไซส์ 185/55/16 อย่างที่รู้กันนั่นเอง
ส่วนนี้ spec ลมยาง
กลับมาดูเบาะกันต่อ มีปรับขึ้นลงได้ด้วย แค่ฝั่งคนขับนะ
ส่วนพวงมาลัย ปรับขึ้นลง เข้าออกได้ (เยอะด้วย) หาต่ำแหน่งขับที่ถูกใจได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย
Safety belt ขึ้นลงได้ (เย้!)
คราวนี้มา Review แต่ละด้านของรถกัน
ด้านเครื่องยนต์และเกียร์
รถจะออกตัวช้านิดหนึ่งถ้าเหยียบคันเร่งไม่เยอะ แต่ถ้าอยากแรงกดไปอีกนิด แรงมีเหลือเฟืออยู่แล้ว
เสียงเครื่องเพราะดีทีเดียว พอรถเริ่มเคลื่อนตัว เลย 40-50 หลังจากนั้นตอบสนองดีมาก ผมเปลี่ยนจาก civic มาเป็นคันนี้
ก็ไม่ได้รู้สึกอืดอะไร ยกเว้นในรอบต่ำ แต่แค่เหยียบคันเร่งเพิ่มหน่อย ก็มีแรงมาแล้ว ยังไม่เคยให้มันเกิน 3-4000 รอบเลย
เกียร์ก็ฉลาดดีทีเดียว และที่ชอบคือเวลาคลานตอนรถติด มันคลานได้ช้ามาก โดยไม่ต้องเหยียบเบรคเลย ถูกใจ
ช่วงล่าง
อันนี้เป็นอะไรที่ประทับใจมาก ซับแรงกระแทกได้ดีมาก เทียบกับ civic fd ผมก็ว่าดีกว่านะ เข้าโค้งมั่นใจมาก body roll น้อย ถ้าเข้าแรงกว่านั้น
โค้งยาวๆ ก็จะเริ่มเจอ body roll แต่ยางยังเกาะอยู่สบายๆ แต่ช่วงล่างก็ set มาแนวเอาใจวัยรุ่นหน่อย จะเด้งๆ หน่อย แต่ไม่แข็งนะ หนึบๆ sport
เข้ากับบุคลิกรถดี แต่ถ้าเจอหลังเต่าแล้วขึ้นค่อนข้างเร็ว ตอนหน้าลงจะยวบนิดหนึ่ง แต่ก็ทำให้กอดเข้าโค้งได้ดี ส่วนด้านหลังโอเคแล้ว ชอบมาก
จริงๆ ขับๆไป ก็ทำให้นึกถึงช่วงล่างของ lancer ex ขึ้นมาเหมือนกัน คล้ายๆ baby lancer ex เลย แต่ lancer ex กระโดดหลังเต่าได้สบายแบบไม่ยุบเท่าไรเลย
ยางเสียงดังนิด แข็งนิด แต่รับได้ เพราะเติมตาม spec หน้า 36 หลัง 32 ก็คงต้องแข็งหน่อย แต่เกาะดีมาก และลายสวยมากด้วย
เบรค
เบรคเซ็ทมาดีมาก มั่นใจมากเลย เหมือนว่าเบรคยังไงก็อยู่และไม่หัวทิ่มด้วย คุมง่าย รู้สึกได้ถึง BA เลย เวลาเหยียบแรงๆนิด มันจะเพิ่มแรงเบรคให้
เราก็ถอนๆ หน่อย มันอยู่และนิ่มมาก ชอบสุดๆ ขับกี่ทีก็ประทับใจเบรค
พวงมาลัย
คมมาก น้ำหนักดีมาก ตอนขับช้าๆ (เกือบหยุดนิ่ง) น้ำหนักเบามากทีเดียว จอดง่ายมาก พอเร็วขึ้นเริ่มแข็งหน่อยและ แต่ก็ไม่ได้แข็งขนาด lancer ex
ผมว่าคล้ายๆ civic นะ พวงมาลัยไวทีเดียว ระยะฟรีน้อยมาก แต่ผมชอบมาก ใครชอบขับรถชอบพวงมาลัยนี้แน่นอน ทรงก็จับง่าย ที่หุ้มหนังมาก็สบายมือ
ไม่ลื่นไถลดี
ด้านในรถ
วิสัยทัศน์ดีมากเลย หน้าสั้น เสาร์ A ไม่บัง กระจกมองข้างไซส์กำลังดี หันไปเช็ค blind spot ด้านข้าง ก็แทบจะเห็นท้ายรถแล้ว
เสียดายไม่มีกระจกส่องหน้าด้านฝั่งคนนั่ง และปุ่ม auto มีแค่ขาขึ้น และขาดไฟอ่านแผนที่ แต่อย่างอื่นโอเค เบาะนั่งสบายดี
โอบกระชับพอประมาณไม่มากมายอะไร เก็บเสียงได้ดีพอประมาณ ประตูรถแอบปิดยากอยู่
ก็คงมีแค่นั้นแหละมั้ง อัตราสิ้นเปลืองผมไม่ค่อยสนใจเลยไม่ได้ลองมากนัก แต่ที่ขับมา 100 กว่าโล หน้าจอขึ้น 13.6 กม/litre ก็โอเคนะ
เพราะไม่ได้ขับทางโล่งๆซะเท่าไร ถ้าขับแบบนี้ civic จะขึ้น 9-11 กม/ litre ส่วนตอนแรกที่ขับช่วงโล่งๆ ก็ขึ้นมา 16-18 กม/litre
สรุปผมชอบมากและไม่ผิดหวังที่เลือกรุ่นนี้เลย ขับสนุกจริงๆ วันๆอยากหาเรื่องขับไปเที่ยวตลอด และขอให้คนที่จองได้รถไวๆ
ขอบคุณที่รับชม
เพิ่มรูปตอนกลางคืนให้ดูนะ