คือ เราผิดตั้งแต่เอาปัจจัยพื้นฐานไปเป็นของเอกชนที่แสวงหาผลกำไรแล้วครับ(อันนี้อ้างอิงจากเศรษฐศาสตร์ ตอนนั้นอ่านหนังสือของ Mankiw)
ตามหลัก รัฐบาล ควรจะเป็นเจ้าของกิจการที่สำคัญแบบนี้ หรือ พยายามควบคุมดูแลให้มากกว่านี้
ไม่ใช่ปล่อยให้กำไรเยอะเป็นแสนล้านแบบนี้ (ถึงแม้จะอ้างว่าไม่ได้มาจากการขายน้ำมันทั้งหมด) แต่อย่าลืมว่าธุรกิจสัมปทานแบบนี้กำไรเห็นๆ เพราะ ทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่งั้นก็เอาสัมปทานของ ปตท มาให้ผมได้เลย เดี๋ยวผมจะทำต่อให้เองในส่วนของการขายน้ำมัน(ที่อ้างกันว่าขาดทุน) แล้วเขาก็ทำในส่วนให้เช่าที่ไปก็ได้
ถ้าเป็นรัฐวิสาหกิจ กำไรเยอะขนาดนี้ ก็จะเข้ารัฐ"ทั้งหมด" เพื่อเอาไปบำรุงประเทศ
ถ้าขาดทุน ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาถูก ต้นทุนในการขนส่งก็จะถูก ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนในประเทศถูก เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมและการแข่งขันกับต่างประเทศ
ทุกวันนี้ปตท.ก็ยังอยู่ในฐานะของรัฐวิสาหกิจนะครับ และในความเป็นรัฐวิสาหกิจต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองบัญชีจากสตง.
รายได้เกินครึ่งก็คืนกลับให้รัฐในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่แล้ว แถมยังเป็นแหล่งรายได้ภาษีที่สำคัญมากๆของรัฐอีก
ให้ปตท.กลับไปเป็นของรัฐแล้วขายน้ำมันในราคาขาดทุน รัฐเก็บภาษีน้ำมันแบบต่ำเตี้ยเรี่ยติดดิน ประชาชนได้ใช้น้ำมันถูก
แต่ทุกวันนี้น้ำมันดีเซลกับก๊าซธรรมชาติที่เป็นปัจจัยสำคัญในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง ก็อุ้มกันไม่รู้จะอุ้มกันอย่างไรแล้วนะครับ
รัฐต้องเอาเงินเรียกเก็บจากเบนซิลไปตรึงราคาดีเซลไว้จนแทบจะแขนขาดอยู่แล้ว เพราะราคาดีเซลมีผลต่อต้นทุนสินค้าโดยตรง
ถ้าหากจะให้อุ้มราคาน้ำมันเบนซิล ซึ่งใช้กันหลักๆในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซะเกือบหมด แล้วจะให้รัฐหารายได้จากตรงไหน?
ย้ำอีกครั้งนะครับว่าที่น้ำมันแพง หลักๆมาจากมาจากภาษีและเงินเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งเงินส่วนนี้มันเข้ารัฐหมด
และอย่าลืมครับว่าถ้าอยากใช้น้ำมันถูก รัฐก็ต้องเสียงบประมาณมาอุดหนุนตรงส่วนนี้ในปริมาณมหาศาลเช่นกัน
เอาง่ายๆว่ากองทุนน้ำมันที่เข้ามาเป็นตัวซับแรงเหวี่ยงราคาน้ำมัน ทุกวันนี้เงินกองทุนติดลบหนักขนาดไหน
นี่แค่เข้าไปชดเชยส่วนต่างให้ราคาสวิงน้อยลงนะครับ ถ้าเข้าไปแทรกแซงราคาน้ำมันโดยตรง ผมว่าฐานะเงินคงคลังบรรลัยไปนานแล้ว
สุดท้ายรัฐก็ไม่มีเงินใช้จ่าย เพราะมัวแต่เอาเงินไปอุดหนุนน้ำมันให้ประชาชนในประเทศได้ใช้กันแบบสบายๆ
นี่ล่ะคือการบิดเบือนกลไกทางตลาดที่แท้จริง ที่คนไทยส่วนมากกำลังเรียกร้องกันอยู่ทุกวันนี้
.-_-.