ช่วยแบ่งปันความรู้ เกี่ยวกับเครื่องยนตร์ ในกลุ่มรถ D-segment !! ด้วย ครับ

koako

ผมสงสัย อยากทราบ รถ รุ่น D segment เราควรใช้รถขับใช้เครื่องยนตร์แบบรุ่นไหน จะประหยัดน้ำมันกว่ากัน... ระหว่าง 2,000 cc และ 2,500 cc

เพราะเป็นที่ทราบกันดีแต่การทดสอบจากที่เรา ศึกษาและอ่านมาของบทความคุณ จิมมี่

รถเครื่องใหญ่ จะประหยัดน้ำมันกว่า ...

เช่น Toyota 2.5 cc ปี 06-10 บริโภคน้ำมัน ประมาณ 14.67 กิโล
ในขณะที่ 2.0 cc จะวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่า...

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะน้ำหนักรถ...

ถ้าเช่นนั้น การที่เราวิ่ง ไปรถติดไปกับการจรารจรแย่ๆ รถติดใน กทม เครื่องยนตร์ 2.0 cc จะช่วยทำให้ประหยัดได้มากกว่าไหม ครับ ?

ทำไม Benz E- class บางรุ่นเลือกที่จะใส่เครื่องยนตร์ตัวเล็กลงไป เช่น 1.8 cc มันช่วยให้ประนหัดน้ำมันมากกว่า เครื่องใหญ่รึเปล่าครับ ?


ขอบคุณ ล่วงหน้า ครับ



jAk

วิ่งทางไกล พวก 2.4-2.5 จะประหยัดกว่าครับ รอบเครื่องจะต่ำกว่า อัตราเร่งแซงต่างๆก็ดีกว่า

แต่ในเมืองรถติดๆ 2.0 ประหยัดกว่าครับ แต่ประหยัดกว่าไม่มากเท่าไหร่ อาจจะต่างเพียง 1km/L ด้วยซ้ำ

แต่ก็ขึ้นอยู่กับระบบเกียร์อีก อย่าง camry 2.0 ทางไกลจะกินน้ำมันมากเพราะ4เกียร์



Bimmer Boy

วิ่งตจวดาวมเร็ว140ขึ้นไปเครื่อง 2500  ประหยัดกว่า แต่ในเมืองจะกินกว่าเครื่อง 2000 ครับ อยู่ที่ว่าจขกทขับในเมืองหรือตจวมากกว่ากัน และชอบขับเร็วหรืเปล่่า



burutrad

 ของผมใช้ teana 2.0 วิ่งในเมือง 8-10 อย่างเก่ง ตจว ได้ 11-14 ครับ... ;)



NineKlao

เครื่องใหญ่ๆ ก็ยิ่งกินครับ

แต่ทางยุโรปเริ่มใช้เทอร์โบเข้ามาช่วยเพิ่มแรงม้า ให้เท่าเดิม หรือมากกกว่าเดิมแทนครับ

ต่อไปเราจะเห็นเครื่องเล็กๆ ติดโบกันมากขึ้น



bleem

  ;D. ปัจจัยก็หลายประการ.  น้ำหนักรถเมื่อเทียบต่อแรงม้า.  เกียร์อัตราทดต่อรอบเครื่องยนต่์.  เทคโนโลยีเครื่องยนต์.  ปัจจุบันเครื่อง 2000. ใช้เทคโนโลยีเก่าเกียร์อาจใช้ของเก่าหรือใหม่เพื่อกระตุ้นการขายเช่น. แอลติชเทียนา 2.0เป็นต้น.  ส่วนเครื่อง. 2.5.  นั้นส่วนใหญ่จะพัฒนาพร้อมกับรถที่จะนำออกขายเพื่อแข่งขันกับค่ายต่างๆ. เพื่อแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีของตน.  เครื่อง. 2.0 ก็สร้างมาปิดช่องว่างและตอบสนองผู้ชอบรถราคาประหยัดกว่าและมองว่าประหยัดน้ำมัน. ในตอนนี้ไม่แน่นะครับเครื่อง 2.5. อาจทำได้เท่าหรือใกล้เคียงกับ. 2.0. กันเลยทีเดียว



Cube

รถยุโรปเครื่อง 1.8 + turbocharger ทำให้รีดกำลังมาได้มากกว่าเครื่อง 1.8 และประหยัดกว่าเครื่อง 2.5 แต่ต้นทุนเครื่องก็แพงขึ้น และค่าบำรุงรักษาก็มากกว่าครับ



pasumylove

เครื่องใหญ่เครื่องเล็ก บางยี่ห้อมันต่างกันนะครับ เนื่องจากรถบางคันเครื่อง 2.0 แต่เกียร์และอัตราทดทำได้ไม่ดี

ประกอบกับแบกน้ำหนักตัวอันมากโข จึงทำให้กินน้ำมันแบบน่าตกใจ ประเด็นนี้เห็นกันชัดเจนใน camry 2.0

ส่วนที่ว่า camry 2.5 ทำไมประหยัดกว่า ต้องไปมองว่าเครื่องใหม่ เกียร์ใหม่ 6 AT อัตราทดทำได้ดีกว่า แรงม้าดีกว่า เหมาะสมกับน้ำหนักตัวแล้ว(หรือป่าว)

ตรงนี้แหละครับมันเป็นส่วนที่แตกต่างกัน เลยทำให้เวลารถวิ่งทางไกลรอบเครื่องน้อยกว่า การทำงานของเครื่องไม่ต้องเค้นมาก จึงประหยัดกว่า

ส่วนประเด็นเรื่องรถยุโรปว่าทำไมเครื่อง 1.8 จึงประหยัดกว่าเครื่องเดิม ในส่วนนี้ต้องทราบไว้ก่อนว่าเครื่องพวกน้องดาว น้องบี พวกนี้

เทคโนโลยีเขาไปไกลเกินกว่าขนาดเครื่องด้วยนะครับ และเขาใช้เครื่องเล็ก ที่มีแรงม้า แรงบิต แรงบ้าในสายเลือดด้วยเทอร์โบ และอื่น ๆ ที่เหนือกว่ายุ่น

ไม่แปลกหรอกครับ รถหนักเกือบ ๆ  2,000 โล แต่ใช้เครื่องเล็ก ๆ แต่ดันประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะเครื่องดีเซลยุโรป จะแรงไปไหน และประหยัดไปไหน

แต่เทคโนโลยีพวกนี้ต้นทุนก็แพ๊ง แพง ดูราคาเครื่องเปล่าของน้องดาวสิ เพื่อนผมเคยถามจะยกมาเปลี่ยนใน E300 w124 มันยังถอยเลย

เพราะราคาเครื่องเปล่า ๆ อย่างเดียว ก็ล้อเป้าไปที่เกือบ ๆ 5แสนแล้ว ยังไม่รวมค่าติดตั้งอีก เจอแค่นี้มันก็บอกซื้อรถใหม่ดีกว่า ;D ;D ;D



keanetona

สรุปได้ประมาณนี้ครับ

เครื่องเล็ก ฝ่ารถติด ตีนเบา ประหยัดกว่าเครื่องใหญ่

เครื่องใหญ่ ขับเร็ว ตีนหนัก ประหยัดกว่าเครื่องเล็ก

ผมเคยลองขับแอกคอร์ด 2.0 เทียบกับของผม 2.4 ผมว่า2.0 พอสำหรับขัุบในเมืองชิลๆ แต่ไม่พอสำหรับตีนผมครับ



prai

ของเมอร์ เครื่องดีเซล 4 สูบ 2.2 หรือ 6 สูบ 3.0 กินน้ำมันต่างกันนิดเดียว แต่ต่างกันที่ความแรง
ส่วนตลาดแมสในประเทศ ยังไม่ใช้เครื่องที่มีระบบอัดอากาศช่วย เลยทำให้กินน้ำมันครับ เพราะเครื่องต้องใช้พลังงานมาก ให้การลากตัวถังที่หนัก



PREM

ยืนยันว่า ถ้าขับในเมือง หรือเดินทางไกลแบบครอบครัว ขับแบบนิ่มนวลไม่แข่งกะใคร
ใช้ความเร็วเหมาะสมไม่เกินครึ่งหน้าปัด (130) 2.0 ประหยัดกว่า

ยกเว้นรถบางรุ่น (เช่น Camry) ที่มีข้อแตกต่างเรื่องจำนวนเกียร์ด้วย
อันนั้นอาจจะทำให้การขับทางไกลเปลืองกว่าเพราะรอบสูงกว่ามาก
2013 Mercedes E 63 AMG (W212)
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP



simcity

ตามนั้นครับ

คันไหนประหยัดกว่า ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน

ถ้ารถติดๆ ในเมือง เครื่อง 2.0 ประหยัดกว่าอยู่แล้วครับ

ลองนึกภาพง่ายๆ เอารถ 2 คันรุ่นเดียวกัน เครื่อง 2.0 กับ เครื่อง 2.5

มาติดเครื่องทิ้งไว้เฉยๆ ซักชั่วโมงนึง คันไหนจะกินน้ำมันมากกว่ากัน

แต่ถ้าวิ่งทางไกล ยาวๆ ความเร็วซัก 120-140

เครื่อง 2.5 ประหยัดกว่าครับ

สรุป ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน




YenChar

ในแคมรี่โฉมที่แล้วผมขับเครื่อง 2.0 ได้ประหยัดกว่า 2.4 ครับ

เครื่อง 2.0 ถ้าคุณออกตัวกระชาก มันต้องเค้นกำลังมาก
แต่ถ้าคุณคอยๆออกตัวช่วงเกียร 1 ถึง เกียร 2
พอรถลอยลำแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ แต่อย่าขับเกิน 110 ก็พอ
แคมรี่ 2.0 ผมทำได้ 13 โลลิตรครับ ขับ 4 ถังตอนไปเที่ยวภาคใต้ ก็ได้ 12-13 โลลิตรตลอด

บางคนขับ 2.0 กินน้ำมันกว่า 2.4
เพราะเค้าคิดว่า เหยียบแล้วรถไม่วิ่ง (ทั้งๆที่จริงๆมันวิ่ง ให้เวลามันหน่อย)
แรงบิด มันค่อยๆมา รถน่ะวิ่งไม่น่าเกลียดหรอก เพียงแต่มันไม่ทันใจคนขับ
พอเหยียบไม่พุ่ง ก็เหยียบลงไปเพิ่ม รถก็ยิ่งกินน้ำมัน

แรงบิดของรถ มันมาเรื่อยๆครับ แต่ต้องให้เวลามันหน่อย
พอลอยลำแล้ว น้ำหนักของรถไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วครับ
การเข็นอะไรก็ตามจากจุดหยุดนิ่ง มันใช้แรงเยอะทั้งนั้นครับ
ถ้าคิ๊กดาวลากรอบเรียกอัตราเร่งเมื่อไหร่ 2.0 กินน้ำมันกระจายยยย ครับ

แต่ยืนยันครับว่า 2.4 ขับนอกเมือง สบายกว่า และประหยัดกว่า
ถ้าขับ 2.0 ให้ประหยัดเท่า 2.4 เวลาขับนอกเมือง ทำยากครับ เลี้ยงคันเร่งกันจนเมื้อย



IncarRus

ผมว่า,,, อยู่ที่เท้านะ
....ถ้าเท้าเบา,,, ค่อยๆ เหยียบ เครื่องเล้กได้เปรียบ
....แต่ถ้าเท้าหนัก,,, กดปรึ๊ดๆ ขับรถเร็ว เครื่องใหญ่ได้เปรียบ