ผู้เขียน หัวข้อ: คนขับรถยุโรปป้ายแดง ปกติเค้ามีรายได้เท่าไหร่กันครับ  (อ่าน 36050 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nioka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,038
ภาษีมันมีไว้สำหรับคนชั้นกลาง มนุษย์เงินเดือน กับคนจนๆครับ

เพราะคนรวยเค้าใช้เงินก่อนเสียภาษีแต่มนุษย์เงินเดือนคุณเสียภาษีก่อนเลย ถึงได้ใช้เงิน จริงหรือป่าวครับ

นึกถึง พ่อรวย พ่อจน เลยครับ สำหรับคนเอาเรื่องภาษีมาพูด แนะนำหนังสือเล่มนี้เลย"พ่อรวยสอนลูก"

หลายคนในนี้อ่านแล้วสะอึกเฮ้ยคนรายได้หลักแสนมีหลายคนเลย อย่าตกใจไปครับ

คุณก็มีรายได้หลักแสนได้หากศึกษาความรู้ ขยัน และรู้จักนำเงินไปลงทุน ลองศึกษาเรื่อง "การเงิน"

ดูครับ ทุกวันนี้มีคนเริ่มตั้งแต่เด็กๆ แล้วไม่เกิน 35 พวกนี้สบาย แล้วคุณละเริ่มเรื่องการลงทุนหรือยัง

ออฟไลน์ Action

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,667
รายได้ผมถ้ารวมธุรกิจส่วนตัว(หลังหัก คชจ.แล้ว)ก็ 180k ถ้ารวมภรรยาด้วยก็ตก 220k โดยประมาณ
พนักงานรัฐวิสาหกิจ(ผม) + SMEs เล็ก ๆ Otop 4 ดาวย่อม ๆ + ข้าราชการ(แฟน) ได้เท่านี้ก็บุญแล้ว
เสียภาษีทีก็ปางตาย(ยอดรวมน่ะ) ;D

ชาตินี้ผมไม่ค่อยมีเงินเก็บเท่าไหร่ เพราะได้เท่าไหร่ก็โดนเก็บหมด ทุกวันนี้มีตังให้ใช้วันละ 500 บาท
ส่วนน้ำมันแม่คุณให้ตลอดถ้าตกขีดสุดท้าย แต่...จดเลขไมล์และนับจำนวนวันด้วยนี่สิ โหดร้ายม๊ากกกก T^T
ถึงรถผมจะไม่แรง แต่ก็ยังแซงทุกคันไม่เว้น...
Honda Civic 3dr. '96
Chrysler Neo '98
BMW 320i '01
Honda Civic FD 2.0 '06 > Sold
Mazda BT-50 Pro '12

ออฟไลน์ -nu-

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 168
ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่สนใจว่าใครจะบริหารภาษียังไง
ที่ถามไป ก็แค่อยากรู้จริงๆว่า เวลารายได้เดือนละเป็นแสน ปีละเป็นล้าน เขาเสียภาษีกันเท่าไหร่

แต่ผมถูกตั้งคำถาม ก็ขอตอบนะครับ


คุณพูดแบบนี้ มันเหมือนเอาข้อเสียของรายได้ช่องเงินเดือน มากล่าวหารายได้ช่องธุรกิจส่วนตัวนะครับ
หากคุณเคยเป็นพนักงานเงินเดือน และผันตัวเองกลับมามีบริษัทของตนเอง คุณจะไม่มีความคิดหรือกล่าวอ้างอะไรแบบนี้แน่นอน

ผมตอบให้คุณแต่ละข้อเลยก็ได้

1. เจ้าของกิจการ มีความสามารถในการเสียภาษีมากกว่าอยู่แล้ว ลองคิดดูว่า มีบุคคลธรรมดากี่รายในประเทศ ที่มีรายได้ 100 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทที่มีกำไร 100 ล้านบาทต่อปี หาได้ไม่ยากเลย และบริษัทนั้น จะต้องเสียภาษีประมาณ 23% ของกำไรที่ได้

2. คุณเอารายได้มาคุยไม่ได้ เพราะธุรกิจเค้ามีต้นทุนสินค้า การจ้างงาน อื่น ๆ ถึงแม้คุณจะกล่าวอ้างว่า คุณก็มีต้นทุนค่ารถ ค่าเสื้อผ้า ค่า ฯลฯ แต่มันคนละเรื่องเดียวกัน แต่แน่นอน ในกฏหมายปัจจุบัน บุคคลธรรมดาที่มีรายได้เท่ากับกำไรของบริษัท ๆ หนึ่ง ... บุคคลผู้นั้นจะต้องเสียภาษีมากกว่าแน่นอน เพราะภาษีบุคคลธรรมดาสูงสุดที่ 37% ในขณะที่ภาษีนิติบุคคลตอนนี้อยู่ที่ 23%

3. ผมว่าข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นเลย

4. ช่องทางเลี่ยงภาษี หรือบริหารภาษี สุดแล้วแต่คุณจะกล่าว แน่นอนว่านิติบุคคลมีช่องทางมากกว่า ทั้งถูกและผิดกฏหมาย แต่หากคุณลองคิดดูว่า ถ้าพนักงานกินเงินเดือนตอนเช้าไปขายหมูปิ้งได้เงินเดือนละ 3 หมื่น กับตอนเย็นขายของตลาดนัดได้เงินเดือนละ 3 หมื่น รวมเงินเดือนเป็น 9 หมื่น คุณคิดว่าพนักงานคนนั้นจะนำรายได้ 9 หมื่นไปเสียภาษีเต็มจำนวน หรือว่ารายงานไปแค่รายได้ 3 หมื่นที่ได้จากงานประจำ และเป็นเงินที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว?

ภาษีมันเป็นหน้าที่ ถูกต้องครับ
แต่คุณไม่มีสิทธิที่จะกล่าวหาว่า อาชีพไหนเอาเปรียบอาชีพไหน เพราะว่าประเทศเราไม่ได้ห้าม ไม่ให้คนที่มีบริษัท ไปทำงานเป็นพนักงานเงินเดือน
และที่สำคัญที่สุด ไม่มีใครห้ามไม่ให้พนักงานเงินเดือน ไปเปิดบริษัทมีกิจการของตนเองเช่นกัน

คุณเห็นสลิปเงินเดือนตัวเองแล้วคุณกลุ้มใจ
แต่คุณอย่ามองแค่เรื่องของตัวเอง ลองไปถามนายจ้างคุณดูบ้าง ว่าตอนเค้าเห็นตารางค่าใช้จ่ายเงินเดือนพนักงานคุณ ๆ และบิลเรียกเก็บเงิน
คุณแค่กลุ้มใจ แต่นายจ้าง อาจจะเอาเท้าก่ายหน้าผากก็ได้นะครับ .. 5555

ส่วนเรื่องภาษีรถ ไม่ต้องห่วงครับ
คนที่ซื้อรถยุโรปซักคันนึง แค่ภาษีสรรพสามิต ยังไม่รวม VAT 7% นะ
เค้าก็เสียมากกว่าภาษีที่พนักงานเงินเดือน 30,000 จ่ายต่อปี ... มากกว่าเป็นสิบปีแล้วครับ
ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะเสียเปรียบไปครับ


ผมเริ่มตั้งคำถามจากประโยคนี้ครับ

อ้างถึง
ปล.ระหว่างพนักงานเงินเดือน 30,000 กับเจ้าของกิจการที่ซื้อรถเบนซ์จิบไวน์คุณว่าใครจะเสียภาษีมากกว่ากัน ความเป็นคนดีรักชาติไม่สามารถวัดได้ด้วยจำนวนภาษีที่จ่ายให้กับประเทศชาติครับ

แม้ผมจะเห็นด้วยว่าจำนวนเงินภาษีมันเป็นหน้าที่ไม่มีเกี่ยวอะไรกับการรักชาติเลย
เช่น คนต่างชาติที่มาทำงานเมืองไทยพวกนี้จ่ายภาษีมากกว่าทหารที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยประเทศเราแน่นอน

แต่ก็มีสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วย จึงเป็นที่มาของ 4 ข้อที่ผมถามกลับไป
อ้างถึง
ระหว่างพนักงานเงินเดือน 3หมื่นกับเจ้าของกิจการของท่าน คิดว่ามีความสามารถในการเสียภาษีมากกว่ากัน?
ระหว่างพนักงานเงินเดือน 3หมื่นกับเจ้าของกิจการของท่าน คิดว่าใครเสียภาษีต่อรายได้มากกว่ากัน?
ระหว่างพนักงานเงินเดือน 3หมื่นกับเจ้าของกิจการของท่าน คิดว่าหลังเสียภาษีแล้วใครมีเงินเหลือมากกว่ากัน?
ระหว่างพนักงานเงินเดือน 3หมื่นกับเจ้าของกิจการของท่าน คิดว่าใครมีช่องทางเลี่ยงหรือจะเรียกว่าบริหารภาษีก็ได้ มากกว่ากัน ?

ซึ่งสิ่งที่คุณตอบก็ข้อ 1-2 ไม่ค่อยตรงคำถามเท่าไหร่ เพราะจากพนักงานเงินเดือน 3 หมื่น กลายเป็นพนักงานเงินเดือน 100ล้าน เสียภาษีฐาน 37% ไปซะแล้ว

อ้างถึง
4. ช่องทางเลี่ยงภาษี หรือบริหารภาษี สุดแล้วแต่คุณจะกล่าว แน่นอนว่านิติบุคคลมีช่องทางมากกว่า ทั้งถูกและผิดกฏหมาย แต่หากคุณลองคิดดูว่า ถ้าพนักงานกินเงินเดือนตอนเช้าไปขายหมูปิ้งได้เงินเดือนละ 3 หมื่น กับตอนเย็นขายของตลาดนัดได้เงินเดือนละ 3 หมื่น รวมเงินเดือนเป็น 9 หมื่น คุณคิดว่าพนักงานคนนั้นจะนำรายได้ 9 หมื่นไปเสียภาษีเต็มจำนวน หรือว่ารายงานไปแค่รายได้ 3 หมื่นที่ได้จากงานประจำ และเป็นเงินที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว?

จากพนักงานเงินเดือน 3หมื่นตอนต้น ตอนนี้กลายเป็นมีธุรกิจส่วนตัว รายได้เพิ่มมาอีก 6 หมื่นครับ
ดังนั้น 6 หมื่นหลังต้องคิดว่าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจครับ ไม่ใช้พนักงานกินเงินเดือนแล้ว
ต้องบอกตรงๆว่า ผมเคยเป็นแต่มนุษย์เงินเดือน ก็เลยไม่รู้ว่าเวลาเป็นเจ้าของกิจการแล้วเขาทำกันยังไง

อ้างถึง
คุณเห็นสลิปเงินเดือนตัวเองแล้วคุณกลุ้มใจ
แต่คุณอย่ามองแค่เรื่องของตัวเอง ลองไปถามนายจ้างคุณดูบ้าง ว่าตอนเค้าเห็นตารางค่าใช้จ่ายเงินเดือนพนักงานคุณ ๆ และบิลเรียกเก็บเงิน
คุณแค่กลุ้มใจ แต่นายจ้าง อาจจะเอาเท้าก่ายหน้าผากก็ได้นะครับ .. 5555

Cost to income ratio ของนายจ้างผม ไม่สูงมากครับ  แม้ไม่ดีที่สุดใน industry  แต่ก็ถือว่าโอเคอยู่ ไม่เอาเท้าก่ายหน้าผากแน่นอน
Stake holder ขององค์กรผม ก็มีความสุขถ้วนหน้า 5555 กันได้ทุกคนครับ

ประเด็นสุดท้ายครับ
อ้างถึง
ส่วนเรื่องภาษีรถ ไม่ต้องห่วงครับ
คนที่ซื้อรถยุโรปซักคันนึง แค่ภาษีสรรพสามิต ยังไม่รวม VAT 7% นะ
เค้าก็เสียมากกว่าภาษีที่พนักงานเงินเดือน 30,000 จ่ายต่อปี ... มากกว่าเป็นสิบปีแล้วครับ
ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะเสียเปรียบไปครับ

ถ้าผมเป็นพนักงานได้เงินเดือนระดับ 3 หมื่นก็คงจะดีหรอกครับ ทำงานเก็บเงินซักหลายๆสิบปี คงจะพอมีโอกาสซื้อรถยุโรปซักคัน
(แต่คิดว่าซื้อแต่พอเพียงน่าจะดีกว่าเยอะ)

หลักการเก็บภาษีมี 2 หลัก 1. หลักความมีประสิทธิภาพ กับ 2.หลักความเสมอภาค 
ภาษี VAT ที่คุณพยายามยกมาครั้งแรก ตั้งอยู่หลักความมีประสิทธิภาพ
ภาษีเงินได้ตั้งอยู่ในหลักความเสมอภาค ใครมีความสามารถเสียภาษีมาก ก็เสียมาก ใครมีความสามารถเสียภาษีน้อย ก็เสียน้อย

ดังนั้น การเสียภาษีมากหรือน้อย ไม่ได้บอกว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบใคร
(คนเสียภาษีน้อยกว่าอาจจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบคนเสียภาษีมากกว่าก็ได้)
แต่สิ่งที่บิดเบือนให้ไม่เป็นไปตามหลัก 2 ข้อนี้ต่างหากครับ ที่ทำให้เกิดความได้เปรียบ-เสียเปรียบกัน


ออฟไลน์ capton

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 379
ผมจะบอกตัวเองเสมอว่า หาให้มากกว่าใช้... แต่จะสอนลูกน้องว่า ใช้ให้น้อยกว่าหาได้
ทำธุรกิจส่วนตัวครับ อายุ34 แต่กินเงินเป็นเดือน 40k/เดือน ออกBMW ผ่อน36,000 เท่าที่หักค่าใช้จ่ายได้ แต่รวมทุกคันแล้ว แสนกว่าต่อเดือน
ถ้ายังเป็นพนักงานเหมือนแปดปีที่แล้ว คงมีแค่กระบะดีแมค(ทุกวันนี้ยังใช้อยู่) ที่ออกBMW ก็เพราะภาษีนี่แหละครับ ถ้าไม่ซื้อ ภรรยาจะไปซื้อประกันให้บริษัท ในราคาเท่ากับที่ผ่อนรถx12เดือน แต่ 15ปี ผมเลยขอซื้อรถก่อน ปีหน้าว่ากันใหม่

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมรายได้ประมาณ 7 หลักครับไม่รวมโบนัส ค่าใช้จ่ายระหว่างปีไม่เท่าไหร่ครับ เพราะรถใหม่มีประกัน แต่ค่าประกันภัยก็พอตัวนะครับ ตกปีละ 6 - 7 หมื่นบาทต่อคันครับ ค่าน้ำมันก็ปรกติครับ
7 หลัก ต่อเดือนรึเปล่าครับ โหดมากกกก
ขนาดผมทำธุรกิจส่วนตัวยังไม่เคยได้ถึงเดือนละ 7 หลักเลยครับ  :'(

ค่าจ้างต่อเดือนครับ เป็นงานสัญญาจ้างครับ เลยได้ค่าตอบแทนสูง แต่หมดสัญญาแล้วไม่ได้ต่อก็จะมีเงินก้อนให้อีกครับ

งานอะไรนะครับ หลังไมล์ได้ไหม อยากรู้จริงๆ ครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
เห็นตัวเองแล้วน้อยใจครับ เงินเดือนราชการ 15000 + OT 2000 ได้ 17000

ทำงานแทบตาย ได้เงินเท่จิ๋มมด ตอนนี้ ทำอย่างเดียว คือ รอเรียนจบ จะได้ไปๆ จากที่นี่สักที ไปทำงาน ด้านอาจารย์ ทำวิจัย ที่่ปรึกษา ธุรกิจส่วนตัวดีกว่า รายได้มากกว่านี้

ออฟไลน์ Yinglek

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 321
    • อีเมล์
ถ้าจำไม่ผิดคุณGamoเป็นท่ีปรึกษาด้านการลงทุนค่ะคุณSilverG

X6 , Panamera , Everest

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ขนาดหน้าหมู่บ้านผมนะ ทาวเฮาส์เล็กแคบๆตาม ตจว. ราคาขายขาดไม่ถึง 5 แสนบาท อยู่กันเต็มครอบครัว 4-6 คน แต่
แต่
แต่
แต่ละบ้านมีรถป้ายแดงให้ควั่ก ขอโทษระดับ D ทั้งนั้น แคมรี่ แอคคอด เทียน่า ฟอจูนเน่อ จอดขวางประตูกันไปหมด บ้านโน้นมีบ้านฉันก็ต้องมี

ดาว์นต่ำสุด ผ่อนๆ พอรุ่นใหม่ออกก็เทิร์น เป็นเรื่องปกติ มีรถรุ่นใหม่ๆขับ แต่ แกงถุงนึงกินกันทั้งบ้าน เป็นหนี้เป็นสิน กู้ ฉ. ส่งลูกเรียน ดูแล้วน่าสมเพชมากครับ
+1 เลยครับ แถวบ้านผมเนี่ยแหละเยอะแยะ

บ้านผมขับ Mighty-X ตอนออกมานี่ใหม่สุดในนั้น จนบัดนี้ผ่านมาจะยี่สิบปี เพื่อนบ้านเปลี่ยนรถกันไปสอง-สามคันแล้วทั้งนั้น เป็นหนี้กันทุกบ้าน (เพราะเศรษฐกิจแย่ลงกว่าสิบกว่าปีก่อนมาก)  เอาตังไปซื้อของไร้สาระ ลูกจะเรียนพิเศษบอกเปลืองตัง

ส่วนผมก็อยู่ทาวเฮาส์ผ่อนเดือนละ 3500 ใหญ่มากมาย 3 ชั้น ที่จอดรถเยอะแยะ เงียบสงบ รถไม่ต้องผ่อน
เอาตังไปเรียนอังกิดเป็นแสน  จ่ายค่าเรียนโท รวมๆเกือบล้าน ไม่รู้สึกเสียดายเลยครับ  ถ้าต้องผ่อนรถเดือนละหมื่นผมคงเสียดายมาก เอาตังไปกินของที่อยาก เที่ยวที่อยากดีกว่า