ที่ยกเรื่องจำนวนเงินที่เสียภาษีมาเปรียบเทียบ ผมคิดว่าเป็นความคิดที่ผิดครับ
ระหว่างพนักงานเงินเดือน 3หมื่นกับเจ้าของกิจการของท่าน คิดว่ามีความสามารถในการเสียภาษีมากกว่ากัน?
ระหว่างพนักงานเงินเดือน 3หมื่นกับเจ้าของกิจการของท่าน คิดว่าใครเสียภาษีต่อรายได้มากกว่ากัน?
ระหว่างพนักงานเงินเดือน 3หมื่นกับเจ้าของกิจการของท่าน คิดว่าหลังเสียภาษีแล้วใครมีเงินเหลือมากกว่ากัน?
ระหว่างพนักงานเงินเดือน 3หมื่นกับเจ้าของกิจการของท่าน คิดว่าใครมีช่องทางเลี่ยงหรือจะเรียกว่าบริหารภาษีก็ได้ มากกว่ากัน ?
คุณพูดแบบนี้ มันเหมือนเอาข้อเสียของรายได้ช่องเงินเดือน มากล่าวหารายได้ช่องธุรกิจส่วนตัวนะครับ
หากคุณเคยเป็นพนักงานเงินเดือน และผันตัวเองกลับมามีบริษัทของตนเอง คุณจะไม่มีความคิดหรือกล่าวอ้างอะไรแบบนี้แน่นอน
ผมตอบให้คุณแต่ละข้อเลยก็ได้
1. เจ้าของกิจการ มีความสามารถในการเสียภาษีมากกว่าอยู่แล้ว ลองคิดดูว่า มีบุคคลธรรมดากี่รายในประเทศ ที่มีรายได้ 100 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทที่มีกำไร 100 ล้านบาทต่อปี หาได้ไม่ยากเลย และบริษัทนั้น จะต้องเสียภาษีประมาณ 23% ของกำไรที่ได้
2. คุณเอารายได้มาคุยไม่ได้ เพราะธุรกิจเค้ามีต้นทุนสินค้า การจ้างงาน อื่น ๆ ถึงแม้คุณจะกล่าวอ้างว่า คุณก็มีต้นทุนค่ารถ ค่าเสื้อผ้า ค่า ฯลฯ แต่มันคนละเรื่องเดียวกัน แต่แน่นอน ในกฏหมายปัจจุบัน บุคคลธรรมดาที่มีรายได้เท่ากับกำไรของบริษัท ๆ หนึ่ง ... บุคคลผู้นั้นจะต้องเสียภาษีมากกว่าแน่นอน เพราะภาษีบุคคลธรรมดาสูงสุดที่ 37% ในขณะที่ภาษีนิติบุคคลตอนนี้อยู่ที่ 23%
3. ผมว่าข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นเลย
4. ช่องทางเลี่ยงภาษี หรือบริหารภาษี สุดแล้วแต่คุณจะกล่าว แน่นอนว่านิติบุคคลมีช่องทางมากกว่า ทั้งถูกและผิดกฏหมาย แต่หากคุณลองคิดดูว่า ถ้าพนักงานกินเงินเดือนตอนเช้าไปขายหมูปิ้งได้เงินเดือนละ 3 หมื่น กับตอนเย็นขายของตลาดนัดได้เงินเดือนละ 3 หมื่น รวมเงินเดือนเป็น 9 หมื่น คุณคิดว่าพนักงานคนนั้นจะนำรายได้ 9 หมื่นไปเสียภาษีเต็มจำนวน หรือว่ารายงานไปแค่รายได้ 3 หมื่นที่ได้จากงานประจำ และเป็นเงินที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว?
ภาษีมันเป็นหน้าที่ ถูกต้องครับ
แต่คุณไม่มีสิทธิที่จะกล่าวหาว่า อาชีพไหนเอาเปรียบอาชีพไหน เพราะว่าประเทศเราไม่ได้ห้าม ไม่ให้คนที่มีบริษัท ไปทำงานเป็นพนักงานเงินเดือน
และที่สำคัญที่สุด ไม่มีใครห้ามไม่ให้พนักงานเงินเดือน ไปเปิดบริษัทมีกิจการของตนเองเช่นกัน
คุณเห็นสลิปเงินเดือนตัวเองแล้วคุณกลุ้มใจ
แต่คุณอย่ามองแค่เรื่องของตัวเอง ลองไปถามนายจ้างคุณดูบ้าง ว่าตอนเค้าเห็นตารางค่าใช้จ่ายเงินเดือนพนักงานคุณ ๆ และบิลเรียกเก็บเงิน
คุณแค่กลุ้มใจ แต่นายจ้าง อาจจะเอาเท้าก่ายหน้าผากก็ได้นะครับ .. 5555
ส่วนเรื่องภาษีรถ ไม่ต้องห่วงครับ
คนที่ซื้อรถยุโรปซักคันนึง แค่ภาษีสรรพสามิต ยังไม่รวม VAT 7% นะ
เค้าก็เสียมากกว่าภาษีที่พนักงานเงินเดือน 30,000 จ่ายต่อปี ... มากกว่าเป็นสิบปีแล้วครับ
ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะเสียเปรียบไปครับ