>-< User's Voice: Honda City iDSI 2003 แมลงสาบตัวใหญ่แต่นิสัยน่าคบ >-<

[NONT4477]

สวัสดีพ่อแม่พี่น้อง HLM ใครสนใจรถคันนี้หลังไมค์หาผมได้นะ











เอ๊ย...ไม่ใช่
ขายไปแล้วครับ ลืมตัว 555 ล้อเล่นน่ะ  
รีวิวนี้ถือเป็นส่งท้ายให้มันก็แล้วกัน

ใครที่ขี้เกียจอ่านผมทำคลิปนี้มาให้ดูขำๆ 2นาที
http://www.youtube.com/watch?v=ODTaBh53bWA&feature=youtu.be



รถคันนี้เป็นรถของแฟนครับ ขายไปแล้วเพื่อไปใช้สิทธิรถคันแรก เพราะว่ารถคันนี้อายุ9ปี วิ่งไป9หมื่นกว่ากิโลเมตรแล้ว
ถึงจะดูแลเป็นอย่างดี ใช้งานทนุถนอม เข้าศูนย์ทุกระยะ แต่ในการใช้งานไปอีกอย่างน้อย5ปีข้างหน้า
มันย่อมใช้งานสู้รถใหม่แกะกล่องที่เพิ่งออกจากโรงงานไม่ได้แน่ๆ เลยใช้โอกาสนี้ตัดใจขายรถคันนี้ด้วยความเสียดายยิ่ง

[NONT4477]

รีวิวนี้จะขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับ Soluna Vios คู่แข่งในขณะนั้นมากหน่อยนะครับ
เพราะมีเพื่อนหลายคนใช้ Soluna Vios เลยมีโอกาสที่จะได้ลองเปรียบเทียบในชีวิตจริงอยู่บ่อยครั้ง



ภายนอก
 

อยู่บนถนนเมืองไทยมาร่วม10ปี คงไม่ต้องรรยายอะไรยืดยาว  
เป็น City รุ่นแรกที่เน้นความเหลี่ยมเต็มไปหมด ZX ก็ยังเหลี่ยม ยันรุ่นปัจจุบันความเหลี่ยมอยู่ครบ

 

หน้าสั้นท้ายยาว ใช้เสา A ประตูคู่หน้าและกระจกมองข้างร่วมกับ Jazz
หลายคนบอกว่ามันไม่สวยสู้ Soluna Vios ไม่ได้ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
หนำซ้ำยังบอกว่ามันเหมือนแมลงสาบ---เห็นด้วยทุกประการ

[NONT4477]

ยิ่งคันนี้เป็นสีดำ Nighthawk Black Pearl ยิ่งทำให้มันดูละม้ายใกล้เคียงกับแมลงสาบไปกันใหญ่
สีดำของ Honda นั้นผมชอบมาก มุกเป็นเม็ดละเอียดแถมมีไม่เยอะ ยามต้องแสงจะออกประกายสีน้ำเงิน สวยงาม
(แยกไม่ออกว่าต่างจาก Crystal Black อย่างไร)





สัดส่วนความไม่ลงตัวของดีไซน์นั้นเมื่อมองไปนานๆ ผมพบว่ามันก็เสมอตัว ไม่น่าเกลียดที่จะเอามาใช้งาน(ไม่ได้เอาไปโชว์ที่ไหนหนิหว่า)

[NONT4477]

ไฟตัดหมอกคู่หน้าเป็นอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมทีหลัง ไม่ได้มีมาให้แต่แรก



ในเมื่อคันนี้เป็นรุ่น Top Of The Range E AT AS ในยุคนั้น ก่อนมีรุ่น VTEC มาเสริมทัพ
ก็จะได้ล้อแม็ก15นิ้ว 7ก้านปัดเงา ขนาดของล้อพอดีกับตัวรถมากๆ
ความสวยของล้อช่วยกลบเกลื่อนความไม่ลงตัวของเส้นสายตัวถังได้ดี



เสาอากาศอยู่ตรงกลางของหลังคาด้านหน้า คล้ายหนวดแมลงสาบ ยิ่งทำให้มันเหมือนแมลงสาบไปกันใหญ่

ตามนี้  
 






กระจกมองข้างทรงเดียวกับJazz และเป็นHรุ่นแรกในไทย ที่ดีไซน์กระจกมองข้างให้มีขายื่นมาจากตัวประตู
 (Jazz และ City ตัวปัจจุบันไม่ทำแบบนี้แล้ว แต่ไปโผล่ในตระกูล Civic แทน)

[NONT4477]

ด้านท้ายรถคันนี้ติดสปอยเลอร์ทรงศูนย์พร้อมไฟเบรคLEDมาช่วยเพิ่มความโดดเด่นและช่วยขัดเกลาความประหลาดของตัวรถ แต่ข้อเสียคือมันทำจากไฟเบอร์ ถ่วงฝากระโปรงหลังมาก ถ้าเปิดไม่สุดฝากระโปรงท้ายตีหัวสลบได้ง่ายๆ  (ถ้าใครคิดจะติดหาซื้อเป็นพลาสติก ABS จะดีกว่ากันเยอะ)





ไฟท้ายเลนส์เป็นเลนส์ใสแต่หลังจากออกรุ่น VTEC ในปีถัดมา(2004)แล้ว Honda เค้าเปลี่ยนเลนส์เป็นเลนส์ชมพูทุกรุ่น
โดยโคมของไฟเลี้ยวและไฟถอย อยู่ในเบ้าโครเมี่ยมวงกลมให้รายละเอียดที่สวยงาม

[NONT4477]

เครื่องยนต์และการขับขี่

ซึ่งในครั้งแรกที่มันเปิดตัว(ขณะนั้นผมเรียนอยู่ ม.ต้น)  นอกจากดีไซน์ภายนอกที่ผมไม่ชอบแล้ว ยังมีเจ้าเครื่องยนต์นี่แหละ
WTF!! คิดได้ไง 8วาล์ว 88แรงม้า Honda บ้าไปแล้ววว (จากType Zรุ่นก่อนหน้าใช้เครื่อง VTEC 120 แรงม้า...)
เครื่องยนต์L15A  i-DSI 1497cc 8วาล์วหัวฉีด PGM-Fi แรงม้าสูงสุด 88แรงม้า@550rpm แรงบิดสูงสุด131Nm@2700rpm]
เมื่อนำไปเทียบกับ1NZ-FEใน Soluna Vios นั้น ต่างกันมากอ่านจากแคตตาล็อคก็บอกได้เลยว่าใครแรงกว่าชนิดที่ว่าไม่ต้องไปสืบ

ภายในห้องเครื่องค่อนข้างแน่น( เพราะรถมันหน้าสั้น) แต่ก็มีความเรียบร้อยพอสมควรฝากระโปรงติดฉนวนซับเสียงกันความร้อนขนาดใหญ่
ฝาครอบเครื่องยนต์มีตรา iDSI แปะอยู่ ถ้าเป็นรุ่น VTEC ก็จะเป็นคำว่า VTEC ผมเห็นหลายคันเจ้าของเค้าไม่รักษาหรืออย่างไรไม่ทราบ ตราพวกนี้หลุดหายหมด

i-DSI นั้นย่อมาจาก intelligent&dual sequential ignition หมายความว่าใช้หัวเทียน2ลูกต่อลูกสูบ1ตัว
ช่วยให้การจุดระเบิดสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ลดมลพิษและประหยัดน้ำมัน
บุคลิกของเครื่อง iDSI นั้นต่างกับ VTEC แทบจะสิ้นเชิง
เท่าที่ขับมารู้สึกว่า iDSI แรงดีช่วงต้นแต่ไปแผ่วปลาย  ส่วน VTEC, i-VTEC พละกำลังจะมาตามรอบเครื่อง
เนื่องจากแรงรอบต้นมาค่อนข้างไวเมื่อมาเจอกับเกียร์ CVT ที่ทำงานได้ต่อเนื่องลื่นไหลไร้จังหวะทำให้รถคันนี้ให้การขับขี่ที่ดีมากเมื่ออยู่ในเมือง ไม่หน่วง ไม่รอรอบ ไม่มีกระตุกกระชาก
จากที่ไม่ชอบตัวเลขเลยในตอนแรก(สมัย ม.ต้น) เมื่อได้มาขับจริงๆจังๆ(ป.ตรี) มันทำให้ผมเริ่มชอบมันได้นิดนึง แต่การขับขี่ทางไกลอย่างเร่งรีบด้วยความเร็วนั้นเมื่อดูจากแรงม้าสูงสุดแล้วก็น่าจะทราบได้ว่าไม่เหมาะไม่ควรเท่าไหร่

[NONT4477]

ก้านค้ำฝากระโปรงของ City รุ่นนี้
หุ้มฟองน้ำมาให้ด้วย ทำให้ไม่ร้อนมือเวลาต้องเปิดฝากระโปรง เป็นตัวอย่างที่ดีของการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
(ซึ่งรถยนต์ค่ายยักษ์ใหญ่เจ้าตลาดควรดูเป็นตัวอย่าง )



เพลทที่คานหน้าแสดงรหัสต่างๆของตัวรถและตราประทับของผู้ประกอบเครื่อง (Honda Automobile Thailand)


ชะโงกมองลงไปด้านล่าง จะพบกับกรองน้ำมันเครื่องสีท่อน้ำไทย

ps มีแผ่นปิดใต้ท้องเครื่องมาให้อย่างเรียบร้อยนะครับ ไม่เหมือน New City S M/T ที่ถูกถอดออกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

[NONT4477]

ถึงแม้รถคันนี้จะมีแรงม้าแค่ 88 แรงม้า และอายุปาเข้าๆไป 9 ปีเศษ วิ่งไปแล้ว9หมื่นเฉียดแสนกิโลเมตร
ยังสามารถทำอัตราเร่งได้ 15.3 วินาที***
หมายเหตุ**
-นั่ง2คน นน.ประมาณ 120kg เปิดแอร์เบอร์2 คอมเพรสเซอร์ปรับไว้กึ่งกลาง
-ใช้น้ำมัน Gasohol91 ของ Ptt
-ไม่ได้กระทืบคันเร่งตอนออกตัว (กลัวเกียร์หลุดเป็นชิ้นๆ *.*')
คลิป 0-100 ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=Dq8jayZ0-Pc&feature=youtu.be
สำหรับผมทำได้เท่านี้ไม่น่าเกลียดเลย อย่างน้อยแมลงสาบเฒ่าก็เร็วกว่า Eco Car เกียร์ CVT อยู่2คัน(จากรีวิวพี่ J!MMY)  

อัตราสิ้นเปลือง ในการใช้งานประจำวันวันละ20-30กม. รถติดนิดหน่อยแล้วแต่ช่วงเวลาแต่ไม่เท่า กทม.แน่นอน
เฉลี่ยจากสถิติการเติมน้ำมันที่บันทึกไว้ ซดโฮก 13.9 กม./ลิตร!!!!

ส่วนทางไกลไม่เคยจับเพราะรถคันนี้ไม่เคยออก ตจว. เลย แต่จากเว็บ Paul Tan
มีการทดสอบของ Honda Malaysia เครื่องและเกียร์ตัวนี้ใน City ZX
ให้อัตราสิ้นเปลืองประหยัดสูงสุดได้ถึง 26 กม./ลิตร  ประหยัดชนิดที่ว่าไม่ต้องไปง้อ Eco Car
http://paultan.org/2007/06/11/honda-city-i-dsi-gets-262km-per-liter-in-fuel-economy-challenge/

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท  ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม H shape
เซ็ทมาได้กระโดกกระแดก ค่อนข้างแข็งสำหรับรสนิยมของผม(แต่ยังนิ่มกว่า Jazz GDนิดนึง)
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เข้าโค้งด้วยความมั่นใจได้เลย
แถมขับเกิน 100 อาการหวิวๆเริ่มมา ตรงนี้แพ้ Soluna Vios ไปแบบเต็มๆ รายนั้นขับ 100-120 ยังรู้สึกเฉยๆ

พวงมาลัยเป็นแบบไฟฟ้า EPS ทำมาได้ค่อนข้างดี หลอกมือน้อยจนใกล้เคียงกับพวกไฮโดรลิก
แต่บางครั้งมีอาการไฟตกครับ ตอนขับช้าๆเหมือนระบบ Power หยุดทำงานเฉยเลย (อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่ขนาดจิ๋ว 35AMP)

ส่วนระบบเบรครถคันนี้เป็นแบบหน้าดิสก์หลังดรัม (ดิสก์4ล้อจะมาพร้อม VTEC)
ผ้าเบรคเปลี่ยนใช้ของแท้ชองศูนย์ตลอด ผมว่ามันใจกว่ารถ Honda สมัยใหม่นะ
ขับแล้วไม่เกร็งเท่าไหร่ แต่ได้ลองขับ H ป้ายแดงมา2คัน เสียวเป็นบ้าเลย

[NONT4477]

กุญแจรถแบบ wave key หัวกุญแจทำจากพลาสติกแปะตรา H ส่วนรีโมทติดเพิ่มทีหลัง
ไม่ใช่อุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน (รีโมทแท้จะมาตอนออกรุ่น VTEC)


ภายใน
ต้องเปิดประตูกันก่อน


ประตูทั้งบานหน้าและบานหลังเปิดได้กว้างพอๆกัน ช่องขึ้น-ลงกว้างขวางและเบาะติดตั้งใกล้แผงประตูรถ
ทำให้เข้า-ออกได้สะดวกสบายกว่า Soluna Vios ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่น้ำหนักประตูเบามาก เสียงปิดประตูก็กรอบแกรบไปหน่อย

[NONT4477]

ภายในของรถรุ่นนี้น่าจะเป็นจุดแข็งที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Soluna Vios มากๆครับ

รุ่นสูงสุดเลือกใช้โทนสีน้ำตาลตัดเบจ ตกแต่งด้วยลายไม้สีน้ำตาลอ่อน
วัสดุคอนโซลแม้จะเป็นพลาสติกแข็งๆแต่คุณภาพดีเลิศ แน่นหนาเนียนมือกว่ารถระดับนี้ในปัจจุบันหลายๆคัน

เครื่องเสียงยังคงอนุรักษ์ของเดิมติดรถ 1Din Single CD –FM-AM ไฟเรืองแสงที่ปุ่มกดส้มเข้ากับไฟจากส่วนอื่นๆของตัวรถ
แสดงผลนาฬิกาและระบบกันขโมยได้ ลำโพงเดิมติดรถ4ตัวให้คุณภาพเสียงเมื่อเล่นแผ่น CD ยังสามารถไปวัดไปวาได้อยู่บ้าง
แต่แฟนผมชอบใช้ FM transmitter เพื่อฟังเพลงจาก USB ทำให้คุณภาพเสียงที่ได้ฟังเป็นประจำนั้นแย่สุดๆ
และเครื่องเสียงของ Honda รุ่นนี้มีการเข้ารหัสกันขโมย ถ้าเราเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือถอดมันออกไปติดตั้งบนรถคันอื่นต้องมีการใส่รหัสก่อน
จึงจะใช้งานได้ รหัสที่ว่าเป็นแผ่นคล้ายนามบัตรอยู่ในชุดคู่มือครับ


ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมือ ถึงจะเป็นอัตโนมือแต่ก็ไม่ลืมปุ่ม AC แถมปรับได้5ทิศทาง (Soluna Vios ได้แค่2)
ความเย็นพอไปวัดไปวาไม่ได้เย็นเร็วเท่าระบบปรับอากาศของรถ Toyota แถมคันนี้ยังเจออาการแอร์เหม็นเปรี้ยวอีกต่างหาก
ล้างแอร์หลายรอบกว่าจะหาย เสมือนเป็นเอกลักษณ์อย่างนึงของรถ Honda (หลายๆรุ่น)ไปแล้ว
 (โฉมประกอบเพื่อขายในประเทศไม่มีกรองแอร์ ใครอยากได้ต้อง DIY นะจ๊ะ )

[NONT4477]

ด้านล่างของแผงควบคุมระบบปรับอากาศคือที่จุดบุหรี่-ช่องเขี่ยบุหรี่และที่วางแก้ว
ซึ่งก้านตรงกลางช่องวางแก้วนั่นสามารถซ่อนเก็บได้เพื่อใช้ใส่ของจิปาถะ


คันเกียร์ยูรีเธนตกแต่งได้หรูหราปุ่มกดชุบโครเมี่ยม ฐานเกียร์ก็ตกแต่งสวยงามด้วยลายไม้และโครเมียมเช่นกัน
โหมด S นั้นรอบเครื่องขึ้นจะสูงหน่อย เรียกพละกำลังมาใช้ได้ง่ายและไวกว่าโหมด D
ส่วนL ระบบ CVT จะทดรอบขึ้นสูงมาก สำหรับปีนป่ายทางลาดชัน

[NONT4477]

วงพวงมาลัยยูรีเธน3ก้านค่อนข้างอวบจับกระชับ ตรงกลางมีโลโก้ H และมี SRS Airbag สำหรับผู้ขับขี่ฝังอยู่
ปรับได้2ทิศคือสูง-ต่ำ ยังไม่ใช่ Telescopic



ปุ่มเปิด-ปิดระบบ 7Speed Mode ที่ Honda เค้าเรียกว่า Steermatic (เจ้าปุ่ม+ -นั่นหลายคนเคยเข้าใจผิดว่ามันเป็นปุ่มปรับเครื่องเสียง) อยู่ข้างพวงมาลัยที่3นาฬิกา

[peper]

เป็นสมาชิกTWCCด้วยใช่ไหมครับ รถแวปเชียว

[NONT4477]

หลักการทำงานเมื่อกดปุ่ม 7 Speed Mode ที่ ระบบ CVT จะทำงานเป็นเสมือนระบบเกียร์อัตโนมัติ7จังหวะ(มีการกวาดรอบ)
ตัวเลขสีแดง1-7จะแสดงบนหน้าจอ (ระบบเกียร์จะยังคงเป็นระบบอัตโนมัติอยู่)


หากต้องการที่จะเปลี่ยนเกียร์เองแบบ Manual จงกดปุ่มสีเงินที่อยู่ที่ตำแหน่ง9และ3นาฬิกา กด+หรือ-เข้าไป1ที
จนตัว M สีเขียวขึ้น ท่านถึงจะสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เอง (คอมพิวเตอร์จะแทรกแซงการทำงานน้อยลง)

ระบบมีการเซฟตัวเองไม่ให้ลดเกียร์หรือเพิ่มเกียร์จนไม่อยู่ในรอบเครื่องที่เหมาะสม
หรือถ้าหากถึงรอบที่ควรเปลี่ยนเกียร์แล้วเราไม่เพิ่มหรือลดเกียร์ระบบก็จะเปลี่ยนให้
ระบบนี้มันอาจช่วยให้รถที่ขับสนุกอยู่แล้วมีความเร้าใจเพิ่มขึ้น ช่วยให้ขับสนุกไปกันใหญ่
แต่พื้นฐานของ City รุ่นนี้ มันไม่ใช่รถที่ขับสนุกทำให้ไม่เคยมีใครคิดจะใช้นอกจากลองระบบ
(ใช้แล้วเปลืองน้ำมันด้วยล่ะ!)

เป็นสมาชิกTWCCด้วยใช่ไหมครับ รถแวปเชียว

เป็นครับ  ส่วนคันนี้นอกจากลูบดินน้ำมัน+ลงคลีนเนอร์ ส่วนใหญ่จะใช้แค่ MG Tech Wax2.0 ครับถูกและดี

[NONT4477]

ระบบปัดน้ำฝนกระจกหน้า หน่วงเวลาได้แต่ไม่มีระบบตั้งเวลาหน่วงครับ


หลังพวงมาลัยด้านขวามีสวิตซ์ปรับกระจกมองข้างอยู่(แต่พับมือ)และสวิตซ์เปิด-ปิดไฟตัดหมอก(ติดเพิ่ม)


คอนโซลฝั่งคอนนั่งด้านบนสุดเป็นที่สถิตของ SRS Airbag สำหรับผู้โดยสาร ถัดลงมาเป็นกล่องเก็บของแบบ2ชั้น
ไม่มีการบุสักหลาดใดๆมาให้ทั้งสิ้น เป็นแหล่งกำเนิดเสียงสิงของกระทบกันชั้นเยี่ยม

[NONT4477]

เบาะนั่งแต่เดิมหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีเบจซึ่งเปื้อนง่ายมากๆ เลยจับไปหุ้มเบาะหนังสวมทับเข้ารูป ถ้าหนังหุ้มเก่าก็ลอกเปลี่ยนได้
เบาะคู่หน้านั่งสบายกว่า Soluna Vios พอสมควรแต่ก็ช่วงซัพพอร์ตขาก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย
 แต่ตัวเบาะชิดกับแผงประตูมากจนสามารถเอาขาข้างขวาวางพิงแผงประตู ช่วยลดความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี


รุ่น top มีลูกเล่นที่มีประโยชน์อีกอย่างคือมีพักแขนพับเก็บได้ อันที่จริงไม่อยากจะเรียกว่าที่พักแขนเท่าไหร่ เพราะมันสั้นมาก เหมือนไม่เต็มใจจะให้มาต่างจาก Freed CR-V Aveo ทำให้มันวางได้แต่ศอกครับขอ เรียกว่าที่วางศอกพับเก็บได้แล้วกัน
แต่ก็ยังดีกว่า Soluna Vios ที่ไม่มีอะไรเลยอยู่ดี





การปรับตำแหน่งเป็นแบบใช้มือ(ของมันแหงแช่แป้งอยู่แล้ว) เบาะคนขับปรับสูงต่ำได้ด้วยลูกบิดนั่น

[NONT4477]

ทัศนะวิสัยการขับขี่ดี หากไม่คุ้นกับรถหน้าสั้นอาจกะลำบากเล็กน้อย เพราะมันมองไม่เห็นฝากระโปรงเลยแม้แต่นิดเดียว
เสาA ขนาดค่อนข้างใหญ่บังรถเครื่องมิดเลย แต่กระจกโอเปร่าด้านซ้ายก็ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยได้ค่อนข้างเยอะ 


ส่วนด้านขวาช่วยได้นิดหน่อยดีกว่าไม่มี 

[NONT4477]

เบาะหลังนั่งสบายกว่า Soluna Vios มากถึงพนักพิงจะตั้งชันไปนิด
แต่ก็มีพื้นที่วางขาแบบเกือบเรียบและพื้นที่เหนือศีรษะเหลือเฟือดีกว่าอย่างชัดเจน


แถมยังมี Ultra Seat เป็นไฮไลท์อีกอย่างสำหรับรถคันนี้
นอกจากพนักพิงสามารถพับได้ 60/40 แบบแบนราบแล้ว


เบาะรองนั่งก็สามารถยกขึ้นได้เพื่อใช้วางของทรงสูงในแนวตั้งที่มีความสูงถึง1200mm
(ยังเตี้ยกว่า Jazz ไป80mm เพราะความสูงตัวถังน้อยกว่า.)
แถมตอนพับลงปกติพื้นที่ใต้เบาะยังสามารถใช้เป็นที่วางรองเท้าได้อีกด้วย


ที่ทำแบบนี้ได้เพราะถังน้ำมันไปอยู่ตรงกลางรถใต้เบาะหน้า เหมือนกับ Jazz นั่นแหละ

[NONT4477]

การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร
การเก็บเสียงของมันก็ยังคงตกต่ำเหมือน Honda หลายๆคัน 
แม้เครื่อง iDSI จะเดินเงียบไม่โวยวายเหมือนตระกูล VTEC i-VTEC แต่เสียงเครื่องก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้มาก
เช่นเสียงสตาร์ทรถ ไม่ว่าจะยืนฟังข้างนอก หรือเข้ามานั่งในรถ ความดังของเสียงแทบไม่ต่างกัน
เสียงล้อกลิ้งนี่เก็บมาเกือบทุกรายละเอียด เสียงช่วงล่างก็ตึงตังเข้ามาพอสมควร
หรือวิศวกรของ Honda เข้าตั้งใจให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้ซึ้งถึงการทำงานที่แท้จริงของเครื่องจักรและต้องการให้รับรู้ถึงสภาพแวดล้อมภายนอก
เพื่อให้ผู้ขับขี่ปรับการขับของตนให้เข้ากับการทำงานของเครื่องจักรและสภาพแวดล้อมภายนอก?


แถมให้นิดนึง
ไฟปุ่มกดต่างๆยามค่ำคืนใช้สีส้มครับ สวยสปอร์ต(แต่ขับไม่สปอร์ตซักนิด)

[NONT4477]

ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถท้าย

มัน-ใหญ่-มาก!  ทั้งลึกและกว้างแบบสุดๆ วัดความจุตามมาตรฐาน VDAได้ถึง 500 ลิตร
ใหญ่กว่า Soluna Vios ถึง100ลิตร แถมพับเบาะได้แบบราบอีก จะบอกว่ามันเป็นอุโมงค์เลยก็ได้




ใหญ่แค่ไหนลองดูขนาดของล้ออะไหล่(full size 15นิ้ว)เทียบเอา

[NONT4477]

อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
แมลงสาบยักษ์คันนี้ พกมาเต็มพิกัดของรถเล็กราคาประหยัด ระบบป้องกันล้อล็อคABS ระบบกระจายแรงเบรคEBD ระบบเสริมแรงเบรคBA
ถุงลมนิรภัยก็มาคู่หน้าขณะที่Soluna Vios มีเฉพาะฝั่งคนขับ ช่องถุงลมฝั่งผู้โดยสารกลายเป็นช่องเก็บของ
โครงสร้างนิรภัย G-CON ผมเคยใช้บริการมาแล้วกับ Jazz GD เป็นรถของเพื่อนซึ่งไปด้วยกัน4คน ฝั่งซ้ายกระแทกกับเกาะกลางจนพังยับเหมือนกระป๋อง ผู้โดยสารได้บาดเจ็บมาก-น้อย ต่างกันแล้วแต่ที่นั่ง โชคยังดีไม่มีใครพิการ และสาบานว่าจะไม่ทดลองใช้โครงสร้างนิรภัยของรถคันไหนๆอีก แต่อย่างน้อยที่อยากจะบอกคือโครงสร้างนิรภัยของ Honda สามารถกระจายแรงได้ดีและช่วยชีวิตผมและเพื่อนๆเอาไว้ แม้จะเอาหลังคาถูพื้นเล่นมาแล้ว กระจกนิรภัยบานหน้ายังเกาะกันเหนียวแน่นไม่แตกกระจายออกมาเป็นล้านเสี่ยงบาดคอผู้โดยสาร(อย่าลอกเลียนแบบเด็ดขาด!)


จบละ
ข้อดี
-คล่องตัวมากในเมือง
-ประหยัดน้ำมันขั้นเทพ
-ภายในหรูหรากว้างขวางนั่งสบาย
-ความเอนกประสงค์ระดับ Max
ข้อเสีย
-ดีไซน์ภายนอกไม่ค่อยลงตัว
-ช่วงล่างไม่ให้ความมั่นใจในย่านความเร็วสูง
-การเก็บเสียง
-กังวลใจกับระบบ CVT

[NONT4477]

สรุป
ถึงจะขายไปแล้วแต่ก็คิดถึงนะ
Cityรุ่นนี้เป็นรถที่เปรียบเสมือนเหรียญอีกด้านของ Soluna Vios
Soluna Vios สำหรับผมมันเป็น B segment ที่หล่อ แรง ขับสนุก (ในยุคนั้น)
แต่ City คันนี้ทำทุกอย่างตรงกันข้าม หน้าไม่หล่อ เครื่องไม่แรง ขับเร็วแล้วปลิว
แต่การใช้งานในเมืองสะดวกสบาย ประหยัดน้ำมัน ภายในกว้างขวางดูดีและเอนกประสงค์แบบยากจะหาใครทัดเทียม
เป็นรถที่เหมาะสำหรับใช้งานไปเรื่อยๆมากกว่าจะขับเอามันหรือเอาไปแต่งหล่อ

**จุดน่าสนใจจุดนึงของ Soluna Vios S ตัว Top ในตอนนั้น
Vacuum Fluorescent Display 3D แสดงผลความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอล

แปลกใหม่และฮือฮาพอสมควรในตอนนั้น ผมก็ชอบนะ แต่ใช้จริงต้องปรับสายตากันพอสมควร ค่อนข้างหลอกตา
เลขดิจิตอลแบบนี้น่าจะได้คะแนนจากวัยรุ่นวัยแรงเยอะแต่ก็เสียคะแนนผู้ใหญ่สายตายาวเหมือนกัน

[NONT4477]

ขาย City คันนี้ไปแล้ว ซื้อรถอะไรมาใช้แทน?






หลายท่านคงทราบเพราะเคยโชว์ตัวมาแล้วทีนึงใน Discussion Forum
โดยยังคงเป็นรถเล็กๆใช้ไปทำงานในเมือง เนื่องจากทางบ้านมีรถที่ใหญ่กว่านี้อยู่แล้ว
แต่ข้ามฟากมาคบกับคันนี้



รอพ้นรันอินก่อนจะทำรีวิวให้ชมครับ
วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านครับ

[BlackSpeed]

ขอบคุณรีวิวดีๆครับ รถเงาแว็บเลย ส่วนคันใหม่นี่นอกจากข้ามค่ายแล้วยังข้ามสีตรงข้ามอีกด้วยนะ 

[Best_Vorakit]

ขอบคุณครับสำหรับรีวิว

รถพี่สาวก็ City รุ่นนี้เลยล่ะครับ 9 ปี ระยะทางก็ปาไปกว่า 200,000 กม. แล้วครับ

เกียร์ CVT ก็มีอาการครืดคราดตอนออกตัว แต่แก้ไข Firmware ไปแล้วก็หายดีครับ

ระยะหลังๆ มานี้ก็มีเสียงดัง ศูนย์บอกว่าเกียร์เริ่มเสื่อมสภาพ แต่ได้ทำการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์แก้ขัดไปก่อนครับ

ตอนนี้ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ครับ ช่างบอกให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ถี่ขึ้น เป็นทุกๆ 20,000 กม. (จากทุกๆ 40,000 กม.) ครับ

เรื่องการบำรุงรักษาอื่นๆ ก็ตามระยะครับ มีเปลี่ยนหม้อน้ำไป เพราะว่าช่างพบว่าเริ่มมีรอยน้ำซึมออกมาครับ

[NINENOI]

ขอบคุณครับ อ่านแล้วเพลินดี รุ่นนี้ผมเกือบได้อยู่เหมือนกันแต่เป็นเกียร์ธรรมดาเลยไม่เอาเพราะตอนนั้นขับสามห่วงเกียร์ธรรมดารู้สึกว่ามันต่างกันไม่มากพอที่จะให้เปลี่ยนได้

[BestHuafoo]

รีวิวได้ละเอียดดีครับ

คันนี้ รูปลักษณ์ภายนอกไม่บาดใจวัยรุ่น แต่ถ้าใช้ไปแล้ว อยู่กันได้ยาว
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบการชื่นชมห้องโดยสารขณะขับรถ

ก็ถือเป็นบทเรียนของฮอนด้าไปว่า จะพัฒนารถแฟลตฟอร์มร่วม
แบบซีดาน อย่าเอา Hatchback มาต่อยอด

เกียร์ CVT ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่อาการที่พบหลังจากใช้ไปแสนโลคือ ฟลายวืด
คือ ฟลายวีลไม่ค่อยจับตัวกันเวลาเครื่องเย็น เวลาเข้าเกียร์ยางแท่นเริ่มดัง

[kukonba]

ขอบคุณรีวิว...แต่เห็นรถที่หงายท้องแล้วรอดมาได้ครบโชคดีมากครับ

[PREM]

ป้าผมก็ใช้ 9 ปี 36,000 กิโล !

เคยขับตั้งแต่ป้ายแดงรู้สึกว่าตอนแรกพวงมาลัยเบาโหวงมาก ต่อมาคงมีการปรับซอฟแวร์ทำให้พวงมาลัยหนักขึ้น
อัตราเร่งจากหยุดนิ่งผมว่าดีมาก เหมือนรถเครื่องใหญ่เลยเพราะแรงบิดมาไว
แต่พอเกิน 60 เริ่มพึ่งพาไม่ได้แล้ว จะแซงจะอะไรต้องเผื่อต้องลุ้นต้องกดมิด ยิ่งช่วงล่างที่ความเร็วเกิน 100 นี่ไหวซะ

ปัญหาที่เจอแทบไม่มีเพราะป้าผมดูแลอย่างดีและใช้น้อยมาก ถ้าขายต่อแล้วใครรับไปเลี้ยงคงโชคดี

[NONT4477]

ขอบคุณรีวิวดีๆครับ รถเงาแว็บเลย ส่วนคันใหม่นี่นอกจากข้ามค่ายแล้วยังข้ามสีตรงข้ามอีกด้วยนะ 

รถคันนี้แฟนผมเค้ารับต่อจากผู้ปกครองมาอีกทีครับ
ตอนจะซื้อคันใหม่จริงๆก็อยากได้สีดำนี่แหละ
แต่ลองเปิดตำราดู ดันไปเจอ คนเกิดวันศุกร์ไม่เหมาะกับสีดำ-เทาดำซะงั้น 
คันใหม่เลยออกสีขาวเลย(เจ๊เค้าชอบรถอยู่2สีนี่แหละ ขาว-ดำ) แม้สีไม่ถูกโฉลกแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ

ขอบคุณครับสำหรับรีวิว

รถพี่สาวก็ City รุ่นนี้เลยล่ะครับ 9 ปี ระยะทางก็ปาไปกว่า 200,000 กม. แล้วครับ

เกียร์ CVT ก็มีอาการครืดคราดตอนออกตัว แต่แก้ไข Firmware ไปแล้วก็หายดีครับ

ระยะหลังๆ มานี้ก็มีเสียงดัง ศูนย์บอกว่าเกียร์เริ่มเสื่อมสภาพ แต่ได้ทำการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์แก้ขัดไปก่อนครับ

ตอนนี้ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ครับ ช่างบอกให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ถี่ขึ้น เป็นทุกๆ 20,000 กม. (จากทุกๆ 40,000 กม.) ครับ

เรื่องการบำรุงรักษาอื่นๆ ก็ตามระยะครับ มีเปลี่ยนหม้อน้ำไป เพราะว่าช่างพบว่าเริ่มมีรอยน้ำซึมออกมาครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์คงช่วยไปได้สักระยะ แต่ถ้าถึงเวลายกเกียร์ละก็เรื่องใหญ่แน่ๆเลย นั่นหละที่ผมกลัว