ผู้เขียน หัวข้อ: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ  (อ่าน 46785 ครั้ง)

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
ขอบอกก่อนว่า ยาวมากนะครับ แต่มีประโยขน์มาก ผมไม่ได้เขียนเองหรอกครับ ค้นหามาและรวบรวมให้อ่านกัน อยากส่งเสริมให้คนไทยอ่านหนังสือกันเยอะ ๆ ด้วยครับ...

1. เกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องมาตรฐาน API

API = American Petroleum Institute คือ สถาบันหรือหน่วยงานกลางที่ทำการทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องในด้านต่างๆ เช่น การหล่อลื่น การระบายความร้อน การป้องกันสนิม ความสามารถในการชะล้างทำความสะอาด ฯลฯ ซึ่งถ้าผ่านการทดสอบก็จะกำหนดเป็นเกรดชั้นคุณภาพมาตรฐานซึ่งนอกจากจะมีตัว อักษรย่อบ่งบอกถึงชั้นคุณภาพของน้ำมันเป็น API S.../C...แล้วยังต้องมีสัญลักษณ์วงกลมรูปโดนัทระบุรายละเอียดอีกด้วย
ถ้าไม่ มีสัญลักษณ์นี้หมายความว่าไม่ได้ผ่านการทดสอบจากทางสถาบัน แต่อาจเป็นการทดสอบโดยผู้ผลิตนั้นเองหรือสถาบันอื่นเป็นผู้ทดสอบให้โดยอ้าง อิงจากมาตรฐานAPI แล้วกำหนดมาเป็นตัวอักษร API S.../ C...
เกรด คุณภาพของน้ำมันเครื่องได้ถูกแบ่งไว้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือ เกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ เกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล


ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:34:58 »
เกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
 
ใช้ ตัวอักษรย่อS (Service-Spark Ignition) ตามหลังตัวอักษรย่อAPI แล้วตามด้วยตัวอักษรที่บอกเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่อง โดยเริ่มต้นจากชั้นคุณภาพแย่ที่สุดซึ่งใช้ตัวอักษร A แล้วไล่เรียงชั้นคุณภาพที่ดีกว่าขึ้นไปเรื่อยๆ คือ B, C, D......L เช่น API SG, API SH, API SJ เป็นต้น ซึ่งในขณะนี้ชั้นคุณภาพที่ดีที่สุดสำหรับเครื่องยนต์เบนซินในปัจจุบัน คือ ชั้นคุณภาพ API SL รองลงมา คือ API SJ และตามด้วย API SH และในประมาณกลางปีนี้ทาง API เตรียมประกาศใช้เกรดคุณภาพใหม่ล่าสุด คือ API SM ซึ่งจะมีชั้นคุณภาพที่ดีกว่า API SL และ SJ ส่วนชั้นคุณภาพต่ำๆก็จะยกเลิกไปเรื่อยๆอย่างเช่น API SA, API SB ในปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้วเนื่องจากไม่เหมาะที่จะใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน รุ่นใหม่ๆ

รายละเอียดในแต่ละชั้นคุณภาพ

SA=เลิกใช้แล้ว เป็นน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานล้วนๆไม่มีการเติมสารเพิ่มประสิทธิภาพใดๆทั้งสิ้น
 
SB=เลิก ใช้แล้ว มีการเติมสารเพิ่มประสิทธิภาพภาพบางชนิด เช่น สารป้องกันการสึกหรอ สารป้องกันการเกิดสนิม และสารป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน
 
SC=เลิก ใช้แล้ว มีการเติมสารเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น สารป้องกันการสึกหรอ สารป้องกันการเกิดตะกอน และ สนิม เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ปี 1967 หรือเก่ากว่า

SD=เลิกใช้แล้ว มีสารเพิ่มประสิทธิภาพเหมือนกับ SC เหมาะสำหรับรถยนต์ในปี 1968-70

SE=เลิกใช้แล้ว มีการพัฒนาคุณภาพ และ การป้องกันที่เหนือกว่าชั้นคุณภาพ SD เหมาะสำหรับรถยนต์ในปี 1971-1972

SF=เลิก ใช้แล้ว มีการเติมสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่สูงกว่าSEในด้านการป้องกันการสึกหรอ และ การทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ใช้กับเครื่องยนต์ในปี 1988 หรือ เก่ากว่า

SG=เลิกใช้แล้ว มีการเติมสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่สูงกว่าSF เหมาะสำหรับรถยนต์ในปี1989-1993

SH=ยังพอที่จะใช้ได้ มีประสิทธิภาพเหนือกว่าSG พร้อมทั้งลดมลภาวะได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ในปี1996 หรือ เก่ากว่า

SJ=ยัง สามารถใช้ได้อยู่ในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพเหนือกว่าSH มีอายุการใช้งานนานขึ้น ยืดอายุการใช้งานให้กับCatalytic Converter ช่วยลดมลพิษได้ดีขึ้น ลดการระเหย ลดการสึกหรอได้ดี กว่า ป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ดีกว่าเก่า และ มีสารป้องกันต่างๆที่ดีขึ้น เหมาะที่จะใช้กับรถยนต์ในปี 1996-2001

SL=เป็น เกรดคุณภาพที่สูงสุดในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสูงกว่าSJ ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น การป้องกันการสึกหรอ การเกิดสนิม ป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ลดการเกิดตะกอนที่อุณหภูมิสงได้ดีกว่า ลดการสิ้นเปลืองและช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีขึ้นเหมาะที่จะใช้กับ รถยนต์ตั้งแต่ปี 2001ขึ้นไป

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:35:35 »
เกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

ใช้ ตัวอักษรย่อC (Commercial Service Compression Ignition) ตามหลังตัวอักษรย่อAPIเช่นกัน ต่อจากนั้นก็จะตามด้วยตัวอักษรที่บอกเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องโดยเริ่ม จากเกรดคุณภาพต่ำสุด คือ A แล้วไล่เรียงชั้นคุณภาพขึ้นไปเรื่อยๆเหมือนกับเกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์ เบนซินทุกประการ เช่น API CE, API CF-4, API CG-4, API CH-4 ตัวเลข 4 ต่อท้ายหมายถึง เหมาะที่จะใช้กับเครื่องยนต์4จังหวะ เท่านั้น สำหรับเกรดคุณภาพที่สูงสุดในปัจจุบัน คือ CI-4 ซึ่งมีคุณภาพที่ดีกว่า API CG-4 และ CH-4 ส่วนเกรดคุณภาพต่ำๆก็จะเลิกใช้ไปโดยปริยาย
 
รายละเอียดในแต่ละชั้นคุณภาพ
 
CA=เลิกใช้แล้ว เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลงานเบา

CB=เลิกใช้แล้ว เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดปานกลาง ในปี1940-1960
 
CC=เลิกใช้แล้ว เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลในปี 1961
 
CD=เลิกใช้แล้ว เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลในปี 1965 สามารถใช้กับเครื่องเทอร์โบได้

CE=เลิกใช้แล้ว เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลในปี 1987 สามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีรอบสูงและเครื่องยนต์เทอร์โบได้
 
CF=แนะ นำในปี 1994 ยังสามารถใช้ได้อยู่ เหมาะสำหรับรถยนต์off-road เครื่องยนต์ดีเซลชนิด indirect injectedและเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของกำมะถันมากกว่า 0.5%

CF-4=แนะนำในปี 1990 ยังสามารถใช้ได้อยู่ เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะที่มีรอบสูง และ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ

CG-4=แนะ นำในปี 1995 ยังสามารถใช้ได้อยู่ เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะที่มีรอบสูงและใช้น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของกำมะถันน้อยกว่า 0.5% นอกจากนี้ยังเหมาะที่จะใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่ผ่านมาตรฐานด้านมลพิษในไอ เสียปี 1994อีกด้วย
 
CH-4=แนะนำในปี 1998 ยังสามารถใช้ได้อยู่ เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะที่มีรอบสูง ใช้น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของกำมะถันไม่เกิน 0.5% นอกจากนี้ยังเหมาะที่จะใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่ผ่านมาตรฐานด้านมลพิษในไอ เสียปี 1998ด้วย

CI-4=แนะนำในวันที่ 5 กันยายน ปี 2002 เป็นเกรดคุณภาพที่ดีที่สุดในปัจจุบัน สามารถใช้ได้กับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะที่มีรอบสูงและผ่านมาตรฐานด้านมลพิษในไอเสียปี2004 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้งระบบหมุนวนไอเสีย (EGR = Exhaust Gas Recirculation) และใช้น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของกำมะถันไม่เกิน0.5%

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:36:07 »
*ความหมายของน้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพรวม
 
API SL / CG-4=น้ำมันเครื่องชนิดนี้ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลแต่เกรดคุณภาพของทางเบนซินเด่นกว่า
จึงนำมาไว้ข้างหน้า

API CI-4 / SH=น้ำมันเครื่องชนิดนี้ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเช่นกันแต่เกรดคุณภาพทางดีเซลเหนือกว่า

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:36:42 »
2. เกรดความหนืดของน้ำมันเครื่อง

SAE = Society of Automotive Engineer เป็นหน่วยงานที่ทำการวัดทดสอบความหนืดของน้ำมันแล้วกำหนดมาเป็นเกรดความ หนืดมาตรฐาน โดยจะมีตัวอักษรย่อของทางสถาบันนำหน้าแล้วตามด้วยตัวเลขเกรดความหนืด ตัวเลขมาก หมายความว่า มีความหนืดมาก ในทางกลับกัน ตัวเลขน้อย หมายถึง มีความหนืดน้อย กล่าวคือ ใสนั้นเอง เช่น SAE 20W-50 โดยมีการผลิตและวัดที่ 2 อุณภูมิ คือ
20W = W คือ Winter มีการวัดที่อากาศหนาวที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ได้ค่าความหนืด = 20
50 = วัดที่อากาศร้อนอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ได้ค่าความหนืด = 50
หมายเหตุ ตัวเลขทั้ง 2 ตัวนี้ไม่ใช่อุณหภูมิแต่เป็นตัวเลขค่าความหนืด

เกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องแบ่งเป็น 2เกรด คือ น้ำมันเครื่องเกรดความหนืดเดี่ยว และ น้ำมันเครื่องเกรดความหนืดรวม

น้ำมันเครื่องเกรดความหนืดเดี่ยว เช่น SAE 10W, SAE 15W, SAE 20W ซึ่งโดยส่วนใหญ่เหมาะที่จะใช้กับประเทศที่มีอากาศหนาว ส่วนถ้าเป็น SAE 20, SAE 30, SAE 40 ก็เหมาะที่จะใช้กับประเทศที่มีอากาศร้อนเป็นส่วนใหญ่

น้ำมันเครื่องเกรดความหนืดรวม เช่น SAE 5W-40, SAE 10W-40, SAE 20W-50 เป็นน้ำมันเครื่องที่ใช้ได้กับทุกสภาพอากาศ เพราะว่ามันสามารถปรับค่าความหนืดให้เหมาะสมได้กับทุกอุณหภูมิ กล่าวคือ เมื่ออุณหภูมิสูงมันก็จะปรับตัวให้หนืดขึ้น และ เมื่ออุณหภูมิต่ำลงมันก็จะปรับตัวให้ใส

แหล่งที่มาของข้อมูล www.rz-racingzone.com

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:37:14 »
รวมความเข้าใจผิดเรื่องน้ำมันเครื่อง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ วรพล สิงห์เขียวพงษ์

น้ำมันเครื่องมีความสำคัญต่อความทนทานและกำลังของเครื่องยนต์ จำเป็นต้องมีการเลือกและใช้อย่างมีหลักการ แต่หลายคนยังมีความเข้าใจผิด
บทความนี้รวบรวมความเข้าใจผิดเรื่องน้ำมันเครื่อง

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:37:46 »
-เน้นแค่ยี่ห้อดัง
หลายคนซื้อน้ำมันเครื่องโดยเน้นเลือกยี่ห้อเดียวกับที่มีปั๊มน้ำมัน
เพราะคิดว่าจะมีคุณภาพดี ตามความโด่งดังของยี่ห้อ ทั้งที่ในยี่ห้อเดียวก็มีให้เลือกหลายระดับคุณภาพ
ความจริงแล้วมีน้ำมันเครื่องคุณภาพดีอีกนับสิบยี่ห้อ ที่ไม่มีปั๊ม น้ำมันในไทย และจำหน่ายในราคาไม่แพง
ไม่ควรเห็นแค่ยี่ห้อแล้วเลือกใช้ ต้องดูที่เกรดคุณภาพตามมาตรฐานของ API (www.api.org) ในสหรัฐอเมริกา ที่ระบุไว้ข้างกระป๋อง จำไม่ยากเลย เครื่องยนต์เบนซิน เกรดคุณภาพสูงสุด API SL รองลงมาคือ SJ SH SG ตามลำดับ
ปัจจุบันนี้ API SL และ SJ น่าใช้ที่สุด   (สงสัยบทความนี่จะเก่าหน่อย ตอนนี้ สูงสุด เป็น SM แล้ว)
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล เกรดคุณภาพสูงสุด API CI-4 รองลงมาคือ CH-4 CG CF ตามลำดับ ปัจจุบันนี้ API CI-4 และ CH-4 น่าใช้ที่สุด
น้ำมันเครื่องยิ่งมีเกรดคุณภาพต่ำ ก็ยิ่งมีราคาถูก และลดการปกป้องเครื่องยนต์ลงไป ควรเลือกเกรดคุณภาพอย่างน้อยรองจากสูงสุด

นอกจากนั้นยังต้องดูความหนืดตามมาตรฐานของ SAE (www. sae.org) สหรัฐอเมริกา ว่าเลข 2 ตัวท้าย เช่น 30 40 หรือ 50 ตรงตามการแนะนำในคู่มือประจำรถหรือไม่ โดยไม่ต้องสนใจตัวเลขหน้า W เพราะนั่นเป็นค่าที่ได้การวัดความหนืดที่18 องศาเซลเซียสไม่ใช่สภาพของไทย
ชนิดของน้ำมันเครื่องก็ต้องสนใจ ธรรมดา กึ่งสังเคราะห์ และสังเคราะห์ ดีจากน้อยมามากตามลำดับ
เลือกยี่ห้ออย่างเดียวไม่ได้ ต้องเลือกเกรดคุณภาพ ระดับความหนืด และชนิด ให้ครบครัน


ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:38:19 »
-ดูแค่ข้างกระป๋องว่า เบนซิน/ดีเซล

ข้างกระป๋องน้ำมันเครื่องหลายยี่ห้อหลายรุ่น นอกจากจะระบุรายละเอียดอื่นๆ ข้างต้นไว้ครบครันแล้ว ก็อาจจะมีประโยคบอกเพิ่มว่า เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล หรือเหมาะทั้ง 2 อย่างเลย หลายคนเห็นประโยคนั้นก็เลือกใช้ โดยไม่ได้สนใจดูว่ามีเกรดคุณภาพตาม API เป็นอย่างไร
จริงๆ แล้ว ไม่ต้องระบุเพิ่มก็ได้ เพราะเกรดคุณภาพตามท้ายตัวย่อ API ก็มีระบุไว้อยู่แล้วว่าใช้กับเครื่องยนต์ประเภทใดได้ดีเพียงไร และบางครั้งระบุว่าเหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน แต่มีมาตรฐานแค่ API SH ห่างจากมาตรฐานสูงสุดตั้ง 2 ระดับก็ยังมี

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:38:53 »
-หมดสภาพเพราะดำ หรือนิ้วแตะ

น้ำมันเครื่องที่ดำ อาจเป็นเพราะมีสารชะล้างที่ดี หรือภายในเครื่องยนต์สกปรก และเมื่อดำแล้ว คุณสมบัติอื่นๆ เช่น การหล่อลื่น การลดความร้อน รวมถึงการชะล้างเอง อาจไม่ได้หมดลงตามสีที่เปลี่ยนไป
บางคนใช้นิ้วแตะๆ น้ำมันเครื่องจากก้านวัด แล้วตัดสินว่าหมดอายุ หรือยัง ในความเป็นจริง หากจะทราบว่าน้ำมันเครื่องหมดอายุหรือยัง จะต้องนำน้ำมันเครื่องนั้นเข้าห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ ไม่งั้นก็ต้องตัดสินจากระยะทางหรืออายุที่ใช้งานตามที่ปฏิบัติกัน จะเดาจากสีหรือความเหนียวหลังจากแตะกับปลายนิ้วไม่ได้
  
 

 

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:39:40 »
-กลัวปลอม ซื้อในปั๊ม

มีคำถามคาใจว่า ดูน้ำมันเครื่องปลอมได้อย่างไร? คำตอบก็คือ ตัวเนื้อน้ำมันเครื่องต้องส่งเข้าห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น จะชิม ดม แตะไม่ได้
นอกนั้นต้องดูที่ตัวกระป๋องว่ามีสภาพปกติ มีสีสันปกติ รวมถึงฝาปิดมีการซีลตามที่คุ้นเคยหรือไม่
แน่นอนว่ามีน้ำมันเครื่องปลอมอยู่ในตลาดอยู่ไม่น้อย จึงต้องระวัง แต่ถ้าจะซื้อตามปั๊มเท่านั้นก็จะมีราคาแพง เสียโอกาสเลือกน้ำมันเครื่องตาม ร้านทั่วไป ที่มีสารพัดยี่ห้อ และก็ไม่ได้ปลอมไปทั้งหมด

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:40:34 »
-ต้องเต็มขีดบนเสมอ
หลายคนเน้นว่าเครื่องยนต์ต้องมีน้ำมันเครื่องเต็มขีดบนเสมอ ในความเป็นจริง เครื่องยนต์จะสามารถทำงานได้ปกติ หากระดับน้ำมันเครื่อง อยู่ในช่วงขีดบนและล่าง ไม่จำเป็นต้องเต็มขีดบนเท่านั้น
ถ้าเติมครั้งใหม่ เติมให้เต็มขีดบนก็ดี แต่ถ้าผ่านการใช้งานมาแล้ว อีกไม่นานจะครบกำหนดเปลี่ยน และน้ำมันพร่องลงไปบ้าง หากยังไม่ต่ำกว่าขีดล่างสุด ก็ไม่จำเป็นต้องเติมเพิ่มให้สิ้นเปลือง
ยกเว้นกรณีขึ้นลงทางลาดชันมากบ่อยๆ น้ำมันเครื่องควรเต็มขีดบนอยู่เสมอ เพราะผิวน้ำมันจะเอียงไม่ได้ระดับขนานกับขอบอ่างน้ำมันเครื่องอยู่เสมอ

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:41:07 »
-เปลี่ยนบ่อยไว้ก่อน
น้ำมันเครื่องยุคใหม่มีคุณภาพและความทนทานขึ้น แต่หลายคนยังเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนดดั้งเดิม 3,000-5,000 กิโลเมตร ด้วยแนวคิดปลอดภัยไว้ก่อน ห่วงเครื่องยนต์ แต่เปลืองเงินไม่สน สบายใจเข้าว่า
ในความเป็นจริง น้ำมันเครื่องทุกชนิด ไม่เฉพาะแต่สังเคราะห์ ถ้าเป็นเกรดคุณภาพตาม API 2-3 ระดับสูงๆ สามารถใช้งานได้เป็นระยะทาง 10,000 กิโลเมตร หรือถ้าการจราจรติดขัดมาก รวมถึงมีฝุ่นในเส้นทางเยอะ ก็ค่อยลดระยะทางลงมาจากเดิมสัก 1,000-2,000 กิโลเมตร
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วเกินไป นอกจากสิ้นเปลืองเงินแล้วยังเป็น การเพิ่มขยะพิษให้กับโลกอีกด้วย แม้จะมีการนำน้ำมันเครื่องเก่าไปรีไซเคิล กับงานอื่น แต่สำหรับในไทย ต้องถือว่าการป้องกันน้ำมันเครื่องเก่าไม่ให้กระจายสู่ธรรมชาติเป็นไปอย่าง ไม่รัดกุมเลย

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:41:47 »
-รถไม่แพง ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกหรือคุณภาพต่ำ
ถ้าเครื่องยนต์ปกติดี ไม่กินน้ำมันเครื่อง จะเป็นรถราคาแพงถูก-แพง เก่า-ใหม่ ก็ควรใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพดี และเปลี่ยนตามกำหนดที่เหมาะสม เครื่องยนต์จะได้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและทนทาน
ความเข้าใจผิดถูกลบล้างได้ด้วยการหาความรู้เพิ่มเติม และคิดทบทวนด้วยหลักวิทยาศาสตร์

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:42:24 »
ทิ้งน้ำมันเครื่องเก่าและเก็บน้ำมันเครื่องใหม่อย่างไร?

โดย ผู้จัดการออนไลน์ วรพล สิงห์เขียวพงษ์
น้ำมันเครื่องเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมลพิษหรือขยะของโลกเราในหลายด้าน การถ่ายน้ำมันเครื่องออก ทั้งที่น้ำมันเครื่องยังไม่หมดสภาพ ทั้งจากการหวาดระแวงไปเองหรือกลัวเครื่องยนต์โทรม เร็ว เช่น เปลี่ยนที่ 3-5 พันกิโลเมตร ทั้งที่น้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพ ตามเอพีไอสูงๆ ในปัจจุบันนี้สามารถใช้งานได้ในระดับ 1 หมื่นกิโลเมตรได้อย่างสบาย
น้ำมันเครื่องใช้แล้วในโลกนี้ ไม่ได้ถูกกำจัดอย่างมีระบบที่รัด กุมเสมอไปในประเทศที่เจริญแล้วมักมีการจัดการไม่ให้เป็นพิษแก่โลก แต่ในประเทศเล็กๆ อย่างไทย ไม่ถือว่ามีความรัดกุมในเรื่องนี้ แต่อย่างไร
การกำจัดน้ำมันเครื่องใช้แล้วที่ถูกต้อง คือ ไม่ทิ้งลงในธรรมชาติ พื้นดิน ท่อระบายน้ำ คูคลองแม่น้ำ เพราะการย่อยสลาย จะเป็นไปอย่างช้ามาก การใส่กระป๋องแล้วปิดแน่นทิ้งในขยะ ก็น่าจะแตกรั่วผสมไปกับขยะอื่น เพราะพนักงานไม่ได้สนใจจะจัดการอย่างถูกต้อง บางคนกลับไปสนใจขยะที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้
ผมไม่ถือว่าไทยมีระบบการจัดการน้ำมันเครื่องใช้แล้วได้ดี ต่างจากบางประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ที่กำหนดเลยว่าภาชนะที่ใส่น้ำมันเครื่องใช้แล้วต้องมีความชัดเจน มีกระป๋องขาย ต้องเสียเงินซื้อกระป๋องมาอีก ใส่ในกระป๋องน้ำมันเครื่องปกติไม่ได้ หรือได้ แต่ก็ต้องเขียนระบุไว้อย่างชัดเจน หากจะให้พนักงานเก็บขยะจัดเก็บไป
การกำจัดน้ำมันเครื่องใช้แล้วด้วยการนำไปหมุนเวียนใช้ใหม่หลังจากปรับสภาพ แล้วเป็นเรื่องที่ดี คือ นำไปกรองและไปฟอกสี แล้วนำไปใช้กับเครื่องจักรกลเล็กหมุนรอบต่ำ โดยจะมีคนมารับซื้อจากอู่ต่างๆ ในราคาลิตรละไม่กี่บาท อู่ทั่วไปจึงมีการเก็บน้ำมันเครื่องใช้แล้วรวบรวมไว้รอการขายต่อ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องทำลายสิ่งแวดล้อม แต่จะน่ากังวลกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามบ้าน เพราะไม่รู้จะทิ้งที่ไหน และปริมาณก็ไม่มากพอที่จะมีใครมารับซื้อ หากห่วงเรื่องมลพิษก็ให้ใส่กระป๋องไปให้ตามอู่ เขายินดีที่จะรวบรวมให้อยู่แล้ว
ส่วนน้ำมันเครื่องใหม่ที่เติมแล้วเหลือ การจัดเก็บไม่ยาก ให้ปิดฝากระป๋องให้แน่น หากซ้อนด้วยถุงพลาสติกที่ปากกระป๋องก่อน ปิดฝาก็ยิ่งดี เพื่อไม่ให้ความชื้นเล็ดลอดเข้าไปได้ง่าย วางในที่ร่มไม่ร้อนไม่ชื้นไม่โดนน้ำ เก็บไว้ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ปี แต่ในทางที่ดีควรรีบใช้ให้เร็วที่สุด เพราะถึงไม่ได้ใช้งาน น้ำมันเครื่องก็เสื่อมสภาพเองได้ ไม่ใช่เก็บไว้ได้เป็นสิบๆ ปีแต่อย่างไร
ถ้าใช้น้ำมันเครื่องยี่ห้อและรุ่นเดิมตลอด ก็ให้นำส่วนที่เหลือในครั้งก่อนเติมลงไป แล้วค่อยเติมน้ำมันเครื่องใหม่ให้ได้ระดับ ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ตามที่แนะนำ ก็จะมีน้ำมันเครื่องใหม่ๆ เหลือเก็บไว้ไม่นานจนเกินไป
 

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:43:02 »
....อายุการใช้งานของน้ำมันเครื่อง...

...น้ำมันเครื่องเมื่อถูกใช้งานจะเริ่มเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ เนื่องจากการสะสมของกรด ที่เข้ามาทำลายด่างในน้ำมันเครื่อง การสะสมของน้ำ การปะปนกับฝุ่นผงที่เล็ดลอดมาจากไส้กรองอากาศ คราบเขม่าในการเผาไหม้ และเศษโลหะจากการสึกหรอของเครื่องยนต์ ดังนั้นน้ำมันเครื่องจึงต้องได้รับการเปลี่ยนถ่าย ก่อนที่คุณสมบัติในการหล่อลื่น และคุณสมบัติอื่นจะเสื่อมสภาพ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดกับเครื่องยนต์ แต่ด้วยคุณสมบัติ และชนิดของน้ำมันเครื่องที่แตกต่างกัน...

...น้ำมันเครื่องที่ไม่ได้ใช้มีอายุหรือไม่...
น้ำมันเครื่องส่วนมากมีวัตถุดิบ มาจากน้ำมันแร่ที่ได้มาจากธรรมชาติ แม้จะมีสารเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ แต่ก็สามารถบูดเสียได้ น้ำมันเครื่องที่บรรจุอยู่ในแกลลอนวางขาย และยังไม่ได้เปิดใช้ จะมีอายุการคงสภาพอยู่ที่ 1- 3 ปี ส่วนน้ำมันเครื่องที่เปิดฝาแล้ว จะมีอายุการใช้งานอยู่หลักเดือน ราว 2 – 6 เดือน ส่วนน้ำมันเครื่องที่เปิดฝา แล้วไม่ได้ปิดฝาจะถือว่าใช้งานไม่ได้

...สังเกตอย่างไรว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้อยู่เริ่มหมดสภาพ...
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้งต้องมีการจดบันทึก วันที่ เดือน ปี และเลขไมล์กิโลเมตร ไว้ด้วยทุกครั้ง เพื่อใช้เป็นการคำนวณกำหนดการเปลี่ยนถ่าย แต่เราเองยังสามารถสังเกตการณ์ทำงานที่เปลี่ยนไปของ ความหล่อลื่นน้ำมันเครื่องที่เริ่มเสื่อมสภาพได้เช่น
...1 เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น
...2. อัตราเร่งแย่ลง อืดลงอย่างต่อเนื่อง
...3. กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
...4. สีของน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป
...5. น้ำมันเครื่องมีลักษณะข้นขึ้น หรือใสขึ้น

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:43:39 »
- ข้อควรระวังในการเปลี่ยถ่ายน้ำมันเครื่อง -
หากท่านนำรถในเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ใดก็แล้วแต่ ให้ตรวจสอบหรือสังเกตุเสียก่อนว่า  ศุนย์หรือร้าน หรือคาร์แคร์ ที่เราไปใช้บริการนั้น
เค้าใช้นำมันเครื่องที่เป็นแกลลอนเล็ก หรือว่าเค้าใช้แบบถังใหญ่ขนาด 200 ลิตรนะครับ
บางแห่ง เพื่อเป็นการลดต้นทุนของเค้า เค้าอาจจะใช้ น้ำมันเครื่องที่ซื้อมาแบบ 200 ลิตร เวลาลูกค้ามาใช้บริการก็เปิดฝาตวงเอา
ซึ่ง ถ้าเป็นช่วงที่เปิดฝาใหม่ ๆ ก็ ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าเกิดเราไปใช้บริการและโดนเอาถังที่เปิดฝามาแล้ว ไม่ดีแน่ครับ
ถ้าจะให้แน่ใจและดีที่สุดกับรถเราก็ต้องตรวจสอบก่อน และถ้าให้ดีกว่านั้นอีก ในเมื่อเรามีความรู้เรื่องน้ำมันเครื่อง ที่เราจะใช้ให้เหมาะกับรถเราแล้ว
เราหาซื้อไปเองดีกว่าครับ

อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเรามีน้ำมันเครื่อง ที่เหลือจากการเติมแล้ว จำไว้ว่าอายุของมันไม่เกิน 6 เดือนนะครับ ถ้าเกินก็ตัดใจซื้อใหม่ดีกว่านะ
แต่น้ำมันที่เราไม่ได้ใช้แล้ว ก็ควรหาที่ทำลายให้ดี หรือเอาไปทำประโยชน์อย่างอื่น จะได้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมครับ

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:44:15 »
กำหนดการเปลี่ยนถ่ายของน้ำมันเครื่องที่ปลอดภัย

น้ำมันเครื่องธรรมดา เกรด SA – SC / CA – CE
...จะมีกำหนดการเปลี่ยนถ่ายที่ 3,000 กิโลเมตร แต่ไม่เกิน 5,000 กิโลเมตร...

น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เกรด SG – SM / CF4 – CG4
...จะมีกำหนดการเปลี่ยนถ่ายที่ 5,000 กิโลเมตร ถึง 10,000 กิโลเมตร แต่ไม่เกิน 15,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องธรรมดา และกึ่งสังเคราะห์ + หัวเชื้อน้ำมันเครื่องเกรดสูง
น้ำมันเครื่องที่ผสมหัวเชื้อ อาจมีค่าสูงกว่ามาตรฐาน อายุน้ำมันเครื่องจะเพิ่มจาก 5,000 กิโลเมตร ได้เป็นกว่า 10,000 กิโลเมตร หรือถ้าเป็นกึ่งสังเคราะห์จะเพิ่มอายุการเปลี่ยนถ่าย ที่ 10,000 กิโลเมตร เป็นได้กว่า 20,000 กิโลเมตร แต่ด้วยอายุของไส้กรอง จึงมีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนถ่ายที่ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร...

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ เกรด SJ - SM / CH4 - CI4
...จริงแล้วน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีอายุการใช้งานยาวนานนับแสนกิโลเมตร แต่อายุการใช้งานของไส้กรองน้ำมันเครื่องแบบมาตรฐานทั่วๆไป จะอยู่ได้ราว 15,000 กิโลเมตร ถึง 20,000 กิโลเมตร จึงทำให้กำหนดการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ควรอยู่ที่ 10,000 กิโลเมตร ถึง 20,000 กิโลเมตร...

ค่าเฉลี่ยกำหนดการเปลี่ยนถ่ายของน้ำมันเครื่อง อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เร็วกว่ากำหนด ตามสภาพการใช้งานดังนี้
...1.ขับรถลุยน้ำในระดับที่สูง ซึ่งอาจคาดว่าจะมีน้ำปะปนเข้าสู่เครื่องยนต์ได้
...2.ใช้งานประเภทสมบุกสมบัน รถยนต์ในที่ใช้ในทางฝุ่น อยู่เป็นประจำ
...3.ในหน้าฝน ที่ต้องใช้รถขับลุยสายฝนอยู่เป็นประจำ หรือขับรถลุยน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ
...4.เครื่องยนต์หลวม ซึ่งมีการระเหยของน้ำมันเครื่องสูง และมีเขม่าเล็ดลอดเข้ามาปะปนอยู่มาก
...5.เครื่องยนต์รอบจัด ที่ต้องใช้งานรอบจัดอยู่เสมอ ความร้อนสูง และต้องการให้ชิ้นส่วนสึกหรอน้อยที่สุด
...6.เครื่องยนต์ที่ติดตั้งกรองเปลือย ที่คาดว่าจะฝุ่นผงปะปนเข้าสู่เครื่องยนต์ได้มากกว่าปกติ
...7.เครื่องยนต์ที่ต้องการความเร็วสูงสุด อย่างพวกรถแข่ง ซึ่งต้องมั่นใจได้ว่า คุณสมบัติของน้ำมันเครื่องต้องไม่ลดลงแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว

เครดิทข้อมูลจากRcweb ครับ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 19, 2012, 12:19:14 โดย adis »

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:44:54 »
...คำอธิบาย..การอ่านฉลากข้างกระป๋องน้ำมันเครื่อง..

...Fully Synthetic = น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แบบเต็มขั้น...
...PREMIUM GRADE SEMI – Synthetic = เป็นน้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราะห์ เกรดดีเยี่ยม...
...FOR NGV, LPG & GASOLINE = ใช้ได้กับเครื่องยนต์ แบบใช้แก๊ส NGV หรือ LPG และเครื่องยนต์เบนซิลทั่วไป...

...SAE 5W-30 = มาตรฐานความข้นใส รับรองโดยสถาบัน SAE เบอร์ 30 ค่าต้านทานความเป็นไข 5W หรือ – 30 องศาเซลเซียส...
...SAE 10W-40 = มาตรฐานความข้นใสจากสถาบัน SAE เบอร์ 40 ค่าต้านทานความเป็นไขที่ 10W หรือ -20 องศาเซลเซียส...

...API SM/CF = ค่ามาตรฐานรับรองโดยสถาบัน API ในการใช้กับเครื่องยนต์เบนซิล ในระดับ SM ส่วนถ้าใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลในระดับ CF เท่านั้น.

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:45:29 »
....ค่า W คืออะไร ...

น้ำมันเครื่องในเขตเมืองหนาว จะมีการวัดต่างออกไปอีกแบบ คือการวัดความต้านทานการเป็นไข โดยวัดตั้งแต่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ต่ำลงมาจนถึงจุดเยือกแข็งตั่งแต่ 0 องศา จนถึงต่ำกว่า – 30 องศาเซลเซียส โดยมีตัวอักษรระบุไว้เป็นตัวอักษร W หรือ WINTER เช่น
0W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า – 30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
5W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
10W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
15W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
20W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:46:07 »
....เบอร์น้ำมันเครื่อง (เบอร์ 0 – 60)...

...การวัดค่าความหนืดจะวัดกันที่ 100 องศาเซลเซียส ได้เป็นออกมาเป็นค่าความหนืด แทนค่าออกมาเป็นตัวเลขเรียกว่า เบอร์ของน้ำมันเครื่อง (Number) เพื่อให้เป็นมาตรฐานสากลเหมือนกันทั่วโลก ทุกๆสถาบันจึงได้แทนค่าความหนืด ออกมาเป็นตัวเลขในรูปของเบอร์ของน้ำมันเครื่อง เช่น 60, 50, 40, 30, 20, 10 และ 5 ค่าตัวเลขยิ่งมากยิ่งมีความหนืดมาก ตัวเลขน้อยยิ่งมีความหนืดน้อยตามลำดับ

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:47:47 »
จบครับ...
ใครอ่านจบแล้วมาลงชื่อด้วยนะครับ 55555


ออฟไลน์ [J]e[w]

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,376
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 09:52:07 »
ขอบคุณครับ  กดF5 รัวๆ  รอดูจะจบเมื่อไหร่   ความรู้แน่นดีครับ  :D
Don't waste time grieving over past mistakes, learn from them and move on!

ออฟไลน์ 12ay13an

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 278
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 10:09:59 »
ขอลงชื่อก่อนอ่านละกันครับ  ขอบคุณครับ ;D

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 10:10:07 »
ขอบคุณครับ ความรู้เรื่องนี้ผมไม่ค่อยมีเลยรู้แต่ว่าเติมสังเคราะห์น่าจะดีที่สุดและไม่ใช้ของ ปตท
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 10:54:33 »
1. ขอบคุณครับ
2. จริงๆ ถ้าจะให้ดี น่าจะใส่ชื่อคนเขียนสักนิดนึงนะครับ
แต่ถ้าไม่ทราบ ก็ไม่เป็นไร ระบุว่ามาจาก Racing Web ก็โอเค
เพราะอันนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่หลายๆคนยังไม่เคยทราบมาก่อน

ส่วนผม สมัยตอบรายการรถยนต์ในวิทยุ เมื่อหลายปีก่อน ฟังเรื่องพวกนี้จนแทบจะท่องได้เลยทีเดียว

ออฟไลน์ Nuzz

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 251
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 11:05:00 »
ขอบคุณครับ มประโยชน์มากๆเลยครับ

ออฟไลน์ chat120912

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 190
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 11:25:06 »
สุดยอดเลย ขอบคุณครับ  ;D
" My strength is you. "

ออฟไลน์ myalexxp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 829
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 11:48:02 »
มำคำถามที่โนถามมากที่สุดเลยครับ ว่า

น้ำมันเครื่อง ปัจจุบัน สามารถใช้แทนกันได้ไหม ระหว่า เครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล

ใครตอบได้มั้งครับ

โดยส่วนตัวผมเคยเอาน้ำมันเครื่อง 0 อีซูสุ ใส่กะรถเบนซิน มันก้ใช้งานได้  ;D

เพราะ มันได้มาฟรี  ;D


ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 12:22:41 »
มำคำถามที่โนถามมากที่สุดเลยครับ ว่า

น้ำมันเครื่อง ปัจจุบัน สามารถใช้แทนกันได้ไหม ระหว่า เครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล

ใครตอบได้มั้งครับ

โดยส่วนตัวผมเคยเอาน้ำมันเครื่อง 0 อีซูสุ ใส่กะรถเบนซิน มันก้ใช้งานได้  ;D

เพราะ มันได้มาฟรี  ;D


ถ้าเป็นชนิดเกรดรวมก็ใช้ได้ครับ แต่ก็ต้องดูรหัสประกอบไปด้วย เช่น API SL/CG  ก็ใช้ได้ทั้งเบนซินและดีเซล แต่จะให้คุณภาพที่ดีต่อเบนซินมากกว่า
แต่ถ้ารหัส API CG/SH ก็ตรงข้าม เป้นต้น ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 19, 2012, 12:40:39 โดย adis »

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
Re: เกร็ดความรู้เรื่อง น้ำมันเครื่องครับ
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 12:26:03 »
ขอบคุณสำหรับบทความครับ