« ตอบกลับ #36 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2012, 17:51:04 »
หลังจากลองขับแล้วมีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี
แม้ภาพรวมจะออกมาถือว่าเหนือกว่าคาด แต่ผมก็ยังติเรื่องอัตราเร่งอยู่ดี
ไม่ต้อง 0-100 หรอก เอามัน 0-20,0-30 เอาเป็นช่วงเร่งแบบเปลี่ยนเลนออก
แล้วกดหนีให้ทันรถคันหลังนี่ล่ะ
ปัญหามันไม่ใช่เกียร์ เกียร์น่ะทดมาดี และพยายามทำงานของมันดีที่สุดแล้ว
ผมไม่เคยเจอเกียร์ออโต้ที่รักหน้าที่เต็มใจกับการงาน มีชีวิตชีวาแบบนี้มาก่อน
ในรถญี่ปุ่นราคาต่ำกว่าสามล้าน ถ้ามันจะมีดีแบบนี้ มันก็เป็น 370Z คันละเท่าไหร่ล่ะนั่น
ปัญหามันอยู่ที่แรงบิดรอบต่ำซึ่งวิ่งยังกะรถพันหกไร้แค็มแปรผันยุค 90 ต่างหาก
กดไปแล้วมาแต่เสียง เข็มไม่กวาดเร็วอย่างใจนึก ต้องรอถึง 4,500 รอบต่อนาที
กว่าที่ความหนืดจะกลายเป็นความเร็วและแรงดึงพร้อมเสียงที่เป็น 4 สูบ NA
ที่เพราะมาก ไม่โหดเหมือน Integra Type R แต่นุ่มลงมาหน่อย น่าขย้ำชะมัด
9.3 วิน่ะมันไปเสียเวลาตอนออกตัว ถ้ารถถีบจาก 1 ไป 4 พันรอบได้เร็วแค่เท่า
Mini Cooper S Turbo เวลา 0-100 ของมันอาจลดลงเหลือ 8.3-8.2 วิก็ได้
รถเกียร์ธรรมดาสร้างอัตราเร่งได้เร็วกว่า เพราะคุณสามารถสปินล้อออก
เลี้ยงรอบให้อยู่เหนือ 4,000 ตอนออกตัวได้ เครื่องยนต์ทำงานอยู่ในรอบที่มันถนัดตลอด
แรงบิดสูงสุด 205Nm.. ก็มากกว่ารถ 2.0 ลิตรบ้านๆหน่อยนึงและมาถึงที่ 6,500 รอบต่อนาที
จากนั้นลากไปได้แค่ 700 รอบต่อนาที เกียร์ก็เปลี่ยน ต่อให้คุณเล่นเกียร์เองลากรอบให้ตาย
มันก็จะตัดหัวทิ่มที่ 7,400 รอบต่อนาที
มันเป็นรถที่สนุกนะ แน่นอน มันสนุกกว่า Camry Hybrid มากตอนกระทืบคันเร่งลากไปเป็นกิโลๆ
ปลายไหลไป 200 ได้เร็วสมกับแรงม้าที่มีแหละ แต่เวลาก็คือเวลา นาฬิกาก็คือนาฬิกา
นาฬิกากับความสนุก ทดแทนกันไม่ได้ มันคนละเรื่อง
ผมถึงรู้สึกว่าผมชอบเสียงของเครื่องยนต์ ชอบความใจถึงของเกียร์ เกียร์ที่ดีมาก
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ลงเซอร์กิตบ่อยๆอย่างผม ผมต้องการแรงบิดจากเครื่องยนต์บล็อคนี้
มากกว่านี้โดยเฉพาะช่วงก่อน 4,000
- - - - -
ส่วนถ้าไม่นับเรื่องเครื่องยนต์ อย่างอื่นผมถือว่าเข้าตา และใจจริงกลับเริ่มรักมันมากขึ้นด้วยซ้ำ
พวงมาลัยไม่ได้ไวแบบบ้าคลั่ง สักแต่ไวแต่ทำอย่างอื่นไม่เป็น แต่มันไวแบบพอดี สื่ออาการพอเหมาะ
มีน้ำหนักโหลดที่เป็นธรรมชาติ ผมไม่ขอแก้ไขอะไรแม้แต่นิดเดียว
นี่คือพวงมาลัยที่ให้ฟีลดีเทียบเท่ารถยุโรปและปรับมาได้ดีที่สุดเท่าที่ Toyota เคยทำมา
แต่ถ้าคุณมองว่ามันเป็นซูบารุ ก็อาจจะดีกว่าปกตินิดหน่อยตรงที่เวลากระแทกเลี้ยวหนักๆ
พวงมาลัยจะไม่มีแรงกระชากของเพลาขับหน้ามากวน พวงมาลัยจะ "พูดจากับมือคุณชัดเจนกว่า"
ตำแหน่งพวงมาลัย ตำแหน่งเบาะ ตำแหน่งเกียร์ เบรกมือ แผงประตูและทุกอย่าง
ผมไม่ขอแก้ ผมเพิ่งอ่านหนังสือสอนขับรถแข่งของ Ross Bentley มา และปรับตำแหน่งทุกอย่าง
ตามที่หนังสือนั้นสอน วางเท้าตามที่หนังสือนั้นสอน ผมถึงกับงง เห้ย..นี่ทีมวิศวกรกับผม
อ่านหนังสือเล่มเดียวกันหรือเปล่า อะไรมันจะเป๊ะขนาดนั้น
แต่ต้องแยกให้ออกระหว่างความสบาย กับ ความมันส์ ขึ้นรถแบบนี้คุณต้องให้ความมันส์ 70%
ความสบาย 30 % หรืออย่างมากก็ 60/40 และในจุดนี้ล่ะ มันเพอร์เฟ็คท์มาก
ช่วงล่าง ขับแล้วรู้สึกเกือบจะเท่ารถแต่งซิ่ง มีตึงตังให้รู้สึก แต่ความต่างระหว่างรถคันนี้
กับ 320d E90 คือ 320d จะตึงตังในจังหวะยุบแรก แต่ระยะยุบยืดของโช้คจริงๆนั้นยาวนะ
ส่วน 86 มันหนึบเท่ากันไปตลอดและระยะการยืดของช่วงล่างนั้นถือว่าสั้น สั้นแบบรถเซอร์กิต
และแน่นอน เวลาโยนหนักๆ 86 ก็ยวบน้อยกว่า
- - - -
ผมคงไม่วิจารณ์อะไรเรื่องภายในและเรื่องวัสดุ เพราะถ้าคุณสนเรื่องพวกนี้
ก็คงไปเล่น VW ตั้งแต่แรกแล้ว
และถ้าไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนขับรถแข่งจนเคยชิน แค่ได้ลองอัด 86 ไปสักพักตอนกลางคืน
คุณจะเริ่มลืมความไม่เพอร์เฟ็คท์ของดีไซน์และวัสดุบางจุดไปทีละน้อยทีละน้อย
ดังนั้น..ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิม
ถ้าคุณจะโฟกัสไปที่ความแรง ความสนุกของคุณคือแรงดึง คุณชอบความรู้สึกหนักๆแน่นๆ
คุณไม่ได้ชอบดริฟท์ ไม่ได้พิเศษอะไรกับรถขับหลัง -> VW เลย
แต่ถ้าคุณชอบความสนุกจากการเข้าโค้ง บาลานซ์แบบมาสด้า MX5 แต่เครื่องแรงกว่า
เกียร์ใจถึงกว่า ..86
ถ้าอยากได้ทุกอย่างเป็น 86 แต่แรงกว่า..รอชุดแต่งเทอร์โบมา