ผู้เขียน หัวข้อ: Review ติดแก๊ส Jazz ชุด EUROPEGAS S.A.S OBD เพราะอยากประหยัดหรือตามกระแสหว่า ><”  (อ่าน 82549 ครั้ง)

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
Review ติดแก๊ส Jazz ชุด EUROPEGAS S.A.S OBD เพราะอยากประหยัดหรือตามกระแสหว่า ><”

เนื่องจากสถานการร์น้ำมันปัจจุบันช่างผันผวนเหลือเกิน ตอนขึ้น ขึ้นทีละ 50-60 สตางค์
ตอนลงแค่ 20 สตางค์ โอ้ทำไมใจร้ายแท้ ทำกับประชาชนคนใช้รถแบบนี้ได้ไง
และไม่กี่วันต่อมาท่าน รมต. ไรไม่รู้ไม่อยากจำชื่อให้เสียอารมณ์ บอกจะยกเลิกการจดทะเบียนรถใหม่ที่คิดจะติดแก๊ส LPG อีก  แต่ NGV ไม่เป็นไร แบบนี้สมควรโดนด่า แช่งชักหักกระดูกไหมนี่
เหตุผลที่ออกมาพูดแบบนี้คงมาหยั่งเสียงตอบรับก่อน  ว่าใครจะด่าขนาดไหนและแล้วก็ด่ากันทั้งเมือง แหมพูดมาได้ LPG ช่วงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย...เข้าเรื่องดีกว่า

หลังจากท่าน  รมต. พูดออกข่าวมา ทำให้ผมเริ่มคิดมากและ ว่ามันจะทำจริงรึเปล่า ถ้าจริงขึ้นมาก็ซวยอีกถ้าไปติดช้า  แต่ถ้าไม่จริงแค่ลองเชิง  ผมติดตอนนี้ก็ดีจะได้คืนทุนเร็วหน่อย
รีบคุยกับแฟนปรึกษากันว่าซักอีก 2 เดือนจะติด  ไปๆ มาๆ แฟนผมบอกติดภายในมีนาคมนี้ไปเลย
เอาก็เอาว่ะติดเลยก็ได้ รถก็ใช่งานมา 2 ปี วิ่งไป15,000 กม. ได้เนื่องจากน้ำมันแพงไม่ค่อยอยากไปไหน ตอนนี้ติดแก๊สแล้วคงได้พากันไปเที่ยวเหนือเที่ยวใต้กะเขามั่ง ประกงประกันไม่สนล่ะ

ที่เหลือคือเลือกร้าน จริงๆ โปรเจคติดแก๊สคิดมาเกือบปีแล้ว หาข้อมูลมาก็มากเพิ่งจะได้ติดเนี่ยแหละ
อ่านข้อมูลในเน็ตว่าร้านไหนเป็นยังไง สุดท้ายเลือกร้านพี่เจ เพราะไม่ไกลจากบ้านเท่าไร (เกือบ 20 กม.)  ได้ไปอ่านข้อมูลที่พี่เจตอบไว้ในเวปของร้านพี่เจแกคอยตอบคอยช่วยเหลือคนอื่นตลอดและบริการหลังการติดตั้งที่ฟีดแบคดีเลยตกลงกับร้านนี้ครับ

ผมไม่ได้ชี้นำให้คนที่คิดจะติดต้องติดแก๊สร้านเดียวกับผม เพราะผมคิดว่าร้านอื่นดีๆ ยังมีอีกหลายร้าน แต่ที่เลือกที่นี่เพราะเหตุผลข้างบนและมั่นใจร้านนี้ครับและมารีวิวให้ดูกันเพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับคนที่คิดจะติดนั่นเอง

ชุดที่ติดเป็น EUROPEGAS S.A.S OBD ซึ่งเป็นยี่ห้อหลักของทางร้าน
อุปกรณ์ในชุดประกอบด้วย
หม้อต้ม MAGIC III  GOLD 250HP
ถังโดนัท luckmetal work
มัลติวาล์ว OMB/tomasetto italy
พร้อมเอกสารใบรับรอง
รับประกันอุปกรณ์ 2 ปี
ประกันอัคคีภัย 1,000,000 บาท
ประกันเครื่อยนต์ 100,000 บาท
ตอนหลังนี้ทางร้านรับติดยี่ห้อ AC ด้วยถ้าลูกค้าต้องการ

ตอนนี้ร้านแกคิดระบบจ่ายแก๊สเข้ารางหัวฉีด 2 ทางขึ้นมา เพื่อให้สามารถจ่ายแก๊สเข้ารางหัวฉีดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ช่วยลดอาการวาล์วยันเร็ว  ให้อัตราการเร่งเหมือนน้ำมันครับ แต่หม้อต้มที่ทำได้ก็จะมี  MAGIC III  GOLD ที่อยู่ในชุด รุ่นเก่าสีเงินก็ทำได้  หม้อต้ม KME และอีก 2-3 รุ่นผมจำไม่ได้และอ่านผ่านๆ มา

อันนี้ยกมาจากทางร้านนะครับ

จ่ายเข้า ทั้ง รางหัวฉีดทั้งสองด้าน ทำให้ แรงดันที่รางหัวฉีด นิ่ง การตอบสนองการขับขี่ จะไกล้ เคียง กับ วิ่งน้ำมันมากขึ้น
เหตุผล
น้ำมันในท่อน้ำมันเบนซิน ที่ปั้มติก ที่ถัง ส่งมาที่รางหัวฉีด แรงดันน้ำมันที่จ่ายมา ค่อนข้างนิ่ง ไม่มีการขยับตัว หรือ เปลี่ยนแปลงแรงดันเลย น้ำมันเลยทำอัตราเร่งได้ดี ทั้งต้น ทั้งปลาย
สำหรับ ระบบแก๊ส lpgจะมีหม้อต้ม
หม้อต้ม ทำหน้าที่เปลี่ยน สถานะของแก๊ส lpg จากในถังแก๊ส ที่เป็น ของเหลว ให้เปลี่ยนเป็นไอ โดยหม้อต้ม
ดังนั้น หม้อต้ม มีสอง หน้าที่คือ
1. ลดแรงดันแก๊ส จาก ถัง แก๊ส ที่มีแรงดันประมาณ 180 psi. ให้เหลือแรงดัน 21.75 psi หรือ ประมาณ 1.5 bar.
2. เปลี่ยนสถานะของแก๊ส จาก น้ำแก๊สเป็นไอแก๊ส ซึ่งต้องใช้ความร้อน

ซึ่งจาก กระบวนการดังกล่าว หากเครื่องยนต์ ต้องการ เชือ้เพลิงอย่างเร็ว อาจทำให้แรงดันในการจ่ายตกลง หรือ จ่ายไม่พอได้
การเพิ่มปริมาณการจ่าย ดังกล่าว ทำให้มีแก๊ส สะสมในท่อ พร้อมสำหรับการใช้งานแบบทันท่วงที ซึ่งจะทำให้แรงดันนิ่ง และจะให้อัตราเร่ง ไกล้เคียงกับ ระบบน้ำมันมากขึ้น

การจ่ายแก๊สเข้าทางหัวฉีด 2 ทางผมคิดว่ายังไงก็ดีกว่าทางเดียวครับพอเลือกร้านได้แล้วก็นัดเวลาติด จริงๆ ตั้งใจติดเสาร์ที่ 2 มีนาคม  แต่คิวเต็มเลยเลื่อนมาศุกร์ที่ 1 มีนาคมแทน แต่ก็ดีเพราะคิววันธรรมดาจะไม่แน่นเหมือนวันเสาร์  ส่วนวันอาทิตย์ร้านปิดครับ
ไปถึงร้าน 8.45 น เพราะต้องไปส่งแฟนที่สะพานควายก่อน พอส่งแฟนเสร็จก็ตั้ง GPS เบิ่งไปร้านพี่เจเลย ร้านอยู่ถนนเส้นแจ้งวัฒนะ เลยเมืองทองมานิดหนึ่ง อยู่ในปั้มแก๊สสยามแก๊สข้างในเลย มีป้ายบอก

เริ่มกันเลย.....รูปถ่ายจากโทรศัพท์มือถือนะครับ แสงอาจจะไม่ได้ทำให้บางภาพาจจะไม่ชัดมากนัก
ไปถึงก็มี CRV G2 กำลังถูกรื้ออยู่ 1 คัน ผมเป็นคันที่ 2และรถผมถูกเปิดฝากระโปรงระบายความร้อนห้องเครื่องก่อน เนื่องจากเดี๋ยวช่างต้องมารื้อนั่นเอง ร้อนๆ นี่มือพองแน่



ถ่ายไว้หน่อยเป็นอนุสรณ์  ก่อนที่ห้องเครื่องจะโดนปู้ยี้ปู้ยำนั่นเอง T T



พอเครื่องเริ่มเย็นก็ขับเข้ามาที่ลิฟท์สำหรับยกรถเตรียมขึ้นเขียงครับ



มาดูชุดอุปกรณ์ในกัน ถูกจัดมาเป็นชุดใส่กล่องมาเลยครับ



อันนี้ชุดสายไฟ  ต้องร้อยชุดสายผ่านหน้าเครื่องเข้ามาข้างในรถ ซึ่ง ECU Gas จะถูกเก็บไว้ใต้คอนโซลรถฝั่งคนขับครับ



พอรถถูกยกขึ้นช่างที่ทำหน้าที่ติดท่อทองแดงสำหรับเติมแก๊สก็จัดการนำสายทองแดงมาเดินใต้ท้องรถตามแนวท่อเดิมโดยใช้สกรูเกลี่ยวปล่อยเจาะยึดกิ๊บเข้ากับท่อทองแดงไปตามแนวเดิมของรถครับ
สังเกตท่อนี่แข็งมากครับ ผมดูความหนาที่ใช้ได้เลย จับดัดค่อนข้างยากอยู่



พร้อมทั้งเดินสายไฟติ๊กถังแก๊สด้านท้ายด้วย



พอเดินท่อทองแดงเสร็จ ก็เอารถลงมาเพื่อจะได้เจาะตัวถังในหลุมยางอะไหร่ทำรูระบายแก๊สและยึดถังแก๊สในรูปเป็นหลุมยางอะไรที่ยังไม่ถูกเจาะ



วัดขนาดแล้วตัดที่รองถังแก๊สกันกระแทกและเกิดเสียงได้ตามรูป




ต่อมาช่างจะทำการวัดและเจาะรูเพื่อวางถังโดนัท ซึ่งถังแก๊สแบบโดนัทผมเลือกขนาด 33 ลิตร เพราะว่าไม่อยากให้ท้ายห้อย จะได้ไม่ต้องไปทำอะไรกับชวงล่าง อยากขับเดิมๆ ไม่อยากใส่สเปเซอร์รองสปริงหลัง และจากการหาข้อมูลมา ถัง 33 ลิตรรวมน้ำแก๊สด้านท้ายจะลดลงไม่เกิน 1 เซนติเมตรครับ
รถจะถูกเจาะทั้งหมด3 รู คือ รูใหญ่เจาะด้วยสว่านนำก่อนแล้วตามด้วยโฮลซอว์เพื่อเป็นรูระบายแก๊สกรณีแก๊สรั่ว  อีก 2 รูไว้สำหรับยึดถังแก๊สนั่นเอง พอยึดถังแก๊สเรียบร้อยแล้ว ช่างก็ทำการติดตั้งวาล์วต่อเลย



ถังโดนัททางร้านเลือกยี่ห้อ LMW คือถังไทย ทำในไทยเนี่ยแหละครับ
ได้มารตฐานเหมือนกัน อันนี้ข้อมูลบริษัทผู้ผลิตนะ http://www.lmw.co.th
อันนี้พาไปชมโรงงานผลิต http://www.gasthai.com/boardgas/question.asp?id=50278
ถังโดนัทถ้าจะเอาดีกว่านี้คงต้องของ Magnate ดีจริงแต่ราคาคงสูงขึ้นอย่างแน่นอน

รูปนี้เป็นแผ่นป้ายรายละเอียดบนถังแก๊สครับ จะบอกความจุ น้ำหนัก วันที่ทดสอบ และ Number ของถัง



ในระหว่างที่ด้านหลังกำลังเจาะรูยึดถังด้านหน้าช่างอีกคนก็ทำการรื้อห้องเครื่องยนต์พร้อมกันไปเลย  คือที่ร้านมีช่างอยู่ 5-6 คน จะมีหน้าที่ของตัวเองว่าจะทำอะไรส่วนไหนของรถครับ  ช่างค่อยๆ รื้อออกมาทำละชิ้น...เริ่มหวาดเสียงและทำใจยังไม่ค่อยได้



พอเอากรองอากาศออกแล้วช่างอีกคนก็ทำการเอาชุดสายไฟร้อยจากข้างในรถออกมาหน้าเครื่องต่อเลยและทำการตัดต่อ จั๊มสายภายในรถเข้ากล่อง ECU Gas ครับ



ส่วนข้างหน้าก็รื้อต่อไปเอาท่อ ID ถอดไปเจาะตาปเกลียวฝังน็อตเซิลจ่ายแก๊ส...หวาดเสียว





คนหนึ่งคนเอาท่อ ID ไปเจาะอยู่  อีกคนก็ทำการยึดหม้อต้มแก๊สติดกับตัวรถ...นู้นเลยผนังในสุดหลังกรองอากาศครับ ฉะนั้นถ้าทำอะไรกับหม้อต้มก็ต้องรื้อชุดกรองอากาศออกมาก่อน



มาดูรูปหม้อต้ม MAGIC III แบบชัดๆ จะเห็นช่องจ่ายแก๊ส 2 ทาง อันหนึ่งสีเงิน อันหนึ่งสีทองครับ



เริ่มประกอบกลับใกล้เสร็จแล้ว ในรูปคือกำลังวัดตำแหน่งที่ยึดรางหัวฉีดครับ



ประกอบรางหัวฉีดเรียบร้อย  ที่สายไฟต่อเข้าหัวฉีดจะติดเบอร์ของหัวฉีดแต่ละอันไว้ด้วยครับ




มาดูใกล้ๆที่รางหัวฉีดทั้ง 2 ข้างซ้าย-ขวาต่อเข้ากับช่องจ่ายแก๊สจากหม้อต้มโดยผ่านกรองแก๊สก่อนครับ  กรองแก๊สนี่ปกติต้องเปลี่ยนที่ 30,000 กม. อันละกี่ร้อยไม่แน่ใจ  แต่การจ่ายแก๊สเข้ารางหัวฉีด 2 ทาง ต้องใช้กรองแก๊ส 2 ตัว พี่เจบอกว่าให้เปลี่ยนที่ 50,000 กม. ได้เลย  กรองแก๊สถูกหุ้มด้วยยางในรถจักรยานยนต์เพื่อกันการเกิดเสียงเวลาวิ่งครับ และท่อเดินแก๊สถูกหุ้มด้วย ท่อถักอีกทีหนึ่งป้องกันการเสียดสี  





เป็นอันเสร็จขั้นตอนการติดตั้งแก๊สทั้งหมด  ที่เหลือคือการปรับจูนแก๊ส  โดยเอารถออกไปวิ่งจริง  ผมทดสอบบนทางด่วนแจ้งวัฒนะ ซึ่งยาวมากเพียงพอต่อการวิ่งเก็บ Map น้ำมันและปรับจูนแก๊ส ซึ่งชุดที่ผมติดเป็นระบบ OBD สามารถปรับจูนแก๊สให้อัตโนมัติตลอดเวลาครับ แต่ในการจูนเราสามารถปรับตั้งการจ่ายแก๊สเพิ่มหรือลดก็ได้ เวลาใช้งาน ECU Gas จะทำการประมวลผลและปรับอัตราการจ่ายแก๊สให้อยู่ในย่านที่เรากำหนดไว้นั่นเอง ซึ่งฮอนด้ารุ่นใหม่ๆ เครื่องยนต์ถูกออกแบบให้สามารถจ่ายน้ำมันบางลงได้กรณีเราขับรถด้วยความเร็วคงที่ ซึ่งผมก็สังเกตเวลาใช้น้ำมัน ถ้าวิ่งยาวๆ 90-110 นี่ประหยัดมาก 16-17 กม./ลิตร ได้เลย  แต่วิ่งในเมืองนี่ 10 กม./ลิตรก็หรูแล้ว

ในการปรับจูนแก๊ส LPG เราอย่าจูนให้แก๊สจ่ายเท่าน้ำมันในช่วงที่จ่ายบางครับ ใช้ไปนานๆ เข้าวาล์วยันเร็วแน่ๆ ให้ปรับจูนให้จ่ายแก๊สเพียงพอต่อกำลังที่รถต้องการเพื่ออัตราเร่งที่ดีและเครื่องจะสึกหรอน้อยลงครับผลที่ได้อีกอย่างหนึ่งคืออุณหภูมิห้องเครื่องยนต์จะไม่ร้อนมากด้วย

ผมวิ่งเก็บ Map บนทางด่วนกับพี่เจ 2 คน คอยให้ผมใช้ความเร็วตามที่แกบอกครับ ขับธรรมดา คลิกดาวน์  และขับแบบใช้ความเร็ว  ผมใช้ความเร็วสูงสุดที่กล้าเหยียบมากสุด 160 กม./ชม.  เกิดมาไม่เคยเหยียบเท่านี้มาก่อนเลย...เสียว  ปกติผมใช้ความเร็วเดินทางแค่100-120 กม./ชม. เอง

หลังจากวิ่งจูนจนเสร็จผลเป็นที่น่าพอใจครับ เครื่องเดินเรียบ นิ่ง ไม่มีสะดุดหรือสะอึก อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นอยู่ที่ประมาณ 84 องศาเท่าๆ กับการใช้น้ำมันครับ เพราะคอยดูตลอดตอนจูนแก๊ส  พูดง่ายๆเหมือนเราใช้น้ำมันนั่นแหละ....จบ

ต่อมาสิ่งที่ผมกังวลก่อนติดแก๊สคือ...ท้ายมันจะห้อยไหมเนี่ย ไม่อยากให้มันห้อยครับ
ก่อนติดแก๊สผมวัดความสูงจากพื้นถึงขอบซุ้มล้อหลังไว้ทั้งขวา-ซ้าย
ข้างขวาได้ 64.5 ซม.  ข้างซ้ายได้  64.7 ซม.





หลังติดแก๊ส+น้ำแก๊สเต็มถัง (เติมตอนออกจากร้านทันทีแล้ววิ่งกลับบ้านมาประมาณ 17 กม. ได้)
ข้างขวาได้ 64.6 ซม.  ข้างซ้ายได้  64.8 ซม.





ผมก็งง...ทำไมมันสูงกว่าเดิม 1 มม. หว่า  เอ้าดีแล้วท้ายไม่ห้อยจะได้ไม่ต้องไปเสียเงินแก้ไข





เหตุผลของผมให้สำหรับคนที่ชั่งใจว่าจะติดแก๊สดีหรือไม่

1.ถ้าจะติดแก๊สผมมองว่าถ้าใช้เงินเติมน้ำมันเดือนละ 3,000 บาทขึ้น และท่านไม่สามารถวิ่งนอกเส้นทางประจำได้บ่อยนักเนื่องจากทนภาระค่าน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นไม่ไหว
2.อยากไปเที่ยวไกลๆ มีเวลาพาครอบครับไปเที่ยวพักผ่อนหาความสุขในชีวิต โดยไม่ต้องกังวลกับค่าน้ำมันแพงๆ สมมติไปกลับภูเก็ต 2,000 กม. ท่านต้องใช้เงินเติมน้ำมัน (E20 คิดที่ 14 กม./ลิตร) ขั้นต่ำก็ 5,000 บาทไม่รวมออกนอกเส้นทางแวะนู่นนี่นั่น ถ้าเป็นแก๊สก็ 2,000 กว่าบาท
3.อยากใช้รถให้คุ้มค่า ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว วิ่งน้อยเพราะกลัวเปรืองน้ำมันอันนี้ไม่คุ้มที่จะซื้อมาครับ  แบบผมเลยต้องติดแก๊สเอาไว้วิ่งให้คุ้มหน่อยคันนึงไม่ใช่ถูกๆ เอามาใช้งานบ้าง
4.ลดค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมัน  แต่ส่วนใหญ่แรกๆ คนก็คิดแบบนี้ สุดท้ายวิ่งกันแหลกเพราะแก๊สถูก  อยากไปไหนก็ได้ไป ไม่ต้องคิดมาก
5.ไม่รู้นโยบายยกเลิกจดทะเบียนแก๊สจะจริงหรือไม่ในอนาคตผมไม่ทราบ แต่ติดตอนนี้มันยังไม่ห้ามนิ จะเหลือรึติดเลยดีกว่า


เมื่ออ่านบทความของผมแล้วก็ลองดูเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจคิดจะติดแก๊สนะครับ  ผิดพลาดยังไงผมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เพราะที่เขียนมานี้เป็นความเข้าใจของผมเองคนเดียว  ข้อมูลก็อ่านๆ มารู้บ้าง ไม่รู้บ้าง แต่ก็อยากแชร์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างเมื่อมีโอกาสครับ

เมื่อท่านตัดสินใจไปติดแก๊สแล้วก็หมั่นดูแลรถของท่านบ่อยขึ้นกว่าเดิมซักหน่อย ปกติแล้วผมจะเปิดฝากระโปรงหน้าเช็คน้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อพัก แค่เดือนละครั้ง  ติดแก๊สแล้วก็ดูให้บ่อยกว่าปกติซักหน่อยสัปดาห์ละวันก็ยังดี เพื่อเช็คความพร้อมของตัวรถ จุดไหนมีปัญหาจะได้แก้ไขได้ทันแต่เนิ่นๆ
ถ้าการใช้แก๊สผิดปกติก็ปิดระบบไปใช้น้ำมันก่อนแล้วรีบเอาไปให้ช่างตรวจเช็คแก้ไขทันที อย่าทนใช้เพราะเมื่อมีเหตุการไม่คาดคิด...เดี๋ยวจะมาโทษว่าเป็นที่ LPG อีกนะเออ

บทความนี้ไม่หวงหากใครจะเอาไปใช้...แต่กรุณาอย่าอ้างว่าเป็นของท่าน
และกรุณาให้เครดิตกันด้วย...จบซักที  T T"


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2013, 08:52:44 โดย Prachsaphol_yjd »

ออฟไลน์ jumpon77

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,372
    • อีเมล์
รอเจ้าPreveด้วยครับถ้ารอตัวLpgไม่ไหว้จริงๆก็ติดแน่ครับ
http://facebook.com/jumpon.hiranyanon
https://twitter.com/jumpon77     คุยได้นะครับ.
 Corolla Altis 1.8 E MT MY2008 Corolla Altis 1.6 J AT my2011 Isuzu D-MAX Spark my2003

ออฟไลน์ bs

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 163
ที่มันสูงกว่าเดิมเพราะเราวัดไม่ตรงมุมเดิมไงครับ  ;D
2003 toyota soruna vios 1.5 E mt            2008 honda click-i
2011 new nissan march 1.2 cvt 
2012 honda jazz ge 1.5 s at white
2013 honda click 125i >>> nv350

ออฟไลน์ mewzabahl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
ขอบคุณรีวิวแกีสครับ เดียวรอพี่สาวบ่นค่าน้ำมันก่อน จะยุให้ไปติดซะ  ;D ;D

ออฟไลน์ diow_1991

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
    • อีเมล์
รีวิวได้ละเอียดดีครับมีรูปทุกขั้นตอน

ออฟไลน์ johnlee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,603
    • อีเมล์
ติดแก๊ส สมัยนี้ มีความมั่นใจและปลอดภัยกว่าแต่ก่อนเพราะ
1.อุปกรณ์ทันสมัยขึ้น
2.ช่างมีประสบการณ์มากขึ้น
3.สื่อออนไลน์มากขึ้น ทั้งช่างและผู้ใช้รถหาความรู้และปัญหาได้เร็ว

รถกระบะผมก็ติดครับ ระบบดูด ทนดีชะมัด 3 ปีแล้วไม่เคยทำอะไรเลย ข้างบ้านรถเก๋ง ไม่รุ้ติดที่ไหนมา จูนแทบจะวันเว้นวัน
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t

ออฟไลน์ sriracha

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 223
    • alex auto shop
    • อีเมล์
ติดแก๊ส สมัยนี้ มีความมั่นใจและปลอดภัยกว่าแต่ก่อนเพราะ
1.อุปกรณ์ทันสมัยขึ้น
2.ช่างมีประสบการณ์มากขึ้น
3.สื่อออนไลน์มากขึ้น ทั้งช่างและผู้ใช้รถหาความรู้และปัญหาได้เร็ว

รถกระบะผมก็ติดครับ ระบบดูด ทนดีชะมัด 3 ปีแล้วไม่เคยทำอะไรเลย ข้างบ้านรถเก๋ง ไม่รุ้ติดที่ไหนมา จูนแทบจะวันเว้นวัน

รถอะไร ติดของอะไรครั จะไปติดมั่ง กระบะ เหมือนกัน

ขอบคุณรีวิวครับ เป็นความรู้ไดดีเลย
หาจอตรงรุ่น จอแอนดรอย หรือจะขับ all new civic ไม่งั้นก็ ปลั๊กปลดล็อกจอ ที่รถทุกคันควรมี

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ขอบคุณสำหรับรีวิวด้วยครับ ค่าเสียหายเท่าไรเอ่ย
ของผมติด Europe gas OSCAR OBD (ไม่รู้อันเดียวกันรึเปล่าหว่า แต่ก็วิ่งเหมือนน้ำมัน ไม่เคยมีปัญหานะครับ) โดนไป 31500 ไม่รวมค่าใบวิดวะ ฝาปิดถังแก๊ส (ถังแคปซูลของ Magnate 58 ลิตรน่ะครับ)

แต่ไม่ใช่ร้านพี่เจนะครับ 

อยากทราบราคาไว้เปรียบเทียบนิดนึงน่ะครับ ^^"

ออฟไลน์ rvsmart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 672
ที่ท้ายสูงกว่าเดิมเป็นเพราะเปลี่ยนยางอะไหล่เป็นถังแก๊สหรือเปล่า

ออฟไลน์ talentman

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 18
ที่ร้านเค้าแก้เข็มน้ำมันไม่ตกเวลารถวิ่งเหมือน city cng โรงงานได้ไหมครับ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
2-3 ปีก่อนเพื่อนพี่ผมเอาแจ๊สไปติดแก๊ส

ปรากฏว่ามันรวนเลย ไม่รู้ว่าแก้ไขอะไรยังไง

แล้วทดลองวิ่งแล้วเป็นไงบ้างครับ

promt

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เลือกได้เยี่ยมครับ OSCAR-N OBD มันคือ ECU เทพตัวหนึ่งครับ

และ Magic Gold ก็ออกมาแทนตัวหลังขาว (Magic III ซึ่งขอบรั่วบ่อยเพราะผนังมันบาง)

แต่จากที่ดูถัง เบอร์ 255 จุน้ำแก๊สได้จริง 37 ลิตร (ในสเปคคือ 42 ลิตร โกหกผู้บริโภค) แต่ถังยอมให้เติมได้ 80%

นั่นคือเติมน้ำแก๊สได้ประมาณ 30 ลิตร

ถังโดนัทที่ติดมันใบเล็กไปหน่อยครับ ต้องเติมบ่อย (เดี่ยวจะเป็น NGV) ไม่เปลี่ยนเป็นขนาด 51 ลิตรน้ำเลยครับ

ขนาด 51 ลิตร มันจะแทนที่ยางอะไหล่ได้พอดี และผ่านขนส่งครับ

ที่วัดความสูงของตัวถังได้สูงขึ้นหลังจากติดถังแก๊ส น่าจะเพราะระนาบของที่จอดรถ มันไม่เท่ากันครับ

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
ผมขออนุญาต ลบลิงก์ของทางร้านออกนะครับ
เพื่อไม่ให้เข้าข่ายการโฆษณา  :D

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
แต่ผมวัดจากตรงกลางล้อแม้กเลยน้า.....อาจมีผิดพลาดบ้างนิดหน่อย User Error ;D
ที่มันสูงกว่าเดิมเพราะเราวัดไม่ตรงมุมเดิมไงครับ  ;D

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
ชุดเดียวกันครับ
แต่ต้องดูหม้อต้มถ้าแบบสีทองเพิ่งเอามาแทนสีเงินเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วครับ
ของผม 32,000 บาท จาก 33,000 บาท ครับ
ปกติราคานี้จะได้ถังแคปซูล 48 ลิตร (ถ้าโดนัทต้องเพิ่มเงิน 1,000 บาท)
ได้เอกสารครบชุด+ถุงใส่ยางอะไหร่ให้ด้วยครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวด้วยครับ ค่าเสียหายเท่าไรเอ่ย
ของผมติด Europe gas OSCAR OBD (ไม่รู้อันเดียวกันรึเปล่าหว่า แต่ก็วิ่งเหมือนน้ำมัน ไม่เคยมีปัญหานะครับ) โดนไป 31500 ไม่รวมค่าใบวิดวะ ฝาปิดถังแก๊ส (ถังแคปซูลของ Magnate 58 ลิตรน่ะครับ)

แต่ไม่ใช่ร้านพี่เจนะครับ 

อยากทราบราคาไว้เปรียบเทียบนิดนึงน่ะครับ ^^"

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
คิดว่ามาจากเหตุผลนี้ครับ
เอายางอะไหร่ออกแทนที่ด้วยถังโดนัท
ถังน้ำหนัก 21.33 kg. ผมลองยกยางอะไหร่ดูไม่ต่ำกว่า 10 kg. ครับ หนักเอาเรื่อง
ที่ท้ายสูงกว่าเดิมเป็นเพราะเปลี่ยนยางอะไหล่เป็นถังแก๊สหรือเปล่า

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
อันนี้แก้กันไม่ได้ซักร้านครับ
Jazz เราคำนวณน้ำมันที่เหลือจากระยะทางที่วิ่งไปครับ
ฉะนั้นเวลาวิ่งแก๊ส เกย์น้ำมันเลยตกลงเรื่อยๆ ทั้งที่น้ำมันยังมีอยู่
ถ้าอยากรู้น้ำมันที่เหลืออยู่จริงเท่าไรแน่....ต้องติดตัวรีเซ็ตน้ำมันครับ
มันจะรีเซ็ตทุกครั้งตอนสตาร์ท ทำให้รู้น้ำมันว่ามีอยู่เท่าไร (มันมีมาในชุดเลยครับ)
ที่ร้านเค้าแก้เข็มน้ำมันไม่ตกเวลารถวิ่งเหมือน city cng โรงงานได้ไหมครับ

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
ถ้ารวนแนะนำให้ติดต่อร้านตัวแทนนำเข้าเลยครับ [email protected]
ผมวิ่งไปได้ ร้อยกว่ากิโลเมตร เหมือนการใช้น้ำมันครับ
แต่จากการสังเกตรอบเดินเบาจะนิ่งกว่าใช้ E20 ครับ

2-3 ปีก่อนเพื่อนพี่ผมเอาแจ๊สไปติดแก๊ส

ปรากฏว่ามันรวนเลย ไม่รู้ว่าแก้ไขอะไรยังไง

แล้วทดลองวิ่งแล้วเป็นไงบ้างครับ

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
ที่ผมอ่านมาถ้าเป็น 42 ลิตรของ LMW ปกติต้องเติมได้สูงสุด 85% เท่ากับ 35.7 ลิตร
แต่คนไปเติมได้ประมาณ 30 ลิตรแบบที่บอกนั่นแหละครับ
แต่ของผมเลือกถัง 33 ลิตร ยังไม่ได้ใช้จนหมดถังเลยยังไม่รู้ว่าเติมได้เท่าไร
แต่เบื้องต้นตอนแรกร้านเติมไป 200 บาท ลิตรละประมาณ 13 บาท เท่ากับ 15.38 ลิตร
แล้วเอาไปวิ่งเทสกลับมาผมเติมไปอีกเต็มถังได้ 209 บาท เท่ากับ 16.07 ลิตร
(ใช้เทสวิ่งไปน่าจะ 20 กว่ากิโลครับ) รวมๆ น่าจะเติมได้ 27-29 ลิตร โดยประมาณครับ
ไม่อยากเสริมสเปเซอร์รองสปริงเลยเลือกถังโดนัท 33 ลิตรครับ
ที่อ่านๆมา ถัง 33 ลิตร ถ้าวิ่งในเมืองจะวิ่งได้ประมาณ 250-300 km.
ถ้านอกเมืองประมาณ 300-350 km.
เลยไม่ซีเรียสครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เลือกได้เยี่ยมครับ OSCAR-N OBD มันคือ ECU เทพตัวหนึ่งครับ

และ Magic Gold ก็ออกมาแทนตัวหลังขาว (Magic III ซึ่งขอบรั่วบ่อยเพราะผนังมันบาง)

แต่จากที่ดูถัง เบอร์ 255 จุน้ำแก๊สได้จริง 37 ลิตร (ในสเปคคือ 42 ลิตร โกหกผู้บริโภค) แต่ถังยอมให้เติมได้ 80%

นั่นคือเติมน้ำแก๊สได้ประมาณ 30 ลิตร

ถังโดนัทที่ติดมันใบเล็กไปหน่อยครับ ต้องเติมบ่อย (เดี่ยวจะเป็น NGV) ไม่เปลี่ยนเป็นขนาด 51 ลิตรน้ำเลยครับ

ขนาด 51 ลิตร มันจะแทนที่ยางอะไหล่ได้พอดี และผ่านขนส่งครับ

ที่วัดความสูงของตัวถังได้สูงขึ้นหลังจากติดถังแก๊ส น่าจะเพราะระนาบของที่จอดรถ มันไม่เท่ากันครับ


ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
การติดแก็ส มันมีข้อดีและข้อเสียของมันครับ ผมคนนึงที่เคยใช้แก็สมา ร่วม 4 ปี และสุดท้ายเลิกใช้เปลี่ยนรถใหม่ใช้น้ำมันครับ ถามว่า ทำไม ??

รถแก็สประหยัดจริงครับ ผมใช้มา มีปัญหาแบบหนักๆน้อยมากๆ หรือแทบไม่มีเลย ใช้ดีวิ่งยาวๆมาร่วมแสนโล แต่ สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ Happy คือ

-ถ้าวันนึงคุณสต๊าดรถแล้วรถสดุด รถไม่มีแรงวิ่ง เร่งแซงไม่ทันใจ ซึ่งเกิดขึ้นกับรถที่ติดแก็สเท่านั้น ถามว่า คุณ OK ไหม
-ในบางจังหวะ คิกดาว์เพื่อเร่งแซงแล้วเกิดการแบ็คไฟ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับรถที่ขาดการดูแลหรือไม่เปลี่ยนหัวเทียน บ่อยๆ จนทำให้เจ้าของรถเกิดการไม่กล้าแซง ไม่กล้าเร่งแรงๆ และต้องขับรถแบบเกร็งๆ
-ระบบหัวฉีด ต้องหมั่นจูนแก็สบ่อยๆ เพราะการสึกหรอของบ่าวาล์ว มีมากกว่ารถที่ใช้น้ำมัน ดังนั้นถ้าระยะวาล์วเปลี่ยน ก็ต้องมาปรับการจ่ายแก็สใหม่ ไม่งั้นจะเกิดอาการแก็สท่วม หรือ แก็สบางได้
-แก็ส 1 ถัง เติมบ่อยกว่าน้ำมัน 1 ถัง เช่น แจ็ส ถ้าคุณเติมน้ำมัน 1 ถัง สามารถวิ่งไป-กลับ หัวหินได้ .....แต่แก็ส 1 ถัง จะวิ่งไปกลับหัวหินไม่พอ
-วิ่งๆระบบแก็สมีปัญหา เช่น ถ้าวิ่งยาวๆ หลายๆร้อยกิโล หัวฉีดแก็สตาย แรงดันแก็สใสถังลดลงเรื่อยๆ แต่หม้อต้มไม่ปรับแรงดัน ทำให้รถ ไม่มีแรงวิ่งในบางจังหวะ จะทำให้ สดุด กระตุก หรือเร่งไม่ขึ้น


ทั้งหมดนี้ เป็นประสบการที่ผมเคยใช้รถแก็สมาเล่าให้อ่านครับ สิ่งที่ได้จากการติดแก็ส คือประหยัดเงิน แต่สิ่งที่เสียไปคือ ความไม่มั่นใจในการใช้รถ ไม่กล้าเร่ง ไม่กล้าแซง ถ้ารถมีอาการแปลกๆ ก็ตกใจ กังวล เครียด ไม่รู้จะแกยังไง โทรหาร้าน ร้านก็บอกไม่ถูก ต้องเอารถมาให้ดู ยิ่งเป็นระบบหัวฉีดด้วย จูนเองไม่ได้ต้องเข้าร้านอย่างเดียว

ยิ่งเป็นรถใหม่ป้ายแดง เครื่องยนต์มีปัญหา เข้าศูนย์ ... ศูนย์ก็โทษร้านแก็ส ... ไปหาร้านแก็ส แก็สก็บอกปรกติ ไปโทษศูนย์ โยนกันไปโยนกันมา (ซึ่งอันนี้เจอกันเยอะครับ) ดังนั้น ใช้แก็ส ต้องดูแลรถเองเป็นครับ แก้อาการเบื่องต้นได้ รู้จักเช็คน้ำเช็คไฟ ช่างสังเกตุ แยกแยะเสียงที่ผิดปรกติได้ และจับอาการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระหว่างใช้แก็ส และน้ำมันได้ดี .....

ขอเล่าเท่านี้ครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการ ตอนนี้ผมเอง รถ หลายๆคันที่ใช้อยู่ ใช้น้ำมันหมดครับเลิกใช้แก็สแล้ว กัดฟันหาเงินมาจ่ายเอา แลกกับความสบายใจในการขับและการเดินทางไกลครับ 

ออฟไลน์ power2002

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 689
  • ประหยัดได้ด้วยเท้าตัวเอง!
การติดแก็ส มันมีข้อดีและข้อเสียของมันครับ ผมคนนึงที่เคยใช้แก็สมา ร่วม 4 ปี และสุดท้ายเลิกใช้เปลี่ยนรถใหม่ใช้น้ำมันครับ ถามว่า ทำไม ??

รถแก็สประหยัดจริงครับ ผมใช้มา มีปัญหาแบบหนักๆน้อยมากๆ หรือแทบไม่มีเลย ใช้ดีวิ่งยาวๆมาร่วมแสนโล แต่ สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ Happy คือ

-ถ้าวันนึงคุณสต๊าดรถแล้วรถสดุด รถไม่มีแรงวิ่ง เร่งแซงไม่ทันใจ ซึ่งเกิดขึ้นกับรถที่ติดแก็สเท่านั้น ถามว่า คุณ OK ไหม
-ในบางจังหวะ คิกดาว์เพื่อเร่งแซงแล้วเกิดการแบ็คไฟ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับรถที่ขาดการดูแลหรือไม่เปลี่ยนหัวเทียน บ่อยๆ จนทำให้เจ้าของรถเกิดการไม่กล้าแซง ไม่กล้าเร่งแรงๆ และต้องขับรถแบบเกร็งๆ
-ระบบหัวฉีด ต้องหมั่นจูนแก็สบ่อยๆ เพราะการสึกหรอของบ่าวาล์ว มีมากกว่ารถที่ใช้น้ำมัน ดังนั้นถ้าระยะวาล์วเปลี่ยน ก็ต้องมาปรับการจ่ายแก็สใหม่ ไม่งั้นจะเกิดอาการแก็สท่วม หรือ แก็สบางได้
-แก็ส 1 ถัง เติมบ่อยกว่าน้ำมัน 1 ถัง เช่น แจ็ส ถ้าคุณเติมน้ำมัน 1 ถัง สามารถวิ่งไป-กลับ หัวหินได้ .....แต่แก็ส 1 ถัง จะวิ่งไปกลับหัวหินไม่พอ
-วิ่งๆระบบแก็สมีปัญหา เช่น ถ้าวิ่งยาวๆ หลายๆร้อยกิโล หัวฉีดแก็สตาย แรงดันแก็สใสถังลดลงเรื่อยๆ แต่หม้อต้มไม่ปรับแรงดัน ทำให้รถ ไม่มีแรงวิ่งในบางจังหวะ จะทำให้ สดุด กระตุก หรือเร่งไม่ขึ้น


ทั้งหมดนี้ เป็นประสบการที่ผมเคยใช้รถแก็สมาเล่าให้อ่านครับ สิ่งที่ได้จากการติดแก็ส คือประหยัดเงิน แต่สิ่งที่เสียไปคือ ความไม่มั่นใจในการใช้รถ ไม่กล้าเร่ง ไม่กล้าแซง ถ้ารถมีอาการแปลกๆ ก็ตกใจ กังวล เครียด ไม่รู้จะแกยังไง โทรหาร้าน ร้านก็บอกไม่ถูก ต้องเอารถมาให้ดู ยิ่งเป็นระบบหัวฉีดด้วย จูนเองไม่ได้ต้องเข้าร้านอย่างเดียว

ยิ่งเป็นรถใหม่ป้ายแดง เครื่องยนต์มีปัญหา เข้าศูนย์ ... ศูนย์ก็โทษร้านแก็ส ... ไปหาร้านแก็ส แก็สก็บอกปรกติ ไปโทษศูนย์ โยนกันไปโยนกันมา (ซึ่งอันนี้เจอกันเยอะครับ) ดังนั้น ใช้แก็ส ต้องดูแลรถเองเป็นครับ แก้อาการเบื่องต้นได้ รู้จักเช็คน้ำเช็คไฟ ช่างสังเกตุ แยกแยะเสียงที่ผิดปรกติได้ และจับอาการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระหว่างใช้แก็ส และน้ำมันได้ดี .....

ขอเล่าเท่านี้ครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการ ตอนนี้ผมเอง รถ หลายๆคันที่ใช้อยู่ ใช้น้ำมันหมดครับเลิกใช้แก็สแล้ว กัดฟันหาเงินมาจ่ายเอา แลกกับความสบายใจในการขับและการเดินทางไกลครับ 

เสียใจด้วยจริงๆ ครับที่ต้องประสบกับสิ่งเหล่านี้   
ผมว่าคงติดมากับอู่ที่ขาดความชำนาญมากกว่าครับ  ;)

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
การติดแก็ส มันมีข้อดีและข้อเสียของมันครับ ผมคนนึงที่เคยใช้แก็สมา ร่วม 4 ปี และสุดท้ายเลิกใช้เปลี่ยนรถใหม่ใช้น้ำมันครับ ถามว่า ทำไม ??

รถแก็สประหยัดจริงครับ ผมใช้มา มีปัญหาแบบหนักๆน้อยมากๆ หรือแทบไม่มีเลย ใช้ดีวิ่งยาวๆมาร่วมแสนโล แต่ สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ Happy คือ

-ถ้าวันนึงคุณสต๊าดรถแล้วรถสดุด รถไม่มีแรงวิ่ง เร่งแซงไม่ทันใจ ซึ่งเกิดขึ้นกับรถที่ติดแก็สเท่านั้น ถามว่า คุณ OK ไหม
-ในบางจังหวะ คิกดาว์เพื่อเร่งแซงแล้วเกิดการแบ็คไฟ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับรถที่ขาดการดูแลหรือไม่เปลี่ยนหัวเทียน บ่อยๆ จนทำให้เจ้าของรถเกิดการไม่กล้าแซง ไม่กล้าเร่งแรงๆ และต้องขับรถแบบเกร็งๆ
-ระบบหัวฉีด ต้องหมั่นจูนแก็สบ่อยๆ เพราะการสึกหรอของบ่าวาล์ว มีมากกว่ารถที่ใช้น้ำมัน ดังนั้นถ้าระยะวาล์วเปลี่ยน ก็ต้องมาปรับการจ่ายแก็สใหม่ ไม่งั้นจะเกิดอาการแก็สท่วม หรือ แก็สบางได้
-แก็ส 1 ถัง เติมบ่อยกว่าน้ำมัน 1 ถัง เช่น แจ็ส ถ้าคุณเติมน้ำมัน 1 ถัง สามารถวิ่งไป-กลับ หัวหินได้ .....แต่แก็ส 1 ถัง จะวิ่งไปกลับหัวหินไม่พอ
-วิ่งๆระบบแก็สมีปัญหา เช่น ถ้าวิ่งยาวๆ หลายๆร้อยกิโล หัวฉีดแก็สตาย แรงดันแก็สใสถังลดลงเรื่อยๆ แต่หม้อต้มไม่ปรับแรงดัน ทำให้รถ ไม่มีแรงวิ่งในบางจังหวะ จะทำให้ สดุด กระตุก หรือเร่งไม่ขึ้น


ทั้งหมดนี้ เป็นประสบการที่ผมเคยใช้รถแก็สมาเล่าให้อ่านครับ สิ่งที่ได้จากการติดแก็ส คือประหยัดเงิน แต่สิ่งที่เสียไปคือ ความไม่มั่นใจในการใช้รถ ไม่กล้าเร่ง ไม่กล้าแซง ถ้ารถมีอาการแปลกๆ ก็ตกใจ กังวล เครียด ไม่รู้จะแกยังไง โทรหาร้าน ร้านก็บอกไม่ถูก ต้องเอารถมาให้ดู ยิ่งเป็นระบบหัวฉีดด้วย จูนเองไม่ได้ต้องเข้าร้านอย่างเดียว

ยิ่งเป็นรถใหม่ป้ายแดง เครื่องยนต์มีปัญหา เข้าศูนย์ ... ศูนย์ก็โทษร้านแก็ส ... ไปหาร้านแก็ส แก็สก็บอกปรกติ ไปโทษศูนย์ โยนกันไปโยนกันมา (ซึ่งอันนี้เจอกันเยอะครับ) ดังนั้น ใช้แก็ส ต้องดูแลรถเองเป็นครับ แก้อาการเบื่องต้นได้ รู้จักเช็คน้ำเช็คไฟ ช่างสังเกตุ แยกแยะเสียงที่ผิดปรกติได้ และจับอาการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระหว่างใช้แก็ส และน้ำมันได้ดี .....

ขอเล่าเท่านี้ครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการ ตอนนี้ผมเอง รถ หลายๆคันที่ใช้อยู่ ใช้น้ำมันหมดครับเลิกใช้แก็สแล้ว กัดฟันหาเงินมาจ่ายเอา แลกกับความสบายใจในการขับและการเดินทางไกลครับ 

เสียใจด้วยจริงๆ ครับที่ต้องประสบกับสิ่งเหล่านี้   
ผมว่าคงติดมากับอู่ที่ขาดความชำนาญมากกว่าครับ  ;)

ผมไม่ได้โทษร้านนะครับ จากที่ผมเล่า ผมพยายามจะบอกว่า ความคลาดเคลื่อน จากการสึกหรอของเครื่องยนต์ ความคลาดเคลื่อนของระบบแก็สเอง ที่เมื่อใช้ไปนานๆ วิ่งแค่ 2-3หมื่นโล ทุกอย่างก็ดีครับราบลื่น แต่พอมันวิงไปสัก 6-7หมื่นโล ความสึกหรอของหัวฉีดแก็ส ความเสื่อมสภาพของหม้อต้ม ที่ตอบสนองไม่ทันเท้าเหมือนตอนใหม่ๆ มันจะสร้างปัญหาให้ ถึงบอกว่าต้องหมั่นสังเกตุเสียง อาการของเครื่องเป็นสำคัญครับ

ออกตัวก่อนผมไม่ได้คัดค้านว่าการติดแก็สไม่ดีนะ ...มันดีทีเดียวแหละ แต่จะจุกจิกบ้างก็บอกไว้เพื่อให้ระวังครับ

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ...การใช้งานยังไงการสึกหรอก็ไม่เหมือนน้ำมันครับ
ต้องหมั่นดูแลมากกว่ารถใช้น้ำมันและคอยสังเกตการใช้งานตลอดครับ
ผมก็อยากเติมน้ำมันครับ...แต่มันหาเงินมาเติมไม่ทันนี่สิครับ
จะออกไปไหนทีคิดแล้วคิดอีก :-\
การติดแก็ส มันมีข้อดีและข้อเสียของมันครับ ผมคนนึงที่เคยใช้แก็สมา ร่วม 4 ปี และสุดท้ายเลิกใช้เปลี่ยนรถใหม่ใช้น้ำมันครับ ถามว่า ทำไม ??

รถแก็สประหยัดจริงครับ ผมใช้มา มีปัญหาแบบหนักๆน้อยมากๆ หรือแทบไม่มีเลย ใช้ดีวิ่งยาวๆมาร่วมแสนโล แต่ สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ Happy คือ

-ถ้าวันนึงคุณสต๊าดรถแล้วรถสดุด รถไม่มีแรงวิ่ง เร่งแซงไม่ทันใจ ซึ่งเกิดขึ้นกับรถที่ติดแก็สเท่านั้น ถามว่า คุณ OK ไหม
-ในบางจังหวะ คิกดาว์เพื่อเร่งแซงแล้วเกิดการแบ็คไฟ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับรถที่ขาดการดูแลหรือไม่เปลี่ยนหัวเทียน บ่อยๆ จนทำให้เจ้าของรถเกิดการไม่กล้าแซง ไม่กล้าเร่งแรงๆ และต้องขับรถแบบเกร็งๆ
-ระบบหัวฉีด ต้องหมั่นจูนแก็สบ่อยๆ เพราะการสึกหรอของบ่าวาล์ว มีมากกว่ารถที่ใช้น้ำมัน ดังนั้นถ้าระยะวาล์วเปลี่ยน ก็ต้องมาปรับการจ่ายแก็สใหม่ ไม่งั้นจะเกิดอาการแก็สท่วม หรือ แก็สบางได้
-แก็ส 1 ถัง เติมบ่อยกว่าน้ำมัน 1 ถัง เช่น แจ็ส ถ้าคุณเติมน้ำมัน 1 ถัง สามารถวิ่งไป-กลับ หัวหินได้ .....แต่แก็ส 1 ถัง จะวิ่งไปกลับหัวหินไม่พอ
-วิ่งๆระบบแก็สมีปัญหา เช่น ถ้าวิ่งยาวๆ หลายๆร้อยกิโล หัวฉีดแก็สตาย แรงดันแก็สใสถังลดลงเรื่อยๆ แต่หม้อต้มไม่ปรับแรงดัน ทำให้รถ ไม่มีแรงวิ่งในบางจังหวะ จะทำให้ สดุด กระตุก หรือเร่งไม่ขึ้น


ทั้งหมดนี้ เป็นประสบการที่ผมเคยใช้รถแก็สมาเล่าให้อ่านครับ สิ่งที่ได้จากการติดแก็ส คือประหยัดเงิน แต่สิ่งที่เสียไปคือ ความไม่มั่นใจในการใช้รถ ไม่กล้าเร่ง ไม่กล้าแซง ถ้ารถมีอาการแปลกๆ ก็ตกใจ กังวล เครียด ไม่รู้จะแกยังไง โทรหาร้าน ร้านก็บอกไม่ถูก ต้องเอารถมาให้ดู ยิ่งเป็นระบบหัวฉีดด้วย จูนเองไม่ได้ต้องเข้าร้านอย่างเดียว

ยิ่งเป็นรถใหม่ป้ายแดง เครื่องยนต์มีปัญหา เข้าศูนย์ ... ศูนย์ก็โทษร้านแก็ส ... ไปหาร้านแก็ส แก็สก็บอกปรกติ ไปโทษศูนย์ โยนกันไปโยนกันมา (ซึ่งอันนี้เจอกันเยอะครับ) ดังนั้น ใช้แก็ส ต้องดูแลรถเองเป็นครับ แก้อาการเบื่องต้นได้ รู้จักเช็คน้ำเช็คไฟ ช่างสังเกตุ แยกแยะเสียงที่ผิดปรกติได้ และจับอาการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระหว่างใช้แก็ส และน้ำมันได้ดี .....

ขอเล่าเท่านี้ครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการ ตอนนี้ผมเอง รถ หลายๆคันที่ใช้อยู่ ใช้น้ำมันหมดครับเลิกใช้แก็สแล้ว กัดฟันหาเงินมาจ่ายเอา แลกกับความสบายใจในการขับและการเดินทางไกลครับ 

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ผมไม่เจอปัญหาแบบที่คุณ apnui บอกมานะครับ ผมใช้มาสด้า2

- ถังแก๊สแคปซูล58ลิตร เติมเต็ม วิ่งได้ไกลกว่าเติมน้ำมันอีกครับ
- เรื่องการจูน ยิ่งไม่มีปัญหา เพราะอู่ผมเขาเช็คให้ฟรีทุกหมื่นกิโล ตลอดอายุการใช้งานอยู่แล้ว และก็สอบถามตลอด ว่ารถเริ่มผิดสังเกตุอะไรเล็กน้อยไหม


ผมว่าปัญหาที่คุณ apnui เจอ มาจากร้านแก๊สไม่ใส่ใจมากกว่าครับ
ถ้าผมเป็นคุณ apnui ผมก็คงเจอปัญหาเดียวกัน  เพราะผมก็ขี้เกียจไปยุ่งอะไรกับมันบ่อยๆ  แต่พอดีของผมมันเป็นมาตรการของอู่ ผมก็เลยสบายใจไปครับ ยังไงมันต้องเข้าศูนย์มาสด้า ทุกหมื่นกิโลอยู่แล้ว (ผมติ ดแก๊สตอน800กิโล ก็เลยเข้ามันพร้อมๆกันเลย)

เลือกอู่ที่ใส่ใจ  แล้วเราก็ใส่ใจด้วย ผมว่าปัญหาเหล่านี้ ไม่น่าห่วงครับ  อยากให้ชัวร์ เปลี่ยนหัวเทียน ตั้งวาล์วบ่อยๆก็ได้  ยังไง ส่วนต่างของแก๊สกับน้ำมัน ก็เหลือเฟืออยู่ดี สำหรับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ครับ

ออฟไลน์ freefall

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 194
เทคโนโลยีแก๊ส ปัจจุบันพัฒนาไปเยอะครับ ไม่ค่อยน่ากลัว แต่ผู้ขับรถที่ติดแก๊ส

ต้องมีความใส่ใจในรถด้วย

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
ถ้าเรื่องติดแก็ส เครื่องโตโยต้า โดยเฉพาะอัลติส ผมเชื่อว่าเหนียวจริงครับ ปัญหาน้อยมากมาย หรือแทบไม่มีเลย

สุดท้าย ก็อาจจะเป็นที่หลายท่านว่า คือ ผมอาจเจอร้านไม่ดี หรือผมแก้ปัญหาเองไม่เป็น

ยังไงก็ขอให้ราคา LPG อย่าปรับตัวขึ้นแล้วกัน ไม่งั้นเดียวติดมาไม่คุ้มครับ

ออฟไลน์ xex

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 87
ผมใช้วีออส2004 ติดแก๊สยี่ห้อนี้ (กล่องแก๊สกับรถมันคุยกันแแล้วปรับจูนเองอัตโนมัติตามน้ำมัน) แต่รุ่นเก่ากว่า  หม้อต้มสีอลูมิเนียม ใช้มา 4-5 ปี วิ่งวันละ60กม.  ตกเดือนละไม่เกิน 2 พันบาท  อารมณ์เหมือนย้อนไปอยู่ในยุคน้ำมัน91ลิตรละ 13-15 บาทเติมเต็มถัง ไม่เกิน 500บาท  แต่ตอนนี้ เครียดเลยครับ  กลัวคนแห่มาติดกันมาก ๆ  แล้วต้องนำเข้าแก๊สมากขึ้น เป็นเหตุให้รัฐอ้างขอขึ้นค่าแก๊ส  และรถติดแก๊สเหยียบพุ่งแซงแรงออกตัวนี่หมดเร็วมาก ๆ   แต่ถ้าขับเบา ๆ เหยียบปล่อย  ๆ ประหยัดจริง ๆ  ไม่รู้ว่ารถยี่ห้ออื่นติดแก๊สแล้วประหยัดอย่างนี้มั้ย  พวกเครื่อง 1.8 ในรถรุ่นใหม่ ๆ ติดแก๊สแล้วจะประหยัดอย่างนี้มั้ยนะ  ข้อมูลพวกนี้ไม่มีเลย  ไม่มีใครคิดทำกัน  ทั้ง ๆ ที่คนใช้กันเยอะมาก ๆ  แต่ก็ดีแล้วหละ อย่าให้ใครรู้เลย  ไม่งั้นเดี๋ยวต้องมาแย่งกันกินอีก

ออฟไลน์ menglovekai

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • อีเมล์
ชุดแก๊สรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้เจ๋งมากๆ + ฝีมือ ความชำนาญของผู้ติดตั้ง
อีกทั้ง เครื่องยนต์ จะไปเน้นแรงบิดมากกว่าแรงม้า รอบเครื่องยนต์ไม่สูง สบายๆครับ ใช้ยาวๆ

ปล. ถ้าน้ำมันราคาเท่า lpg ผมไม่ติดแก๊สแน่นอน  :)

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
ถ้าเหยียบเร็วๆ ผมว่ามันเปลืองขึ้นเพราะรอบมันสูง ยิ่งคลิกดาวน์บ่อยๆ ยิ่งเปลืองครับ
เหมือนเราใช้น้ำมัน  เรื่อยๆ นี่ประหยัด  แต่ถ้าวิ่งรอบสูงๆ ซดขึ้นทันตาเลย
ส่วนราคาแก๊สมีการปรับขึ้นอยู่แล้วครับ เขาวางมาตรการไว้หมดแล้ว
แต่ขึ้นสูงสุดคงไม่น่าเกิน 18 บาท :-\
ผมใช้วีออส2004 ติดแก๊สยี่ห้อนี้ (กล่องแก๊สกับรถมันคุยกันแแล้วปรับจูนเองอัตโนมัติตามน้ำมัน) แต่รุ่นเก่ากว่า  หม้อต้มสีอลูมิเนียม ใช้มา 4-5 ปี วิ่งวันละ60กม.  ตกเดือนละไม่เกิน 2 พันบาท  อารมณ์เหมือนย้อนไปอยู่ในยุคน้ำมัน91ลิตรละ 13-15 บาทเติมเต็มถัง ไม่เกิน 500บาท  แต่ตอนนี้ เครียดเลยครับ  กลัวคนแห่มาติดกันมาก ๆ  แล้วต้องนำเข้าแก๊สมากขึ้น เป็นเหตุให้รัฐอ้างขอขึ้นค่าแก๊ส  และรถติดแก๊สเหยียบพุ่งแซงแรงออกตัวนี่หมดเร็วมาก ๆ   แต่ถ้าขับเบา ๆ เหยียบปล่อย  ๆ ประหยัดจริง ๆ  ไม่รู้ว่ารถยี่ห้ออื่นติดแก๊สแล้วประหยัดอย่างนี้มั้ย  พวกเครื่อง 1.8 ในรถรุ่นใหม่ ๆ ติดแก๊สแล้วจะประหยัดอย่างนี้มั้ยนะ  ข้อมูลพวกนี้ไม่มีเลย  ไม่มีใครคิดทำกัน  ทั้ง ๆ ที่คนใช้กันเยอะมาก ๆ  แต่ก็ดีแล้วหละ อย่าให้ใครรู้เลย  ไม่งั้นเดี๋ยวต้องมาแย่งกันกินอีก

popdemonic

  • บุคคลทั่วไป
การติดแก็ส มันมีข้อดีและข้อเสียของมันครับ ผมคนนึงที่เคยใช้แก็สมา ร่วม 4 ปี และสุดท้ายเลิกใช้เปลี่ยนรถใหม่ใช้น้ำมันครับ ถามว่า ทำไม ??

รถแก็สประหยัดจริงครับ ผมใช้มา มีปัญหาแบบหนักๆน้อยมากๆ หรือแทบไม่มีเลย ใช้ดีวิ่งยาวๆมาร่วมแสนโล แต่ สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ Happy คือ

-ถ้าวันนึงคุณสต๊าดรถแล้วรถสดุด รถไม่มีแรงวิ่ง เร่งแซงไม่ทันใจ ซึ่งเกิดขึ้นกับรถที่ติดแก็สเท่านั้น ถามว่า คุณ OK ไหม

ตรงจุดนี้มันเกิดจากการซ่อมบำรุงครับ การใช้ระบบแก๊สสมมติว่าเกิดอาการดังกล่าวปุ้บ เราสามารถปรับกลับมาเป็นน้ำมัน
ประคองรถกลับมากรุงเทพได้ ในขณะที่หากเป็นรถที่ใช้น้ำมันอย่างเดียว เกิดปั๊มติ๊กเสียหาย จอดตายเลยครับไม่มีแก๊สให้มาสลับใช้


-ในบางจังหวะ คิกดาว์เพื่อเร่งแซงแล้วเกิดการแบ็คไฟ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับรถที่ขาดการดูแลหรือไม่เปลี่ยนหัวเทียน บ่อยๆ จนทำให้เจ้าของรถเกิดการไม่กล้าแซง ไม่กล้าเร่งแรงๆ และต้องขับรถแบบเกร็งๆ

ตรงจุดนี้ไม่ใช่ความผิดของระบบแก๊สครับ แต่เกิดจากการปรับจูนระบบแก๊สไม่ได้ส่วนผสมตามที่ต้องการ หรือการใช้หัวเทียนผิดเบอร์
หรือหัวเทียนหมดสภาพ อาการนี้มักจะเกิดกับระบบแก๊สที่เป็นระบบดูดครับ ระบบหัวฉีดยังไม่เคยเจออาการแบ็คออกมาให้เห็นครับ


-ระบบหัวฉีด ต้องหมั่นจูนแก็สบ่อยๆ เพราะการสึกหรอของบ่าวาล์ว มีมากกว่ารถที่ใช้น้ำมัน ดังนั้นถ้าระยะวาล์วเปลี่ยน ก็ต้องมาปรับการจ่ายแก็สใหม่ ไม่งั้นจะเกิดอาการแก็สท่วม หรือ แก็สบางได้

ไม่มีความจำเป็นต้องหมั่นจูนแก๊สบ่อยครับ เพราะระบบหัวฉีดแก๊สก็ใช้สัญญาณการจ่ายแก๊สมาจากหัวฉีดน้ำมันครับ ใช้วัดส่วนผสมa/f
เหมือนน้ำมันปกติทั่วไป ส่วนเรื่องของบ่าวาล์วสึกอันนี้เป็นปกติเพราะแก๊สจะแห้งกว่าน้ำมันแต่พึงระลึกไว้เสมอว่า ในระบบเครื่องยนต์มีระบบCrankcase vemtilation นำเอาไอน้ำมันเข้ามาเผาไหม้อีกทีเพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องบ่าวาล์วแห้งแล้วสึกหรอเร็วขนาดนั้น ที่บ้านผมรถคันนึงติดแก๊สระบบดูด
วิ่งมา225,000kms ปัจจุบันยังไม่เคยเปิดเครื่อง ไม่เคยเปลี่ยนประเก็นฝาสูบ แถมรถอายุ20ปีแล้วครับ


-แก็ส 1 ถัง เติมบ่อยกว่าน้ำมัน 1 ถัง เช่น แจ็ส ถ้าคุณเติมน้ำมัน 1 ถัง สามารถวิ่งไป-กลับ หัวหินได้ .....แต่แก็ส 1 ถัง จะวิ่งไปกลับหัวหินไม่พอ

เรื่องเติมแก๊สบ่อยขึ้นอีกครั้งหนึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องน่ากังวล สิ่งที่น่ากังวลคือหาที่เติมไม่ได้มากกว่า ซึ่งปัจจุบันมันขึ้นเป็นดอกเห็ด
เพราะฉะนั้นผมมองว่าอันนี้ไม่ใช่ปัญหาของผู้ใช้LPGในสภาวะปัจจุบัน


-วิ่งๆระบบแก็สมีปัญหา เช่น ถ้าวิ่งยาวๆ หลายๆร้อยกิโล หัวฉีดแก็สตาย แรงดันแก็สใสถังลดลงเรื่อยๆ แต่หม้อต้มไม่ปรับแรงดัน ทำให้รถ ไม่มีแรงวิ่งในบางจังหวะ จะทำให้ สดุด กระตุก หรือเร่งไม่ขึ้น

หากจะเกิดปัญหาอะไรแบบนี้จริงๆ สับสวิทช์ไปน้ำมันโลดครับ

ทั้งหมดนี้ เป็นประสบการที่ผมเคยใช้รถแก็สมาเล่าให้อ่านครับ สิ่งที่ได้จากการติดแก็ส คือประหยัดเงิน แต่สิ่งที่เสียไปคือ ความไม่มั่นใจในการใช้รถ ไม่กล้าเร่ง ไม่กล้าแซง ถ้ารถมีอาการแปลกๆ ก็ตกใจ กังวล เครียด ไม่รู้จะแกยังไง โทรหาร้าน ร้านก็บอกไม่ถูก ต้องเอารถมาให้ดู ยิ่งเป็นระบบหัวฉีดด้วย จูนเองไม่ได้ต้องเข้าร้านอย่างเดียว

ยิ่งเป็นรถใหม่ป้ายแดง เครื่องยนต์มีปัญหา เข้าศูนย์ ... ศูนย์ก็โทษร้านแก็ส ... ไปหาร้านแก็ส แก็สก็บอกปรกติ ไปโทษศูนย์ โยนกันไปโยนกันมา (ซึ่งอันนี้เจอกันเยอะครับ) ดังนั้น ใช้แก็ส ต้องดูแลรถเองเป็นครับ แก้อาการเบื่องต้นได้ รู้จักเช็คน้ำเช็คไฟ ช่างสังเกตุ แยกแยะเสียงที่ผิดปรกติได้ และจับอาการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระหว่างใช้แก็ส และน้ำมันได้ดี .....

ขอเล่าเท่านี้ครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการ ตอนนี้ผมเอง รถ หลายๆคันที่ใช้อยู่ ใช้น้ำมันหมดครับเลิกใช้แก็สแล้ว กัดฟันหาเงินมาจ่ายเอา แลกกับความสบายใจในการขับและการเดินทางไกลครับ  

จากที่อ่านข้อความของคุณApinui ปัญหาจริงๆไม่ได้เกิดจากตัวLPG แต่น่าจะเกิดจากการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐานส่งผลให้เกิดทัศนคติ
ที่ไม่ค่อยดีกับระบบLPGครับ จริงๆแล้วระบบน้ำมันเอง มันก็มีปัญหาได้เหมือนกับแก๊สนั่นแหละครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ เรกูเรเตอร์น้ำมัน หาก
เสียหาย โดยปกติไม่มีใครทราบแน่นอน หากพังขึ้นมาอาการสตาร์ทยากทันที เพราะกักแรงดันในรางหัวฉีดไม่อยู่ กรณีวิ่งไม่มีแรงหากใช้แก๊ส น้ำมันก็เกิขึ้นได้ครับ หากกรองเบนซินตัน อาการวิ่งแล้ววอดไงครับ กดคันเร่งเยอะรถหน้าทิ่ม ปั๊มน้ำมันเบนซิน หากเสียหาย โดยปุถุชนคนทั่วไปจะแก้ไขยังไงครับ
จะรื้อเปลี่ยนเอง ถ้าไม่มีความรู้ไม่กล้ายุ่งแน่ๆ เกิดรื้ออกมาขั้วแบตลืมปลดสายไฟช๊อตในถังน้ำมัน ลองจนิตนาการดูครับ ผมว่าน้ำมันฟังดูน่ากลัวกว่า
อีกเพราะมีสายไฟจุ่มอยู่ในถังน้ำมันครับ และยังมีอื่นๆอีกจิปาถะครับ รถผมเองมีทั้งใช้LPG และบางคันก็ไม่ได้ใช้LPG เพราะฉะนั้นผมจะตอบได้เลยว่า
โดยรวมข้อดีของLPG มันมีมากกว่าข้อเสีย เรื่องสำคัญคือเราประหยัดค่าใช้จ่าย รถผมเองทุกเดือนจ่ายค่าน้ำมันเท่ากับราคาIphone 5 16GB เดือนละเครื่อง ขนาดเติม E85 ผมเติมE85 เฉลี่ยวันละ600-800 บางวันผมเติมE85วันละ 1,000เกือบทุกวัน บอกตรงๆว่ารับไม่ไหวครับ ขนาดมาใช้รถก๊าซอีกคันผมใช้ก๊าซตกวันละ400-600บาท เลยทีเดียว อันนี้เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวนะครับ ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจด้วยที่มีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับแก๊สครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 06, 2013, 10:18:46 โดย popdemonic »