ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ  (อ่าน 38905 ครั้ง)

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 09:30:40 »
รถ JP มาตรฐานด้านความปลอดภัยต่ำ แต่ก็ต้นทุนต่ำข้อนี้ชัดเจน แต่ริเริ่มทำให้ได้วิ่งตามตามหลังเยอรมันได้อย่างไม่เก้อเขิน
เยอรมันก็มีแบรนด์ระดับกัน เช่น VW = TOYOTA แต่ระดับความภัยก็รองอยู่ดี

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 10:25:49 »
ต้องดูรถยุ่นที่ขายในยุโรป, เมกาครับ
อาจมีใครเปลี่ยนความคิด  ;)
รถยุ่นที่นู่นดีกว่าที่ขายในบ้านเราเยอะ ถึงหน้าตาจะเหมือนกัน
บางคันประกอบบ้านเราส่งออกไปขายด้วยซ้ำ
ผมเคยดูรายละเอียด Dmax, March etc.. ใน uk
Gosh!!!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2013, 10:28:08 โดย NONT4477 »
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ bonuss

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 28
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 11:06:10 »
เพื่อนๆที่บอกว่า ญี่ปุ่นเขาไม่เก่ง

ลืมกันไปรึเปล่าครับ

ว่า Toyota เคยช่วย Porsche จากการล้มละลาย ( ไม่งั้นคงไม่มี Cayman รถในฝันผมทุกวันนี้หรอกครับ  :'( )

ผมคิดว่า เขาเก่งกันคนละทางนะครับ

เยอรมัน เขาเก่งในการทำรถที่ดี

แต่ญี่ปุ่น เขาเก่งในการทำกำไรนะครับ

ถ้าให้เลือกซื้อหุ้น 2 บริษัทนี้ ผมคงไปพี่โตแน่นอน

ผมไม่ได้อวยรถญี่ปุ่นนะครับ ผมใช้ bmw ครับ

ออฟไลน์ Jeeple

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
    • อีเมล์
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 12:03:27 »
เก่งคนละด้าน แต่ภาพรวมเยอรมันยังเหนือกว่าอยู่ดี โดยเฉพาะ การออกแบบยังห่างกันหลายปีแสงนะในสายตาผมครับ^^

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 12:18:04 »
GTR ถูกพัฒนาโดยฝรั่งไม่ใช่หรือครับ

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 12:36:57 »
ในเชิงเทคนิคผมว่าไม่ต่าง แต่รถเยอรมันอาจยังมีความเป็นศิลป์มากกว่านิดหน่อย เพราะประสบการณ์ยาวนานกว่า

แต่ผมว่ารถญี่ปุ่นประโยชน์ใช้สอยดีกว่าครับ

ปล. GT-R เป็นรถญี่ปุ่นครับ อาจมีทีมงานฝรั่งบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นญี่ปุ่นอยู่ดีครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ paulmoderndog

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,783
    • อีเมล์
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 12:44:31 »
รบกวนอ่าน
Honda NSX มันเป็นรถยังไงครับ ทำไมราคาสูงจัง


http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,30140.0.html

แล้วแต่รุ่นนะครับ ผมว่า NSX,GTR,Alphard,Lexus LS ก็น่าจะสู้ได้นะครับ

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 12:47:28 »
GTR ถูกพัฒนาโดยฝรั่งไม่ใช่หรือครับ
หัวหน้าทีมโครงการคือวิศวกรชาวญี่ปุ่นครับ Kazutoshi Mitzuno
แต่ผมดู Developement team ของ GTR ในคลิปของ BMI ไม่เห็นฝรั่งในทีม R&Dสักคน
(หรือไม่ได้ถ่ายมา)
ยกเว้น Carlos Ghosn กับพวกผู้บริหารตอนที่มาลองนั่ง

แก้ไข
เจอฝรั่งแล้วครับ 1 คน มุมขวาล่าง  ;D

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2013, 12:58:27 โดย NONT4477 »
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 12:52:09 »
รถยี่ปุ่นอ่ะทำให้ดีก็ทำได้ครับเป็นเรื่องง่ายดาย แต่เรื่องใหญ่สำหรับเค้าคือทำแล้ว ราคาจะอยู่ประมาณไหน จะขายได้รึเปล่า นั่นล่ะคือปัญหา สมมุตินะครับ ถ้า รถยี่ปุ่นแบรนด์นึงทำออกมาได้สวยและการขับขี่ดี เท่าๆรถยุโรปเลย แล้วเอามาขายในราคาเท่ากัน ถามเลยว่าลูกค้าจะซื้อใคร ก็ง่ายๆเหมือนเล็กซัสนั่นแหละครับ ตั้งราคามาซะ เราๆก่นด่าเช้าเย็น ทั้งๆที่รถก็ไม่ด้แย่เลยนะครับ สวย+การขับขี่ก็ไม่ได้เป็นรองยุโรปเลย แต่พอเอามาเทียบกันคนส่วนใหญ่ก็ซื้อรถยุโรป ผมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ ผู้ผลิต แต่อยู่ที่ผู้บริโภค มากกว่าว่าส่วนใหญ่คิดยังไง เพราะผมก็ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่า รถยี่ปุ่นต้องราคาถูก ซ่อมง่าย ทนทาน เรื่องยังงี๊มันลบกันยากครับ สำหรับคำว่า แบรนด์ดิ้ง

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 12:57:17 »
ที่ยุโรปเค้าใช้แบรนด์ ACURA INFINITY ครับ คุณภาพ ออปชั่นพอๆกับ Series3 C-Class ราคาก็พอๆกันครับ

ไม่ใช่สู้ไม่ได้นะครับ แต่ตลาดเมืองไทยถ้าทำแบบยุโรป ก็เจ็งสิครับ รถราคา 2-3 ล้าน คนจะซื้อได้ในประเทศมีกี่คนครับ

แต่อย่างนึงที่ไม่ว่าจะเยอรมันหรือประเทศไทย คือรถยุโรปค่าซ่อมบำรุงถูกสู้รถญี่ปุ่นไม่ได้ครับ ระบบไฟฟ้าของญี่ปุ่นี้ทนและรวนน้อยมากกว่าระบบไฟฟ้าของเยอรมันเยอะมากครับ

ลูกค้าผมใช้ M3 M5 RS4 สุดท้ายเปลี่ยนมาใช้ GTR FL-A แล้วมันบอกขับสนุกได้ไม่ต่างกันครับ

ผมไม่ได้อวยรถญี่ปุ่น เพราะผมก็ใช้รถยุโรปมาตลอด จนตอนหลังได้มาเปิดใจใช้ Prius กับ Fortuner แล้ว E60 กับ E39 ผมจอดไว้บ้านไม่ได้ขยับมา 2 เดือนแล้วครับ ใช้รถญี่ปุ่นนี่มันสบายใจจริงๆครับ

ออฟไลน์ Mr.P

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 93
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 13:36:54 »
ใครที่บอกเรื่องราคา อาจจะต้องกลับไปคิดใหม่นะครับ
เพราะภาษีของรถแต่ละประเทศคิดไม่เท่ากัน

ที่เยอรมันเอง รถ MB,BMW,VW,Audi มีราคาที่ขายในประเทศเป็นอย่างไร เมื่อคิดเป็นเงินไทย
ที่ญี่ปุ่นเอง รถ Toyota,Honda,ฯลฯ มีราคาที่ขายในประเทศเป็นอย่างไร เมื่อคิดเป็นเงินไทย

แล้วเอามาคำนวณดู จะทราบว่า ราคาไม่ได้ต่างกัน เป็น 3 เท่า อย่างที่ปรากฏในไทย


ต้องยอมรับเยอรมันจริงๆ ในเรื่องฝีมือด้านยานยนต์ ซึ่งก็ไม่ใช่ญาติฝ่ายใดของผมทั้งสิ้น

แต่โดยจิตวิทยา ใครใช้รถอะไร ก็มักจะเชียร์แต่รถที่ตนเองใช้เป็นธรรมดา

ทีเดียวรู้เรื่องเลยครับ
คห.ก่อนหน้านี้ เงิบเลย 555+

ออฟไลน์ 12ay13an

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 278
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 13:54:11 »
ราคารถเยอรมันที่ขายในเยอรมัน ราคาเมื่อคิดเป็นเงินไทยนั้นไม่ได้สูงแบบบ้านเรานะครับ ของเราโดนภาษีเยอะเลยแพง รถแท็กซี่ของประเทศแทบยุโรปส่วนมากจะเป็น E-Class กับ 5 Series นะครับ เหมือนบ้านเราไงที่เป็น Altis ;D

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 14:33:14 »
ถ้าเรื่องเทคโนโลยีทุกอย่างมีการแรกเปลื่ยนกันตลอดครับไม่ใช่ว่ารถญี่ปุ่นก็ต้องใช้แค่เทคโนโลยีของญี่ปุ่น
ยุโรปเองก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ของยุโรปอย่างดียวแต่แนวคิดในการสร้างสิ่งต่างๆให้ความสำคัญและจับตลาดคนละกลุ่มกันซะส่วนใหญ่
ญุี่ปุ่นแมสกว่าชัดเจนแต่แบรนด์ที่เทียบเท่าเห็นภาพสุดก็ไม่พ้น Lexus ต้องบอกว่าลองใช้ดูครับเห็นหลายคนแล้วประมาณว่าราคานี้ไปยุโรปดีกว่า
พอมาลองใช้กันจริงก็เห็นติดใจกันหลายคนที่ไม่ถูกใจก็มีบ้างแต่จากที่เจอน้อยกว่าครับตอนนี้ Lexus นำเข้าทั้งหมดราคารถศูนย์ก็ตั้งราคามากเกินกว่าคู่แข่งไปมาก
หลังจากนี้พอโรงงานในไทยเสร็จราคาจำได้ในระดับเดียวกะคู่แข่งทางยุโรปมากขึ้น
สำหรับผมมีดีๆพอๆกันทั้งยุโรปญี่ปุ่นแล้วแต่ว่าเราให้น้ำหนักความสำคัญกะเรื่องไหนมากกว่า
ลองดูสารคดีสร้าง Lexus LFA ดูครับหลายอย่างเป็นการปฎิวัติการใช้วัสดุยานยนต์ในยุคหน้า
อีกเรื่องก็ bugatti veyron ทั้งสองเรื่องดูแล้วผมว่าจะมองกันเป็นกลางมากขึ้นว่าทั้งสองโซน
ของโลกล้วนทำได้ดีทั้งคู่มีความเด่นและแนวคิดตั้งแต่ต้นคนละทิศทางสุดท้ายเป็นเรื่องของแนวคิดที่ต่างกัน

ยุโรปวิทยาการหลายอย่างเริ่มก่อนแต่ก็ต้องนับถือญี่ปุ่นเหมือนกันเริ่มจากการลอกเลียนแบบและการต่อยอดในขณะที่ตัวเองแพ้สงครามมาได้ไกลขนาดนี้ก็ถือว่ามาได้ไกลเช่นกัน

อย่างที่โตโยต้าแรกเทคโนโลยี Hybrid กะ Diesel ของ BMW
จริงอยู่ที่เยอรมันคิดค้นและออกแบบเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีหลายๆอย่าง
แต่การต่อยอดญี่ปุ่นทำได้ดีโดยเฉพาะเรื่องของอิเล็กทรอนิก
วิทยาการทางการแพทย์ในยุคหน้าญี่ปุ่นก็แสดงศักยภาพได้ดีเช่นสร้างเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเทียม

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 15:37:05 »
ผมมองว่า ญี่ปุ่นนำยุโรปไปแล้วด้วยซ้ำในหลายเรื่อง. ความทนทาน. Hybrid
สมรรถนะ ก็เทียบเท่าแล้ว

ตัวอย่างก็ NSX  ที่ฝรั่งยังยกนิัวให้ ..... (ทำเวลาได้ดีไม่แพ้เฟอ. แต่ก็ไม่แข็งกระด้าง)

ราคาเป็นปัจจัยหลักนั่นละครับ.
ถ้าเค้าจะทำ. ก็ทำได้. ในเมืองนอกก็เป็นบทพิสูจน์แล้ว. ว่า Lexus ไม่ได้แพ้ BMW Mercedes Audi เลย

ผมว่าอะไรๆ มันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว.  แต่ค่านิยมเก่าๆ. มันฝังมากกว่า

เหมือนที่บ้านผมน่ะละ. ก็พูดแต่นิสสันร่อน. แข็งกระด้าง. ทั้งที่เค้าไม่เคยนั่ง Teana ก็อคติซะก่อน
นิสสันรุ่นสุดท้ายที่เค้านั่งน่าจะ Big M มั้ง.  เอากระบะเทียบกับ. เก๋ง. ไม่ไหวๆ

ออฟไลน์ applebees

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 750
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 16:11:09 »
ถ้าเรื่องเทคโนโลยีทุกอย่างมีการแรกเปลื่ยนกันตลอดครับไม่ใช่ว่ารถญี่ปุ่นก็ต้องใช้แค่เทคโนโลยีของญี่ปุ่น
ยุโรปเองก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ของยุโรปอย่างดียวแต่แนวคิดในการสร้างสิ่งต่างๆให้ความสำคัญและจับตลาดคนละกลุ่มกันซะส่วนใหญ่
ญุี่ปุ่นแมสกว่าชัดเจนแต่แบรนด์ที่เทียบเท่าเห็นภาพสุดก็ไม่พ้น Lexus ต้องบอกว่าลองใช้ดูครับเห็นหลายคนแล้วประมาณว่าราคานี้ไปยุโรปดีกว่า
พอมาลองใช้กันจริงก็เห็นติดใจกันหลายคนที่ไม่ถูกใจก็มีบ้างแต่จากที่เจอน้อยกว่าครับตอนนี้ Lexus นำเข้าทั้งหมดราคารถศูนย์ก็ตั้งราคามากเกินกว่าคู่แข่งไปมาก
หลังจากนี้พอโรงงานในไทยเสร็จราคาจำได้ในระดับเดียวกะคู่แข่งทางยุโรปมากขึ้น
สำหรับผมมีดีๆพอๆกันทั้งยุโรปญี่ปุ่นแล้วแต่ว่าเราให้น้ำหนักความสำคัญกะเรื่องไหนมากกว่า
ลองดูสารคดีสร้าง Lexus LFA ดูครับหลายอย่างเป็นการปฎิวัติการใช้วัสดุยานยนต์ในยุคหน้า
อีกเรื่องก็ bugatti veyron ทั้งสองเรื่องดูแล้วผมว่าจะมองกันเป็นกลางมากขึ้นว่าทั้งสองโซน
ของโลกล้วนทำได้ดีทั้งคู่มีความเด่นและแนวคิดตั้งแต่ต้นคนละทิศทางสุดท้ายเป็นเรื่องของแนวคิดที่ต่างกัน

ยุโรปวิทยาการหลายอย่างเริ่มก่อนแต่ก็ต้องนับถือญี่ปุ่นเหมือนกันเริ่มจากการลอกเลียนแบบและการต่อยอดในขณะที่ตัวเองแพ้สงครามมาได้ไกลขนาดนี้ก็ถือว่ามาได้ไกลเช่นกัน

อย่างที่โตโยต้าแรกเทคโนโลยี Hybrid กะ Diesel ของ BMW
จริงอยู่ที่เยอรมันคิดค้นและออกแบบเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีหลายๆอย่าง
แต่การต่อยอดญี่ปุ่นทำได้ดีโดยเฉพาะเรื่องของอิเล็กทรอนิก
วิทยาการทางการแพทย์ในยุคหน้าญี่ปุ่นก็แสดงศักยภาพได้ดีเช่นสร้างเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเทียม


โรงงานของ Toyota ที่กำลังจะขึ้นใหม่อีกโรงน่ะหรือครับ???

ถ้า Lexus ขายในไทย ประกอบไทย น่าสนนะครับ อยากเห็นว่าราคาจะเป็นอย่างไร แล้วอีกอย่างอยากเห็นตัวรถว่าจะทำออกมาแข็งแค่ไหนครับ

ถ้าราคาไล่ๆรถยุโรปบ้านเรานะ ผมว่าคราวนี้ล่ะ สนุกแน่ๆ ผู้บริหารเลิกใช้ Camry Volvo ไปใช้ Lexus กันละ ^^

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #75 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 16:20:19 »
ช่วงสงกรานต์ ไปเที่ยวญี่ปุ่นมา ก็ได้สังเกตุ รถที่วิ่งตามถนนมาครับ

จากที่สังเกตุตามถนน รถในญี่ปุ่น จะเป็นแบบนี้ครับ

มีตั้งแต่ เล็กมากๆ อย่างพวก K-car ที่วิ่งกันเยอะที่สุด จนถึง
ใหญ่มากๆ อย่างพวก รถอเมริกัน อย่าง Chevy/Cadillac เครื่้อง 8 สูบ
รถอย่าง Crown, Celsior, Lexus LS ก็วิ่งกันเต็มบ้านเต็มเมือง
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ที่นั่น Toyota ก็เป็นเจ้าตลาดของรถทุกกลุ่มเช่นกันครับ โดยเฉพาะบรรดา Prius และ Crown จะเยอะที่สุด
คนที่นั่น ใช้รถกันแค่ประมาน 5 ปี มีรถเก่าบ้าง แต่น้อยกว่าเมืองไทย รถทุกคัน สภาพ โอเค ถึง ดีมาก ทั้งหมด
ไม่มีคันไหน ขับไป ทั้งๆที่ ท่อแตก เครื่องเสียงดัง หรือ ใช้ทั้งที่รถมันโทรมๆ

สรุป รถญี่ปุ่น อย่างพวก Toyota Honda Mazda เค้าไม่ใช่รถหรู เรื่องคุณภาพ จะให้มันดีเท่า Benz BMW Audi Volvo
ที่ราคาแพงกว่า ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ส่วนพวก Lexus Acura Infinity ก็ต้องเข้าใจว่า ฝั่งยุโรป เริ่มต้นทำรถหรูก่้อน ทำให้มีประสบการณ์มากกว่า

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #76 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 16:25:02 »
โรงงาน Lexus ในไทย ข่าววงในลือมาว่ามาขึ้นไลน์แต่รุ่น hybrid ที่มันแชร์อะไหล่รวมกับ toyota บางรุ่นได้น่ะแหละ พวกตัวใหญ่ๆประกอบญี่ปุ่นเหมือนเดิม

ออฟไลน์ beercs

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 313
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #77 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 16:51:07 »
คำว่าสู้ไม่ได้  มันต้องจงใจสู้แล้วแพ้ 
คิดว่าญี่ปุ่นเค้าไม่ได้จงใจสู้ในแนวทางรถเยอรมัน  เค้าก็ทำในแนวทางของเค้าไป
มีจุดแข็งของตัวเอง   

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #78 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 18:05:54 »
ตัดเรื่องการใช้งานระยะยาว ศูนย์บริการ อะไหล่ อู่ซ่อม ราคาขายต่อออก รถญี่ปุ่นเหลืออะไรให้ชนะรถยุโรปน้อยเต็มที
ผมคิดยังไงกับเรื่องรถญี่ปุ่น vs รถยุโรป? ถ้าไม่นับเรื่องที่กล่าวในบรรทัดบน? BestDrive บ่งบอกอยู่แล้วว่าผมคิดยังไง
และคนในทีม headlightmag คิดยังไง

ผมถึงมักบอก ว่าถ้าให้เอารถมาขับเล่นฟรีๆ ใครก็เลือกรถยุโรป (มองรถ mainstream นะ อย่ามัวแต่
มอง GTR, LF-A,NSX) แต่ถ้าต้องซื้อเอง ใช้เอง ใช้นาน 8-10 ปี โอกาสที่ผมจะซื้อรถยุโรปใช้ "โคตรน้อย"

การได้ลองรถมากๆทำให้ผมเห็นสัจธรรมอยู่อย่าง ในฝูงเป็ดอาจมีห่าน ในฝูงหงส์อาจมีเป็ด
เรื่องเดียวกันแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้เมื่อ..ญี่ปุ่นvsยุโรป คุณยกเป็ดอีกฟาร์มนึงมา อีกคนก็ชี้ห่านแล้วเอาหงส์มาข่มได้อยู่ดี

รถยุโรปวัสดุดี?
ที่เห็นด้วยตา ดูดีแน่นอน แต่อย่างอื่น ไม่รู้ รถยุโรปบางค่ายก็เป็นจ้าวแห่งการลดต้นทุนไม่ได้แพ้โตโยต้า
เพียงแต่เอาการลดต้นทุนไปไว้ในที่ที่ต้องรอกันไปชาติเศษถึงจะรู้ฤทธิ์ วัสดุดีนี่อาจจะเฉพาะที่ตาเห็นมือแตะบ่อยๆ
อย่างอื่น?ไม่รู้?!?

รถยุโรปช่วงล่างดี?
BMW เกือบทั้งหมดช่วงล่างวิ่งนิ่ง เข้าโค้งมั่น Mercedes บางรุ่นช่วงล่าง "ห่วย" บางรุ่น "ดีเลิศ"
Volvo รุ่นใหญ่ๆช่วงล่างขับไม่สนุก ส่วนรุ่นเล็กก็อยู่กลางๆระหว่าง BMWกับ Mercedes ส่วนญี่ปุ่น
LS460 วิ่งยิ่งเร็วยิ่งรู้ว่า 730Ld นิ่งกว่า ส่วน Honda นี่เมื่อไหร่จะทำช่วงล่างไม่เด้งเป็นก็ไม่รู้
Nissan ในตลาดบ้านๆ ถ้าขับมันส์ ก็แข็ง ถ้าไม่แข็ง ก็ไม่สนุก ส่วน Toyota ก็พอๆกัน มี Camry
ใหม่กับ Prius ใหม่ที่เป็น"ความหวังใหม่" ในขณะที่ Focus รุ่นที่แล้วกับรุ่นปัจจุบันไม่เคยต้องให้ด่าเรื่องนี้เลย
ส่วน WRX ตัว 2.5 ที่แล้วก็ยวบขับไม่สนุก ไม่คมแต่พอเป็น STi กลับนุ่มพอได้ ซิ่งก็ได้ ในขณะที่ MTM S3
แข็งสะเทือนหนึบ ส่วน VW GTi เอานุ่มเอาแข็งได้หมด

งงมั้ย ? ผมงง? แต่ให้จับประเด็นคือ จะเอารถอะไรมาถกกันล่ะ ว่าเป็นรุ่นๆไปดิ ถ้าเหมารวมหมด
ผมก็พูดได้แค่กว้างๆว่าญี่ปุ่นไม่ค่อยทำรถ(บ้าน)ที่ทั้งมั่นใจ ทั้งนุ่ม ทั้งสบาย ทั้งนิ่ง เกาะโค้ง
แม้กระทั่งในทุกวันนี้ 525d ก็วิ่งนิ่งกว่า GS250 โยนแล้วมั่นกว่า แต่ผมไม่แน่ใจหรอกว่า IS250 ตัวใหม่
จะแพ้ 320d


รถยุโรปปลอดภัยกว่า?
เรื่องความแข็งตัวถัง ไม่รู้ แต่ดูในตลาดบ้านๆ สังเกตได้ว่ารถยุโรปอย่างน้อยมีแทร็คชั่นคอนโทรลมา
มีระบบรักษาการทรงตัวมา ในรถที่ราคาไม่ต้องเกิน 1.2 ล้านก็ได้ บางคันราคาต่ำกว่าล้านก็มีมาให้
ในขณะที่ญี่ปุ่นนั้น รถบางคันตัวท้อปต่ำกว่าล้าน ไม่มีทั้งสองอย่าง และถ้าจะมีมาให้ก็ต้องซื้อรุ่นที่
ราคาเป็นล้านขึ้นไป

ถ้าไปพูดกันเรื่องรถราคาหลายๆล้าน เลิกพูดเหอะ ญี่ปุ่นก้าวตามยุโรปทันในไม่กี่ปีหรอก


ท้ายสุด
ผมมีความศรัทธาใน "การเซ็ทรถ" ของฝั่งยุโรปมากกว่า
- ใช้เกียร์คลัตช์คู่ ไม่ใช่ CVT
- เล่นกับเทอร์โบ มากกว่าเล่นความจุ
- พวงมาลัยไวกำลังดี น้ำหนักมีหน่วงมือดี
- ช่วงล่างที่ไม่เด้งเป็นลูกชิ้นปลานายใบ้ ไม่สะเทือนเกินไป

แต่ผมก็ชอบรถญี่ปุ่น ตรงฟีลลิ่งที่ว่าเราสามารถใช้มันไปสิบปีแล้วมันจะไม่พัง
ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่ประสบการณ์รถยุโรปกับรถญี่ปุ่นที่บ้านใช้มาตลอดตั้งแต่ผมเกิด
ผมเจอรถญี่ปุ่นที่ใช้แล้วไม่มีอะไรพังเลยนอกจากคอมแอร์หลังจากที่ใช้มา 10 ปี



- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #79 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 18:41:15 »

ท้ายสุด
ผมมีความศรัทธาใน "การเซ็ทรถ" ของฝั่งยุโรปมากกว่า
- ใช้เกียร์คลัตช์คู่ ไม่ใช่ CVT
- เล่นกับเทอร์โบ มากกว่าเล่นความจุ
- พวงมาลัยไวกำลังดี น้ำหนักมีหน่วงมือดี
- ช่วงล่างที่ไม่เด้งเป็นลูกชิ้นปลานายใบ้ ไม่สะเทือนเกินไป

แต่ผมก็ชอบรถญี่ปุ่น ตรงฟีลลิ่งที่ว่าเราสามารถใช้มันไปสิบปีแล้วมันจะไม่พัง
ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่ประสบการณ์รถยุโรปกับรถญี่ปุ่นที่บ้านใช้มาตลอดตั้งแต่ผมเกิด
ผมเจอรถญี่ปุ่นที่ใช้แล้วไม่มีอะไรพังเลยนอกจากคอมแอร์หลังจากที่ใช้มา 10 ปี




[/quote]

ผมก็มีความศรัทธาเหมือนท่านพี่แบบนี้เหมือนกัน
แต่จะใช้รถถึง 10 ปี คงซ่อมแล้วขี่ ขี่แล้วซ่อม แนะนำรถที่มีอะไหล่และผลิตบ้านเราดีกว่าครับ

ออฟไลน์ thdeann

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 277
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #80 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 19:19:37 »
เห็นด้วยกับคุณแพนอย่างยิ่งครับ
ญี่ปุ่นเลือกไปทาง CVT ซึ่งเป็นคนละทางกับคนที่รักการขับรถ
ซึ่งเป็นอะไรที่ผมเซ็งจิตมาก

พอมองดูตัวเลือก คลัชคู่ของ Ford ผมก็หนาวใจ ไม่กล้าจะไปคบหา
เฮ้อ

ออฟไลน์ ceberos

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 780
    • อีเมล์
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #81 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 19:42:59 »
เครื่องถ่ายเอกสารของ Ricoh ไงครับ ^^ อันดับที่40 ความแข็งแรงของแบรนด์ตลาดโลก

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #82 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 19:51:43 »
ตัดเรื่องการใช้งานระยะยาว ศูนย์บริการ อะไหล่ อู่ซ่อม ราคาขายต่อออก รถญี่ปุ่นเหลืออะไรให้ชนะรถยุโรปน้อยเต็มที
ผมคิดยังไงกับเรื่องรถญี่ปุ่น vs รถยุโรป? ถ้าไม่นับเรื่องที่กล่าวในบรรทัดบน? BestDrive บ่งบอกอยู่แล้วว่าผมคิดยังไง
และคนในทีม headlightmag คิดยังไง

ผมถึงมักบอก ว่าถ้าให้เอารถมาขับเล่นฟรีๆ ใครก็เลือกรถยุโรป (มองรถ mainstream นะ อย่ามัวแต่
มอง GTR, LF-A,NSX) แต่ถ้าต้องซื้อเอง ใช้เอง ใช้นาน 8-10 ปี โอกาสที่ผมจะซื้อรถยุโรปใช้ "โคตรน้อย"

การได้ลองรถมากๆทำให้ผมเห็นสัจธรรมอยู่อย่าง ในฝูงเป็ดอาจมีห่าน ในฝูงหงส์อาจมีเป็ด
เรื่องเดียวกันแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้เมื่อ..ญี่ปุ่นvsยุโรป คุณยกเป็ดอีกฟาร์มนึงมา อีกคนก็ชี้ห่านแล้วเอาหงส์มาข่มได้อยู่ดี

รถยุโรปวัสดุดี?
ที่เห็นด้วยตา ดูดีแน่นอน แต่อย่างอื่น ไม่รู้ รถยุโรปบางค่ายก็เป็นจ้าวแห่งการลดต้นทุนไม่ได้แพ้โตโยต้า
เพียงแต่เอาการลดต้นทุนไปไว้ในที่ที่ต้องรอกันไปชาติเศษถึงจะรู้ฤทธิ์ วัสดุดีนี่อาจจะเฉพาะที่ตาเห็นมือแตะบ่อยๆ
อย่างอื่น?ไม่รู้?!?

รถยุโรปช่วงล่างดี?
BMW เกือบทั้งหมดช่วงล่างวิ่งนิ่ง เข้าโค้งมั่น Mercedes บางรุ่นช่วงล่าง "ห่วย" บางรุ่น "ดีเลิศ"
Volvo รุ่นใหญ่ๆช่วงล่างขับไม่สนุก ส่วนรุ่นเล็กก็อยู่กลางๆระหว่าง BMWกับ Mercedes ส่วนญี่ปุ่น
LS460 วิ่งยิ่งเร็วยิ่งรู้ว่า 730Ld นิ่งกว่า ส่วน Honda นี่เมื่อไหร่จะทำช่วงล่างไม่เด้งเป็นก็ไม่รู้
Nissan ในตลาดบ้านๆ ถ้าขับมันส์ ก็แข็ง ถ้าไม่แข็ง ก็ไม่สนุก ส่วน Toyota ก็พอๆกัน มี Camry
ใหม่กับ Prius ใหม่ที่เป็น"ความหวังใหม่" ในขณะที่ Focus รุ่นที่แล้วกับรุ่นปัจจุบันไม่เคยต้องให้ด่าเรื่องนี้เลย
ส่วน WRX ตัว 2.5 ที่แล้วก็ยวบขับไม่สนุก ไม่คมแต่พอเป็น STi กลับนุ่มพอได้ ซิ่งก็ได้ ในขณะที่ MTM S3
แข็งสะเทือนหนึบ ส่วน VW GTi เอานุ่มเอาแข็งได้หมด

งงมั้ย ? ผมงง? แต่ให้จับประเด็นคือ จะเอารถอะไรมาถกกันล่ะ ว่าเป็นรุ่นๆไปดิ ถ้าเหมารวมหมด
ผมก็พูดได้แค่กว้างๆว่าญี่ปุ่นไม่ค่อยทำรถ(บ้าน)ที่ทั้งมั่นใจ ทั้งนุ่ม ทั้งสบาย ทั้งนิ่ง เกาะโค้ง
แม้กระทั่งในทุกวันนี้ 525d ก็วิ่งนิ่งกว่า GS250 โยนแล้วมั่นกว่า แต่ผมไม่แน่ใจหรอกว่า IS250 ตัวใหม่
จะแพ้ 320d


รถยุโรปปลอดภัยกว่า?
เรื่องความแข็งตัวถัง ไม่รู้ แต่ดูในตลาดบ้านๆ สังเกตได้ว่ารถยุโรปอย่างน้อยมีแทร็คชั่นคอนโทรลมา
มีระบบรักษาการทรงตัวมา ในรถที่ราคาไม่ต้องเกิน 1.2 ล้านก็ได้ บางคันราคาต่ำกว่าล้านก็มีมาให้
ในขณะที่ญี่ปุ่นนั้น รถบางคันตัวท้อปต่ำกว่าล้าน ไม่มีทั้งสองอย่าง และถ้าจะมีมาให้ก็ต้องซื้อรุ่นที่
ราคาเป็นล้านขึ้นไป

ถ้าไปพูดกันเรื่องรถราคาหลายๆล้าน เลิกพูดเหอะ ญี่ปุ่นก้าวตามยุโรปทันในไม่กี่ปีหรอก


ท้ายสุด
ผมมีความศรัทธาใน "การเซ็ทรถ" ของฝั่งยุโรปมากกว่า
- ใช้เกียร์คลัตช์คู่ ไม่ใช่ CVT
- เล่นกับเทอร์โบ มากกว่าเล่นความจุ
- พวงมาลัยไวกำลังดี น้ำหนักมีหน่วงมือดี
- ช่วงล่างที่ไม่เด้งเป็นลูกชิ้นปลานายใบ้ ไม่สะเทือนเกินไป

แต่ผมก็ชอบรถญี่ปุ่น ตรงฟีลลิ่งที่ว่าเราสามารถใช้มันไปสิบปีแล้วมันจะไม่พัง
ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่ประสบการณ์รถยุโรปกับรถญี่ปุ่นที่บ้านใช้มาตลอดตั้งแต่ผมเกิด
ผมเจอรถญี่ปุ่นที่ใช้แล้วไม่มีอะไรพังเลยนอกจากคอมแอร์หลังจากที่ใช้มา 10 ปี





อันนี้จริง ถ้าผมมีเงินแล้วคิดจะใช้รถเกิน 5 ปี ผมคงกัดฟันซื้อ GS 250 แทนที่จะเป็น 525d เพราะในระยะยาวแล้ว GS จะชนะเลิศ ยังไงอะไหล่มันก็หาเทียบ toyota ได้ พอรถรุ่นนี้เริ่มเก่าอะไหล่เซียงกงก็เริ่มเข้ามาแล้ว เพื่อนผมรายงานมาว่าพบอะไหล่ GS รุ่นที่แล้วมาสิงสถิตอยู่เซียงกงไทยบ้างแล้ว เดี๋ยวหัวตัด,ท้ายตัดก็คงจะมา ในขณะที่ E60,w211 ยังไม่มีเลย ถ้าเกิดมันไปตายกลางทางก็หาที่ฝากผีฝากไข้ได้ง่ายกว่ารถยุโรป แต่ถ้าตัดคุณงามความดีตัวนี้ทิ้งไปแล้ว จะแทบจะไม่เหลืออะไรที่จะชนะรถยุโรปแล้วเหมือนกัน

ออฟไลน์ user

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 42
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #83 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 23:55:26 »
ไม่เสมอไป มีดีมีเสียกันคนละอย่างที่บ้านมีรถเปรียบเทียบ3คัน 3ยี่ห้อ 2ประเทศ คันแรก toyota harrier gen2 ปี2004รถเกรย ซื้อป้ายแดงไม่เกิน3ล้าน ตอนนี้ไมล์2แสนกม.  คันที่2 w211 e220 cdi ปี2005 เครื่องฝาดำแล้ว ซื้อป้ายแดง3.9ล้าน วิ่งไปแค่6-7หมื่นกม.   คันที่3 bmw e60 530i ปี2006เครืื่อง n52 ฝาขาวแล้ว  วิ่งไป 9หมื่นกว่าๆ   คันที่ใช้มากคือ ใช้แล้วมั่นใจ อเนกประสงค์ เดินทางได้บ่อยคือ harrier ผมมีความรู้สึกไม่เคยเบื่อ ที่จะขายหรือเปลี่ยนเลย เข้าศูนย์Lexus ก้อรับ ศูนย์โตโยต้าก็ได้. ค่าบำรุงรักษา สมเหตุผล ไม่เคยมีอะไรกวนใจเลย เคยเปลี่ยนแพงหน่อยแค่คอนโซลหน้าวัสดุเสื่อมสภาพ  ส่วน Benz ที่ใช้น้อยเพราะ มีตัวเลือกอื่น จึงถนอมไว้ก็ยังเสียดายที่ค่อยได้ใช้ ไม่ขายเพราะวิ่งน้อย. แต่อุไหล่เปลี่ยนหรือเช็คระยะก็ แพงพอสมควร ขนาดใช้น้อยหมดประกันยังโดนโช็คอัพ เหล็กกันโครงฯลฯ. ที่ไม่น่าเสีย  ส่วนBMW ได้ใช้บ่อยช่วงยังไม่หมดbsi  เพราะวิ่งดี เครื่องแรงต้น ยันปลายแถมประหยัดแบบNA ซัดไม่ซัดก็กินไม่ต่างกัน 8โลลิตรยัน.  แต่พอหมดประกัน ไม่ค่อยอยากใช้เลย เพราะมีเรื่องกวนใจตลอด บางเรื่องก้อต้องศูนย์กลัวอู่นอกไม่จบบานปลาย บางเรื่องอย่างแอร์ก็หาร้านนอกดีๆได้  รายการมันมาแบบรู้ล่วงหน้าเลยว่าจะเสียอะไรโดนอะไร เพราะหาอ่านจากผู้ใช้ด้วยกัน  (ใครได้รถผมไปนี้โชคดีนะ) คนไม่เคยโดนไม่รู้หรอกครับ  แต่อย่างหนึ่งที่ผมเปรียบเทียบตลอด คือราคาขายต่อมือสอง ณปัจจุบัน  ประมาณ1.2-1.3 ล้าน พอกันทั้ง3คัน   ลองดูครับทำไมผมถึงรักharrierมากที่สุด รถจะ10ปียังดีเหมือนใหม่ มั่นใจทุกครั้งที่ใช้มัน......

ออฟไลน์ peterpat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 359
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #84 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 00:08:29 »
เพิ่งได้ยินคำนึงมาครับ

"โยนเงินให้ 2แสน เยอรมันคงสร้างรถที่ดีแพ้ญี่ปุ่น  แต่ถ้าโยนเงินให้ 2ล้าน ญี่ปุ่นคงสร้างรถให้ดีเท่าเยอรมันไม่ได้"

ผมว่ามันจริงนะครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #85 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 00:59:03 »
เท่าที่อ่านมา โดยสรุปก็คือ

- ถ้าวัดคุณภาพการขับขี่เน้นๆ ยังไงยุโรปก็เหนือกว่า
 ส่วนคนที่บอกว่า ทำซีวิคให้ขับดีเท่ารถยุโรปได้ แต่มันจะแพงไม่มีใครซื้อ คงไม่รู้ว่าราคาต่างประเทศ ซีวิคก็ราคาเท่า Golf   อย่าว่าแต่ยุโรป  ยังสู้รถอเมริกาอย่าง Cruze และ Focus ไม่ได้ด้วยซ้ำ  หรือ D-Segment แคมรี่ แอคคอร์ด เทียน่า ก็สู้ Superb ไม่ได้
- ยิ่งถ้าเป็นรถระดับ โคตร Premium ไม่ต้องพูดถึง กว่าญ๊่ปุ่นจะตามทัน อีกนาน
- แต่ถ้าด้านอื่น ที่สำคัญ "ความสบายใจ" ในการใช้งาน ญี่ปุ่นชนะเลิศ ใช้งานทั่วไป การขับขี่ไม่เลวร้าย เพราะงั้นถ้าไม่ใช่คนบ้ารถจริงๆ ซื้อรถญี่ปุ่น ได้เรื่องความสบายใจแน่ๆ เพราะสมรรถนะมันไม่ได้ใช้เต็มที่บ่อยๆ
- ที่รถญี่ปุ่นขายดีในยุโรป ไม่ใช่เพราะสมรรถนะมันดีกว่า  แต่คนใช้เขาก็คิดเหมือนเราๆ ว่าใช้แล้วมันสบายใจกว่า สมรรถนะสู้ไม่ได้จริง แต่ขับขี่ทั่วไป ไม่ได้แย่  ไม่ค่อยรวน และซ่อมง่าย

คิดว่าน่าจะประมาณนี้รึเปล่าครับ?


ออฟไลน์ GoatGoat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 895
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #86 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 02:01:32 »
ผมเทียบ Class Honda Toyota กับ VW จากประสบการณ์ละกันครับ

VW Golf ขับดีกว่า มั่นใจอย่างเห็นได้ชัดครับ แต่พอเลย 5 ปีนี่ซ่อมจนเบื่อเลย แอร์ หม้อน้ำ กระจกไฟฟ้า ABS เกียร์ จุกจิกอีกเยอะ ซ่อมทีก็หลายพันยันหลักหมื่น (เกียร์หลักแสน)
Camry Accord 5-6 ปีไม่ค่อยพังอะไรแบบไร้สาระครับ ทนมากๆโดยเฉพาะพี่โต เข้าอู่นอกสบายกระเป๋า

สรุปว่าเค้าพัฒนารถดีไปคนละอย่างครับ ถ้าเอาสบายใจใช้ทนๆก็ไปรถญี่ปุ่น เอาสมรรถนะก็ยุโรปครับ

ปล.ผมยังอยากได้ VW Scirocco มากเลย แบบไม่เข็ด ฮ่าๆๆ :P

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #87 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 02:02:39 »
็ถ้าให้ขับอย่างเดียว
รถเดิมๆ สมรรถนะต่อกรกันได้
ผมต้องการขับยุโรปมากกว่า

รถยุโรปเก่าบางคัน เครื่องเดิมอาจจะสู้ญี่ปุ่นทันสมัยไม่ได้
แต่ถ้าลองขับแบบสุดปลายเท้า ลองเบรกแบบความเร็วสูง
ลองมีระยะทางให้ทำความเร็ว ความรู้สึกหลายๆอย่าง
ที่ฟ้องมายังคนขับ ทั้งช่วงล่าง ทั้งการเบรก
ทั้งพวงมาลัย ความตรง ความนิ่ง นุ่มนวล
ทางยุโรปมันเนียนกว่า ไว้ใจได้มากกว่า

ปล.
แต่จะให้ดีวัดคันต่อคัน
เคสต่อเคสในแต่ละเรื่อง
แบบเฉพาะเจาะจงน่าจะเห็นภาพและจบกว่าครับ ;D

popdemonic

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #88 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 11:32:49 »
เอามุมมองของผมนะ ผมเคยรื้อรถญี่ปุ่น เอาเป็นว่าระดับSupercar ของญี่ปุ่น กับรื้อรถนั่งsedan ของเยอรมัน

ใครที่เคยรื้อจะมองเห็นระบบสายไฟ กลไก หรือแม้กระทั่งสวิทช์ไฟ รถญ๊่ปุ่น ถูกออกแบบมาแบบให้เข้าใจง่าย

แต่มันไม่มีความละเมียด เหมือนกับ ออกแบบมาง่ายๆ เบสิคๆ ในขณะที่ระบบของรถฝรั่ง มีความละเมียด มีความพิสดาร

แม้กระทั่งแค่สวิทช์ไฟมันดูมีตรรกะ ในการออกแบบ มีความละเมียด ลึกซึ้งมากกว่าครับ ซึ่งแน่นอนต้นทุนของความละเมียด

มันสูงกว่าครับ ข้อเสียคือมันแพงเวลาเสีย แต่ผมว่าความรู้สึกในการใช้งานมันต่างกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองแบบมันฟังก์ชั่นเหมือนกัน

ผมเองยังไงก็ยังFavor รถฝรั่งมากกว่าอยู่ดีครับ

ออฟไลน์ XL_SiZe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
Re: ทำไม ญี่ปุ่นทำรถสู้เยอรมันไม่ได้ครับ
« ตอบกลับ #89 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 13:53:26 »
ขอสงสัยนิดนึงนะครับ
ที่ว่า Lexus ใช้อะหลั่ยร่วมกับ Toyota ได้เนี่ย จริงเท็จแค่ไหนครับ??

ถ้าใช้กันได้จริง แล้วทำไม Lexus ถึงแพงกว่า Toyota มากมายขนาดนี้
ไม่เอาพวกไส้กรอง หรืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ

ผมว่าอะหลั่ยของ Lexus น่าจะทำด้วยวัสดุคนละเกรดกับ Toyota แน่นอน
แต่อาจจะหน้าตา รูปแบบเดียวกัน
แต่ช่าง Lexus คงไม่เอาอะหลั่ย Toyota มาใส่ให้แน่นอน
เพราะถ้าเอามาใส่ ค่าซ่อม Lexus กับ Toyota คงพอ ๆ กัน

แต่นี่หลายคนก็บอกค่าซ่อม Lexus แพงพอ ๆ กับยุโรปเลย