ผู้เขียน หัวข้อ: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด  (อ่าน 24994 ครั้ง)

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,636
    • อีเมล์
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 12:52:41 »

รถเก่าๆเนี่ยตัวหลอกตาดีนัก เหล็กแข็ง ไม่ค่อยยุบ ตอนโดนแรงๆเละทั้งคัน
รถใหม่ๆ ดูเหมือนจะบาง โดนนิดหน่อยยุบ โดนแรงๆเละหมด แต่ห้องโดยสารยังดูได้ครับ


อันนี้แหละ ถกเถียงกันมากระหว่างคนรุ่นเก่าๆ กับรุ่นใหม่ๆ ว่าอันไหนมันปลอดภัยกว่ากัน

เมื่อก่อนผมจำได้เลย ทุกชีวิตปลอดภัยในวอลโว่ เหล็กแข็งมากๆ
เดี๋ยวนี้มันก็มีเทคโนโลยี่ใหม่ๆมา




ออฟไลน์ hutzero

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
    • อีเมล์
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 14:09:20 »
เคยคิดว่าซื้อมาจะจับแต่งให้สุดๆเลย

แต่ปรากฎว่าเงินไม่พอ   เพราะต้องจ่ายค่าผ่อนรถนี่แหละ

ยังไงก็สู้ๆครับ   EX ของผมก็เหลือผ่อนอีกปีเดียว  จะได้วางเทอร์โบ + เกียร์ธรรมดา  อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกซักที

ออฟไลน์ tosa

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 353
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 14:12:11 »
"กลับตัองมาเครียดว่า ตูจะไปเป็นหนี้ไปทำไม (ผ่อนหนะไหวอยู่ครับ แต่มันไม่ชิน)" คำตอบมันมีอยู่แล้วคือ เครียดเพราะ ไม่ชินกลับการเป็นหนี้ แต่ไม่ต้องเครียดมากพอผ่อนคันที่สองก็ไม่เครียดแล้วครับเพราะจะเริ่มชิน :D คนรวยส่วนมากเป็นหนี้กันทั้งนั้นแหละครับ เงินสด 3 ล้านถ้าบริหารเก่งๆ 5 ปีเหมือนได้รถฟรีนะครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 15:03:48 »
สำหรับผม กลับต่างออกไป...

หลังจากเอา BMW มาขับหลายๆรุ่นเข้า

ยอมรับว่าเป็นรถที่ดี...แต่ต่อให้ผมรวยกว่านี้
ถ้าให้ผมต้องซื้อมาใช้งาน ผมคงต้องคิดหนักๆ....

สำหรับผม การออกแบบห้องโดยสาร เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ครับ

ออฟไลน์ Mr.Siri

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 148
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 15:29:37 »
ได้อ่านทุกๆความเห็นแล้วครับ
สรุปว่าคงเครียดเพราะไม่เคยเป็นหนี้ เนี่ยแหละครับ
แล้วรถก็ดูหรูๆ ด้วย เหมือนจะประหม่าไปด้วย ปกติใช้แต่ของธรรมดา iPhoneยังไม่มีเลย

ก็หวังว่าใช้ไปเรื่อยๆคงชินและปรับตัวได้

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ

 :)


PKS8

  • บุคคลทั่วไป
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 16:15:45 »
หลังจากที่ใช้ E39 E60 และไม่เคยใช้รถญี่ปุ่นเลย ผมเปิดใจลองขับ Fortuner ที่แต่งช่วงล่างและจูนกล่องนิดหน่อยของเพื่อน ได้เรื่องเลยครับ

จากที่วางแผนว่าจะเป็นหนี้เพื่อออก F10 แต่เปลี่ยนใจแหวกแนวไปออก Prius กับ Fortuner แทน บอกได้เลยว่า E39 กับ E60 ไม่ได้ขยับจากที่จอดเลยครับ

BMW ผมหมด BSI แล้ว เข้าศูนย์ก็ซ่อมแพงแบบไร้สาระ เข้าอู่นอกก็แทบต้องกราบเท้าขอให้เค้าช่วยซ่อม แต่ราคาถูกกว่าศูนย์ครึ่งนึง มาใช้โตโยต้าแล้วสบายใจแบบบอกไม่ถูกครับ

ออฟไลน์ sakolsakman

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 158
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 17:03:34 »
 ผมก็เครียด ผ่อนแค่สองปี BMW320i ใช้มาแล้วสี่เดือน มีกิ๊กเพิ่มมาคนยิ่งเครียดหนักครับ

ออฟไลน์ KLANG MR-S

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 382
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 17:07:19 »
หลังจากที่ใช้ E39 E60 และไม่เคยใช้รถญี่ปุ่นเลย ผมเปิดใจลองขับ Fortuner ที่แต่งช่วงล่างและจูนกล่องนิดหน่อยของเพื่อน ได้เรื่องเลยครับ

จากที่วางแผนว่าจะเป็นหนี้เพื่อออก F10 แต่เปลี่ยนใจแหวกแนวไปออก Prius กับ Fortuner แทน บอกได้เลยว่า E39 กับ E60 ไม่ได้ขยับจากที่จอดเลยครับ

BMW ผมหมด BSI แล้ว เข้าศูนย์ก็ซ่อมแพงแบบไร้สาระ เข้าอู่นอกก็แทบต้องกราบเท้าขอให้เค้าช่วยซ่อม แต่ราคาถูกกว่าศูนย์ครึ่งนึง มาใช้โตโยต้าแล้วสบายใจแบบบอกไม่ถูกครับ

กด Like แบบหมดตัวเลย โดยเฉพาะเรื่องซ่อมแพงแบบไร้สาระนี่ มันไร้สาระจริง ๆ ครับกับรถบีเอ็มกับเบนซ์เนี่ย ส่วนเรื่องขอให้เค้าช่วยซ่อมผมก็เคยนะ แม้ว่าช่างมันจะกวนโอ้ยแค่ไหนก็ต้องทน ดีกว่าไปเข้าศูนย์ให้โดนเชือด แต่ต้องยอมรับว่าประสบการณ์ในการขับขี่รถยุโรปมันดีสมราคาครับ

ออฟไลน์ scotch_fillet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,520
    • อีเมล์
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 17:10:34 »
ผมก็เครียด ผ่อนแค่สองปี BMW320i ใช้มาแล้วสี่เดือน มีกิ๊กเพิ่มมาคนยิ่งเครียดหนักครับ

320i ใช้สี่เดือน จะปล่อยก็เสียของ
แนะนำให้นำกิ๊กไปเทิร์นครับ

ผมรับเทิร์นกิ๊กเก่าครับ :P

ออฟไลน์ thehmmthehmm

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 96
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 17:16:57 »
เดี๋ยวก็ชินครับ
ถ้าไม่ซื้อจะนอนไม่หลับมากกว่าสิครับ
ใช้ไปสักพักก็เลิกคิดเองแหละครับ

ออฟไลน์ Sman

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 537
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 18:12:25 »
ผมก็เพิ่งซื้อ BMW เป็นคันแรกของครอบครัว ถามว่าพร้อมไหม มันก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แบบซื้อสด เหมือนหลายๆ ความเห็น
ซื้อสดดีไหม ดีแน่นอนครับ แต่ผมกับแฟน สร้างตัวกันมาเองจาก 0 เพราะไม่ได้เอาเงินที่บ้านสักบาทตั้งแต่เรียนจบมากัน
เริ่มทำงานประจำทั้งคู่ จนตอนนี้มีบ้าน มีรถ 2 คัน และได้ใช้ชีวิตอย่างที่วาดฝันไว้ระดับหนึ่ง อาจจะไม่หรูเริ่ด แต่ก็สบายพอสมควร

หากดูจาก ลายเซ็นต์ผม จะเห็นว่าใช้รถมาเยอะ แล้วก็มีแต่ honda เพราะเปลี่ยนรถบ่อย ผ่อนทุกคันครับ เป็นพนักงาน การซื้อสด ลืมได้เลย
และก็วิถีการใช้ชีวิตของผมคือเต็มที่ พร้อมระวังอนาคตไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เงิน เก็บๆ แล้วสุดท้าย หมดแรงใช้ ไปให้หมอแทน
ผมเห็นคุณพ่อผมเป็นครับ อยากไปเที่ยวยุโรปมาก บอกแม่ว่าปีหน้า ปีหน้า ขอทำงานเก็บเงินก่อน
แล้วสุดท้าย ท่านป่วย 6 เดือนเสีย ไม่ได้ไปยุโรป พร้อมกับเงินที่หามาก็จ่ายค่าหมอไปเยอะ ขนาดพี่สาวเป็นหมอยังหมดไปหลาย

ตอนนี้พอมีกำลัง ผมก็จัดความฝันตัวเองเลย อายุก็เลข 4 แล้ว คงไม่อยากเป็นตาแก่ 60 ค่อยขับ BMW  ;D
ผ่อนครับ แต่ผมทำงาน finance บอกเลย รถเป็นหนี้ที่ดอกถูกสุดในตลาดแล้ว หาที่ไหนดอก 2.5% ต่อปี บัตรเครดิตนี่ 20% ต่อปีนะ
อันนี้ผมไม่รู้นะ แต่บางคนพยายามซื้อรถเงินสด แต่ไม่เหลือเงินเก็บเลย ซึ่งบางที เรื่องฉุกเฉินแพงกว่าดอก 2.5% นะครับ

สุดท้าย อย่าเครียดเลยครับ ใช้ไปสบายๆ แสนโล มีคนซ่อมให้ ได้รถในฝัน ผ่อนไม่ผ่อน ไม่ได้มีผลหรอกครับ
กำลังจะจัด BMW คันที่ 2 เพราะใช้แล้วติดใจจริงๆ ก็ผ่อนเหมือนเดิม สองคันผ่อน 8x,xxx ต่อเดือน
บางคนหาว่าบ้า แต่หากเราไม่เดือดร้อน รายได้ที่ได้ตอนนี้มากกว่านี้หลายเท่าตัว ใช้รถไม่ต้องกังวลซ่อมไปอีก 4-5 ปี
และได้รถที่ปลอดภัย คนที่เรารักขับแล้วเราสบายใจ เราขับแล้วสบายใจ ผมยอมครับ  ;)



ข้างบนเข้าใจอัตราดอกเบี้ยไม่ถูกต้องครับ

อธิบายง่ายๆ อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบีั้ยแบบลดต้นลดดอก

แต่อัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินทั้งก้อน ถึงแม้จะเอาเงินไปโปะก่อนเวลาก็ไม่ลดดอกเบี้ยครับ

อ้อ เรื่องรถบีเอ็ม จากการที่ผมใช้งานอยู่ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ขอบอกถ้าไม่มีเงินถุงเงินถัง อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ถ้าซ่อมศูนย์ ค่าซ่อมแพงมากกกกกครับ แต่ถ้าหาอู่นอกได้ และรู้จักกันดีไม่ง่ายต่อการถูกฟัน ก็แนะนำครับ แต่โดยส่วนตัวผมเข้าศูนย์ตลอดกับรถทุกคันที่ใช้ ไม่นิยมอู่นอก เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวผมว่าค่าอะหลั่ย ค่าซ่อมแพงครับ

ออฟไลน์ oonin

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 12
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 18:51:13 »
รถบีเอ็มดีมากครับ เมื่อมีประกันBSI มันจุกจิ๊กมากนะครับ ขนาดผมขับไปทำงานอย่างเดียว  หมดประกันเหมือนโดนคำสาบ ซ่อมทันที เข้า0โดนเฉียดแสนเรื่องแอร์ เข้าอู่นอกโดนค่ากล่องVSCสองหมื่นกว่า ขับๆเกียร์กระตุกหน่อย น้ำซึมเข้าขอบกระจก ขายเลยครับ ราคาแทบกราบคนรับซื้อกดเตี้ยติดดิน ใช้บีเอ็มต้องว่างงานจริงๆไปคุยกับอู่ซ่อม ไม่งั้นต้องเข้า0 ซึ่งรู้ๆกันเปลี่ยนทุกอย่างที่สงสัย เลิกใช้แล้วครับหันมาลองเล็กซัสดูซิจะหนีเสือปะจรเข้หรือเปล่า

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 19:26:03 »
ผมก็เพิ่งซื้อ BMW เป็นคันแรกของครอบครัว ถามว่าพร้อมไหม มันก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แบบซื้อสด เหมือนหลายๆ ความเห็น
ซื้อสดดีไหม ดีแน่นอนครับ แต่ผมกับแฟน สร้างตัวกันมาเองจาก 0 เพราะไม่ได้เอาเงินที่บ้านสักบาทตั้งแต่เรียนจบมากัน
เริ่มทำงานประจำทั้งคู่ จนตอนนี้มีบ้าน มีรถ 2 คัน และได้ใช้ชีวิตอย่างที่วาดฝันไว้ระดับหนึ่ง อาจจะไม่หรูเริ่ด แต่ก็สบายพอสมควร

หากดูจาก ลายเซ็นต์ผม จะเห็นว่าใช้รถมาเยอะ แล้วก็มีแต่ honda เพราะเปลี่ยนรถบ่อย ผ่อนทุกคันครับ เป็นพนักงาน การซื้อสด ลืมได้เลย
และก็วิถีการใช้ชีวิตของผมคือเต็มที่ พร้อมระวังอนาคตไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เงิน เก็บๆ แล้วสุดท้าย หมดแรงใช้ ไปให้หมอแทน
ผมเห็นคุณพ่อผมเป็นครับ อยากไปเที่ยวยุโรปมาก บอกแม่ว่าปีหน้า ปีหน้า ขอทำงานเก็บเงินก่อน
แล้วสุดท้าย ท่านป่วย 6 เดือนเสีย ไม่ได้ไปยุโรป พร้อมกับเงินที่หามาก็จ่ายค่าหมอไปเยอะ ขนาดพี่สาวเป็นหมอยังหมดไปหลาย

ตอนนี้พอมีกำลัง ผมก็จัดความฝันตัวเองเลย อายุก็เลข 4 แล้ว คงไม่อยากเป็นตาแก่ 60 ค่อยขับ BMW  ;D
ผ่อนครับ แต่ผมทำงาน finance บอกเลย รถเป็นหนี้ที่ดอกถูกสุดในตลาดแล้ว หาที่ไหนดอก 2.5% ต่อปี บัตรเครดิตนี่ 20% ต่อปีนะ
อันนี้ผมไม่รู้นะ แต่บางคนพยายามซื้อรถเงินสด แต่ไม่เหลือเงินเก็บเลย ซึ่งบางที เรื่องฉุกเฉินแพงกว่าดอก 2.5% นะครับ

สุดท้าย อย่าเครียดเลยครับ ใช้ไปสบายๆ แสนโล มีคนซ่อมให้ ได้รถในฝัน ผ่อนไม่ผ่อน ไม่ได้มีผลหรอกครับ
กำลังจะจัด BMW คันที่ 2 เพราะใช้แล้วติดใจจริงๆ ก็ผ่อนเหมือนเดิม สองคันผ่อน 8x,xxx ต่อเดือน
บางคนหาว่าบ้า แต่หากเราไม่เดือดร้อน รายได้ที่ได้ตอนนี้มากกว่านี้หลายเท่าตัว ใช้รถไม่ต้องกังวลซ่อมไปอีก 4-5 ปี
และได้รถที่ปลอดภัย คนที่เรารักขับแล้วเราสบายใจ เราขับแล้วสบายใจ ผมยอมครับ  ;)



ข้างบนเข้าใจอัตราดอกเบี้ยไม่ถูกต้องครับ

อธิบายง่ายๆ อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบีั้ยแบบลดต้นลดดอก

แต่อัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินทั้งก้อน ถึงแม้จะเอาเงินไปโปะก่อนเวลาก็ไม่ลดดอกเบี้ยครับ

อ้อ เรื่องรถบีเอ็ม จากการที่ผมใช้งานอยู่ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ขอบอกถ้าไม่มีเงินถุงเงินถัง อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ถ้าซ่อมศูนย์ ค่าซ่อมแพงมากกกกกครับ แต่ถ้าหาอู่นอกได้ และรู้จักกันดีไม่ง่ายต่อการถูกฟัน ก็แนะนำครับ แต่โดยส่วนตัวผมเข้าศูนย์ตลอดกับรถทุกคันที่ใช้ ไม่นิยมอู่นอก เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวผมว่าค่าอะหลั่ย ค่าซ่อมแพงครับ

เอ่อ แอบงงครับว่าไม่เข้าใจยังไงครับ
20% ลดต้นลดดอก ก็เท่ากับ อัตราคงที่ประมาณ 40% ต่อปี ผมอะไม่งงครับ
แต่ผมเปรียบว่า เงินกู้ 2 ล้าน หากผ่อนรถ ดอกเท่ากับ 2.5% ต่อปี 5 ปีเท่ากับ 12.5% ต่อยอดเงินต้น
ซึ่งเท่ากับ 2m x 1.125% = 2.25m นั่นหมายถึง ดอกเบี้ย 250000 บาทต่อ 5 ปี
เราจะหาเงินกู้ 2 ล้าน แล้วจ่ายดอกเบี้ย 2 แสน 5 หมื่นได้ที่ไหนครับ

แต่หากคุณติดบัตรเครดิต 1 ปี 2 ล้าน ก็ต้องจ่ายดอก 4 แสนแล้วครับ หากติดบัตรเต็มตลอด คือเปรียบให้ดูหนะครับ

สุดท้าย ผมมีช่างนอกครับ อันนี้นานาจิตตังจริงๆ เพราะแม่ผมใช้ e34 มา 17 ปีแล้ว ซ่อมจบทุกครั้ง
ไม่เคยต้องกราบง้อช่าง ราคาก็ไม่แพง แพงกว่าฮอนด้าผมแน่นอน แต่ก็รับได้ครับ
หากมันแย่ขนาดที่ว่าๆ กัน ผมว่ามันไม่ต้องขายละมั้งครับ bmw

แปลกใจว่ามี bsi ยังไม่ happy กันเท่าไหร่
แต่ที่ผมเจอ ใครใช้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปยี่ห้ออื่นแล้วครับ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ tae_polestar

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 340
    • อีเมล์
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 19:46:39 »
นานาจิตตัง ชอบแบบไหน ไปแบบนั้นครับ ผมเคยเปน บางครั้งคิดไปคิดมาโอ้ย ปวดหัว

เลือกและรุ้จักใช้ครับ เปนผมเราชอบ เราไหว ก็ตามนั้น  :)

 
The love of automobile will be never cease

ออฟไลน์ SADAEW

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 181
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 19:53:15 »
แหม่พูดถึงค่าอะไหล่ตอนหมด BSI ทำเอาผมที่จ้องจะซื้อ F30 เสียดายค่าอะไหล่เลยนะครับ
แต่อย่างที่ท่านบน ๆ พูดไป มันเป็นความฝันครับเกิดมาครั้งนึงได้ใช้รถที่เราชอบจริง ๆ สักคันก็พอ
หวังไว้จะซื้อไม่เกินอายุ 30คับ ตอนนี้ 28ละ ขอตัวไปถอย CX-5 ก่อน
แล้วค่อยมาเจอกัน BMW เก็บตังค์ตอน BSI หมดรอเลยแบบนี้  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2013, 10:39:46 โดย SADAEW »

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,382
  • F10 525d M sport
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 19:57:29 »
หลังจากที่ใช้ E39 E60 และไม่เคยใช้รถญี่ปุ่นเลย ผมเปิดใจลองขับ Fortuner ที่แต่งช่วงล่างและจูนกล่องนิดหน่อยของเพื่อน ได้เรื่องเลยครับ

จากที่วางแผนว่าจะเป็นหนี้เพื่อออก F10 แต่เปลี่ยนใจแหวกแนวไปออก Prius กับ Fortuner แทน บอกได้เลยว่า E39 กับ E60 ไม่ได้ขยับจากที่จอดเลยครับ

BMW ผมหมด BSI แล้ว เข้าศูนย์ก็ซ่อมแพงแบบไร้สาระ เข้าอู่นอกก็แทบต้องกราบเท้าขอให้เค้าช่วยซ่อม แต่ราคาถูกกว่าศูนย์ครึ่งนึง มาใช้โตโยต้าแล้วสบายใจแบบบอกไม่ถูกครับ
เห็นด้วยเลยครับ

ตอนที่ผมซื้อ f10 ถ้า accord ออกมาแล้วผมคงเปลี่ยนใจไป accordครับ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 20:08:43 »
เดี๋ยวก็ชินครับ คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า

บางคนเคยใช้แล้ว พอซ่อมหนักๆก็เปลี่ยนไปใช้ญี่ปุ่นธรรมดาๆ ทำใจยอมรับได้(เพราะเคยมาแล้ว)

แต่บางคนเป็นรถในฝัน และ อยากจะมีสักคันในชีวิต เค้าก็ต้องขวนขวายให้ได้มา

เหมือนการเล่นน้ำสงกรานต์ จะให้เด็กๆ 14-19 ไม่ให้ออกไปเล่นน้ำ มันเหมือนจะเป็นจะตาย

อยากโดนน้ำ อยากสนุกกับเพื่อนๆ แต่ลองถามพวกคนที่เริ่มมีอายุหน่อยสิ คนส่วนใหญ่เค้าอยากกออกมาหรอ


ออฟไลน์ Partarajarin

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 270
    • อีเมล์
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 20:16:12 »
(จริงๆผมก็อยากให้แม่ชือหรอกครับ แต่เอาเงินไปช้อมรถหมดและอยากได้ รง. ด้วย ) ผมว่า หากคุณไม่คิดมากชื้อเหอะไม่เสียหาย ผมเคยคุยกับหมอจิตเวรแล้วเขาให้คุยกับเพือนเขา เป็น พนง. ตอนรับของสายการบิน Low Cost เขาก็ใกห้เพือนค่ำประกันให้แล้วชื้อผ่อน

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 20:37:02 »
เดี๋ยวก็ชินครับ คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า

บางคนเคยใช้แล้ว พอซ่อมหนักๆก็เปลี่ยนไปใช้ญี่ปุ่นธรรมดาๆ ทำใจยอมรับได้(เพราะเคยมาแล้ว)

แต่บางคนเป็นรถในฝัน และ อยากจะมีสักคันในชีวิต เค้าก็ต้องขวนขวายให้ได้มา

เหมือนการเล่นน้ำสงกรานต์ จะให้เด็กๆ 14-19 ไม่ให้ออกไปเล่นน้ำ มันเหมือนจะเป็นจะตาย

อยากโดนน้ำ อยากสนุกกับเพื่อนๆ แต่ลองถามพวกคนที่เริ่มมีอายุหน่อยสิ คนส่วนใหญ่เค้าอยากกออกมาหรอ



ตามนี้เลยครับ คนในอยากออก คนนอกอยางเข้า คนเคยลองแล้วจะรู้ครับว่ามันเป็นยังไง คนยังไม่เคยลองมันก็นอนไม่หลับถ้าไม่ได้ลอง

แนะนำให้ลองซักครั้งครับ แล้วจะซึ้งเลยย

ออฟไลน์ BlueMan69

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 602
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 20:40:14 »
series 3 นี่จะเป็นรถคันต่อไปของผม. เห็นเพื่อนถอย bmw (ไม่ได้ถามรุ่น) มีผ่อน 0% จดครบงวดเลยมั๊งครับ

แบบนี้เอาเงินไปลงทุนดีกว่าครับ

ออฟไลน์ ชายโอ๊ต

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,034
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 20:48:30 »
เคยซื้อรถเงินสด ใช้แล้วสบายใจ
แต่ก็อยากได้ BMW 3series ก็แลยไปถอยมาซะ
กลับตัองมาเครียดว่า ตูจะไปเป็นหนี้ไปทำไม (ผ่อนหนะไหวอยู่ครับ แต่มันไม่ชิน)
แต่อีกใจก็เข้าข้างตัวเองว่า ไม่ซื้อตอนนี้แล้วจะรอให้แก่กว่านี้เรอะค่อยไปซื้อ นี่ก็หลักสี่เข้าไปแล้ว
อีกอย่างก็คือทำใจไม่ได้ถ้าต้องให้ลูกเล็กไปนั่งรถเจ้าตลาด เคยเห็นแต่ละคันเกิดอุบัติเหตุแล้วแหยง
เราขับระวังแต่ไม่รู้คนอื่นจะมาเสยเราเมื่อไหร่

แค่บ่นเฉยๆครับ

เราทุกคนไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดฝัน
แต่การได้ใช้รถคุณภาพดีๆระบบความปลอดภัยสูงๆ
ซึ่งถ้าเมื่อเกิดเหตุแล้ว  น่าจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ หรือผ่อนเบาเป็นแคล้วคลาดเลยก็ได้
แค่ประเด็นนี้มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ ต่อความปลอดภัยของคนในครอบครัวที่เรารัก
"ศัตรูแห่งความก้าวหน้า คือเวลาที่เสียไป"

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 03:47:00 »
เคยซื้อรถเงินสด ใช้แล้วสบายใจ
แต่ก็อยากได้ BMW 3series ก็แลยไปถอยมาซะ
กลับตัองมาเครียดว่า ตูจะไปเป็นหนี้ไปทำไม (ผ่อนหนะไหวอยู่ครับ แต่มันไม่ชิน)
แต่อีกใจก็เข้าข้างตัวเองว่า ไม่ซื้อตอนนี้แล้วจะรอให้แก่กว่านี้เรอะค่อยไปซื้อ นี่ก็หลักสี่เข้าไปแล้ว
อีกอย่างก็คือทำใจไม่ได้ถ้าต้องให้ลูกเล็กไปนั่งรถเจ้าตลาด เคยเห็นแต่ละคันเกิดอุบัติเหตุแล้วแหยง
เราขับระวังแต่ไม่รู้คนอื่นจะมาเสยเราเมื่อไหร่

แค่บ่นเฉยๆครับ

เราทุกคนไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดฝัน
แต่การได้ใช้รถคุณภาพดีๆระบบความปลอดภัยสูงๆ
ซึ่งถ้าเมื่อเกิดเหตุแล้ว  น่าจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ หรือผ่อนเบาเป็นแคล้วคลาดเลยก็ได้
แค่ประเด็นนี้มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ ต่อความปลอดภัยของคนในครอบครัวที่เรารัก

งั้น

ไป Volvo ครับ ไม่ใช่ BMW อิอิ

ออฟไลน์ pong_ru

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 216
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 17:56:23 »
ใช้ BMW มา 2 คัน คันแรก E34 520 is เกียร์ ธรรมดา  คันที่สอง E36 323 IA  ซื้อใช้แล้วมาทั้งสองคัน

ชอบมาก ขับดี ซ่อมครั้งหนึ่งใช้ไปได้นาน ผมซ่อมอู่ข้างถนนตลอดมา ใช้อะไหล่วัดโสม ก็ไม่ได้แพงมากมายนัก

E34 ขายไปเพราะอายุมากเข้า เข้าเกียร์ธรรมดาไม่ไหว ส่วน E36 ยังใช้มาทำงานทุกวัน ขึ้นทางด่วนทุกวันขับมันกว่ารถป้ายแดงหลาย ๆ คัน

    ขับ BMW แล้วมีความสุขมากครับ  อย่าเครียดเลยครับ

ออฟไลน์ Sman

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 537
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 19:35:44 »
ผมก็เพิ่งซื้อ BMW เป็นคันแรกของครอบครัว ถามว่าพร้อมไหม มันก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แบบซื้อสด เหมือนหลายๆ ความเห็น
ซื้อสดดีไหม ดีแน่นอนครับ แต่ผมกับแฟน สร้างตัวกันมาเองจาก 0 เพราะไม่ได้เอาเงินที่บ้านสักบาทตั้งแต่เรียนจบมากัน
เริ่มทำงานประจำทั้งคู่ จนตอนนี้มีบ้าน มีรถ 2 คัน และได้ใช้ชีวิตอย่างที่วาดฝันไว้ระดับหนึ่ง อาจจะไม่หรูเริ่ด แต่ก็สบายพอสมควร

หากดูจาก ลายเซ็นต์ผม จะเห็นว่าใช้รถมาเยอะ แล้วก็มีแต่ honda เพราะเปลี่ยนรถบ่อย ผ่อนทุกคันครับ เป็นพนักงาน การซื้อสด ลืมได้เลย
และก็วิถีการใช้ชีวิตของผมคือเต็มที่ พร้อมระวังอนาคตไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เงิน เก็บๆ แล้วสุดท้าย หมดแรงใช้ ไปให้หมอแทน
ผมเห็นคุณพ่อผมเป็นครับ อยากไปเที่ยวยุโรปมาก บอกแม่ว่าปีหน้า ปีหน้า ขอทำงานเก็บเงินก่อน
แล้วสุดท้าย ท่านป่วย 6 เดือนเสีย ไม่ได้ไปยุโรป พร้อมกับเงินที่หามาก็จ่ายค่าหมอไปเยอะ ขนาดพี่สาวเป็นหมอยังหมดไปหลาย

ตอนนี้พอมีกำลัง ผมก็จัดความฝันตัวเองเลย อายุก็เลข 4 แล้ว คงไม่อยากเป็นตาแก่ 60 ค่อยขับ BMW  ;D
ผ่อนครับ แต่ผมทำงาน finance บอกเลย รถเป็นหนี้ที่ดอกถูกสุดในตลาดแล้ว หาที่ไหนดอก 2.5% ต่อปี บัตรเครดิตนี่ 20% ต่อปีนะ
อันนี้ผมไม่รู้นะ แต่บางคนพยายามซื้อรถเงินสด แต่ไม่เหลือเงินเก็บเลย ซึ่งบางที เรื่องฉุกเฉินแพงกว่าดอก 2.5% นะครับ

สุดท้าย อย่าเครียดเลยครับ ใช้ไปสบายๆ แสนโล มีคนซ่อมให้ ได้รถในฝัน ผ่อนไม่ผ่อน ไม่ได้มีผลหรอกครับ
กำลังจะจัด BMW คันที่ 2 เพราะใช้แล้วติดใจจริงๆ ก็ผ่อนเหมือนเดิม สองคันผ่อน 8x,xxx ต่อเดือน
บางคนหาว่าบ้า แต่หากเราไม่เดือดร้อน รายได้ที่ได้ตอนนี้มากกว่านี้หลายเท่าตัว ใช้รถไม่ต้องกังวลซ่อมไปอีก 4-5 ปี
และได้รถที่ปลอดภัย คนที่เรารักขับแล้วเราสบายใจ เราขับแล้วสบายใจ ผมยอมครับ  ;)



ข้างบนเข้าใจอัตราดอกเบี้ยไม่ถูกต้องครับ

อธิบายง่ายๆ อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบีั้ยแบบลดต้นลดดอก

แต่อัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินทั้งก้อน ถึงแม้จะเอาเงินไปโปะก่อนเวลาก็ไม่ลดดอกเบี้ยครับ

อ้อ เรื่องรถบีเอ็ม จากการที่ผมใช้งานอยู่ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ขอบอกถ้าไม่มีเงินถุงเงินถัง อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ถ้าซ่อมศูนย์ ค่าซ่อมแพงมากกกกกครับ แต่ถ้าหาอู่นอกได้ และรู้จักกันดีไม่ง่ายต่อการถูกฟัน ก็แนะนำครับ แต่โดยส่วนตัวผมเข้าศูนย์ตลอดกับรถทุกคันที่ใช้ ไม่นิยมอู่นอก เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวผมว่าค่าอะหลั่ย ค่าซ่อมแพงครับ

เอ่อ แอบงงครับว่าไม่เข้าใจยังไงครับ
20% ลดต้นลดดอก ก็เท่ากับ อัตราคงที่ประมาณ 40% ต่อปี ผมอะไม่งงครับ
แต่ผมเปรียบว่า เงินกู้ 2 ล้าน หากผ่อนรถ ดอกเท่ากับ 2.5% ต่อปี 5 ปีเท่ากับ 12.5% ต่อยอดเงินต้น
ซึ่งเท่ากับ 2m x 1.125% = 2.25m นั่นหมายถึง ดอกเบี้ย 250000 บาทต่อ 5 ปี
เราจะหาเงินกู้ 2 ล้าน แล้วจ่ายดอกเบี้ย 2 แสน 5 หมื่นได้ที่ไหนครับ

แต่หากคุณติดบัตรเครดิต 1 ปี 2 ล้าน ก็ต้องจ่ายดอก 4 แสนแล้วครับ หากติดบัตรเต็มตลอด คือเปรียบให้ดูหนะครับ

สุดท้าย ผมมีช่างนอกครับ อันนี้นานาจิตตังจริงๆ เพราะแม่ผมใช้ e34 มา 17 ปีแล้ว ซ่อมจบทุกครั้ง
ไม่เคยต้องกราบง้อช่าง ราคาก็ไม่แพง แพงกว่าฮอนด้าผมแน่นอน แต่ก็รับได้ครับ
หากมันแย่ขนาดที่ว่าๆ กัน ผมว่ามันไม่ต้องขายละมั้งครับ bmw

แปลกใจว่ามี bsi ยังไม่ happy กันเท่าไหร่
แต่ที่ผมเจอ ใครใช้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปยี่ห้ออื่นแล้วครับ



แสดงว่ายังไม่เข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยครับ

ถ้าไปคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกที่ 20% เป็นฐาน ถ้าเทียบกับอัตราดอกเบี้ยคงที่จะต้องต่ำกว่าครับ ไม่ใช่ 40%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่บอก 2.5% พอคำนวณออกเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจะต้องมากกว่าน้้นพอสมควรครับ

แต่เป็นจริงอยู่ประการหนึ่งครับ ถ้าไม่มีเงินต้นมาโปะ แน่นอนอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกต้องแพงกว่าแน่ๆ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยประมาณจะอยู่ที่ MLR +1 ถึง +2 ไม่มีลบหรอกครับ สำหรับการซื้อรถยนต์ คร่าวๆ ก็น่าจะอยู่ประมาณ 8-9% ได้มั้งครับ คร่าวๆ น่ะครับ

ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 2.5% คำนวณออกมาก็น่าจะได้ประมาณ 6-7% ของอัตราลดต้นลดดอก ถามว่าต่ำกว่าหรือเปล่า ต่ำกว่าครับ แต่ถามว่าแพงหรือเปล่า ถ้ามีเงินโปะ หรือจ่ายมากกว่าในแต่ละงวดก็แพงกว่าลดต้นลดดอกแน่นอนครับ

เพราะอัตราดอกเบี้ยคงที่ จะเอาอัตราดอกเบี้ยคูณจำนวนเงินกู้ และคิดเป็นดอกเบี้ยคงที่ ถึงจะจ่ายก่อน โปะเร็ว ก็ต้องเสียดอกเบี้ยที่คำนวณไว้แล้ว

ต่างกับอัตราลดต้นลดดอก ที่คำนวณตามจำนวนเงินในช่วงเวลานั้นๆ ถ้าขยันโปะ จ่ายมากกว่าขั้นต่ำ แน่นอน ดอกเบี้ยที่คุณจะเสียจะต่ำกว่าแน่นอนครับ

เพราะฉะนั้น การกู้ซื้อรถยนต์ถึงใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ เพราะสถาบันการเงินจะได้ประโยชน์มากกว่า ในขณะที่การกู้ซื้อบ้าน การใช้อัตราดอกเบีั้ยคงที่เป็นเรื่องที่ไม่สมควร สำหรับทรัพย์สินที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต จึงไมสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ที่คำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่บาทแรกคงที่ได้ ต้องใช้อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกครับ

อย่างไรทำความเข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยให้ดีครับ รู้ไว้ไม่เสียเปรียบครับ

อ้อ มีบางธนาคารครับ ที่ให้กู้ซื้อรถยนต์แบบอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าชั้นดี หรือลูกค้าเก่าของเขาครับ ซึ่งกลุ่มนี้ถ้ามีเงินมาโปะ หรือจ่ายเพิ่มมากกว่า ประหยัดดอกเบี้ยได้เยอะครับ

อย่าให้ตัวเลขอัตราดอกเบี้ยมาลวงตาครับ มันเป็นกลยุทธ์แบบหนึ่งแค่นั้นเองครับ

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 20:50:27 »
ตอบ คุณ Sman

ไม่เป้นไรครับ กี่ % ก็ช่างมันเถอะครับ ขอบคุณที่พยายามอธิบายนะครับ  เอาเป็นว่า ไม่รู้จะเถียงกันทำไม ผมทำงาน finance จบ MBA finance ก็พอรู้เรื่องหละครับ ที่บอก 40% บอกผิด ขออำภัย ประมาณ 10% ประมาณนะครับ ขี้เกียจเอาเครื่องคิดเลข finance มาถกกัน ผมแค่คิดง่ายๆ ให้ดู ว่าไม่มีเงินกู้ไหน ถูกเท่ากู้ซื้อรถ แค่นั้นแหละครับ

เรื่องคำนวนพอทำเป็นครับ แต่อยากทราบว่า เงินกู้จำนวนเท่ากัน มีเงินกู้ไหน 2 ล้านบาท ที่ดอกเบี้ยถูกกว่ากู้รถ มีเงินกู้ไหนบ้าง อาจจะมีกู้บ้าน แต่นั่นมันระยะยาว เลยได้ถูกกว่า อย่างที่บอกครับ เงินกู้ 2 ล้าน ดอก 5 ปี  แค่ 2 แสน 5 หมื่น  ถึงจะคำนวนดอกจากเงินต้นทั้งก้อน ก็ยังถูกอยู่ดีแหละครับ ไม่ต้องมอง % หรอกครับ เอาตัวเงินนี่แหละมาวัดกัน เพราะกู้ 2 ล้าน ไม่ว่าจะกู้แบบไหน 5 ปี ไม่มีทางจ่ายดอกรวมแค่ 2 แสน 5 แน่ๆ ครับ ผมสื่อแค่นี้แหละ อิอิ

หุหุ ถกเพื่อความเข้าใจ ไม่ดราม่ากันนะครับ  ;D
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ capton

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 379
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 21:55:05 »
ผมก็เครียดครับ ตั้งแต่ได้มา เป็นรถในฝันตอนเด็กๆ คิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาส แต่พอได้ครอบครองแล้วเครียด คือ
- ของแต่งแพงหัวจรดเท้า  เมื่อก่อนพอไหว ตอนนี้ ภรรเมียคุมคลังในบ้าน ยากที่จะเอามาเงินแต่งได้
- ไม่ค่อยได้ใช้ ปีนึงวิ่งไป หมื่นโล เหตุผล ภรรยาไม่ชอบรถเตี้ยๆ ขนของได้น้อย แถมลูกไม่นั่ง ไม่มี DVD ดู
- จะเอาไปซิ่งคนเดียว ภรรยาก็ไม่ให้ไป กลัวไปรับสาว ให้ไว้รับส่งลูกไปโรงเรียน(วันละ20โล)
- ภรรยาสั่งให้ขาย ไปเอาx3 แต่ผมไม่ชอบๆๆๆๆ แถมขาดทุนแบบ ต้องแถมเงิน

แต่คิดว่าผ่อนคันนี้หมด ก็อยากได้ BMW เหมือนเดิม รถอะไรไม่รู้ มันใช่อะ  :D


ออฟไลน์ thehmmthehmm

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 96
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 22:12:22 »
ตอนมี BSI คงไม่เครียด
พอหมดแล้วซี้ด
ของผมซ่อมกันไปปีละแสน

ออฟไลน์ Skyline

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 390
Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 23:45:12 »
ผมว่า ที่ เห็นรถตลาดไปชน และสภาพเละอะไรแบบนี้  ผมว่าขับประมาทมากกว่าครับ  ถ้าขับประมาท ถุงลม20ใบก็ไม่ช่วยอะไรครับ
accord ใหม่พลทอสอบการชนก็ ชนะรถยุโรป หลายรุ่นน้าาาา ;D
+ 1 like ครับ ตามที่เมืองนอกทดสอบการชนนี่ได้ระดับดีเลยครับ ดีกว่าเจ้าตลาดมาก