(ที่มา:มติชนรายวัน 13 มิ.ย.2556)
แหล่งข่าวจากสมาคมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น หอการค้าญี่ปุ่น (เจซีซี) สภาหอการค้าญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ตัวเลขยอดขายรถยนต์เดือนพฤษภาคมมีจำนวนทั้งสิ้น 111,556 คัน แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่มียอดขายจำนวน 109,673 คัน แต่พบว่าเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วที่มียอดขาย 115,943 คัน ถือว่ามีอัตราเติบโตลดลง และนับเป็นเดือนแรกที่ตลาดรถยนต์ในประเทศมีอัตราเติบโตที่ถดถอย หลังจากมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอด 16 เดือนที่ผ่านมา สาเหตุเนื่องจากที่ผ่านมามีโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลมาช่วยกระตุ้นตลาด แต่เมื่อหมดระยะเวลาโครงการเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2555 แม้ว่าจะยังช่วยกระตุ้นตลาดต่อเนื่องมาจนถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพราะยังมียอดค้างส่งมอบ แต่ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลงแล้ว นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการย่างเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของตลาดรถยนต์ด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า ค่ายรถที่มียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ได้แก่ โตโยต้า 38,024 คัน รองลงมาคือ ฮอนด้า 21,079 คัน และอีซูซุ 18,647 คัน (ดูตารางประกอบ) สำหรับตลาดรถเก๋งค่ายฮอนด้ายังคงรักษาแชมป์ไว้ได้ด้วยยอดขาย 21,709 คัน รองลงมาคือ โตโยต้า 16,328 คัน และนิสสัน 3,393 คัน (ดูตารางประกอบ) ส่วนตลาดรถอีโคคาร์อันดับ 1 ได้แก่ ซูซูกิ สวิฟท์ 3,293 คัน รองลงมาคือ มิตซูบิชิ มิราจ 2,763 คัน และฮอนด้า บริโอ้ อเมซ 2,171 คัน เป็นที่น่าสังเกตว่า ซูซูกิ สวิฟท์ สามารถรั้งอันดับผู้นำในยอดขายอีโคคาร์เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ เปิดเผยว่า ซูซูกิ สวิฟท์ ยังคงครองแชมป์ยอดขายอีโคคาร์ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง หลังจากได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจากโครงการรถคันแรกตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ซูซูกิ
สวิฟท์ ยังมียอดยกเลิกจองรถคันแรกน้อยมาก คิดเป็น 10% ของยอดทั้งหมด และสาเหตุที่ยกเลิกไม่ได้มาจากลูกค้าหันไปซื้อยี่ห้ออื่น แต่เป็นเพราะลูกค้าเปลี่ยนใจยังไม่มีความพร้อมมากกว่า อย่างไรก็ตาม ซูซูกิ สวิฟท์ จะเร่งส่งมอบลูกค้าเร็วขึ้น หลังจากมีการปรับปรุงกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น ส่วนจะเร็วขึ้นเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละดีลเลอร์