นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้แต่งตั้งคณะทำงานส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) มีนางอรรชกา สีบุญเรือง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน เพื่อพิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ ระยะที่ 2 ที่สร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ยังยึดประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอีโคคาร์หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 เพราะทราบว่ามีหลายประเทศอยู่ระหว่างทบทวนสิทธิประโยชน์และสนับสนุนการลงทุนอีโคคาร์
"หากเราไม่ทำอะไรมีแนวโน้มว่าจะย้ายฐานไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน" นายประเสริฐกล่าว และว่า ได้มอบหมายให้เร่งรัดดำเนินการพิจารณามาตรการส่งเสริมขยายการลงทุนอีโคคาร์ใหม่ให้ได้ข้อสรุปและมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นปีนี้ เบื้องต้นอาจต้องรื้อเกณฑ์คุณสมบัติ การผลิต เงื่อนไขมาพิจารณาใหม่ทั้งหมด อาทิ ขนาดของเครื่องยนต์เดิมกำหนดให้รถที่ใช้เบนซินต้องมีขนาดไม่เกิน 1300 ซีซี ดีเซลไม่เกิน 1400 ซีซี จะเพิ่มเป็น 1500-1600 ซีซี แต่ควบคุมเกณฑ์การใช้เชื้อเพลิง เช่น 20 กิโลเมตร/ลิตร รวมถึงปรับเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง จากอี20 เป็น อี85 เป็นต้น
นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ความต้องการรถยนต์อีโคคาร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นมาก ปี 2554 จำนวนการผลิตอยู่ที่ 60,000 คัน ปี 2555 อยู่ที่ 259,000 คัน และ 3 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ที่ 108,000 คัน คาดว่าสิ้นปีจะไม่ต่ำกว่า 430,000 คัน ใกล้เคียงกำลังการผลิตที่อนุมัติไว้ที่ 585,000 คัน
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า นอกจาก 5 รายที่ได้รับสิทธิส่งเสริมแล้ว คือ ฮอนด้า มิตซูบิชิ ซูซูกิ นิสสัน และโตโยต้า ที่ยังไม่ได้เริ่มการผลิตนั้น ทราบว่าขณะนี้มีนักลงทุนทั้งรายเก่าและรายใหม่สนใจอีโคคาร์รอบ 2
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1371816750&grpid=&catid=05&subcatid=0500