ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?

theunz

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 12:38:51 »
ตอบแบบง่ายๆนะครับ
การตลาดครับ
จากประวัติการและแผ่นการทำงานเป็นมาของแต่ละค่ายแต่ละประเทศ (ที่เกิดจากปัจจัยทุกๆอย่าง ทั้งบุคลิกคน ฐานะ อื่นๆอีกมากมาย)
ถ้าค่ายพี่ยุ่นทำ research มาแล้วว่ารถมี turbo นะตอนนี้ทำแล้วขายได้นะ เข้าทำไปแล้วครับ ผมว่ามันมาจาก business model ของแต่ละที่กัน ค่ายรถใหญ่ๆเข้ามีข้อมูลที่แน่นกว่าพวกเราเยอะครับ

ส่วนอันไหนคุ้มโดยแค่แยกว่ามี turbo กับไม่มีมันตลกดีครับ ลองไปขับดูก่อนก็ดีครับ
เหมือนถาม50บาทซื้อผลไม้อะไรดี ซื้อกล้วยได้ทั้งหวี ส้มได้2-3ลูก จะบอกว่าทำไมคนไม่ซื้อกล้วยกัน? ก็อยากกินส้มอะ

ส่วนตัวถ้าไม่มี turbo ได้จะดีมาก ถ้าแรงมาเท่ากันทั้งสองเครื่องยังๆงขอไม่มีturboดีกว่า



kwancanoe

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 12:54:23 »
หลายคนหลงประเด็นคำถาม จนทนะครับ 

เขาหมายความว่าในปัจจุบันทำไม รถญี่ปุ่นไม่ติด turbo มาในรถบ้าน หรือ รถ premium ไม่ใช่ถามว่าใครมี turbo ก่อนกัน

เล่าย้อนหลังยุคไดโนเสาร์กันเลยทีเดียว

ผมก็อยากได้ความรู้เหมือนกันทำไมรถญี่ปุ่นไม่ติด turbo แต่เห็นมีรถบ้านขายในจีน พี่ยุ่นเราติด turbo ให้ด้วยนะ ในพวกตัวถังยาวพิเศษ




เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เห็นหลงประเด็ดไปเยอะทีเดียว ในคำถามของผมคือ ราคาเท่ากัน และ ขนาดเดียวกัน คือถ้าติดแล้วมันแพงขึ้นอันนี้ก็พอจะเข้าใจได้เรื่องตันทุน หรือ... ไปเอา Camry มาเทียบกับ BMW อันนี้ผมก็คงไม่เอาเทียบเพราะคนละราคาครับ
เหมือนว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งของที่เทียบเท่ากันทุกอย่างทั้งด้าน มิติและราคา นะครับ

ยกตัวอย่างเอาชัดๆก็ได้ครับ เอาเป็นว่า....

1. Lexus IS 250 F Sport 2.5 N/A 3,990,000 กับ BMW Series 3 Active Hybrid 3.0 Turbo+Hybrid 4,190,000 ; BMW แพงไป 200,000 ค่า Hybrid ละกัน เนอะ
2. Lexus LS460 F Sprot 4,608 cc N/A 9,990,000 กับ Porsche Panamera S E-Hybrid 3.0 cc Supercharge+Hybrid 9,600,000 ; อันนี้ Lexus แพงกว่า

คำถามของผมก็เหมือนเดิม Lexus มันไปแพงกับอะไร? แล้วทำไมคนยังซื้อ?

หรือถ้าจะเอาให้สุดขั้วนะครับ ก็จิตนาการว่าถ้า Lexus ทำรถออกมา 2 คัน ราคาเท่ากัน โดยทั้ง 2 คันให้ม้าเท่ากันที่ 300 แรงม้า

1. 3.0 N/A แรงบิดสูงสุด 350 ที่ 6,500 รอบ
2. 2.5 Turbo แรงบิดสูงสุดที่ 350 ที่ 2,000 - 5,000 รอบ

จะเลือกคันไหน ทำไม เพราะอะไร ครับผม และคันไหนมันน่าจะคุ้มกว่าและประหยัดน้ำมันได้มากกว่าครับ???



อีกนิดก็แรง

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 13:07:26 »
เหมือนว่า ญี่ปุ่นยังทำให้ turbo ประหยัดน้ำมันไม่ได้เลยไม่ใส่มาให้มั้งครับ

เห็นรถญี่ปุ่นยัดโบทีไร ชูแต่เรื่องความแรง พอจะประหยัดก็ไป hybrid

ผมมองว่า ญี่ปุ่นเลือกเดินทาง hybrid เพื่อจะให้ประหยัดน้ำมัน แต่ทางยุโรป

เน้น เทอโบ กับเครื่องดีเซล แล้วทีนี้พอเทคโนโลยีเทอโบทางฝรั่งยุโรปเริ่มตัน

ก็หันมาพัฒนา hybrid กับรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง  แต่ทางฝั่งญี่ปุ่นยังงุ่นอยู่กับ

การพัฒนาระบบ hybrid อยู่เลย แต่ระบบ hybrid ของ ทางฝั่งยุโรปก็ไม่ได้ดีเด่อะไร

เช่น คาเยน  hybrid ก็ไม่ได้ประหยัดขนาดน่าตกใจ e300 hybrid  ผมก็มองว่ามันน่าจะประหยัด

ได้มากกว่านี้ เพราะเครื่องดีเซลเทอโบเพียวๆ ก็ได้เกือบเท่า ระบ hybrid




gttle

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 13:11:26 »
ถ้าราคาเท่ากันขนาดเดียวกัน ก็เป็นเรื่องการตลาดล่ะครับรถญี่ป่นบ้านเราภาพมันคือราคาไม่แพงซ่อมไม่จุกจิกราคาไม่สูงไม่ต้องดูแลมาก...ไอ้พวกของเล่นอย่างรถยุโรปหรือพวก turbo น่ะค่าดูแลมันก็ต้องเพิ่มขึ้นบางคนเค้าคิดว่าเป็นภาระที่ต้องมาเสียกับเรื่องพวกนี้นะครับบางทีมันไม่ได้จำเป็นต้องใช้เลยแล้วตลาดบ้านเราคนใช้รถแบบนี้ก็มีเยอะด้วยถ้าตลาดต้องการแบบนี้เยอะกว่าจะยัดของพวกนั้นมาทำไมล่ะครับดีไม่ดีจะกลายเป็นขายไม่ได้อีก



Pan Paitoonpong

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 13:18:02 »
เครื่องเทอร์โบ ขายได้กับลูกค้าที่ตีนหนัก หรือมีความเข้าใจในเทคโนโลยี
แต่รถ NA ขายได้กับคนทั้งโลก โดยเฉพาะกับตลาดกลุ่มที่ไม่เล่นไม่สนเรื่องรถ
มันเป็นเรื่องของพฤติกรรมการบริโภคส่วนหนึ่ง

กับเรื่องการแชร์เครื่องยนต์ใช้ระหว่างอนุกรมอีกส่วนหนึ่ง เมื่อตลาดส่วนมากไม่ได้สนเรื่องเทอร์โบ
ก็ต้องพัฒนาเครื่อง NA และพอพัฒนา NA ก็ต้องเอาไปใช้ให้คุ้มกับรถส่วนใหญ่ของค่าย
เช่นเครื่อง GR ของ Toyota และ VQ ของ Nissan ซึ่งถูกนำไปใช้กับทั้งรถบ้านและรถพรีเมียมของค่าย

ทั้ง GR และ VQ เป็นตัวอย่างของสิ่งที่ถูกคิดค้นมานาน และมีความพยายามที่จะประยุกต์ใช้ต่อไป
เพื่อเซฟต้นทุน แต่ในระยะยาว การใช้เครื่องความจุโตมีข้อเสียในเชิงเชื้อเพลิงและมลภาวะ
ยุโรปมองว่าเทอร์โบเป็นทางออก เอาต้นทุนไปเทกับวัสดุเครื่อง ในขณะที่ญี่ปุ่นมองว่าไฮบริดคือทางออก
เอางบประมาณไปเทกับมอเตอร์และระบบไฟฟ้า นี่คือสิ่งที่เราเห็นจากยุคต้นศตววรษนี้เป็นต้นมา

เรามาคิดมาขบอะไรกันเยอะแยะมากมาย แท้จริงอาจจะไม่ใช่อะไรมากไปกว่าการที่ยุโรปเลือกทางเดินแบบนั้น
และญี่ปุ่นเลือกที่จะทำเครื่องแบบนั้น แค่นั้นแหละครับ ทั้งสองฝั่งก็ลงทุนลงแรงวิจัยไปกับทางเลือกที่ตัวเอง
เลือก จนตอนนี้คิดจะถอยกลับก็ยาก รถฟากญี่ปุ่นส่วนมากจะระแวดระวังเรื่องการใช้เงิน มีความกลัวในการตัดสินใจ
ลงทุนตามสไตล์ญี่ปุ่น เขาจึงไม่ทำเครื่องเทอร์โบ ใส่ในตลาดเทอร์โบที่เขาคิดว่ามันจะมีลูกค้าน้อย

ส่วนยุโรป ใครเป็นตัวนำเรื่องเทอร์โบล่ะ ไม่ต้องพูดเรื่อง Saab ที่เป็นผีแล้วฟื้นแล้วตาย แต่มองไปที่
ยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่ม VW Group ซึ่งใช้ระบบอัดอากาศมากขึ้นเรื่อยๆในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำไมเขากล้าทำ?
ก็เพราะเขามองเห็นลู่ทางในการลดต้นทุน จากเดิมต้องมีเครื่อง 1.1,1.2,1.4,1.6,1.8,2.0,2.3.2.5,2.8,3.6ลิตร
ก็ยุบมันซะ เหลือ 1.2,1.4,2.0,3.0 (ไม่ต้องนับพวก V8นะ) แล้วรุ่นไหนจะแรงเท่าไร ก็มาเล่นที่การเซ็ต
แรงดันซูเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบ และไส้ในก็พอ อย่างอื่นหล่อร่วมกันได้ เซฟต้นทุนเห็นๆ

BMW ล่ะ? ก็ทำนองเดียวกัน จากเดิมมี 1.8,2.0,2.5,3.0 ก็รวบเหลือ 1.6,2.0,3.0 และในอนาคต
เครื่องใหม่ที่กำลังมานี่ เทอร์โบทั้งนั้น ออกแบบทุกอย่างร่วมกันหมด 3 สูบ 1.5 ลิตร 4 สูบ 2.0 ลิตร
6 สูบ 3.0 ลิตร มีแค่สามรุ่นนี้กับการจูนกำลังที่ต่างกันก็กระจายเป็นรถได้หลายรุ่นแล้ว


ญี่ปุ่น..วันนี้จะเซฟอะไรได้เขาก็เซฟ
ยุโรป มองวันหน้าว่าจะเซฟยังไงให้ได้มากที่สุด แม้วันนี้จะต้องลงทุนก้อนใหญ่ แต่วันหน้าเขาเอาคืนคุ้มแน่


นั่นคือเรื่องทัศนคติที่มีต่อระบบขับเคลื่อน

ส่วนในภาพของรถทั้งคัน คุณสงสัยว่าทำไมรถทั้งคันราคาเท่ากัน ญี่ปุ่นแพงกว่าด้วยซ้ำ
แต่ทำไมเครื่องยุโรปดีกว่า...ใช่ครับ เครื่องยุโรป ดีกว่า แต่เครื่องยนต์ไม่ใช่ตัวแปรสำคัญของต้นทุนรถแต่ละคัน
เพียงอย่างเดียว แม้แต่คุณภาพเหล็ก โฟมคอนโซล ยางหุ้ม ยางช่วงล่าง ทุกอย่างนับเป็นต้นทุนหมด
ญี่ปุ่น เลือกที่จะทำรถแพงเท่ากัน  ลงทุนกับเครื่องยนต์น้อย แต่ลงทุนกับสิ่งอื่นมากกว่า

ไอ้สิ่งอื่นของผม คืออะไร ผมไม่ตอบวันนี้นะครับ แต่แนะนำว่าคุณลองไปถามคนที่มีทั้ง Lexus
และ BMW และ Mercedes ที่มีอายุ 7-10 ปีขึ้นไป แล้วขอเขาดูบิลค่าซ่อมดูแล้วกันครับ





- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8



localgame

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 13:25:51 »
หลายคนหลงประเด็นคำถาม จนทนะครับ 

เขาหมายความว่าในปัจจุบันทำไม รถญี่ปุ่นไม่ติด turbo มาในรถบ้าน หรือ รถ premium ไม่ใช่ถามว่าใครมี turbo ก่อนกัน

เล่าย้อนหลังยุคไดโนเสาร์กันเลยทีเดียว

ผมก็อยากได้ความรู้เหมือนกันทำไมรถญี่ปุ่นไม่ติด turbo แต่เห็นมีรถบ้านขายในจีน พี่ยุ่นเราติด turbo ให้ด้วยนะ ในพวกตัวถังยาวพิเศษ




เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เห็นหลงประเด็ดไปเยอะทีเดียว ในคำถามของผมคือ ราคาเท่ากัน และ ขนาดเดียวกัน คือถ้าติดแล้วมันแพงขึ้นอันนี้ก็พอจะเข้าใจได้เรื่องตันทุน หรือ... ไปเอา Camry มาเทียบกับ BMW อันนี้ผมก็คงไม่เอาเทียบเพราะคนละราคาครับ
เหมือนว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งของที่เทียบเท่ากันทุกอย่างทั้งด้าน มิติและราคา นะครับ

ยกตัวอย่างเอาชัดๆก็ได้ครับ เอาเป็นว่า....

1. Lexus IS 250 F Sport 2.5 N/A 3,990,000 กับ BMW Series 3 Active Hybrid 3.0 Turbo+Hybrid 4,190,000 ; BMW แพงไป 200,000 ค่า Hybrid ละกัน เนอะ
2. Lexus LS460 F Sprot 4,608 cc N/A 9,990,000 กับ Porsche Panamera S E-Hybrid 3.0 cc Supercharge+Hybrid 9,600,000 ; อันนี้ Lexus แพงกว่า

คำถามของผมก็เหมือนเดิม Lexus มันไปแพงกับอะไร? แล้วทำไมคนยังซื้อ?

หรือถ้าจะเอาให้สุดขั้วนะครับ ก็จิตนาการว่าถ้า Lexus ทำรถออกมา 2 คัน ราคาเท่ากัน โดยทั้ง 2 คันให้ม้าเท่ากันที่ 300 แรงม้า

1. 3.0 N/A แรงบิดสูงสุด 350 ที่ 6,500 รอบ
2. 2.5 Turbo แรงบิดสูงสุดที่ 350 ที่ 2,000 - 5,000 รอบ

จะเลือกคันไหน ทำไม เพราะอะไร ครับผม และคันไหนมันน่าจะคุ้มกว่าและประหยัดน้ำมันได้มากกว่าครับ???

ภาษีนำเข้ารถไฮบริดถูกกว่า ราคาเลยเป็นตามที่เห็น

ส่วนข้อล่างเลือก2.5turboเพราะแรงบิดมาไวกว่า



Spec C Wannabe

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 13:31:18 »
ใครว่าไม่ทำ ทำ กำลังพัฒนาอยู่ ช้าหน่อย



perato.exa

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 14:05:38 »
GT-R ใส่นะคับ

Vios ก็เคยใส่เอามาขาย ขายไม่ออกหละ :-\


วีออสจำกัดการขายค่ะ



Emission

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 14:09:55 »
ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงาน ??

- ผมคิดว่า เพราะต้นทุนต้องสูงขึ้น

ผมขอตอบ ต่างมุมนะครับ
เพราะ ในปัจจุบัน และอนาคต "มาตรฐานไอเสีย" มีแต่จะเข้มงวดขึ้น

- แนวโน้มรถเครื่องใหญ่ CC สูงๆ จะปล่อยไอเสียมากกว่าเครื่องเล็กติดเทอร์โบแน่นอน

- กลุ่มประเทศยุโรป เป็นกลุ่มแรกที่มีมาตรฐานไอเสีย มาควบคุมก่อน -->> ผู้ผลิตรถยนต์ก็ต้องเตรียมรถ ให้ผ่านมาตรฐานด้วย

- รถญี่ปุ่นในอนาคต จะทำตลาดในยุโรปได้ ผู้ผลิตญี่ปุ่นก็ต้องปรับตัวด้วยเหมือนกันครับ

- ตัวอย่าง Honda Civic Type R ที่จะขายในปี 2015 เครื่อง 2.0L ยังติดเทอร์โบ เลยครับ



SignifeR

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 14:14:50 »
แพนตอบได้เคลียร์แล้ว หวังว่าเจ้าของกระทู้จะเกทไอเดียเพื่อนผมนะครับ

ส่วนผมผมมองว่า ญี่ปุ่นยังสนุกกับแคมกระดิกและไฮบริดอยู่น่ะแหละ อีกอย่างระบบเกียร์ด้วย...อย่าลืม
มันไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ เกียร์ก็มีส่วนช่วยให้รถวิ่งดีหรือแย่ ประหยัดหรือกินน้ำมันด้วย

ส่วนอะไรดีกว่าอะไร เอาว่าคุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อไปเหอะครับ เงินคุณ....
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011



kwancanoe

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 14:28:28 »
แพนตอบได้เคลียร์แล้ว หวังว่าเจ้าของกระทู้จะเกทไอเดียเพื่อนผมนะครับ

ส่วนผมผมมองว่า ญี่ปุ่นยังสนุกกับแคมกระดิกและไฮบริดอยู่น่ะแหละ อีกอย่างระบบเกียร์ด้วย...อย่าลืม
มันไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ เกียร์ก็มีส่วนช่วยให้รถวิ่งดีหรือแย่ ประหยัดหรือกินน้ำมันด้วย

ส่วนอะไรดีกว่าอะไร เอาว่าคุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อไปเหอะครับ เงินคุณ....

Get เลยครับ โดยเฉพาะคำส่งท้ายของพี่แพนนั้นทำให้ Get ขึ้นมามากทีเดียว

ถ้าสรุปตามเนื้อความน่าจะได้ประมาณว่า

1. ถ้ารถมือ 1 ราคาเท่าๆกัน ยังไงก็ไปยุโรป เพราะคุ้มกว่า ทั้งของเรื่องเครื่องยนต์ วัสดุประกอบภายในและภายนอก รวมไปถึง Options ที่มามากกว่า
2. ถ้ารถมือ 2 ราคาเท่าๆกัน ญี่ปุ่น(Lexus) น่าจะคุ้มกว่า เพราะน่าจะโดนเอามาซ่อมแน่ๆ แล้วเหมือนพี่แพนจะพยายามบอกว่าค่าซ่อม Lexus มันถูกกว่า BMW หรือ Benz อย่ามีนัยสำคัญ(รึเปล่า?) ;D

ปล. คนญี่ปุ่นนี่เขามี Concept ทำสินค้าได้เหมือนกันไปหมดจริงๆ ทั้ง คอมฯ, กล้อง, มือถือ มาจนถึงรถยนต์ คือราคาเท่าชาวบ้าน แต่ Spec ต่ำกว่าเสมอๆ...... เขามั่นใจในตัวเองจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 09, 2013, 14:33:41 โดย kwancanoe »



PengZZ

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 15:24:18 »
พวก K car ไง ใส่เพียบเลย แต่เราไม่มีโอกาสได้ขับ :'(



AMG GT

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 15:29:34 »
แพนตอบได้เคลียร์แล้ว หวังว่าเจ้าของกระทู้จะเกทไอเดียเพื่อนผมนะครับ

ส่วนผมผมมองว่า ญี่ปุ่นยังสนุกกับแคมกระดิกและไฮบริดอยู่น่ะแหละ อีกอย่างระบบเกียร์ด้วย...อย่าลืม
มันไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ เกียร์ก็มีส่วนช่วยให้รถวิ่งดีหรือแย่ ประหยัดหรือกินน้ำมันด้วย

ส่วนอะไรดีกว่าอะไร เอาว่าคุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อไปเหอะครับ เงินคุณ....

Get เลยครับ โดยเฉพาะคำส่งท้ายของพี่แพนนั้นทำให้ Get ขึ้นมามากทีเดียว

ถ้าสรุปตามเนื้อความน่าจะได้ประมาณว่า

1. ถ้ารถมือ 1 ราคาเท่าๆกัน ยังไงก็ไปยุโรป เพราะคุ้มกว่า ทั้งของเรื่องเครื่องยนต์ วัสดุประกอบภายในและภายนอก รวมไปถึง Options ที่มามากกว่า
2. ถ้ารถมือ 2 ราคาเท่าๆกัน ญี่ปุ่น(Lexus) น่าจะคุ้มกว่า เพราะน่าจะโดนเอามาซ่อมแน่ๆ แล้วเหมือนพี่แพนจะพยายามบอกว่าค่าซ่อม Lexus มันถูกกว่า BMW หรือ Benz อย่ามีนัยสำคัญ(รึเปล่า?) ;D

ปล. คนญี่ปุ่นนี่เขามี Concept ทำสินค้าได้เหมือนกันไปหมดจริงๆ ทั้ง คอมฯ, กล้อง, มือถือ มาจนถึงรถยนต์ คือราคาเท่าชาวบ้าน แต่ Spec ต่ำกว่าเสมอๆ...... เขามั่นใจในตัวเองจริงๆ
ผมว่ารวมทุกอย่างก็ไม่นะ  บางอย่างญี่ปุ่นก็ให้มากกว่าครับ  เหมือน Benz กับ BMW    และ  Lexus    lexusวัสดุภายในดีกว่าทั้งสองค่านะครับ  ไม่ใช่ว่าเป็นรถญี่ปุ่นแล้วจะต้องด้อย  กว่ายุโรปเสมอไป



Ty ESC

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 15:49:20 »
ขอถาม จขกท ข้อเดียวเลยครับ

เห็นเขียยนว่าไม่เคยขับรถมีเทอโบ

แล้วรู้ได้อย่างไรครับว่ามีเทอร์โบมันดี หรือการมีเทอโบมันคุ้มค่าให้อะไรได้มากกว่าจนจำเป็นต้องใส่ในรถทุกคันถึงจะเป็นรถที่ดีคุ้มค่า ประหยัด หรือมันมีอะไรมากกว่าจนต้องตัดรถที่ไม่มีเทอโบออก

ผมขอแชร์โดยส่วนตัวของผม
ผมไม่ชอบ รถเทอโบ เพราะไม่ชอบอาการเทอโบแลค เช่นใน W204 / F30 2.0i, 2.0d  ต่อให้ใช้เกียร์รุ่นใหม่ๆแล้ว 7/8 สปีด ก็ยังมีอากากรแลคไม่ชอบการดึงแบบสั้นๆแล้วจบ ไม่ชอบการที่ต้องมีเกียรเยอะแยะเพื่อให้รอบตัดต่อกำลังต่อเนื่อง

และการแลคไม่ได้มีผลมาจากแค่ตัวเครื่องบูสเทอโบแต่อาจมาร่วมกับการตอบสนองคันเร่งที่ช้า ยิ่งทำให้เกิดช่วงเวลาสูญญากาศ ของจังหวะกำลัง
ยิ่งเครื่องดีเซลยิ่งเห็นได้ชัดในจังหวะที่ขับมาเร็วๆแล้วยกเท้า ถอนเพื่อรอดูจังหวะ แล้วกดคันเร่งออกไปเมื่อแน่ใจว่าจะเร่งต่อไปได้ ในบางจังหวะมันมีอาการกระตุกหรือคิดช้าอยู่ ถึงจะแต่วิเดียวแต่สัมผัสได้ชัดเจน ซึ่งอาการนี้อาจไม่เกิดกับใครเลยก็ได้ถ้าไม่มีนิสัยการกดคันเร่งแบบที่ผมทำ

หรือจากการที่ภรรยาผมที่ใช้ civic 2.0 ประจำมายืมรถ c200 ขับแล้วบอกว่ารถช้ามากเร่งไม่ไป ต้องกดลึกมากรอช้า
เพราะเค้าเคยชินกับการตอบสนองที่ไวกว่าของจังหวะกำลัง คือจังหวะกดนิดเดียวแล้วมาในทันทีเค้าชินแบบนั้นคันเร่งเบาๆ พอมาขับรถเทอโบกลายเป็นกดแล้วไม่มาก็เลยกดหนักขึ้นพอรอบมาก็เป็นว่ามันกระชากไป ต้องถอนๆเร่งๆ นี่เป็นเรื่องการปรับตัว แต่สัมผัสได้มั้ย ได้ครับ

ยังไม่รวมอาการท้ายดิ้นถ้าไปเผลอกดในโค้ง หรือหักแรงๆต่อให้มีอีเลคโทรนิคช่วย แต่ผมก็คิดว่ามันไม่จำเป็นต้องมีถ้าเราคุมจังหวะกำลังได้แม่นยำกว่านี้ แต่ทำได้ยากกว่าเพราะเป็นเครื่องเทอโบ

และผลจากนิสัยที่ผมใช้แต่ระเครื่อง2300 ขึ้นไปมาตลอด สิบหกปี พอเริ่มมาใช้รถเครื่องเล็ก อัดเทอโบ ผมกำลังเสียวว่าเทอโบผมอาจอยู่ไม่ยืน ยังดีที่มีประกัน 5 ปี เพราะตอนนี้เสียงหวีดเทอโบเรื่มดังขึ้น ช่วงเทอโบแลคนานขึ้น จนต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วขึ้นจากเมื่อก่อน รถดีเซลเทอโบอีกคันผมขับ สามปี เทอโบหวีดเช่นกัน เริ่มมีอาการควันขาวให้เห็นนิดๆ คาดว่าไปแล้วแน่ๆ เพราะโดนคนงานเอาไปใช้ขับรับส่งคนอยู่สองปี


สิ่งเหล่านี้มีผลคอขาดบาดตายมั้ย ไม่มีครับ ผมแค่ไม่ชอบ

แต่ไม่ชอบขนาดไม่ซื้อรถเทอโบมั้ย ก็คงไม่เพราะ สี่คันล่าสุดที่ซื้อมีเทอโบหมดละ
แต่ทุกครั้งที่กลับไปขับรถเครื่องใหญ่ๆคันเก่าเกียร์ 5 จังหวะ ผมมีความสุขดีและไม่รู้สึกว่ามันไม่แรงหรือไม่ประหยัดอะไร
และไม่คิดถึงแรงดึงที่มาวูบเดียวของเทอโบเลย ผมชอบดึงนิ่มๆเรื่อยๆแต่นานๆดีกว่า

สุดท้าย ขออธิบายว่าทำไมถึงมีหลายๆคนพยายามพูดถึงอดีต
เพราะเป็นคำตอบของคำถามคุณไงครับว่าทำไมเค้าไม่ทำ
เพราะการจำทำอะไรในสินค้าที่ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีมันต้องอาศัยช่วงเวลาวิจัย
ถ้าเค้าไม่เคยทำหรือทำแล้วขายไม่ได้เค้าก็ไม่ทำมาขายในอดีต ในวันนี้มันเลยไม่มีไงครับ
มันไม่สามารถที่จะจู่ๆเห็นรถอีกค่ายใช้ก็เอามายัดได้เลย มันต้องมีส่วนประกอบอื่นๆด้วย
มันต้องทดสอบวิจัย ปรับจูน พัฒนา แก้ไขก่อนจะเอามาขายได้ ถ้าเกิดเลือกเทคโนโลยีผิด หรือผิดจังหวะเวลาก็ต้องใช้งบมหาศาล และเวลา ในการตั้งลำใหม่ ตัวอย่างของSaab ที่ใช้เทอโบก่อนชาวบ้าน รถก็ดีแรงขับดี แต่ดันดีเกินไปผิดที่ผิดเวลาตลาดไม่ได้เห็นข้อดีของเทอโบตอนนั้น ผลคือเจ๊ง

ฉะนั้นอดีต มันเป็นคำตอบของคำถามของคุณครับ ถ้าอยากรู้ว่าทำไมก็ต้องหาเหตุและผลจากที่มาที่ไป

และถ้าคุณลองไปคันอดีต คุณจะได้ข้อมูลประกอบอื่นๆที่จะทำให้เข้าใจว่าทำไมรถยนต์ถึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต่อให้ต้องเดาบ้างผิดมั่งถูกมั่ง มั่วมั่งมันก็มี ข้อมูลดิบให้ขบคิดมากกว่า ยิ่งถ้าได้อ่านแล้วไปลองขับจริง อาจจะพบสัจจะธรรมว่า รถที่ดีของเราอาจจะไม่ใช่รถที่ดีของทุกคนก็ได้ แค่เราชอบมัน




Pan Paitoonpong

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 17:00:20 »
จริงๆอะไหล่ Lexus ผมว่าก็ไม่ได้ถูกนะครับ แต่มีุจุดที่ต้องเสียต้องเปลี่ยนมากแค่ไหน และความทนทานของวัสดุในจุดต่างๆ
หรือแม้แต่ลักษณะการเก็บสายไฟ ปลั๊กสายไฟ คุณภาพของสายไฟ คุณภาพของปลั๊ก ยันไปถึงตัวน็อตและคุณภาพของน็อต
แต่ถ้าพูดเรื่องนี้..เราจะออกทะเลไปนอก Topic เรื่องเครื่องยนต์แต่ที่ต้องพูดถึงเพราะการตัดสินใจในรูปแบบเครื่องยนต์นั้น
มันต้องมีความสัมพันธ์กับต้นทุนของรถทั้งคัน และวิธีการเลือกบริหารจัดการต้นทุนนั่นเองที่ทำให้รถญี่ปุ่น และรถยุโรปมีดีกันคนละด้าน

เรื่องเครื่องผมจบแค่นั้น แต่ย่อหน้าที่ไปนี้คือจะพล่ามให้ฟังเฉยๆ สามารถข้ามไปได้

ผมมีความเชื่อเสมอว่าในยุคนี้สมัยนี้..บริษัทรถยนต์ที่จะไม่พยายามควบคุมต้นทุนนั้นเหลือน้อยมาก (อย่าไปนับพวกซูเปอร์คาร์
หรือรถ Niche) ถ้าคุณพูดถึงแบรนด์หลัก Toyota, GM, Volkswagen, Mercedes-Benz, BMW มีความพยายามในการคุมต้นทุน
ของรถต่อคันให้เท่าเทียมหรือได้เปรียบคู่แข่งกันทั้งนั้น (เมื่อเทียบแบบตรง Segment) ดังนั้นความแตกต่างของรถแต่ละคัน
จึงอยู่ที่ว่า...จะเอาต้นทุน 1 ก้อนของรถแต่ละคัน ไปลงด้านไหนกันล่ะ..?

ตลอดชีวิตที่จับรถมาหลายคัน รถยุค 80-90-2000ตอนต้นและ2013 ..และประสบการณ์ที่ได้ถลุงรถ
ใน headlightmag 4 ปีที่ผ่านมา ..ผมพอจับเทรนด์ได้ว่าในยุคหลังนี้ รถยุโรปเอาต้นทุนไปลงกับเครื่องยนต์และ
ระบบส่งกำลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ และประสิทธิภาพของพวกมันนั้นทำเอาผมขนลุกเลยเหมือนกัน คุณเชื่อไหมว่า
เกียร์ของรถยุโรปในยุค "Turbo และ DI มาแรง" หลังๆมานี้พัฒนาต่างจากยุค 2000 ตอนต้นแบบคนละเรื่อง
เอา Golf GTi สภาพเดิมสนิทไป Dyno ม้าลงพื้นออกมา 200 ตัว ..ม้าที่เครื่อง 210  เอา C200CGI ไป Dyno
ม้าที่เครื่อง 184..ม้าลงพื้น 173 ...ลองเล่นโหลดไดโน่ดูการจับและล็อคของกลไกในเกียร์ ..เพื่อนผมบอกว่าอึ้ง
ช่วงหลังๆนี้มันไดโน่รถยุโรปตั้งแต่รุ่นยุค 80-90-2000 ยันรถใหม่ล่าสุด วิวัฒนาการของเกียร์ก้าวไปไกลมากในขณะที่
เกียร์อัตโนมัติของญี่ปุ่นยุค 90 เสียกำลัง 25% ยุค 2000 เสียกำลัง 20-25% และช่วงหลังมานี้ ก็ยังเกิน 18% อยู่ดี

เครื่องยนต์รถยุโรป..ยิ่งไม่ต้องพูดถึง..เครื่องยุโรปเทอร์โบยุคหลังๆล้วนสร้างตัวเลขมหัศจรรย์ แรงเหมือนหกสูบ
กินเหมือนรถสี่สูบพันหก..กดคันเร่งรอบ 2000 บูสท์มาเต็มกราฟพุ่งปรี๊ดและลากยาวไปจนยัน 5,500 รอบ..

แต่สังเกตไหมว่า...ถ้าไม่นับพวก Performance model แล้ว ไม่ว่าจะเป็น 3-Series, C-Class หรือ Volvo
หรือ Volkswagen อะไรก็ตามแต่..ช่วงล่างไม่ได้ดีขึ้น และบางรุ่นกลับให้ความมั่นใจน้อยลงด้วยซ้ำ
..ยกเว้น 5-Series F10 เอาไว้ละกันที่ดีขึ้นจริงๆ

บางคนอาจจะบอกว่า ก็รถยุโรปสมัยนี้จับตลาดลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ขับเร็ว..งั้นถามเลยก็ได้ว่า..
ก็แล้วทำไมรถรุ่นก่อนๆมันได้ทั้งนุ่ม ทั้งเกาะ แต่พอมาสมัยนี้ ถ้านุ่มคือไม่มั่น และถ้าจะเอาทั้งมั่นทั้งนุ่ม
ต้องเล่นรถที่มีช่วงล่างไฮเทค หรือเป็นรุ่นสปอร์ต?

นี่แค่ยกตัวอย่าง....ส่วนเรื่องว่าแล้วรถยุโรปใหม่ๆลดต้นทุนตรงไหนอีก..วันนี้ยังตอบไม่ได้แต่อีก 7 ปี เราจะรู้


ผมฝากไว้ให้คิดว่าแม้แต่ยอดยนตรกรรมอย่าง Porsche ก็เล่นกับเรื่องต้นทุน

ยุค 90 บวกลบ.. Porsche มีหนี้สิ้นล้นพ้น และมีรถขายอยู่รุ่นเดียวคือ 911 (หลัง 968 และ 928 ถูกฆาตกรรม)
ปี 1997-98 Porsche เปิดตัวรุ่น 996 มาแทน 993 และก็มี Boxster ขาย ..คือขายกันอยู่แค่สองรุ่นนั่นแหละ
พอปี 2004..เมื่อ 996 ตกรุ่นไป Porsche กลายร่างจากบริษัทที่ใกล้ล้มละลาย เป็นบริษัทรถยนต์ที่
ทำกำไรสุทธิต่อรถหนึ่งคันได้ดีเป็นอันดับหนึ่งของโลก

Boxster ขับดีกว่า 968 Roadster เร่งเร็วกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า สวยกว่า คมกว่า หรูกว่า..Yes
996 บังคับควบคุมดีกว่า 993 ประหยัดน้ำมันกว่า เร็วกว่า ควบคุมง่ายกว่า นั่งสบายกว่า..Yes
แล้วทำทั้งหมดนี่โดยพลิกสถานภาพจากอัศวินขาแพลงเป็นเศรษฐีที่ใหญ่โตจนต่อมาคิดจะงาบ VW ได้อย่างไร

คุณลองไปคิดดู เนี่ยล่ะพิษสงของคำว่าการบริหารจัดการต้นทุนขององค์กร

ปล. อย่าบอกว่า Porsche รวยได้เพราะทำ Cayenne ขาย..Cayenne เพิ่งขายเมื่อปี 2003
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8



Ty ESC

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #75 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 17:49:47 »
เรื่องลดต้นทุน

เบนส์  วิทยุ C class  / E class/ ML class/ SLK/ CLS/ SLS หน้าตาเดียวกัน เปลี่ยนแค่ขนาดคอนโซล
 กระจกข้างใช้ร่วมกัน เสาอากาศครีบฉลามเหมือนกัน และคงอีกมากมายหลายชิ้น
พวงมาลัย สามก้าน นี่ถอดใส่ข้ามรุ่นกันได้เลย

ปรากฎว่า บรรยากาศภายในเบนส์ยุคนี้ คล้ายๆกันหมด ต่างแค่ ขนาดคอนโซล กับ รายละเอียดเย็บหนัง ซ่อนไฟ

ถามว่าดีมั้ยมันคงช่วยลดต้นทุนและหวังว่าไปเพิ่มคุณภาพวัสดุให้ดีให้ทนขึ้น แต่แอบเบื่อ ขึ้นไปรถรุ่นไหนหน้าตาภายในเหมือนกันหมด

ช่วงล่างเบนส์ บีเอ็ม ยุคใหม่ เปราะมากๆ C200 std ผม หกเดือน เคลมโช้คไปสองข้าง นี่ข้างหลังร้องเอี๊ยดอ๊าดไม่จบ ปลาวาฬใช้จะ20 ปี ใช้โช้คไปสองชุดตอนโช้คตายยังนุ่มแน่นอยู่เลย แต่ตั้งแต่รุ่นตาหวานมาจนตาเหยี่ยว โช้คแตกกันทุกสามปี แตกทีน้ำตาไหลพรากๆ



redsun

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #76 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 17:50:55 »
อ่านของคุณแพน แล้วนึกภาพตาม สนุกมากครับ
ข้อมูลและความรู้เพียบๆเลย ขอบคุณมากๆเลยครับ



taokung

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #77 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 17:54:36 »
ขอถาม จขกท ข้อเดียวเลยครับ

เห็นเขียยนว่าไม่เคยขับรถมีเทอโบ

แล้วรู้ได้อย่างไรครับว่ามีเทอร์โบมันดี หรือการมีเทอโบมันคุ้มค่าให้อะไรได้มากกว่าจนจำเป็นต้องใส่ในรถทุกคันถึงจะเป็นรถที่ดีคุ้มค่า ประหยัด หรือมันมีอะไรมากกว่าจนต้องตัดรถที่ไม่มีเทอโบออก

ผมขอแชร์โดยส่วนตัวของผม
ผมไม่ชอบ รถเทอโบ เพราะไม่ชอบอาการเทอโบแลค เช่นใน W204 / F30 2.0i, 2.0d  ต่อให้ใช้เกียร์รุ่นใหม่ๆแล้ว 7/8 สปีด ก็ยังมีอากากรแลคไม่ชอบการดึงแบบสั้นๆแล้วจบ ไม่ชอบการที่ต้องมีเกียรเยอะแยะเพื่อให้รอบตัดต่อกำลังต่อเนื่อง

และการแลคไม่ได้มีผลมาจากแค่ตัวเครื่องบูสเทอโบแต่อาจมาร่วมกับการตอบสนองคันเร่งที่ช้า ยิ่งทำให้เกิดช่วงเวลาสูญญากาศ ของจังหวะกำลัง
ยิ่งเครื่องดีเซลยิ่งเห็นได้ชัดในจังหวะที่ขับมาเร็วๆแล้วยกเท้า ถอนเพื่อรอดูจังหวะ แล้วกดคันเร่งออกไปเมื่อแน่ใจว่าจะเร่งต่อไปได้ ในบางจังหวะมันมีอาการกระตุกหรือคิดช้าอยู่ ถึงจะแต่วิเดียวแต่สัมผัสได้ชัดเจน ซึ่งอาการนี้อาจไม่เกิดกับใครเลยก็ได้ถ้าไม่มีนิสัยการกดคันเร่งแบบที่ผมทำ

หรือจากการที่ภรรยาผมที่ใช้ civic 2.0 ประจำมายืมรถ c200 ขับแล้วบอกว่ารถช้ามากเร่งไม่ไป ต้องกดลึกมากรอช้า
เพราะเค้าเคยชินกับการตอบสนองที่ไวกว่าของจังหวะกำลัง คือจังหวะกดนิดเดียวแล้วมาในทันทีเค้าชินแบบนั้นคันเร่งเบาๆ พอมาขับรถเทอโบกลายเป็นกดแล้วไม่มาก็เลยกดหนักขึ้นพอรอบมาก็เป็นว่ามันกระชากไป ต้องถอนๆเร่งๆ นี่เป็นเรื่องการปรับตัว แต่สัมผัสได้มั้ย ได้ครับ

ยังไม่รวมอาการท้ายดิ้นถ้าไปเผลอกดในโค้ง หรือหักแรงๆต่อให้มีอีเลคโทรนิคช่วย แต่ผมก็คิดว่ามันไม่จำเป็นต้องมีถ้าเราคุมจังหวะกำลังได้แม่นยำกว่านี้ แต่ทำได้ยากกว่าเพราะเป็นเครื่องเทอโบ

และผลจากนิสัยที่ผมใช้แต่ระเครื่อง2300 ขึ้นไปมาตลอด สิบหกปี พอเริ่มมาใช้รถเครื่องเล็ก อัดเทอโบ ผมกำลังเสียวว่าเทอโบผมอาจอยู่ไม่ยืน ยังดีที่มีประกัน 5 ปี เพราะตอนนี้เสียงหวีดเทอโบเรื่มดังขึ้น ช่วงเทอโบแลคนานขึ้น จนต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วขึ้นจากเมื่อก่อน รถดีเซลเทอโบอีกคันผมขับ สามปี เทอโบหวีดเช่นกัน เริ่มมีอาการควันขาวให้เห็นนิดๆ คาดว่าไปแล้วแน่ๆ เพราะโดนคนงานเอาไปใช้ขับรับส่งคนอยู่สองปี


สิ่งเหล่านี้มีผลคอขาดบาดตายมั้ย ไม่มีครับ ผมแค่ไม่ชอบ

แต่ไม่ชอบขนาดไม่ซื้อรถเทอโบมั้ย ก็คงไม่เพราะ สี่คันล่าสุดที่ซื้อมีเทอโบหมดละ
แต่ทุกครั้งที่กลับไปขับรถเครื่องใหญ่ๆคันเก่าเกียร์ 5 จังหวะ ผมมีความสุขดีและไม่รู้สึกว่ามันไม่แรงหรือไม่ประหยัดอะไร
และไม่คิดถึงแรงดึงที่มาวูบเดียวของเทอโบเลย ผมชอบดึงนิ่มๆเรื่อยๆแต่นานๆดีกว่า

สุดท้าย ขออธิบายว่าทำไมถึงมีหลายๆคนพยายามพูดถึงอดีต
เพราะเป็นคำตอบของคำถามคุณไงครับว่าทำไมเค้าไม่ทำ
เพราะการจำทำอะไรในสินค้าที่ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีมันต้องอาศัยช่วงเวลาวิจัย
ถ้าเค้าไม่เคยทำหรือทำแล้วขายไม่ได้เค้าก็ไม่ทำมาขายในอดีต ในวันนี้มันเลยไม่มีไงครับ
มันไม่สามารถที่จะจู่ๆเห็นรถอีกค่ายใช้ก็เอามายัดได้เลย มันต้องมีส่วนประกอบอื่นๆด้วย
มันต้องทดสอบวิจัย ปรับจูน พัฒนา แก้ไขก่อนจะเอามาขายได้ ถ้าเกิดเลือกเทคโนโลยีผิด หรือผิดจังหวะเวลาก็ต้องใช้งบมหาศาล และเวลา ในการตั้งลำใหม่ ตัวอย่างของSaab ที่ใช้เทอโบก่อนชาวบ้าน รถก็ดีแรงขับดี แต่ดันดีเกินไปผิดที่ผิดเวลาตลาดไม่ได้เห็นข้อดีของเทอโบตอนนั้น ผลคือเจ๊ง

ฉะนั้นอดีต มันเป็นคำตอบของคำถามของคุณครับ ถ้าอยากรู้ว่าทำไมก็ต้องหาเหตุและผลจากที่มาที่ไป

และถ้าคุณลองไปคันอดีต คุณจะได้ข้อมูลประกอบอื่นๆที่จะทำให้เข้าใจว่าทำไมรถยนต์ถึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต่อให้ต้องเดาบ้างผิดมั่งถูกมั่ง มั่วมั่งมันก็มี ข้อมูลดิบให้ขบคิดมากกว่า ยิ่งถ้าได้อ่านแล้วไปลองขับจริง อาจจะพบสัจจะธรรมว่า รถที่ดีของเราอาจจะไม่ใช่รถที่ดีของทุกคนก็ได้ แค่เราชอบมัน


ขอบคุณที่ช่วยขมวดปมให้ครับ ถูกต้องแล้วครับถ้าอยากรู้อะไรก็ต้องศึกษาจากอดีต แต่ละท่านที่เข้ามาตอบและให้ข้อมูลนั้นล้วนมีความรู้และประสบการณ์ทั้งนั้น ฉนั้นคำตอบนั้นผู้ถามตัดสินใจเองแล้วกันว่าได้รับข้อมูลแล้วตัวเองเข้าใจมากน้อยขนาดไหน คราวนี้ต้องถามตัวเองแล้วนะครับ
ว่าต้องการอะไร



GreenG

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #78 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 17:55:33 »
ถ้าเลือกได้ไม่เอาทั้ง turbo และ HB ครับ



Pan Paitoonpong

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #79 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 18:34:26 »
เรื่องลดต้นทุน

เบนส์  วิทยุ C class  / E class/ ML class/ SLK/ CLS/ SLS หน้าตาเดียวกัน เปลี่ยนแค่ขนาดคอนโซล
 กระจกข้างใช้ร่วมกัน เสาอากาศครีบฉลามเหมือนกัน และคงอีกมากมายหลายชิ้น
พวงมาลัย สามก้าน นี่ถอดใส่ข้ามรุ่นกันได้เลย

ปรากฎว่า บรรยากาศภายในเบนส์ยุคนี้ คล้ายๆกันหมด ต่างแค่ ขนาดคอนโซล กับ รายละเอียดเย็บหนัง ซ่อนไฟ

ถามว่าดีมั้ยมันคงช่วยลดต้นทุนและหวังว่าไปเพิ่มคุณภาพวัสดุให้ดีให้ทนขึ้น แต่แอบเบื่อ ขึ้นไปรถรุ่นไหนหน้าตาภายในเหมือนกันหมด

ช่วงล่างเบนส์ บีเอ็ม ยุคใหม่ เปราะมากๆ C200 std ผม หกเดือน เคลมโช้คไปสองข้าง นี่ข้างหลังร้องเอี๊ยดอ๊าดไม่จบ ปลาวาฬใช้จะ20 ปี ใช้โช้คไปสองชุดตอนโช้คตายยังนุ่มแน่นอยู่เลย แต่ตั้งแต่รุ่นตาหวานมาจนตาเหยี่ยว โช้คแตกกันทุกสามปี แตกทีน้ำตาไหลพรากๆ


ข่าวดีคือต้นทุนไปอยู่กับเครื่องและเกียร์จริงๆครับสำหรับรถรุ่นนี้
ข่าวร้ายคือไม่ได้ไปอยู่กับเรื่องวัสดุอย่างที่คุณต้องการครับ

เช็ครอยต่อที่ฝาครอบวาล์ว ฝาสูบด้วยน้ำครับ ตรงซีลต่างๆ..ลูกค้าเพื่อนผมเอารถ 10,000 โลมาจูน..น้ำมันซึมขนาด..
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8



kwancanoe

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #80 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 20:51:33 »
ขอถาม จขกท ข้อเดียวเลยครับ

เห็นเขียยนว่าไม่เคยขับรถมีเทอโบ

แล้วรู้ได้อย่างไรครับว่ามีเทอร์โบมันดี หรือการมีเทอโบมันคุ้มค่าให้อะไรได้มากกว่าจนจำเป็นต้องใส่ในรถทุกคันถึงจะเป็นรถที่ดีคุ้มค่า ประหยัด หรือมันมีอะไรมากกว่าจนต้องตัดรถที่ไม่มีเทอโบออก


ถามมาตอบไปนะครับ

คำตอบน่ะง่ายนิดเดียวครับ ก็ผมไม่รู้ไงครับ ก็เลยคิดว่ามันจะดีกว่า

เอางี้ดีกว่าครับ ผมน่ะเป็นคนนอกวงการรถ มีอาชีพเป็นโค้ชกีฬาระดับชาติ เป็นคนที่มีหน้าที่ต้องคัดกรองนักกีฬาเพื่อเป็นตัวแทนของสถาบันต่างๆเพื่อไปลงแข่ง แน่นอนว่าผมก็จะมีนักกีฬาที่ชอบ ที่เห็นว่ารูปร่างดี ขยันซ้อม แต่.... โค้ชทุกคนสุดท้ายก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุด และคนๆนั้นก็อาจจะไม่ใช่คนที่ขยันสุดหรือคนที่เราชอบเขาที่สุด
และนิสัยแบบนี้ก็เลยติดผมมาตลอดที่จะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่จากที่เราชอบ แต่ต้องมีเหตุผลที่วัดค่าได้เพียงพอ ไม่ใช่แค่ความรู้สึกครับ
ยิ่งเป็นเรื่องรถแล้ว ผมเหมือนเป็นคนอกวงการ พี่ๆเป็นคนในวงการ พี่ๆจะมีประสพการณ์มากในการสัมผัสรถจริงๆหลายๆรุ่น แต่ผมไม่มี ข้อมูลผมทั้งหมดที่มีก็คือรถที่ผมเคยขับมา เอาจริงๆก็  Jazz 2009 ของผมเอง และ Camry Hybrid แค่ไม่กี่ครั้งของพี่ชาย นอกนั้นความรู้ในหัวผมก็มาจากพวกพี่ๆที่ทำรีวิวกัน ถกและเถียงกันในเวปบอร์ดครับ

ยกตัวอย่าง ผมก็เหมือนคนๆนึงที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร รู้แต่สิ่งที่อ่านมา แล้วกำเงิน 1,500,000 เดินเข้าไปงาน Motor Show พร้อมกับมีใบโบรชัวร์รถมากมายหลายใบอยู่ในมือ แล้วทีนี้จะเลือกอะไรล่ะ

- เลือกที่ชอบที่สวย ก็กลัวจะไม่ดี
- เลือกเจ้าตลาด เจ้าตลาดก็ไม่จำเป็นว่ามันจะดีที่สุด
- เลือกที่ Spec ดีๆ จะดีแต่ Spec ในกระดาษหรือเปล่าก็ไม่รู้?
- เลือกที่ Options เยอะๆ จะอัดมาแค่ปริมาณแต่ไม่มีคุณภาพหรือเปล่าหว่า?

เห็นไหนครับ มันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ไม่รู้อะไร และผมก็ไม่อยากเป็นเหมือนหลายๆคนที่มาบ่นเรื่องรถตัวเองในกระทู้หลายๆกระทู้ ว่าแย่อย่างนั้น ห่วยอย่างนี้ เฮ้!!! นี่เงินล้านนะไม่ใช่ซื้อหวยใบละ 120 บาท จะได้ซื้อๆไป พอไม่ดีก็มาบอกว่า "ว้า....แย่จัง ซื้อมาไม่ดีเลย เดี๋ยวค่อยไปซื้อใหม่เนาะ" หือ...!!!! เงินล้านนะครับพี่...
แล้วเห็นหลายๆท่านที่แบบว่า มาบ่นรถเก่าตัวเอง ซื้อมาแย่ ห่วย ไม่ดีหลายอย่าง เลยขายไปละ หือ!!! พ้นตัวครับ แต่คนซื้อต่อล่ะ?? ผมไม่อยากทำอย่างนั้นแน่นอน ไม่อยากทั้งเป็นคนที่ไปขายของย้อมแมวให้คนอื่น และไม่อยากเป็นทั้งคนที่ซื้อต่อด้วยครับ

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ ผมไม่รู้ผมถึงถาม และผมไม่รู้ก็คือไม่รู้จริงๆ ไม่ได้แกล้งหรือมาลองภูมิใครครับ

แต่ด้วยความที่ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ ตรรกะทุกตรรกะที่มีการถกเถียงกันในวงกว้าง จะต้องมีตรรกะนึงที่ดีที่สุดเสมอในทุกๆเหตุผล มันก็เหมือนกับรถ ถ้าเรามีตัวแปรเรื่องของราคามาเป็นตัวตั้งแล้ว ยังไงมันก็จะมีคันๆนึงที่ดีที่สุดในราคาดังกล่าวเสมอแน่ๆ เมื่อทำการชั่ง ตวง วัด ด้วยเหตุผลทุกเหตุผลที่มี จริงไหมครับ

ถ้าจะบอกว่า ก็ไปลองสิ อืม... เขาสามารถให้ผมลองเหมือนที่เวปนี้ทำรีวิวรถได้ไหมล่ะครับ? ถ้าทำได้มันก็น่าลอง แต่ถ้าแค่ขับในโชว์รูม ผมว่ามันเสียเวลาครับ ผมเคยแล้ว
ดังนั้นจะเห็นว่าการไล่ให้ผมไปลองนั้นมันไม่น่าจะใช่การพูดจาที่สมเหตุสมผมเอาซะเลยครับ และมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง

ขอบคุณมากๆครับผม



pixie145

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #81 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 21:18:21 »
แพนตอบได้เคลียร์แล้ว หวังว่าเจ้าของกระทู้จะเกทไอเดียเพื่อนผมนะครับ

ส่วนผมผมมองว่า ญี่ปุ่นยังสนุกกับแคมกระดิกและไฮบริดอยู่น่ะแหละ อีกอย่างระบบเกียร์ด้วย...อย่าลืม
มันไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ เกียร์ก็มีส่วนช่วยให้รถวิ่งดีหรือแย่ ประหยัดหรือกินน้ำมันด้วย

ส่วนอะไรดีกว่าอะไร เอาว่าคุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อไปเหอะครับ เงินคุณ....

Get เลยครับ โดยเฉพาะคำส่งท้ายของพี่แพนนั้นทำให้ Get ขึ้นมามากทีเดียว

ถ้าสรุปตามเนื้อความน่าจะได้ประมาณว่า

1. ถ้ารถมือ 1 ราคาเท่าๆกัน ยังไงก็ไปยุโรป เพราะคุ้มกว่า ทั้งของเรื่องเครื่องยนต์ วัสดุประกอบภายในและภายนอก รวมไปถึง Options ที่มามากกว่า
2. ถ้ารถมือ 2 ราคาเท่าๆกัน ญี่ปุ่น(Lexus) น่าจะคุ้มกว่า เพราะน่าจะโดนเอามาซ่อมแน่ๆ แล้วเหมือนพี่แพนจะพยายามบอกว่าค่าซ่อม Lexus มันถูกกว่า BMW หรือ Benz อย่ามีนัยสำคัญ(รึเปล่า?) ;D

ปล. คนญี่ปุ่นนี่เขามี Concept ทำสินค้าได้เหมือนกันไปหมดจริงๆ ทั้ง คอมฯ, กล้อง, มือถือ มาจนถึงรถยนต์ คือราคาเท่าชาวบ้าน แต่ Spec ต่ำกว่าเสมอๆ...... เขามั่นใจในตัวเองจริงๆ

ถ้างั้นก็อย่ามาซื้อรถญี่ปุ่นเลยครับ  และเกมแข่งรถที่เล่นอยู่ก็คงเป็นของญี่ปุ่นสินะ
อีกอย่าง Attitude แบบนี้ไม่ต้องซื้อรถเหมือนเดิมแหละดีแล้ว



kwancanoe

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #82 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 21:20:41 »

ถ้างั้นก็อย่ามาซื้อรถญี่ปุ่นเลยครับ  และเกมแข่งรถที่เล่นอยู่ก็คงเป็นของญี่ปุ่นสินะ
อีกอย่าง Attitude แบบนี้ไม่ต้องซื้อรถเหมือนเดิมแหละดีแล้ว

แบบนี้เขาเรียก มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ!!!

ถามดีๆตอบดีๆ มีการศึกษาหน่อยครับ ผมไม่ได้มากวนเท้าใคร มาหาข้อมูล และก็ตอบอะไรไปตามจริงตามที่เห็น ส่วนเรื่องคอม เรื่องกล้อง ผมจบวิทย์คอม เล่นคอม เล่นกล้อง ผมดีรู้ว่า Sony Vaio หรือ กล้อง Sony Alfa มัน Specs เป็นอย่างไร ราคาเท่าไหร่ ผมก็เลยพูดไปตามความจริง ซึ่งความมั่นใจนี้ของคนญี่ปุ่นในหลายๆเรื่องผมก็ชอบ ดังนั้นอย่ามาตอบอะไรแบบไร้สาระแบบนี้ครับ เสียสายตา!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 09, 2013, 21:33:19 โดย kwancanoe »



mamaman

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #83 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 21:42:34 »
ใจเย็น ๆ ครับ พี่น้อง

ญี่ปุ่นมันก้ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกครับ



AMG GT

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #84 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 22:15:16 »
อย่าว่างั้นว่างี่  เลยนะครับ  ผมสังเกตุว่า จขกท.อคติกับรถญี่ปุ่นมากไปหรือเปล่าครับ  ทั้งญี่ปุ่นและยุโรปต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปครับ   อันนี้พูดตรงๆอย่าโกรธกันนะครับ



kwancanoe

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #85 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 22:22:53 »
อย่าว่างั้นว่างี่  เลยนะครับ  ผมสังเกตุว่า จขกท.อคติกับรถญี่ปุ่นมากไปหรือเปล่าครับ  ทั้งญี่ปุ่นและยุโรปต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปครับ   อันนี้พูดตรงๆอย่าโกรธกันนะครับ

ไม่ได้อคติครับ ถ้าราคาต่ำกว่า 2 ล้าน พูดง่ายๆ B-C-D Segment บ้านๆที่เราเห็นกันเกลื่อนเมือง ผมไม่เกี่ยงเลยที่จะควักเงินซื้อรถญี่ปุ่นหรือ USA ครับ เพราะมันก็เหมือนๆกัน ต่างกันก็แค่ Options และรูปร่างที่ให้มา

ผมถามในตัวที่ราคาสูงทั้งนั้นครับผม เพราะว่ามันมีตัวเทียบที่แตกต่างในด้านเครื่องยนต์ชัดเจนของสองฝั่งความคิดจากสองทวีป เรียกว่าคนละขั้วกันเลยครับ ผมเลยอยากรู้ว่ามันดีหรือเสียต่างกันอย่างไร และก็เติมทัศนคติของผมลงไปตามประสาคนไม่รู้ ว่าทางไหนมัน่าจะดูดีคุ่มค่ากว่าก็เท่านั้น แต่ถ้าผมไม่ถูก ก็แค่อยากจะรู้ว่าไม่ถูก อย่างไร เหตุผลอะไร ก็เท่านั้น ก็จะได้เปลี่ยนความคิดครับ

เข้าใจกันทั่วหน้านะครับผม



unconsent

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #86 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 22:29:07 »
มองในแง่เศรษฐศาสตร์ รถญี่ปุ่นคุ้มกว่าพันล้านเปอร์เซ็นต์

แต่ถ้าคุณเงินเหลือ จ่ายมากกว่าย่อมได้ของดีกว่า แค่อัตราส่วนของราคาที่เพิ่มกับสิ่งที่ได้จะคุ้มหรือไม่นั่นอีกเรื่อง แต่ยังไงๆ รถญี่ปุ่นก็สู้รถระดับที่ว่ามาไม่ได้หรอกครับ มันเป็นนโยบายเลย ส่วนที่มาอวยกันเองนั่นก็อีกเรื่อง

อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้ว ฐานะต่างกัน วิธีการคิดก็ย่อมต่างกัน ส่วนจะคุ้มสำหรับใครอันนั้นก็สุดแล้วแต่เจ้าของเงินแล้วล่ะครับ

ไม่งั้น rolls-royce คงไม่ได้มาตั้งโชวน์รูมที่พารากอนหรอกครับ



Mongrun

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #87 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 22:30:53 »
ขอผมนอกประเด็นนิดนึงนะครับ เพราะผมว่าคำตอบในนี้คงเพียงพอแล้วละ

รถยนต์นี้มันเป็นเรื่องแปลกนะครับ มันเป็นทั้งวิทยาศาสตร์ และศิลปร่วมกัน
ถ้าคุณได้ลองติดตามรายการ top gear ของอังกฤษนะครับ รายการนี้เทสรถตั้งแต่รถบ้าน รถตลาด ยันรถระดับไฮเปอร์คาร์
คุณพิธีกร Jeremy Clarkson ซึ่งเทสรถเองด้วย เค้าจะมีอคติกับรถเยอรมันมากครับ ผมสังเกต
เค้าว่ามันดีทุกอย่างเลยครับ มีความคุ้มค่า แต่ทำให้เค้ารู้สึกเบื่อ แต่เค้ากลับชอบรถอิตาลี และอังกฤษ
เพราะเค้าว่ามันขับสนุกและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ตอนรีวิวนี่เหน็บแนมยับเลยครับ ว่าข้อเสียมีเยอะ แต่สุดท้ายก้อตบว่าชอบ

เช่นเดียวกันครับ ในเชิงของวิทยาศาสตร์แล้ว ตรรกะที่ดีที่สุดมีเพียงหนึ่งเดียว
แต่ตัวแปรสำคัญของคำตอบอยู่ที่อารมณ์ และความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละคนครับ
สิ่งที่ดีที่สุดของคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ใช่สิ่งดีที่สุดของผมก็ได้

ถ้ามีรถคันนึงที่ดีสุดๆ ตามตรรกะแล้ว แต่หน้าตามันขี้เหร่ในสายตาผม ผมคงไม่ซื้อ
ถึงซื้อมาไม่นานก็ขาย ถึงไม่ขายก็หาเรื่องบ่นมันได้ทุกวันแหละน่า

ผมอ่านรีวิวพี่จิมมี่แต่ไม่เคยปักใจเชื่อ100% เชื่อถือในเรื่องข้อเท็จจริงเท่านั้น และเชื่อว่าพี่จิมมี่และพี่แพนก็อยากให้ผู้อ่านคิดแบบนี้
เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้มันแล้วแต่คนชอบครับ ไม่มีผิดถูกจริงๆ



taokung

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #88 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 22:56:17 »
ผมว่านะ โคช ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดและแนวทางการออกแบบเครื่องยนต์ไปพอสมควรแล้วล่ะครับ
คราวนี้โคชควรจะไปทดสอบเครื่องยนต์แต่ละประเภทด้วยตนเองครับ ทดสอบให้ครบถ้วนเลือกทดสอบ
เครื่อง na ก่อนแล้วค่อยขยับไป ชนิดที่มีระบบอัดอากาศ  คราวนี้หละจะได้รู้ด้วยตัวเองว่ารถแต่ละคันมี
feelingอย่างไร พอได้feelการขับขี่แล้วค่อยดูหน้าตา option และเรื่องการบริการหลังการขาย ส่วน
เรื่องศูนย์บริการแต่ละbrand ก็ลองหาในgoogleหรือในwebนี้ก็มีเยอะครับ ทั้งนี้ผมทราบดีว่าโคช มี
ความตั้งใจและเลือกสรร รถที่จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ยังไงๆโคชก็ต้องทดสอบและเป็นผู้
ตัดสินใจด้วยตัวเองอยู่ดีครับ



mamaman

Re: ทำไมรถญี่ปุ่นไม่ชอบติด Turbo มาจากโรงงานครับ?
« ตอบกลับ #89 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2013, 23:09:07 »
แล้ว จขกท ต้องการอะไรละ

รถแรง หรือ รถประหยัด ในสมรรถนะ และ ราคาใกล้เคียงกัน