"สำหรับปีหน้าเราจะเริ่มผลิตและส่งมอบรถได้ราวกลางปีไปแล้ว เท่ากับเรามีเวลาขายอยู่ในช่วง 6 เดือนหลังของปี บวกกับกำลังผลิตของเราในช่วงแรกจะมีอยู่ที่ 3,000 คันนั้น ทำให้เป้าหมายในปีแรกจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากแต่อย่างใด"
ส่วนแผนการทำตลาดหลังจากส่งรถเอ็มจี 6 ทำตลาดแล้ว บริษัทมีแผนที่จะส่งรถโมเดลอื่น ๆ โดยเฉพาะรถในกลุ่มบีคาร์ออกสู่ตลาดในปี 2558 เพิ่มอีก 1 รุ่น กับเอ็มจี 3 อีก 1 รุ่น เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศไทย และภายในปี 2558 เอ็มจีจะต้องมียอดขายสำหรับประเทศไทยที่ 20,000 คันเป็นอย่างน้อย
ด้านแผนการส่งออกนั้นเนื่องจากเอ็มจีได้วางตำแหน่งของประเทศไทย ให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของเอ็มจี
ดังนั้นอนาคตบริษัทจะมีการส่งออกรถที่ผลิตจากประเทศไทยไปยังประเทศที่ใช้พวงมาลัยขวาอย่างมาเลเซีย,อินโดนีเซีย,ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดโลกในอนาคตด้วย และอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะส่งรถที่ผลิตจากประเทศไทยเข้าไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากการผลิตรถยนต์นั่งแบรนด์เอ็มจีแล้วบริษัทยังมีความสนใจและกำลังศึกษารายละเอียดถึงความเป็นไปได้ที่จะจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สัญชาติจีนเข้ามาผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยอีก1แบรนด์ คือ "แม็กซัส" (MAZUSX) แต่ทั้งนี้บริษัทยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.รถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก ในส่วนของเงื่อนไขและการกำหนดขนาด น้ำหนักของตัวรถเป็นสำคัญ
สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ของเอ็มจีนั้น บริษัทได้ทุ่มงบประมาณในการลงทุนมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ขึ้นในนิคมอุตสาหกรรม
เหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์เอ็มจี พวงมาลัยขวา บนพื้นที่กว่า 17,000 ตารางเมตร มีกำลังผลิตที่ 50,000 คัน
ต่อปีในช่วงแรก ซึ่งจะเริ่มผลิตได้ราวกลางปีหน้าก่อนที่จะมีแผนขยายกำลังผลิตเพิ่มเติมในอนาคตด้านความสนใจในการลงทุนของโครงการนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทยกับโครงการรถอีโคคาร์โครงการ2 นั้น ก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ เจนจิตติกุล รองประธาน บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (SAIC Motor-CP Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า เอ็มจีเองก็มีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ 2 ของรัฐบาลไทย และมีรถยนต์ เทคโนโลยีจากประเทศอังกฤษ ที่เข้าข่ายและสามารถพัฒนาให้เข้ากับประเทศไทยได้ทันที แต่ขณะนี้บริษัทขอศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งคาดว่าภายในวันที่ 31 มีนาคม 2557 น่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนอย่างแน่นอน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5EUXdNVFUzTlE9PQ==&subcatid=