ผู้เขียน หัวข้อ: BMW 520D E60 2007 รีวิวก่อนขาย จะเป็นยังงัยถ้าคุณใช้รถครบแสนโล ใน 3ปี?  (อ่าน 121251 ครั้ง)

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ผมนั่งมอง BMW สีดำปิ๊ดปี๋ ที่จอดอยู่ข้างบ้าน พร้อมเอกสารโอนรถสามใบในมือ เปิดหน้าเว็บ HEADLIGHTMAG.COM อุ๊ย จัดรีวิวเลยแล้วกัน

เชื่อว่าหลาย ๆคนคงเคยอ่านรีวิว รูปสวย รายละเอียดเพียบ สเปคพร้อมของรถคันนี้มาแล้ว ซึ่งถ้าไม่เคยอ่าน หาในนี้ครับ

ใครจะอ่านรีวิวต่อไปนี้ อย่า อย่า อย่า  คาดหวัง ว่าจะเห็นแบบที่เคยมีมา เพราะนี่คือ Last Minute review ของรถคันนี้เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2014, 10:18:36 โดย jaesz »

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
รถคันนี้ เป็น BMW 520D E60 ออกเมื่อปี 2007 ครับ จุดประสงค์การซื้อมาเพื่อใช้งานแบบ ครอบครัว หมายถึง ใครก็ได้หยิบกุญแจ เติมน้ำมันก็ขับได้เลย ไม่เคยถูกตกแต่งใด ๆ นอกจากฟิลม์ติดกระจกรถ เนื่องจากเป็นรถ ครอบครัว บวกกับสมาชิกที่ขับรถได้ 4 คน ทำให้มันถูกใช้ไป 3 แสนโล ในระยะเวลาเกือบ ๆ 7 ปีที่ผ่านมา

ตัวมันเองเป็นรถประกอบในครับ เลขตัวถัง CZ0005x ก็เป็นคันที่ ห้าสิบกว่า ๆ ที่ประกอบบ้านเรา

เรียกว่า หัดประกอบอยู่ก็ยังได้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2014, 10:16:14 โดย jaesz »

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
การขับขี่ ถ้าเทียบกับ E39  เครื่อง M52TU ที่ีเคยขับมา ผมว่า รถคันนี้ออกตัว อืดกว่า แต่พอเริ่มวิ่ง เร็วกว่า และ ความแม่นยำของพวงมาัลัยดีกว่าE39 ครับ อาการเหินน้ำหลอก ๆ ก็ไม่มีให้เห็นแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรถหนักกว่ารึเปล่า

...

เขียนไปสองบรรทัด รู้สึกว่า น่าเบื่อนะ รีวิวแบบนี้ หาอ่านที่ไหนก็ได้...

เอาใหม่ดีกว่า...


.....


สามปีผ่านไป หลังจากผ่านการดูแลจากศูนย์บริการผ่าน BSI เป็นอย่างดี รถคันนี้ก็สิ้นสุดการรับประกัน เพราะวิ่งครบ 100,000km

เหมือนตั้งระเบิดเวลาไว้ ที่ระยะทาง 1 แสนโลพอดี ๆ รถมีเสียง วิ๊ด ๆ ๆ ๆเหมือน ลูกปืน ลูกรอกอะไรสักอย่างร้อง ผมพยายามฟังจนพบว่า เสียงปั๊มน้ำดังเป็นแน่แท้

แต่ด้วยประสพการณ์ถึก ๆ ผมจัดการถ่ายน้ำยาหม้อน้ำก่อนเลย เพราะรู้ว่า น้ำยาหล่อเย็นคงไม่น่ามีสภาพอย่างที่ดีนัก และมันก็เป็นอย่างที่คาดไว้ น้ำยาหล่อเย็นจากศูนย์บริการที่บอกว่าเปลี่ยนให้แล้ว มันเป็นสีสนิมแดง ๆ ต้องใช้น้ำไล่ซักพักจนน้ำใส แล้วใส่น้ำยาหล่อเย็นเข้าไปใหม่

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังเติมน้ำยาหล่อเย็นใหม่ สตาร์ทรถ เอาไปขับ 5 นาที เสียงนั้นเงียบไป

ผมจัดการถ่ายน้ำยาหล่อเย็นซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ั่มั่นใจว่า มันถูกชะล้างออกหมด สีน้ำหล่อเย็นถึงกลับมาดูดี

นี่ถ้าเป็นศูนย์ คงจับเปลี่ยนปั๊มน้ำเป็นแน่แท้


jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ผ่านไปสองปี ทุกอย่างดูปรกติ จนกระทั่ง...

กระจกคนนั่งข้างซ้าย ขับ ๆ อยู่ ก็ร่วงหล่นลงไปกดก็ไม่ขึ้น เอาหูแนบได้ยินเสียงมอเตอร์ หมุน ๆ และก็อก ๆ เหมือนมันพยายามขึ้นและหยุดไปอย่างนั้น

ด้วยประสพการณ์ถึก ๆ อีกนั่นแหละ คิดว่า อย่างมากก็บุชพลาสติกแตก ผมแกะแผงครอบประตูออกดู พบว่า มันไม่ใช่แค่กิ๊บ มันเป้นแท่งเหล็กที่ใช้ยึดรางประตูด้านใกล้ ๆ บานพับ หักออกมาทั้งชิ้น แบบหาสาเหตไม่ได้ งานนี้เกินกว่าจะซ่อมเองได้ จึงต้องส่งไปให้อู่ซ่อมตัวถังซ่อมครับ เพราะมันเป็นแท่งที่เชื่อมติดกับฝาประตู

.....

จนถึงวันที่ทำเรื่องโอนนี้ ก็ยังไม่พบว่า มีปัญหาอะไรมากกว่านั้นแล้วครับ ...

....

ยังไม่จบ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
มันจะเป็น User's Voice ไม่ได้ ถ้าผมไม่ได้ให้คอมเมนท์อะไรกับรถคันนี้

แน่นอนว่า 6 ปีกว่า ๆที่คลุกคลีกับรถคันนี้มา ไม่ได้รู้สึกว่า ตัวรถเองมันซ่อมเยอะ เสียแยะแบบที่คนหลาย ๆ คนมักนึกถึง BMW ก็จริง

แต่หากมองไปในลายละเอียดที่ผมคิดว่า น่าจะกล่าวถึงเกี่ยวกับการดูแลรักษามัน มันเป็นรถที่ "ยุ่งยาก" เลยทีเดียว

ยุ่งยากแรก ที่ผมพบว่า น่าเบื่อมาก ๆ คือ การถอดกรองอากาศมาเป่า

ถ้าคุณใช้ Toyota, Honda, Mitsubishi มาก่อน การถอดกรองอากาศ มาเป่า คุณคงทำได้แค่เปิดฝากระโปรง ปลดคลิปล็อก
หรือถ้าคุณใช้ MINI COOPER, BMW, BENZ รุ่นอื่น ๆ อย่างมากคุณก็แค่ใช้ดอกจีบเบอร์ 20 ไขน็อตออก แล้วเอาไส้กรองออกมาเป่าได้

ไม่ใช่กับ 520D คันนี้แน่ ๆ

คุณต้องรื้อฝาครอบเครื่องออก ทั้งสองชิ้น

ตามด้วย Air duct สองท่อน

ตามด้วย Inverse Torx 5 ตัวแบบยาว ที่ไม่ได้หาซื้อง่าย ๆตามร้านขายเครื่องมือช่าง

ถึงจะแกะเอาไส้กรองมาเป่าได้ นั่นหมายถึงเวลาราว ๆ 5 นาที แค่ถอดออก

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ยุ่งยากที่สอง ที่ผมคิดว่า BMW ควรพัฒนาได้แล้ว คือ น้ำมันเกียร์

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ถึงแม้บริษัทรถจะบอกว่า Life Time แต่เชื่อเถอะ ถ้าคุณรอถึง 2 แสนโล โดยไม่ถ่ายเลย ก็หมายถึงคุณได้กินข้าวลิงฟรีแน่ ๆ หากยังใช้มันต่อ

วิธีการถ่ายน้ำมันเกียร์รถBMW ก็เหมือน ๆ กันครับ แต่เจ้าคันนี้ มันเพิ่มความซับซ้อนด้วยแผ่นปิดใต้ท้องอีกหนึ่งแผ่น ที่มีสกรูอีก สิบกว่าตัว ที่ต้องไข เพื่อจะเผยให้เห็นอ่างน้ำมันเกียร์

สำหรับคนที่ไม่ค่อยทำอะไรเอง อาจจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องลำบาก แต่สำหรับคนที่ดูแลรถเองอย่างผม มันเป็นเรื่องที่ ยุ่งยากครับ เทียบกับคันอื่น ๆ ที่ีสะดวกกว่านี้เยอะ

และยิ่งต้องใช้การเติมข้างเกียร์ก็ยุ่งยากเข้าไปอีก

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ยุ่งยากที่ 3 ทีวางแก้วแบบ ฝังในคอนโซล

ดู ๆ เหมือนจะดีนะครับ ที่มีที่วางแก้วเก็บเรียบร้อย เช่นเดียวกับ E90

แต่พอคุณใช้รถหลายมือ มีเด็กเล็ก เด็กซน คนมือบอน คนมือหนัก

ที่วางแก้วที่อยุ่ดี ๆ ของมัน เวลาหัก ต้องเดือดร้อนวิ่งไปเอาของมาเปลี่ยน

ทำไมครับ แค่ทำหลุมโบ๋ ๆ แถวที่วางแขนแทนไอ้ช่องวางโทรศัพท์ ที่แทบจะไม่มีใครใช้มันยากตรงไหน ?  หรือไม่ก็ทำอะไรที่มันทนกว่านี้อีกนิดนึงจะดีมากครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
AUXI IN คิดได้งัย เอาไปไว้ข้างหลังที่วางแขน

รถBMW นี่ เหมือนจะ Hi-Tech นะครับ แต่ พอ ดู ๆ ไป ช่อง USB ก็ไม่มี มี AUX IN มาให้ แต่ดันทะลึ่งไปใส่ไว้ตรงหลังที่วางแขน

ถ้าไม่มีคนนั่งหลัง แล้วคุณต้องเือื้อมมือไปเสีย AUX IN  แหม มันช่างเป็นเรื่องทุลักทุเลอย่างนึงเลยล่ะ

และพอมีคนนั่งหลัง แล้วคุณเสียบ AUX IN คนนั่งหลังก็ต้องมาระวังไม่ให้ไปโดนปลั๊กตัวนี้อีก ถ้านั่งหลาย ๆ คน บอกได้เลยว่าอย่าใช้AUX IN ครับ อาจจะหักคารูได้

๘๘๘๘

บ่นเรื่อง AUX IN แล้ว ก็ขออีกนิดกับ CD Changer ในเก๊ะ

ถ้าคุณเป็นคนชอบเก็บของในเก๊ะเยอะ ๆ การเปลี่ยนแผ่น CD ในChanger ลำบากครับ ต้องเอาของเข้าของออก น่าเบื่อไปนิด เลยไม่ค่อยได้ใช้มันกันเท่าไหร่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 08, 2014, 15:01:07 โดย jaesz »

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
อีกข้อเสียที่จัดว่า ยุ่งยาก เช่นกันก็คือ เกจ์ความร้อนครับ

แน่นอนว่ามันมีวิธีดูอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นที่ Idrive, Instrument Cluster แต่คนทั่ว ๆ ไปที่ใช้รถแบบใช้ไปวัน ๆ ไม่มีทางได้รู้อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นแน่

ถึงจะยังไม่เคยเจอปัญหาเรื่องความร้อน แต่ ถ้าใช้ต่อไปอีกหน่อย ผมว่าคงได้เห็นกันแน่ ๆ


GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ

ดูๆ แล้ว ยินดีด้วยครับ ที่ขายมันไปได้  :D หมดทุกข์ โศก จริงๆ ครับ

ว่าแต่ คุณ จขกท คันต่อไปเป็นรถยนต์รุ่นไหนนะครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ว่าข้อเสียมาซะยาว

เอาข้อดีบ้าง

เครื่องยนต์ที่ประจำการใน 520D E60 คันนี้คือ M47N2

ต้องบอกว่าเป็น N2 ด้วย เพราะมันหมายถึง Revision ใหม่แล้ว ไ่ม่ใ่ช่ตัวเดียวกับ M47 เฉย ๆ ใน E46

ความแตกต่างของ N2 ที่เปลี่ยนไปคือมันเป็นเครื่องที่ใช้รางน้ำมันร่วม คือ Commonrail ที่เราได้ยินกันนั่นแหละครับ ซึี่งถ้าเป็นM47ใน E46 (ไม่มีขายบ้านเรา) จะยังไม่เป็นคอมมอนเรล

จริง ๆ เ้จ้าเครื่องตัวนี้มันมีญาติด้วย คคือ M47R ใน Land Rover Freelander ปี 2001-2006 ต่างกันที่ตัวเกียร์เป็นแบบ Transverse คือกลับเครื่องไปวางขวางแล้วเอาชุดขับเคลื่อนมาวางให้ทำได้ทั้งขับสองหน้าและขับสี่นั่นแหละครับ

จุดเด่นที่ต้องชมเชยคือถึงแม้มันจะลากน้ำหนักตัวราว ๆ 1.7 ตัน(จากตาชั่งโรงสี)ไปไหนมาไหน มันก็ยังรักษาการประหยัดน้ำมันได้ดีเอามาก ๆคือราว ๆ 13 km/l เฉลี่ยนอกเมืองในเมือง และ ถ้าวิ่งนอกเมือง สบาย ๆ 16 Km/l ครับ

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวที่นึกออกเมื่อเที่ยบกับ BMW, MB ที่เคยผ่านมือมาครับ นอกนั้นไม่ได้ต่างกันแบบมีนัยสำคัญต้องกล่าวถึง จบแล้วกันครับ เจ้าของใหม่จะมาเอารถไปแล้ว นึกอะไรได้จะเอามาเสริมครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 08, 2014, 15:14:04 โดย jaesz »

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ

ดูๆ แล้ว ยินดีด้วยครับ ที่ขายมันไปได้  :D หมดทุกข์ โศก จริงๆ ครับ

ว่าแต่ คุณ จขกท คันต่อไปเป็นรถยนต์รุ่นไหนนะครับ

มันเป็นรถที่ใช้กันหลายคน ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของคนเดียวครับ อาแปะ ที่เป็นเจ้าของรถโดยนิติกรรม และเป็นคนออกเงินก็ไปออกรถ SLK R172 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยังหวงอยู่ไม่ให้ใครแตะเลย 555

ออฟไลน์ ae_iou

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
เสียงของเครื่องยนตร์ดังขึ้นจากแรกๆมากมั้ยครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
เสียงของเครื่องยนตร์ดังขึ้นจากแรกๆมากมั้ยครับ

เท่า ๆ เดิมล่ะครับ

...

อ่านคำถามนี้เสร็จ ผมก็เลยอัดคลิปให้ฟัง กำลัง upload อยู่ ให้ฟังเสียงเครื่องเวลาเปิดกระโปรงรถแบบเอากล้องไปแนบ แล้วเข้ามานั่งในรถปิดประตูคับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป


ได้คลิปสั้น ๆ มาแล้วครับ น่าจะพอฟังเข้าใจอารมณ์ ไม่ได้ปิดกระโปรงรถตลอดการอัดคลิปครับ เสียงจะดังเป็นพิเศษ

ออฟไลน์ jumpon77

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,372
    • อีเมล์
อัตราเร่งดีกว่า E220 CDiเปล่าครับ
http://facebook.com/jumpon.hiranyanon
https://twitter.com/jumpon77     คุยได้นะครับ.
 Corolla Altis 1.8 E MT MY2008 Corolla Altis 1.6 J AT my2011 Isuzu D-MAX Spark my2003

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่


ได้คลิปสั้น ๆ มาแล้วครับ น่าจะพอฟังเข้าใจอารมณ์ ไม่ได้ปิดกระโปรงรถตลอดการอัดคลิปครับ เสียงจะดังเป็นพิเศษ

กำลังตั้งใจฟังเพลงในรถ แต่จบคลิปซ๊ะก่อน  ^_^ ปิดฝากระโปรงแล้วเสียงน่าจะเงียบดีนะครับ
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
รถคันนี้ เป็น BMW 520D E60 ออกเมื่อปี 2007 ครับ จุดประสงค์การซื้อมาเพื่อใช้งานแบบ ครอบครัว หมายถึง ใครก็ได้หยิบกุญแจ เติมน้ำมันก็ขับได้เลย ไม่เคยถูกตกแต่งใด ๆ นอกจากฟิลม์ติดกระจกรถ เนื่องจากเป็นรถ ครอบครัว บวกกับสมาชิกที่ขับรถได้ 4 คน ทำให้มันถูกใช้ไป 3 แสนโล ในระยะเวลาเกือบ ๆ 7 ปีที่ผ่านมา

ตัวมันเองเป็นรถประกอบในครับ เลขตัวถัง CZ0005x ก็เป็นคันที่ ห้าสิบกว่า ๆ ที่ประกอบบ้านเรา

เรียกว่า หัดประกอบอยู่ก็ยังได้



รุ่นที่คุณซื้อไม่ใช้หัดประกอบครับ ประกอบมาเป็นพันๆ คันแล้วครับ

รุ่นแรกที่ E60 ขายคือ ตัว CBU E60 ครับ ผลิตในเยอรมัน มีไม่กี่ร้อยคัน 525iSE

รุ่นที่สอง คือ ตัว 525iSE กับ 525i ครับ เครื่อง 2.4 L6 เกียร์ ออโต้ 6 speed ครับ

รุ่นที่สาม ถ้าจำไม่ผิด 520i ครับ เครื่อง 2.2 เบนซิน เอามาขายราคาถูก

รุ่นที่สี่ เป็น 520d ครับ ดีเซลเครื่องแรก และรุ่นแรกสำหรับ BMW

หลังจากนั้นจะ LCi ครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
อัตราเร่งดีกว่า E220 CDiเปล่าครับ

อัตราเร่ง สู้ E220CDI W211 ไม่ได้ครับ อันนั้นเร่งแรงกว่าอย่างรู้สึกได้มากๆ




รถคันนี้ เป็น BMW 520D E60 ออกเมื่อปี 2007 ครับ จุดประสงค์การซื้อมาเพื่อใช้งานแบบ ครอบครัว หมายถึง ใครก็ได้หยิบกุญแจ เติมน้ำมันก็ขับได้เลย ไม่เคยถูกตกแต่งใด ๆ นอกจากฟิลม์ติดกระจกรถ เนื่องจากเป็นรถ ครอบครัว บวกกับสมาชิกที่ขับรถได้ 4 คน ทำให้มันถูกใช้ไป 3 แสนโล ในระยะเวลาเกือบ ๆ 7 ปีที่ผ่านมา

ตัวมันเองเป็นรถประกอบในครับ เลขตัวถัง CZ0005x ก็เป็นคันที่ ห้าสิบกว่า ๆ ที่ประกอบบ้านเรา

เรียกว่า หัดประกอบอยู่ก็ยังได้



รุ่นที่คุณซื้อไม่ใช้หัดประกอบครับ ประกอบมาเป็นพันๆ คันแล้วครับ

รุ่นแรกที่ E60 ขายคือ ตัว CBU E60 ครับ ผลิตในเยอรมัน มีไม่กี่ร้อยคัน 525iSE

รุ่นที่สอง คือ ตัว 525iSE กับ 525i ครับ เครื่อง 2.4 L6 เกียร์ ออโต้ 6 speed ครับ

รุ่นที่สาม ถ้าจำไม่ผิด 520i ครับ เครื่อง 2.2 เบนซิน เอามาขายราคาถูก

รุ่นที่สี่ เป็น 520d ครับ ดีเซลเครื่องแรก และรุ่นแรกสำหรับ BMW

หลังจากนั้นจะ LCi ครับ

ถ้าหมายถึง E60 ทั้งตระกูล ก็ไม่ผิดครับ
ครับ ก็หัดประกอบสำหรับ ดีเซลครับ CZ คือรหัสตัวถังE60ที่เป็นประกอบไทย ดีเซลครับ ผมลงเน้นรหัสนี้ ก็นับว่าเพิ่งหัดประกอบ

ความต่างของดีเซลกับ เบนซินในการประกอบ ต่างกันอยู่เยอะครับ ถึงแม้เครื่องจะยกมาทั้งดุ้น แต่การประกอบทั้งสายไฟ ระบบหล่อเย็น ก็ต่างกันครับ

ออฟไลน์ BhuBhu

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 214
สุดยอดมากครับ สำหรับข้อมูล :D

ออฟไลน์ Bboomboom

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 174
คุ้มสุดๆ เลยครับ :D

ออฟไลน์ kamphola

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 182
สวัสดีครับคุณ Jaesz กำลังมองหารุ่นนี้อยู่พอดีเลย ท่าทางดูแล้วก็เป็นรถที่ทนทานและไม่จุกจิกดีมากๆนะครับ
(เรื่องความยุ่งยากในการเป่ากรองฯ หรือเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ผมขอมองข้ามเพราะยังไงคงไม่ได้ทำเองอยู่แล้ว)
ผมอยากเรียน ปรึกษาดังนี้ หากนำไปเปรียบเทียบกับ W211 E22 CDI ตัว Minor Change หน้าแหลม ปี 2007 Up
คุณ Jaesz มีความเห็นอย่างไรครับ เมื่อโจทย์ผมคือ

1. เน้นที่ซ่อมบำรุงง่าย ทนทาน ไม่จุกจิก (เพราะแฟนบ่นมาก เคยใช้รถยุโรปมาหลายคัน โดนบ่นมาเยอะ)
2. มีไว้ประดับบ้านให้ดูดี นานๆเอาออกวิ่งทีครับ (week ละครั้ง) ตรงนี้ผมมองว่า W211 ดูราศีดีกว่า
3. ถ้าประหยัดน้ำมันได้จะดีมาก เพราะกะจะนานๆเอาไปวิ่งเที่ยว ตจว.สักครั้ง
4. W211 เทียบราคาในปีเดียวกัน จะแพงกว่าราว 3-5 แสน คุณ Jaesz คิดว่าคุ้มหรือไม่ครับ
5. ใช้ไปอีกอย่างน้อย 4-5 ปี Up

ขอบพระคุณมากๆครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
คุ้มสุดๆ เลยครับ :D

ไม่อยากคิดว่าคุ้มเลยครับ

เม็ดเงินที่หายไปปีละ เกือบ6 แสน มันเยอะอยู่ครับ ถ้าซื้อมาเพื่อคิดว่าประหยัด คงไม่คุ้ม แต่คุ้มตรงที่ทุกคนใช้แล้วพอใจ แบบนี้คุ้มครับ

สวัสดีครับคุณ Jaesz กำลังมองหารุ่นนี้อยู่พอดีเลย ท่าทางดูแล้วก็เป็นรถที่ทนทานและไม่จุกจิกดีมากๆนะครับ
(เรื่องความยุ่งยากในการเป่ากรองฯ หรือเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ผมขอมองข้ามเพราะยังไงคงไม่ได้ทำเองอยู่แล้ว)
ผมอยากเรียน ปรึกษาดังนี้ หากนำไปเปรียบเทียบกับ W211 E22 CDI ตัว Minor Change หน้าแหลม ปี 2007 Up
คุณ Jaesz มีความเห็นอย่างไรครับ เมื่อโจทย์ผมคือ

1. เน้นที่ซ่อมบำรุงง่าย ทนทาน ไม่จุกจิก (เพราะแฟนบ่นมาก เคยใช้รถยุโรปมาหลายคัน โดนบ่นมาเยอะ)
2. มีไว้ประดับบ้านให้ดูดี นานๆเอาออกวิ่งทีครับ (week ละครั้ง) ตรงนี้ผมมองว่า W211 ดูราศีดีกว่า
3. ถ้าประหยัดน้ำมันได้จะดีมาก เพราะกะจะนานๆเอาไปวิ่งเที่ยว ตจว.สักครั้ง
4. W211 เทียบราคาในปีเดียวกัน จะแพงกว่าราว 3-5 แสน คุณ Jaesz คิดว่าคุ้มหรือไม่ครับ
5. ใช้ไปอีกอย่างน้อย 4-5 ปี Up

ขอบพระคุณมากๆครับ


1. W211 CDI ปี03 จุกจิกทุกรุ่น แต่ตัว 07 แล้ว เห็นเขาว่าไม่จุกจิก ผมก้ไม่อยากจะเชื่อเพราะอะไหล่ก็ัยังขายได้พอ ๆ กัน ถ้าให้ฟันธง คงบอกว่า พอ ๆกัน กับ E60 ครับ
2. แล้วแต่คนมองครับ W211 กำลังจะตกรุ่นไปสองรุ่นแล้ว แต่ E60 เพิ่งโดนเบียดตกรุ่นไปไม่นาน
3. ประหยัดครับ ถ้าคุณขับไม่โหด ถ้าเกิน 110 ไปก็เริ่มกินแล้วครับ
4. อันนี้คงต้องอยู่ที่คนซื้อแล้วว่าคุ้มคืออะไร ถ้ายันจะเอาคำตอบจากผม ผมว่า ไม่คุ้ม
5. บอกตรง ๆ ที่ขายไป เพราะคิดว่า 3 แสนโลแล้วมันต้องเริ่มมีอะไรซ่อมบ้างล่ะ รถสาธารณะมาก ๆ เอามาใช้ต่อคงต้องเอาไปซ่อมบ้างล่ะ ถึงตอนที่ขายไปมันจะดูสมบูรณ์ดีก็จริง สายพานยังไม่เคยเปลี่ยน ตัวตั้งโซ่ก็ยัง วาล์วก็ไม่เคยถอด ไม่รู้จะต้องทำหนักแค่ไหน ไดชาร์จ ปั๊มน้ำ อะไรทีมันต้องเสื่อมตามกาลเวลา ต้องมีบ้างล่ะครับ


ออฟไลน์ kamphola

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 182
ขอบพระคุณคุณ Jaesz เป็นอย่างยิ่งครับ

ออฟไลน์ Nismo De Alpina

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,559
  • Whatever brews your coffee.
ยอดเยี่ยม สั้นๆได้ใจความ
แต่ผมว่าการขับขี่ การทรงตัวในย่านความเร็วสูง ตัวนี้แพ้ E39 แทบทุกอย่างครับ
แปลกนะครับเพราะคนที่เปลี่ยนจาก 39 เป็น 60 ส่วนใหญ่ให้ 39 ชนะแบบว่าให้
39 เป็นรถที่ขับดีที่สุดที่ BMW เคยทำมา ไม่นับ F10 นะครับ
Eventually i've made my home country,Thailand.

ออฟไลน์ CookiE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 872
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆแบบนี้ครับพี่

รบกวนถามนิดนึงนะครับ ไอเจ้าที่วางแก้วนี่มันเบิกอันละเท่าไหร่ครับ

พอดีของผมโดนเด็กเช็ดรถทำปุ่มดำ ๆ กระเด็นหายไปนานละ เคยถามที่อู่บอกอันละ 4 พันกว่า ๆ แหนะครับ

ที่จริงแค่ปุ่มเดียว แต่ดันไม่มีปุ่มให้เปลี่ยน เซ็งเลย

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆแบบนี้ครับพี่

รบกวนถามนิดนึงนะครับ ไอเจ้าที่วางแก้วนี่มันเบิกอันละเท่าไหร่ครับ

พอดีของผมโดนเด็กเช็ดรถทำปุ่มดำ ๆ กระเด็นหายไปนานละ เคยถามที่อู่บอกอันละ 4 พันกว่า ๆ แหนะครับ

ที่จริงแค่ปุ่มเดียว แต่ดันไม่มีปุ่มให้เปลี่ยน เซ็งเลย
สามพันกว่า ๆ แต่ ขอหาก่อนครับอันเก่าปุ่มผมไม่เสีย ถ้าหาเจอยกให้ครับ

popdemonic

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ นาทีนี้รถดีเซลพูดถึงแง่ความประหยัดนีต้องยกให้เค้าจริงๆ

ผมชอบรูปทรงE60 แต่พอมาขับกลับชอบใจE39มากกว่า ไม่ทราบเหตุผลจริงๆครับ

เคยเป็นผู้โดยสารนั่งด้านหลังE39 และE60 มีความรู้สึกว่าE39มั่นคงกว่าครับ เหมือน

กับตอนนั่งหลังพวงมาลัยเลยครับน่าแปลกใจมากทั้งๆที่E60เป็นรุ่นใหม่กว่า

ออฟไลน์ O-ver-Late-Driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 638
    • อีเมล์
ในฐานะ ที่ใช้มาก่อน  มีอะไรแนะนำ ไหมครับ แล้ว ตอนนี้ และ อนาคต ยังน่าใช้อยู่ไหมครับ อู่นอก เริ่มซ่อมเองได้หรือยัง

ผมเองก็คิดๆ E60 แต่เป็น เบนซิล เห็นราคาลง มาเยอะ แต่กลัวปัญหาเรื่องซ่อม เพราะอยู่ ตจว

ออฟไลน์ decptt

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,572
ผมรบกวนถามคำถามเปิดสุดๆนะครับคุณ Jaesz
ถ้าเป็นปัจจุบัน รถป้ายแดง เครื่องดีเซลหรือเครื่องเบนซินที่ประหยัดใกล้เคียงกันกับ 520d ตัวรีวิว หรือประหยัดกว่าก็ไม่ว่า
คุณ Jaesz จะเลือกคันไหน และขอคำอธิบายเพราะอะไรด้วยครับ **โดยมี 520d เป็นบรรทัดไม่ใช่ฐาน --หมายถึงใช้หลายมืออ่ะครับ**
(คำถามเปิดเกินไปมั้ยเนี่ย -_-' )

ปล.ที่ถามแบบนี้ เพราะผมเห็นคุณตอบแล้วแนวคิดค่อนข้างตรงกับที่ผมต้องการครับ
ถามส่วนตัว-- ขายอะไหล่รถ หรือว่าซ่อมรถหรือเปล่าครับ--