ก่อนผมจะตอบวิธีการใช้เงินของผม ผมอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
ทำไมคนหลายๆคน ชอบไปยุ่งไปวิพากษ์วิจารณ์การใช้เงินของคนอื่นจังเลยครับ
และเท่าที่ผมเห็นส่วนมาก ก็จะไปวิจารณ์เขาในแง่ลบ ทำนองว่าแม่งใช้เงินไม่เป็น ต้องประหยัดแบบกูนี่ ถึงจะเรียกว่าใช้เงินแบบมีสมอง
ชอบด่านักพวกเด็กจบใหม่ พ่อแม่ออกรถให้ขับ ผมก็สงสัยว่ามันไปหนักหัวกะบาลใคร บางครั้งต้องถามตัวเองว่าที่เราทำแบบนี้ เพียงเพราะต้องการจะอวดความฉลาด อวดความประหยัดของตัวเองรึป่าว
สำหรับผมไร้สาระมาก ในการไปวิจารณ์คนอื่น เพราะมันเงินเขา ไม่ใช่เงินเรา
เข้าเรื่องดีกว่า...
สำหรับผม ผมคิดง่ายๆ ถ้าผมจะซื้อรถสักคัน ผมไม่สนว่าผมต้องมีเงินเก็บเท่าไร ถ้าผมมองแล้วว่าผมผ่อนไหว ผมก็ซื้อเลยถ้าผมอยากได้อ่ะนะ
เพราะผมคิดว่าเงินมีไว้ใช้ ไม่ได้มีไว้เก็บ รัฐบาลมีโครงการรักษาฟรี ผมไม่จำเปนต้องดับกิเลสเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยามเจ็บป่วย เพราะถ้าผมเป็นมะเร็ง ก็ให้แม่งตายดีกว่า มี2ล้านก็ไม่พอ
แม่ผมรักษายายหมดไป4ล้าน สุดท้ายอยู่ได้6เดือนก็ตาย
และผมไม่สนใจเรื่องเก็บเงินไว้เผื่อฉุกเฉิน เพราะผมจะไม่ทำให้ชีวิตผมฉุกเฉิน
ถ้าบ้านผมไฟไหม้ผมมีประกัน รถผมหายผมมีประกัน ถ้าผมป่วยผมก็รักษาฟรีตามโรงบาลรัฐ
เพราะฉะนั้นคำว่า ฉุกเฉิน คืออะไร
ผมไม่มีคำว่าตกงาน เพราะ ผมไม่ได้เป็นลูกจ้าง ผมทำธุรกิจส่วนตัว และ ผมจะไม่ปล่อยให้กิจการผมเข้าสู่ภาวะเสี่ยง จนต้องมีช่วงฉุกเฉิน พวกนี้จริงๆเราบริหารมันได้หมด
เพราะฉะนั้น ถ้าผมจะซื้อรถที่ต้องผ่อนเดือนละ5หมื่น
ผมต้องหาเงินต่อเดือนให้ได้อย่างน้อย 8หมื่นบาท
เพราะ3หมื่น เป็นค่าใช้จ่ายต่อเดือนของผมและครอบครัว
5หมื่นจึงเอาไปผ่อนรถได้
ผมไม่ใช่แนวที่ว่ากูต้องมีเงินเก็บ20ล้าน ถึงจะซื้อบีเอ็มขับได้
ผมไม่ชอบตั้งโจทย์ยากๆให้ชีวิต ตัวเลขในบัญชีไม่มีความหมายสำหรับผมเลย
ผมทำงานโคดเหนื่อย ไม่มีวันหยุด ผมก็แปรรูปมันมาเป็นความสุข สิ่งของ
ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยมีเงินเก็บ เพราะใช้เกือบหมดทุกเดือน
ผมบ้ารถ รถคือลมหายใจของผม
ผมเคยคิดจะเก็บเงินสดแล้วซื้อรถถูกๆขับ เพราะเคยมองว่าเก็บไว้เผื่อเจ็บป่วย (สมัยนานมากที่คิดแบบนี้)
ก็เลยมาคิดว่า อ้าว ถ้ากูเป็นมะเร็ง หรือเส้นเลือดในสมองแตกตาย ก็ไม่ได้ขับรถแล้ว
หรือถ้าข้ามถนนแล้วโดนรถชนตาย เงินในบัญชีอุส่าห์เก็บมาก็ไม่ได้ใช้เลย
เพราะฉะนั้น ผมใช้เงินเกลี้ยงเลยครับ มีเหลือในบัญชีนิดหน่อย แบบให้พออุ่นใจว่าเรามีเงินหลักแสนอยู่นะ ถ้ามีต่ำกว่าหลักแสน ผมจะนอนไม่หลับ
คนแบบผมคือคนที่คนส่วนใหญ่มองว่าใช้เงินไม่เป็น สิ้นคิด
แต่ผมมองว่าคำว่าความสุขของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
บางคนเขามีความสุขที่เห็นตัวเลขในบัญชีมันเพิ่มขึ้นทุกๆปี เขาก็จะหาว่าผมนี่งี่เง่า ซื้อแต่ของ
ส่วนความสุขของผมคือ ผ่อนรถ กินอาหารแพงๆ ซื้อเข็มขัดแอร์เมส กระเป๋าหลุยส์ รองเท้าเฟอร์รากาโม่ นาฬิกาโรเล็กซ์ ,พาเนอไร
ผมไม่ต้องมีเงิน4ล้าน ถึงค่อยซื้อเบนซ์ได้
ผมแค่มีเงินผ่อนเดือนละ5หมื่นผมก็ซื้อแล้วครับ
แต่ตอนนี้บังเอิญยังไม่มีปัญญาผ่อนรถเดือนละห้าหมื่นเท่านั้นเอง
ถ้ามีปัญญาเมื่อไหร่
ใบพัดสีฟ้ากับผม ได้เจอกันแน่นอน
เจ๋งครับ ขอคารวะความเห็นนี้ครับ
ผมคนนึง ไม่มีเงินเก็บเป็นชิ้นเป็นอันครับ อาจจะเพราะผมเองกับแฟน หาเงินได้เยอะ ผมใช้ชีวิตเต็มที่ครับ ไหวเท่าไหร่ ใช้เท่านั้น มีพวก LTF RMF กับกองทุนนิดหน่อย ไม่มีประกัน ไม่มีเงินฝากประจำ มีหมุนเวียนอยู่หลายแสนต่อเดือน แค่นั้นครับ
แต่ผมซื้อ BM 2 ปี 2 คัน ก็ปีละคันแหละ เพราะง่ายๆ ครับ ผมชอบอะ ผ่อนไหว ไม่มีปัญญาซื้อสด เพราะใช้เงินเก่ง แต่ก็ควบคุมใช้จ่ายให้อยู่ในวงที่หามาใช้ได้นะครับ ไม่ได้แบบว่า หนี้บานไรงี้ บางทีความจำเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ แต่เอาเป็นว่าผมไม่เบียดเบียนใคร และผมคิดเพียงแค่ว่า ปีนี้ เราจะหาเงินให้ได้มากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งปี 2556 ผมกับแฟนรวมกัน ก็หาได้มากกว่า 6 ล้าน ก็เลยคิดว่า ไม่มีปัญหาที่จะใช้ BM กันคนละคัน ผมใช้รถญี่ปุ่นมาตลอด มันไม่ใช่ คือมันไม่ใช่ ความหมายคือ มันไม่สุดอะ ยังไม่พอใจ แต่ตอนนี้ happy มากๆ ทั้งคู่ เพราะได้ใช้ในสิ่งที่เราชอบ ใครชอบแบบไหน ใช้แบบนั้น ผมว่าไม่น่าจะมีใครผิด การเก็บเงินเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่หากเก็บแล้วไม่ได้ใช้ แล้วคุณมีความสุขกับการดูตัวเลข ก็ไม่มีปัญหาเพราะคุณชอบ ส่วนผม ชอบวัตถุ ชอบจะเห็น จะได้ใช้มัน ขอแค่ไม่เดือดร้อน ก็ happy แล้วครับ
แต่ในขณะเดียวกัน ปีนี้ปีเดียว ผมก็ให้แม่เกษียร เอาเงินให้ท่านใช้ปีนี้ทั้งปีไปแล้ว โดยไม่ต้องเดือดร้อน + เปลี่ยนรถให้ท่านแล้ว จะได้ไม่ต้องใช้ไปซ่อมไปกับรถคันเก่า หากผมต้องเก็บเงิน แต่ไม่ได้ให้แม่ ไม่ได้เปลี่ยนรถให้แม่ ผมก็ไม่เอาครับ เงินสำหรับผม มีไว้ใช้ หาใหม่ให้ได้มากขึ้นดีกว่าครับ
ปล. ที่ไม่มีเงินเก็บมากมัน เพราะผมกับแฟน ก่อนมีลูก เราเที่ยวกระจายครับ ไปกันมามากกว่า 20 ประเทศ มากกว่า 50 ครั้งใน 10 ปี ไม่แปลกที่ไม่เหลือครับ แต่สำหรับผม ผมว่า ผมใช้ชีวิตคุ้มครับ