ยุโรปนั้น โครงสร้างยังไงก็เซพกว่ารถญี่ปุ่น
ผมแต่ก่อน e46 จอดอยู่เฉยๆ ติดไฟแดง ได้ยินเสียงเอี๊ยด ประมาณ 7-8 วินาทีได้ แล้วก็ได้ยินเสียงดังโครม ซักพัก ประมาณ 3 วินาทีได้ ท้ายรถ ผมสะดุ้งนิดๆความรู้สึกว่าเหมือนรถคันหลัง เดินหน้ามาชนค่อยๆสกิดนิด ทีแรกก็นึกว่า กันขนหลังคงบุบนิดๆเพราะสะกิดจนเกือบจะไม่มีความรู้สึกว่าถูกชนแรงมากๆเลย ลงไปดู แท๊กซี่คันหลังชนคันหน้าคันหน้าเด่งมาชนผม รถผม ฝากระโปรงท้ายดุ้งนิดเดียวเอง กันชนไม่บุบเลย แท๊กซี่คันที่ชนผมยุบไปถึงหม้นน้ำแตกเลย อัลติส รุ่นแรก คือแท๊กซี่ชนแท๊กซี่ด้วยกันเองแล้วเด่งมาชนท้ายผม
ไปเข้าอู่ถึงได้รู้ว่า ใต้กันชนมีเหล้กกล่องไม้ขีด ซ้อนอีกชั้น สีขาววับ หนาน่าจะประมาณ 3 -4 มิลได้ มิหนำซ้ำ ในกันชนยังมีโฟมซับแรงอีก
รถถ้าชนหน้าตรงๆ รถยุบมากๆคนขับคงไม่เป็นไรมาก รึถ้าชนแบบเฉือนๆ แล้วรถไถลไป สภาพรถอาจจะยับเยิน แต่คนขับยังไม่เจ็บมาก แต่ถ้า เข้าเสารึต้นไม้ อัดแบบอยู่กับที่รึหมุน ถ้าเข้า ด้านประตู ยังไงก็ไม่มีทางเหลือ แม้สภาพรถแค่บุบนิดๆที่ประตูเอง
พวกยุโรปขับหลัง เพลากลาง ยังช่วยแตกแรงได้อีก เครื่องดันเพลากลางไปที่ด้านหลัง ชนหนักๆเครื่องก็มุดลงล่าง ไม่อัดเข้าด้านหน้า
ไม่ใช่ความเชื่อหรอกครับ เพราะมันคือความจริง ที่ ยังไงรถฝรั่งสร้างนั้นไม่ว่ายี่ห้ออะไรเซพกว่ารถญี่ปุ่น
แต่รอดไม่รอดผมว่า อยู่ที่จังหวะการชน การหมุน และเวลาเสียการทรงตัว การบังคับก็ยังดีกว่า ไม่หมุนควงทีเดียวเอาไม่อยู่แล้ว ยังพอหาทางแก้ได้ดีกว่า ถ้ามีพื้นที่พอ
แข็งแค่ไหนลองหมุนควงแล้วเจอตรงประตูคนขับคนนั่ง ยังไงก็ไม่รอด แม้แค่สกิดนิดๆ
ลอง เปิด ฝาประตูออกมาดูเวลาเอารถไปแด็มประตู แล้ว ดู เหล็ก คาดประตู ก็ รู้แล้วครับ ว่า คานคาดขวางนั้น ใหญ่ขนาดไหน ในรถแต่ล๊ะยี่ห้อ
ยิ่ง suv ยุโรปยิ่งเซพเข้าไปใหญ่เลยแหละครับ เหล็กที่ประตูเหล็กแป๊บ ท่อน เกือบเท่าถ่านไฟฉายก้อนใหญ่เลยทีเดียว ไม่ใช่เหล้กตัว ซี บางๆ แบบ รถญี่ปุ่นแล้วแค่เชื่อมแป๊ะๆเอาไว้ไม่กี่จุด กันชนหน้าหลัง ฝังเอาไว้ด้วย เหล้กกล่องไม้ขีดแบบแบนๆ ปิดทึบหมดทั้ง 4 ด้าน แถมมีโฟมในกันชนอีกด้วย
ใครเจอรถชนท้ายเวลาเข้าทำก็หมั่นไปดูด้วยเพราะ อู่ชอบลักไก่ ไม่ใส่โฟมให้เหมือนเดิม
ชวิตเกิดมาได้ยากมากๆ ขับขี่ รู้จังหวะดีที่สุด ไม่ประมาท บางทีมั่นใจในผลิตภันฑ์มากเกินไป เข้ามาแค่แว๊บสั้นๆแค่แว๊บเดียวเอง ยมบาล เรียกแถวเช็คชื่อแล้ว จริงๆ