หลายๆครั้งที่เห็นการชนหรือทดสอบการชนต่างๆ แล้วตัวถังรูป หรือเสียหายมากน้อย เค้าไม่ได้วัดกันตรงนั้นครับ
เค้าวัดกันที่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น เจ็บส่วนไหนมากน้อย ก็ให้คะแนนกันไปตามนั้น
วิธีการประเมินผลลัพธ์ความปลอดภัยของ Euro NCAP จะแบ่งการทดสอบการชนออกเป็นหัวข้อการป้องกัน 4 หัวข้อ ซึ่งประกอบด้วยการทดสอบการชนที่แตกต่างกัน 4 รูปแบบ โดยแต่ละหัวข้อจะมีการประเมินผลและให้คะแนนตามเกณฑ์
หลังจากนั้นจึงสรุปผลคะแนนทั้งหมดให้เป็นระดับดาวตั้งแต่ 1-5 ดาว เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ง่าย
โดยรถที่ได้รับดาวมากกว่า หมายถึงมีความปลอดภัยสูงกว่ารถที่ได้ระดับดาวน้อยกว่า
หัวข้อการป้องกันทั้ง 4 หัวข้อมีดังนี้1. การป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้า (Adult Occupant Protection) เป็นการทดสอบการป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าเมื่อรถทดสอบเกิดการชน
ประกอบด้วยการทดสอบการชน 3 รูปแบบได้แก่ การชนด้านหน้า (frontal impact) การโดนชนจากรถทางด้านข้าง (side impact)
และการชนด้านข้างกับเสา (pole impact) โดยประเมินความร้ายแรงของอาการบาดเจ็บเป็นระดับคะแนน ถ้าได้คะแนนสูง
หมายความว่าโอกาสความรุนแรงจากการบาดเจ็บของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้ามีน้อยหรือมีการป้องกันในส่วนนี้สูงกว่ารถที่ได้คะแนนต่ำกว่า
2. การป้องกันผู้โดยสารที่เป็นเด็ก (Child Occupant Protection) เป็นการทดสอบความปลอดภัยของเด็กเล็กที่นั่งอยู่ด้านหลังเมื่อรถทดสอบเกิดการชน
รูปแบบการทดสอบจะเหมือนกับการทดสอบความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้า
3. การป้องกันคนเดินถนนที่ถูกรถทดสอบชน (Pedestrian Protection) เป็นการทดสอบเพื่อวัดระดับการป้องกันคนเดินถนนเมื่อถูกรถทดสอบชนทางด้านหน้า
การทดสอบจะแบ่งพื้นที่ด้านหน้ารถออกเป็นส่วนย่อยๆ แล้วทำการชนกับหุ่นทดสอบเด็กและผู้ใหญ่เฉพาะส่วนคือ
บริเวณขาและหัวของหุ่นทดสอบ ด้วยความเร็วประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วประเมินการบาดเจ็บของหุ่นทดสอบ
4. ความปลอดภัยในอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ (Safety Assist) เป็นการตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ขับขี่และอุปกรณ์ช่วยป้องกันก่อนเกิดการชน
ประกอบด้วยอุปกรณ์เตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยที่เน้นไปในตำแหน่งของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าเป็นหลัก
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยควบคุมความเสถียรของตัวรถ (Electronic Stability Control, ESC) และอุปกรณ์ช่วยจำกัดความเร็วของตัวรถ (speed limitation device)
การทดสอบการชนด้านหน้าเป็นการทดสอบโดยนำหุ่นทดสอบ 2 ตัว เข้าไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับและด้านข้างคนขับ หลังจากนั้นลากรถทดสอบเข้าไปชนกับผนังแผงกั้นที่สามารถยุบตัวได้
โดยจุดปะทะด้านหน้าของรถจะเยื้องกับแผงกั้นประมาณ 40% ของความกว้างที่สุดของตัวรถ (ไม่นับรวมระยะของกระจกมองข้าง)
ด้วยความเร็ว 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อจากนั้นทำการแปลงผลของเซ็นเซอร์วัดแรงกระแทกบนตัวหุ่นทดสอบออกมาเป็นแถบสีแสดงระดับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บ
การทดสอบนี้จะมีประโยชน์มากในการประเมินความสามารถในการรับแรงปะทะของโครงสร้างตัวถังที่ไม่ทำให้ห้องโดยสารยุบจนผิดรูป
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บจากการที่อุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร เช่น พวงมาลัย แผงหน้าปัด พุ่งเข้ากระแทกผู้ขับขี่
การทดสอบการโดนชนจากรถทางด้านข้างเป็นการทดสอบเพื่อจำลองสถานการณ์เมื่อรถถูกชนด้านข้าง โดยให้รถทดสอบจอดหยุดนิ่ง ต่อมานำรถที่มีแผงกั้นด้านหน้าพุ่งเข้าชนด้านข้างในตำแหน่งของประตูฝั่งคนขับ
ด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อจากนั้นทำการแปลงผลของเซ็นเซอร์วัดแรงกระแทกบนตัวหุ่นทดสอบออกมาเป็นแถบสีแสดงระดับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บ
ซึ่งคล้ายกับการทดสอบการชนด้านหน้า โดยระดับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บจะพิจารณาเฉพาะผู้ขับขี่ ซึ่งแสดงผลเป็นภาพแสดงระดับแถบสีเช่นเดียวกัน
การทดสอบการชนกับเสาด้านข้างเป็นการทดสอบเมื่อรถถูกกระแทกเฉพาะจุดเข้ากับสิ่งกีดขวางทางด้านข้าง ในการทดสอบนี้จะนำรถทดสอบยึดไว้กับฐานที่สามารถเคลื่อนที่ได้ในแนวขวางกับตัวรถ
หลังจากนั้นทำการเคลื่อนฐานด้วยความเร็ว 29 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เข้าชนกับเสาหัวกลมเพื่อดูความเสียหายที่เกิดกับตัวรถและหุ่นทดสอบ
โดยใช้การแสดงระดับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บเหมือนกับการทดสอบการโดนชนจากรถทางด้านข้าง
ส่วนกรณีการทดสอบการป้องกันผู้โดยสารที่เป็นเด็ก จะเป็นการทดสอบโดยใช้หุ่นทดสอบ 2 ตัวที่มีขนาดเดียวกับเด็กอายุ 1 ขวบครึ่ง และ 3 ขวบ
นั่งอยู่ในเก้าอี้เด็กสำหรับติดตั้งในรถยนต์ (child seat) ตรงตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง และทำการทดสอบตามรูปแบบการชนทั้ง 3 หัวข้อดังกล่าว