อัตราสิ้นเปลืองให้ดูเพื่อเอาแนวทางครับ ไม่ต้องเป้ะ 100%
เพราะคันที่อัตราสิ้นเปลืองดีกว่า ค่า speed กลับ error เยอะกว่า
เห็นด้วยครับวิธีการไม่ต้องเป๊ะ100% แค่นี้คิดว่าก็เสียสละเวลา ทนทรมาณต้องนอนดึกของผู้ทดสอบมากพอควรแล้ว
แต่ถ้าจะดูเหตุผลตามทางทฤษฎีแล้ว ไมล์อ่อน/ไมล์แก่ ย่อมมีผลต่อการทดสอบ
ไมล์อ่อน/ไมล์แก่เป็นผลรวมจากความแม่นยำของการผลิตทำเกจ์+ขนาดเส้นรอบวงวงล้อรถยนต์ที่ใช้
เพื่อจะอธิบายเปรียบเทียบง่ายๆไม่สับสนงงใหญ่ จะเปรียบเทียบเฉพาะไมล์อ่อนกับไมล์ปกติแล้วกัน ว่าไปจะมีผลต่อการทดสอบการกินเชื้อเพลิงอย่างน้อยสองเด้งด้วยกัน
มาดูการวัดค่ากันก่อน ในเกจ์ไมล์นั้นมีเฟืองวัดจำนวนรอบการหมุนมาแปรเป็นระยะทางแล้วเทียบกับหนึ่งหน่วยเวลา แสดงมาเป็นเข็มชี้ที่เลขต่างๆ ให้รู้ว่าเป็นกี่ กม.ต่อชั่วโมง
และอีกส่วนไปแสดงที่ odometerหรือtrip meter บอกจำนวนระยะทางที่วิ่งไปกม.
ไมล์อ่อนนั้นเกิดจากค่าที่แสดงออกมานั้นผิดไป ได้ค่ามากเกินค่าไมล์ปกติจริงไป คือแสดงเป็นค่าความเร็วเกินเกจ์ไมล์ปกติทั้งที่วิ่งความเร็วจริงเท่าๆกัน และแสดงวัดระยะทางได้มากกว่าค่าเกจ์ไมล์ปกติทั้งที่ระยะทางวิ่งจริงเท่ากัน
เด้งแรก ระยะทางจากจุดเดียวกันถึงจุดหมายเดียวกัน odometerไมล์อ่อนจะแสดงค่าระยะทางมากกว่าของไมล์ปกติ เมื่อหารด้วยปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ ก็แสดงเป็นค่าว่าวิ่งได้ระยะทางมากกว่า(กม./ลิตร) โดนหลอกว่าวิ่งได้ต่อลิตรมากกว่า ประหยัดกว่าของไมล์ปกติ
เด้งที่สอง เมื่อทดสอบวิ่งที่ดูจากเกจ์ไมล์ที่ 110กม/ชม คันที่ไมล์อ่อนเหยียบคันเร่งน้อยกว่า(ใช้น้ำมันน้อยกว่า) แต่ก็สามารถแสดงค่าที่เกจ์ได้ 110 เท่าเกจ์ปกติ
หรืออีกนัยยะหนึ่ง คันที่ไมล์อ่อนนั้นความเร็วจริงไม่ถึง 110จริง คือวิ่งทดสอบด้วยความเร็วที่ช้ากว่า
แล้วความจริงอีกประการหนึ่ง ความเร็วที่ประหยัดสุดของรถยนต์อยู่ที่ช่วง 60-80กม/ชม เมื่อความเร็วเกินค่าดังกล่าว ยิ่งความเร็วเพิ่ม อัตราการการกินเชื้อเพลิงจะไม่ได้เพิ่มเป็นเส้นตรงแล้วแต่จะเพิ่มมากกว่าอัตราความเร็วที่เพิ่มดังนั้นอัตราการกินน้ำมันของไมล์อ่อนที่ความเร็วจริงน้อยกว่า ก็ยิ่งกินเชื้อเพลิงน้อยกว่า
.....ลองคิดกันเองต่อนะครับ