ผู้เขียน หัวข้อ: ถามคนชอบรถครับ ระหว่างมีอุตสาหรรมรถยนต์ในประเทศกับไม่มีเป็นท่านๆเลือกอะไร  (อ่าน 5780 ครั้ง)

ออฟไลน์ นายพรานจ๋าหมีมาแล้ว

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,873
  • เส้นขอบฟ้า
ให้เลือกระหว่าง 2 ข้อนี้ท่านอยากได้แบบไหนครับ

1.มีอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ แต่รถในประเทศราคาจะแพง รุ่นให้เลือกไม่ค่อยเยอะ การประกอบไม่ค่อยเนียนลดต้นทุนเยอะ ออฟชั่นน้อย ระบบความปลอดภัยไม่ค่อยถึง

2.ไม่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ ไม่มีฐานผลิดใดๆนำเข้ามาขายอย่างเดียว รถราคาถูกตัวเลือกเยอะ การประกอบเนียบออฟชั่นล้น ระบบความปลอดภัยแน่น

เป็นท่านๆจะเลือกแบบไหนครับ

ออฟไลน์ BlueJays

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 53
เหมือนโดนบีบให้เลือกข้อสอง

ออฟไลน์ citrinecw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 251
    • อีเมล์
แล้วแต่มองมุมไหนครับ

ถ้ามองว่าเป็นผู้ใช้รถ ผู้บริโภค ยังงัยก็ต้องข้อ 2 อยู่แล้วเพราะแปลว่าเราจะได้ใช้ของดีราคาถูก ออฟชั่นครบใครๆก็อยากได้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วในความเป็นจริง ขนาดผลิตในไทยเองยังขนาดนี้น ถ้าต้องนำเข้ามาราคาจะไปไกลขนาดไหน

แต่ถ้ามองในฐานะคนไทยทั่วไป ยังงัย อุตสาหกรรมยานยนต์ก็สำคัญสำหรับประเทศเกินกว่าจะปล่อยให้ไม่มีครับ ไม่แน่ใจเรื่องตัวเลขแต่ว่าอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ตอนนี้ generate รายได้ให้กับไทยมหาศาล ยังไม่รวมถึงการจ้างงาน อุตสาหหรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่เกี่ยวข้องที่มีมากกว่าพันบริษัท แล้วก็อุตสาหกรรมต่างๆที่อยุ่ใน value chain

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
มันไม่น่าจะใช่ทั้งสองข้อเลยสำหรับไทยแลนด์

ออฟไลน์ h0661036

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 927
ถ้าสุดโต่งก็ดูที่มาเลเซีย   ถ้าไม่มีนโยบายปกป้องแบบเข้มข้นพยายามสร้างรถยนต์โปรตรอนของตัวเอง   อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์บ้านเราอาจจะไม่บูมขนาดนี้นะครับ


     ลองสมมติถ้าไม่มีกำแพงภาษีมากั้น  เราอาจเห็นรถบนท้องถนนที่หลากหลายกว่านี้นะครับ

ออฟไลน์ 5thAvenue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,434
  • Hi!!!!
    • อีเมล์
เลือกมีครับ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,620
ผมเลือกข้อ 1 เพราะผมทำงานในกลุ่มนี้ 

ถ้ามีแล้วก็เป็นดังที่ท่านว่าแต่จำเป็นต้องมีเพราะเศรษฐกิจมันเดินหน้าได้ตัวนี้ เป็นองค์กรขับเคลื่อนนรายใหญ่ของประเทศ    มีคนเกี่ยวข้องมากมายเป็นล้านคนในประเทศ 
ถ้าเลือกข้อ 2 คุณต้องไปเกิดในประเทศที่เจริญมาก ๆ  แล้วครับ  ซึ่งก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,614
เป็นตัวเลือกที่ดูไม่ค่อยสอดคล้องกับความเป็นจริงเท่าไหร่นะครับ..........

รถประกอบในประเทศ ควรมีราคาถูกกว่าการนำเข้า เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการมาตั้งฐานผลิตในไทยและมีการจ้างงานในไทย
หรือถ้าจะขายราคาแพง ก็ควรมีออฟชั่นและระบบความปลอดภัยที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายบ้านเรา  ไม่ใช่ว่าประกอบในไทยแล้วไม่เนียบ ออฟชั่นน้อยแถมราคาแพงตามที่ให้เลือกมา

ส่วนรถนำเข้ามา...ไม่มีทางที่จะราคาถูกได้  ยกเว้นว่าจะลดหย่อนภาษีนำเข้าและสรรพสามิต

......................................

ที่นี้ถ้าให้เลือกจาก choice 2ข้อ โดยไม่สนใจความเป็นจริง ผมจะเลือกข้อสอง

ด้วยเห็นผลโลกสวยๆ เอาไว้คานกับพวกโลกทรามๆ ว่าในบ้านเราไม่ควรมีอุตสาหกรรมหนักที่สร้างผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องของมลภาวะทางอากาศ  กากวัตถุเคมีและของเสียที่ยากต่อการทำลายครับ

TheRealMeaw

  • บุคคลทั่วไป
ผมกำลังมองว่าไม่ค่อยจะมีความแตกต่างกันหรอกครับ จะมีอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศหรือไม่มี

รถในประเทศราคาแพงเพราะว่าในประเทศมีอุตสาหกรรมรถยนต์เหรอครับ? ตัวเลือกเยอะ? ประกอบเนียนอ็อปชั่นเยอะ? ระบบความปลอดภัยไม่ค่อยคำนึง? ลองมองความเป็นจริงดูก่อนดีไหมครับว่ามันเป็นยังไง ยกตัวอย่างง่ายๆครับ Mazda 2 Skyactiv ของสามประเทศ ไทย มาเลเซีย แล้วก็กัมพูชา รถรุ่นนี้ประกอบที่ไทยทั้งสามประเทศ ดูความแตกต่างของแต่ละประเทศไหมครับ?

ตัวเลือกสีในไทย มีให้เลือก 8 สี ตัวเลือกสีในมาเลเซีย 4 สี และตัวเลือกสีในกัมพูชา 2 สี ตัวเลือกเครื่องยนต์ในไทยมีทั้งเบนซิน และดีเซล ในมาเลเซียและกัมพูชามีเพียงแค่เบนซินเท่านั้น ตัวเลือกรุ่นในไทยมีมากมายก่ายกองเกือบสิบรุ่น ในมาเลเซียและกัมพูชา มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น

รถทุกคันก็มาจากโรงงานในประเทศไทยทั้งนั้นงานประกอบเหมือนกันไม่มีผิด  งานประกอบของรถยนต์ในประเทศไทยนั้นดีครับ เพียงแต่คนหลายๆคนอาจจะไม่เคยเห็นงานประกอบของรถที่มาจากต่างประเทศ จึงไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบกัน หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันดีกว่า แต่บางทีมันก็อาจจะมาจากความเชื่อที่มีอยู่มานานหลายสิบปีแล้วว่า รถประกอบนอกมันดีกว่า โดยที่หาข้อสรุปไม่ได้ว่าดีกว่ายังไงในด้านคุณภาพงานประกอบ เคยมีใครสนใจที่จะเอารถประกอบในกับประกอบนอกมาจอดเทียบกันดูเลยไหมครับ? ผมเคยนั่งรถ Mercedes ที่ประกอบในเยอรมันในยุโรปนะครับ W212 จะเรียกได้ว่าเป็น Altis ของบ้านเขาก็ได้เพราะมีการใช้เป็นแท๊กซี่เยอะมาก และคนทำงานตำแหน่งดีๆหน่อยก็หาซื้อได้ไม่ยาก ภายในมันก็ห่วยพอๆกับรถญี่ปุ่นที่ประกอบในไทยนั่นแหละครับ นั่นก็เพราะว่ามันเป็นรุ่นราคาถูกที่สุด ราคาที่นั่นอยู่ที่ประมาณล้านเจ็ดบอกตรงๆได้เลยว่า แคมรี่ถูกสุดในไทยภายในยังดีกว่า นั่นทำให้ความรู้สึกหรูหรามันปลิวออกนอกหน้าต่างไปเลย แล้วผมก็นั่งพิจารณาถึงความเนียนของงานประกอบ มันไม่ได้เนียนอย่างที่หลายๆคนคิดเลยครับ

อ็อปชั่นเยอะ? ลองเทียบตารางสเปคดูเลยครับว่า รถของกัมพูชามีอะไรหายไปบ้าง แอร์ออโต้ไม่มีเลย เครื่องยนต์เป็น 1.5 101แรงม้า เกียร์ยังคงเป็น 4 สปีดอยู่เท่านั้น นี่คือรถของประเทศที่ไม่มีอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นของตัวเองครับ อ็อปชั่นมันดีนักเหรอครับ? เรื่องความปลอดภัยนี่ไม่ต้องพูดถึงกันเลย ESP ก็ไม่มีให้ มีแอร์แบ็คสองใบก็บุญโขแล้วนะครับ

กลับกัน ไปดูมาเลเซียสิ อ็อปชั่นทุกอย่างเหมือนไทยหมด เพียงแต่ว่าเครื่องยนต์เป็น 1.5 106แรงม้า (ประกบเกียร์ 6 สปีด) ล้ออัลลอยด์ 16นิ้วในรุ่นเบนซิน แล้วก็แอร์แบ็ค 6 ใบ เป็นไงละครับแอร์แบ็คเยอะสะใจดีไหม ถามว่าเกี่ยวไหมที่ว่าประเทศนั้นนี้มีอุตสาหกรรมรถเป็นของตัวเองในประเทศหรือไม่? ไม่เลย ผมโยงความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เลย คนอื่นโยงกันได้ยังไงผมยังไม่แน่ใจเลยครับ มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่สำคัญกว่าว่ามีอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศหรือไม่เยอะแยะ นั่นก็คือ กฎข้อบังคับระบบความปลอดภัยในประเทศนั้นๆ และความต้องการของลูกค้าที่เป็นคนซื้อเอง ว่าจะเรียกร้องพวกอุปกรณ์ความปลอดภัยนั้นอย่างชัดเจน หรือไม่!

แล้วอย่าลืมอีกประเด็นหนึ่ง Mazda 2 ในมาเลเซีย ที่มีเพิ่มมาแค่แอร์แบ็ค 4 ลูก มีราคาแพงกว่า Mazda 2 ของไทยที่อ็อปชั่นใกล้เคียงกันเป็นแสนบาทนะครับ ถามว่าเพราะอะไร ก็เพราะว่าต้องนำเข้าไปจากเมืองไทยนี่แหละ

เพราะงั้นคิดว่าถ้าเกิดเราต้องนำเข้ารถทุกคันจากต่างประเทศ รถยนต์มันจะถูกลง เหรอครับ?

ลองคิดดูความเป็นไปได้นี้ไหม ภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันนั้นเท่ากันหมด คุณต้องซื้อ Mazda 2 ในราคาล้านห้าล้านหก ไม่มีตัวเลือก แน่นอนว่าถ้าเกิดประเทศไทยไม่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ ภาษีนำเข้าก็คงจะถูกลงอย่างมาก ซึ่งจะทำให้รถยนต์หรูนำเข้าทุกรุ่นราคาถูกลง แต่รถยนต์ที่เคยประกอบในไทยทุกรุ่นก็จะราคา ขึ้นสูงไปจากเดิม อย่างแน่นอน เหมือนกับในประเทศลาวที่ Toyota Hilux คันละล้านกว่าบาทกลายเป็นรถคนรวยไงครับ แล้วถามว่า คนส่วนมากกำลังซื้อรถนำเข้าเหรอครับ? ไม่หรอก ผมว่าคนส่วนมากก็ยังซื้อรถราคาถูกอยู่ดี เพราะอย่าลืมว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินซื้อรถยุโรป และที่สำคัญกว่านั้น ถึงแม้คนหลายๆคนจะซื้อรถยุโรปได้ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะซื้อ!

ตามนั้นคนับ ผมมองว่าไม่ค่อยมีความแตกต่างหรอก

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
เลือกมี แล้วออกโครงสร้างภาษีที่เอื้อต่อระบบความปลอดภัยครบครันครับ คล้ายๆ E85 อะไรแบบนี้

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
ผมไม่คิดว่าถ้าเลือกข้อสองแล้วราคารถยนต์จะถูกลงนะคงจะแพงกันหมดอยู่ดี อีกอย่างตอนนี้ผมทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ยังไงก็ต้องเลือกข้อแรกอะนะ
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
ถึงจะชอบรถ ก็เลือกข้อหนึ่ง การมีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ทำให้มีอุตสาหกรรมที่เกียวข้องกับรถยนต์อีกมากมาย
ทำรายได้เพิ่มขึ้น กระจายรายได้สู่คนอีกจำนวนมาก
ทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจ สร้างเศรษฐกิจให้ขยายตัวตามหลักเศรษฐศาสตร์
....รวมไปถึงจะมีคนจำนวนมากที่มีรายได้สามารถซื้อรถได้เอง

แต่ถ้าเป็นตามข้อสอง คนที่จะมีโอกาสมีรายได้พอจะซื้อรถได้เอง คงมีจำนวนหายไปอีกเยอะ
และราคารถน่าจะแพงยิ่งขึ้น
...และคงจะเหลือคนส่วนที่ซื้อรถดีมากๆ อ็อบชั่นล้น ความปลอดภัยเพียบ ..คงเหลือเพียงคนที่รวยจัดๆ

ออฟไลน์ Super hornet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,141
  • Hello everyone 我是爱车的人
    • อีเมล์
ฐานะคนซื้อเลือกข้อ2  ส่วนตัวอยากให้เป็นแบบนี่แหละดีละ ไม่ได้มีปัญหากับรถCKD ทุกวันนี้มันก็เป็นในแบบที่รถCKDควรจะเป็นนะ จะหวังออฟชั่นล้นๆแบบนำเข้าราคาเพิ่มเป็นแสนๆใครจะซื้อละครับ

ของผมทุกวันนี้ที่ใช้ออฟชั่นที่ได้มาจากรถนำเข้าบอกตรงๆว่าใช้ไม่หมด หลังคาpanoปีนึงเปิดอยู่รอบเดียวทำความสะอาด เบาะอุ่นเอามาทำไมไม่รู้ ออฟชั่นที่ล้นๆมักตามมาด้วยค่าซ่อมระยะยาวที่แพงกว่า   ออฟชั่นCKDผมว่าสามัญสุดละ ทุกวันนี้ยังเสียดายเงินที่ซื้อรถนำเข้า  นานาจิตตังครับ คนอื่นเขาอาจจะชอบ

แต่เอาความเป็นจริงก็อยากจะให้มีทั้งสอบแบบครับ สัดส่วนที่เท่าๆกันทางการตลาด ไม่งั้นประเทศขาดดุลแน่ๆ
ถ้ารถนำเข้าถูกขนาดนั้น คนก็ไม่ซื้อCKDสิครับ อุตสาหกรรม oem odmตายกันยกแผง เต๊นท์รถมือสองอีก ไม่ต้องสืบ
History of my car
2013 Lamborghini LP570-4 Superleggera For me
2006 Benz E200 Kompressor +Kleemann For wife
2008 Maserati Granturismo 4.2  For wife,me
2009 Jaguar XF 3.0 For sister
2014 Range Rover Evoque 2.2 Sold...
2009 Benz CL 500 second hand  Sold....
2001 Lexus GS300  Sold....

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
จขกท เค้าถาม คำถามเชิงประชดประชันครับ

เพราะ ผลิตในประเทศ ตั้งกำแพงภาษี รถนำต่างประเทศไว้ โครตสูง
แต่ดัน ตั้ง ภาษี รถภายในประเทศ ก็สูงมากอยู่ดี

คือ รัฐบาลได้ สองทางเลย


ตอบแบบกลางๆ ครับ เอาผลประโยชน์ผู้ซื้อเป็นหลัก
คือเมื่อ ยกเลิกกำแพงภาษี แล้ว คิดภาษี แบบ รถคือเครื่องมือเดินทาง

ผมเลือกข้อง สอง

เพราะ รถในประเทศ ถูกมีแค่สองรุ่นือ กะบะขนส่ง และ Eco car
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2016, 14:36:30 โดย mamaman »

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
ผมว่าแต่ละข้อมันขัดแย้งกันนะ แต่ถ้าให้เลือกเลือกผลิตในประเทศละกันเห็นๆกันอยู่ว่าแทบจะเป็นรายได้หลักของการส่งออกเลย เอาจริงบีบให้ใช้รถอีโค่คาร์ กับ กระบะ ก็ดีอยู่แล้ว เพราะถ้ามองในแง่พัฒนาเศรษฐกิจรถ segmentอื่นๆมันก็เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยจริงๆ

ออฟไลน์ gf260

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 191
ผมเลือกข้อ 1. ครับ ขอให้เป็นรถคนไทยแท้ๆนะครับ ไม่ใช่ฝรั่ง ญี่ปุ่นมาลงทุน อยากให้มีรถแบรนไทยครับ

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
ผมสนับสนุนข้อ 1 คับ

ให้มีโรงงานประกอบรถในประเทศ บีบให้คนใช้ Eco car, กระบะ
และรถที่ CO2 ต่ำๆ

ผมไม่เห็นด้วยนะ ถ้าเราจะปล่อยให้นำเข้าเสรี เราควรสร้างงาน และธุรกิจให้กับคนในประเทศ

เว้นแต่เราเป็นแบบสิงคโปร์ จะปล่อยให้นำเข้ารถเสรี (แต่เก็บภาษีรถแพง) แบบนั้นผมสนับสนุนคนจะได้ไม่ซื้อรถพร่ำเพรื่อครับ

ออฟไลน์ Focuszaa

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 672
แต่ละข้อที่ให้มามันไม่จริงทั้งหมดครับ เราไม่รู้หรอกครับว่าบ้านเราหากไม่มีอุสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ มันอาจจะเลวร้ายหรือเทียบเท่าปัจจุบันนี้ก็เป็นได้ครับ

ผมเลือกข้อแรก เพราะว่า จากต้นทางไปปลายทางมันเหมือนเป็นน้ำล่อเลี้ยงคนที่ได้ผลประโยชน์คือกลุ่มคนไม่น้อยที่อยู่ได้ด้วยธุรกิจกลุ่มนี้  ถ้าดูตามตัวเลขและสถิติอุสาหกรรมรถยนต์นี่ จุนเจือประเทศมากมายมหาศาลเลยครับการจ้างงาน และเรื่องอื่นๆ อีกมากมายครับ

ถ้าถามว่าอยากให้เป็นแบบไหนก็คงอยากให้ลดกำแพงภาษีมาอีกหน่อย

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
เอาจิงๆ นะคับ จขกท

คุณแน่ใจได้อย่างไรคับ ว่าถ้าเราไม่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ ราคารถมันจะถูกลง

ผมว่ายังไง ภาษีรถยนต์ก็คงไม่ลดหรอกคับ

เผลอๆ จะมีต้นทุนนำเข้า เข้ามาอีก

อย่างมากก็แค่ ของเล่นของคนรวย พวกรถแรงๆ เร็วๆ แพงๆ ราคาไม่ได้ต่างจากรถญี่ปุ่นบ้านๆ มากนัก

 :)

ออฟไลน์ ทาสแมว

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 161
  • twinair turbo engine
    • อีเมล์
ฮ่าๆ คงเลือกข้อ 1  ครับ ทำด้านนี้อยู่

 :-* แต่ถ้าลดภาษีลงอีกสักหน่อยคงดี

ถ้าข้อ 2 ผมว่ารถก็ยังคงแพงเหมือนเดิม ไม่ต่างกัน

ออฟไลน์ SLuang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,816
จขกท. เขียนจากความรู้สึก ไม่อิงข้อมูลจริง  แต่เอาเหอะ ถึงให้เป็นไปตาม ที่ เขียน ผมก็ยังเลือก 1.

ด้วยเหตุผลแบบนี้นะ รถที่ประกอบในประเทศ อะไหล่ส่วนใหญ่ มาจากในประเทศ ข้อดีคือ การประกอบรถยนต์ 1 รุ่น สร้างงานให้ประเทศได้เยอะมากๆ  ด้วย
เราในฐานะผู้ใช้ก็ได้เปรียบตรงหาอะไหล่ได้ง่ายขึ้น


ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
 ??? เรียนถามท่านสมาชิก ที่ทำงานอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ หน่อยครับว่า เมืองไทยย้อนไปหลายสิบปีก่อนในยุคที่ยังไม่ได้เริ่มมีอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นฐานผลิตรถยนต์ เหมือนในยุคปัจจุบัน สภาพการณ์ของบ้านเราในยุคนั้น วงการรถยนต์เป็นอย่างไรครับ เป็นเหมือนกับที่เจ้าของกระทู้ ให้ความเห็นในกระทู้ไหมครับ

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
ไม่มีใครชอบภาษีหรอกครับ ถ้าจะเอาที่ส่งผลมากที่สุดคือตัวภาษีแพงๆนี่แหละครับ ที่เราต้องแบกไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้

เรื่องอื่นเทียบแล้ว แค่เรื่องเล็ก

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ผมเลือกไม่มี

ทุกวันนี้เราใช้รถLevelต่ำๆราคาpremium

เอาใกล้ๆตัวนะ

มาร์ช 1.6 แคนาดารุ่นแต่งพิเศษแล้ว ราคา 1.8แสน
http://www.headlightmag.com/news-2016-1-29-nissan-micra-cup-edition/

ของไทยเครื่อง 1.2 ถูกสุดก็ 3.8แสน

แพงกว่าเท่าตัว!?

แต่ถ้าเอาภาษี และการพัฒนาบุคคลเป็นที่ตั้ง ในแง่คนพัฒนาประเทศ ก็ต้องให้มีครับ รายได้เข้าประเทศปีนึงมหาศาล

ออฟไลน์ vsx555

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 69
    • อีเมล์
ที่ผ่านมาประเทศไทยอาจจะมีรัฐบาลที่ทุจริต คอรับชั่นส์ ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือทำอะไรระยำตำบอนไว้เยอะ แต่มีสองอย่างที่ผมคิดว่ารัฐบาลไทยในอดีตตัดสินใจถูกต้องที่สุด คือ
1. โครงการอีสเทอร์นซีบอร์ดรวมทั้งท่าเรือแหลมฉบัง และ
2. ตั้งกำแพงภาษีรถนำเข้าและสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย

ถ้าไม่มีสองอย่างนี้ ขนาดเศรษฐกิจของไทยรวมทั้งรายได้ประชาชาติต่อหัวของเราตอนนี้ คงประมาณเดียวกับฟิลลิปปินส์หรือเวียดนามเท่านั้น

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ผมเอาระหว่างกลาง  คือมีได้แต่หัดเลิก over-protectionism อวยพวก jap อย่างสุดโต่งอย่างทีเป็นทุกวันนี้จนตลาดในประเทศโดนเอาเปรียบ ราคาตั้งแบบโหดๆ 

มันเป้น export-oriented sector อยู่แล้ว ผมสงสัยว่าจะกลัวอะไรคนไม่มีงานทำ outlook export ก็ดี

ออฟไลน์ Kkkong

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 126
ลองคิดจริงๆจังๆดูนะครับ ฟิลิปปินส์ก็ไม่มีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ เวียดนามเพิ่งเริ่มมี อินโดนีเซียมีบางรุ่น ภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่คือรถส่งออกจากไทยทั้งนั้นครับ.

ประเทศเหล่านี้ได้ใช้รถถูกกว่าไทยหรือเปล่า ก็ไม่ ออฟชั่นล้นมั้ย ก็มาจากโรงงานไทยทั้งนั้น

ทีนี้หากไม่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ ประเทศไทยจะแย่กว่านี้ครับ หรืออย่างน้อยเราก็ต้องหาทางออกด้วยอุตสาหกรรมอื่นๆซึ่งจะเหลือทางเลือกไม่มากและอาจจะไม่ได้ทำให้ตัวเลขศก.มันดีขนาดนี้

งั้นเราก็ทำเป็น Silicon Valley สิ. ... ผมว่าอยู่กับความเป็นจริงดีกว่าครับ รัฐบาลไทยก็ไม่ได้มีแนวทางอะไรสร้างสรรค์ขนาดนั้น มีแต่แนวทางฉาบฉวยซึ่งกว่าจะทำให้สำเร็จก็เปลี่ยนรัฐบาลพอดี

กว่ามาเลเซียจะสร้างprotonได้นั้นไม่ง่ายเลยนะครับซึ่งเขาทำมาหลายปี ซื้อบริษัทรถยนต์ระดับโลก. วางโครงสร้างอย่างดี

ไม่ใช่ไทยเราทำไม่ได้นะครับตัวเลขศก.และเงินทุนดีกว่าเขาด้วย. ...แต่เดินกันสะเปะสะปะ...

มาเลเซียมีbrandระดับโลกหรือระดับภูมิภาคทั้ง AirAsia , Proton , Tiger Beer

เรามีPTTที่ติดอันดับเท่านั้น มีการบินไมยและนกแอร์ พอมีเบียร์สิงห์อยู่บ้าง

ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อคนไทยทยอยล้มหายไป รัฐบาลเองก็ไม่มีนโยบายสนับสนุนรถยนตยี่ห้อคนไทยหรือไปซื้อกิจการบริษัทรถยนต์ที่ไหนเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น

หากSubaruมาประกอบบ้านเราอาจจะดีกว่านี้สำหรับคนไทยก็ได้. แต่เขาเลือกมาเลเซีย...

ไม่ต้องกลัวบริษัทรถยนต์เขาไม่ย้ายฐานหรอกครับหากพม่าเปิดเต็มที่นี่เขาอาจหายหมดแน่ครับ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
ผมเอาระหว่างกลาง  คือมีได้แต่หัดเลิก over-protectionism อวยพวก jap อย่างสุดโต่งอย่างทีเป็นทุกวันนี้จนตลาดในประเทศโดนเอาเปรียบ ราคาตั้งแบบโหดๆ 

มันเป้น export-oriented sector อยู่แล้ว ผมสงสัยว่าจะกลัวอะไรคนไม่มีงานทำ outlook export ก็ดี

มาอีกแระ
พวก Anti JPN OEM เนี่ย

ค่ายรถอื่น ที่ผลิตในไทย ก็ใช้กฏเดียวกัน เค้า อวย JPN ตรงไหนครับ
Ford GM ก็ตั้ง ราคามาถูกกว่า Option มากกว่า แต่สู้ไม่ได้เอง เพระาอะไร เพราะรัฐบาลอวยรึไง

ก็เห็น ทุกประเทศ เค้าไม่ได้อวย JPN แล้วก็ไม่ใช่ ANTI JPN
ยอดขายขาย JPN ก็มาที่หนึ่งเกือบหมดทุกตลาด

ค่ายรถที่ทำตลาดได้นอกบ้านเกิดตัวเอง ก็ JPN ชนะหมด ไม่นับพวกตลาดที่ มี OEM ชาติตัวเอง

ทุกวันนี้ รถผลิตบ้านเราไม่ได้มีแค่ JPN  รัฐบาล เค้าอวยยังไง

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ผมเอาระหว่างกลาง  คือมีได้แต่หัดเลิก over-protectionism อวยพวก jap อย่างสุดโต่งอย่างทีเป็นทุกวันนี้จนตลาดในประเทศโดนเอาเปรียบ ราคาตั้งแบบโหดๆ 

มันเป้น export-oriented sector อยู่แล้ว ผมสงสัยว่าจะกลัวอะไรคนไม่มีงานทำ outlook export ก็ดี

มาอีกแระ
พวก Anti JPN OEM เนี่ย

ค่ายรถอื่น ที่ผลิตในไทย ก็ใช้กฏเดียวกัน เค้า อวย JPN ตรงไหนครับ
Ford GM ก็ตั้ง ราคามาถูกกว่า Option มากกว่า แต่สู้ไม่ได้เอง เพระาอะไร เพราะรัฐบาลอวยรึไง

ก็เห็น ทุกประเทศ เค้าไม่ได้อวย JPN แล้วก็ไม่ใช่ ANTI JPN
ยอดขายขาย JPN ก็มาที่หนึ่งเกือบหมดทุกตลาด

ค่ายรถที่ทำตลาดได้นอกบ้านเกิดตัวเอง ก็ JPN ชนะหมด ไม่นับพวกตลาดที่ มี OEM ชาติตัวเอง

ทุกวันนี้ รถผลิตบ้านเราไม่ได้มีแค่ JPN  รัฐบาล เค้าอวยยังไง

ผลพวงจากนโยบายในยุค 70s-90s ครับคุณลองไปเช็คดู

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
อันนี้เราคุยกัน หลายรอบแล้วครับ  Ivy Modernist
ใช่ จริง  กฏเหล่านี้ ออกมาเพื่อ JPN ที่ ตั้งโรงผลิตรถบ้านเราก่อนใครพวก
แต่ปัจจุบัน 2016 ทุกๆ OEM ก็ใช้กฏเดียวกัน ในกรณี ผลิตในประเทศ

จริงๆ กีดกัน รถนอกไม่ให้เข้ามาได้
แต่ทำไม ทำไมๆๆๆ ยังตั้ง TAX ในบ้านแพงอยู่

เห็นไหม ถ้า Ford GM ไม่มา ป่านี้ บ้านเราไม่รู้จะได้ใช้ Option VSC กับ SRS คู่หน้าไหม
นี่เป็นข้อ พิสูจย์ว่า รัฐไม่สามารถอุ้ม JPN ได้ตลอดไป
เพราะปัจจุบัน ทุนนิยม เสรี การค้าแล้วครับ

ส่วนเรื่อง Option ความปลอดภัย นั้น
มาจาก สองทางคือ

คนซื้อ มีสิทธิเลือกไม่ซื้อรถที่ ความปลอดภัยห่วย ( แต่ก่อน JPN มันฮั้วกัน ห่วยหมด )
รัฐบาล มีสมอง กำหนด มาตราฐาน ความปลอดภัย สากล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2016, 16:36:18 โดย mamaman »