ผู้เขียน หัวข้อ: อยากถามมนุษย์เงินเดือนว่า ซื้อรถ ผ่อนรถ เป็นหนี้ก้อนโต คิดมากและกังวลบ้างไหมครับ  (อ่าน 13549 ครั้ง)

ออฟไลน์ sengausa

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 256
    • อีเมล์
ตอนนี้ผมกำลังมีโครงการที่จะซื้อรถ แต่ก็ซื้อด้วยเงินผ่อน เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ( ธรรมดาจริงๆ ) ยอมเป็นหนี้ก้อนโต เพราะคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้ว
แต่ !!! ผมเริ่มกังวลกับอนาคตแล้ว แอบเสียดายกับเงินในบัญชีธนาคารที่เก็บมากำลังจะหมดไปกับการดาวว์รถ
คิดถึงอนาคตที่จะต้องมีภาระ ค่าผ่อน ค่าน้ำมัน ค่าอื่นๆๆๆๆๆๆ อีก 5 - 6 ปี เงินเดือนที่ได้มาจะหมดไปกับรถเกือบทั้งหมด
ผมอยากถามทุกท่านว่า มนุษย์เงินเดือนธรรมดาแบบท่าน กังวลแบบผมบ้างไหมครับ หรือผมคิดมากไปเอง

ออฟไลน์ secrecyguy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,744
  • 3.2plus
ไม่ต้องคิดมาก ถ้ารถมันจำเป็น

ใช้รถหาเงิน ใช้รถเสริมศักยภาพ อย่าออกรถมาเเค่จอดเสริมบารมีก็พอแล้ว

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,618
ขอเล่าถึงความคิดส่วนตัวนะครับ...

ผมอายุ 30 ต้นๆ แต่เชื่อไหมว่าผมเริ่มขับรถตอน 25-26 นี้เอง ....
สามปีก่อนซื่อที่ปลูกบ้านไว้ที่ต่างจังหวัด ส่วนรถป้ายแดงคันแรกในชีวิตพึ่งซื้อเมื่อกลางปีที่แล้ว (ที่ผ่านมาซื้อมือสองมาตลอด) ทำให้ตอนนี้มีหนี้หลักๆคือบ้าน กับรถ
รายได้ผมจากงานประจำรวมกับงานพิเศษที่ทำอยู่  1/2เป็นค่าส่งบ้านกับรถ(รวมเติมน้ำมันและซ่อมบำรุง) ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป มีเหลือนิดหน่อยก็เป็นเงินเก็บ
ด้วยความที่ผมอาศัยอยู่กับที่บ้านเป็นส่วนใหญ่และไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย และไม่ได้เป็นหนี้บัตรเครดิตหรือผ่อนของอย่างอื่นทำให้รายจ่ายแต่ละเดือนคงที่ จะมีกังวลบ้างก็แค่ต้องพยายามหาเงินเลี้ยงตัวในแต่ละเดือน ตามที่ตั้งเป้าไว้ให้ได้

ถ้าไปเล่าในบอร์ดชื่อดัง คนมีแต่คนรุมด่าว่าใช้ของเกินตัว จะเป็นหนี้หัวโต ไปไม่รอด เกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะทำยังไง ไม่มีอนาคต บลาๆๆ ฯลฯ ...... แต่ผมก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆมาได้ตั้ง 4-5 ปีตั้งแต่ที่เริ่มผ่อนมาแล้ว มีรถขับสบายๆอยากไปเที่ยวไหนก็ไป บางทีก็ไปพักสูดอากาศที่บ้านต่างจังหวัดบ้าง

ตรงกันข้าม ผมกับรู้สึกว่ารับได้กับการเป็นหนี้เรื่องบ้านเรื่องรถ ผ่อนไปเรื่อยๆสักวันมันก็ต้องหมด แต่ต้องมีวินัยกับตัวเองนะว่าจะพอแค่นี้ เท่าที่รายได้เอื้ออำนวย

บ้าน.......มีแต่จะราคาขึ้นไปเรื่อยๆถ้าไม่ซื้อวันนี้ วันหน้ามันอาจจะแพงกว่านี้เป็น 2 เท่า 3 เท่า ใครจะไปรู้
รถ.....ซื้อแล้วได้ใช้ ขับไปทำงาน ขับไปเที่ยว ขับไปสังสรรค์บ้านเพื่อน แค่นี้ผมว่าคุ้มแล้ว



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2016, 15:34:04 โดย akewizard »

ออฟไลน์ Lucky_suby

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 374
    • อีเมล์
ตอบคำถามแรกก่อนเลยครับ ว่า จำเป็นหรือไม่ ถ้าจำเป็น คำถามที่สองคือ ไหวหรือเปล่า

คำว่าจำเป็น กับ ไหว แต่ละคนต่างกัน ถ้าตอบตัวเองได้ แบบ ไม่ได้เอาความอยากนำหน้า ก็ลุยเลยครับ

สำหรับผม ไม่เครียดมากครับ หนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เพียงแต่ต้องประเมิณตัวเองด้วยว่า หากตกงาน ต้องอยู่โดยไม่มีรายได้ได้อย่างตำ 6 เดือน

โชคดีครับ

ออฟไลน์ rojsak2021

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,196
    • อีเมล์
สมัยก่อนรถยนต์ไม่ใช่ออกกันง่ายๆเหมือนสมัยนี้ เราก็ไม่เห็นเดือดร้อน ขึ้นรถเมย์ รถไฟ กันไป, มันเเป็นเรื่องของวัตถุนิยม
แต่ถ้าไม่เดือดร้อนก็ถือเป็นรางวัลชีวิต

ออฟไลน์ PEAY

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
    • อีเมล์
  รถนี่พออายุมากขึ้นความอยากจะค่อยๆหมดไปนะครับ สวนทางกับรายได้ ส่วนใหญ่พออายุมากขึ้นรายได้จะมากขึ้นตาม (ก่อนเกษียณ)
  แบบว่าตอนอยากละไม่มีเงิน
  พอมีเงินดันไม่อยากซะล่ะ 5555

ออฟไลน์ Kkkong

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 126
ถ้าอาชีพที่ต้องใช้รถหาเงินผมสนับสนุนครับ ถ้าไม่ได้เอารถมาในการใช้ทำงานผมว่าอย่าเพิ่งเสี่ยงครับ

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
ผมไม่รู้ว่าคำว่าธรรมดาของคุณคือประมาณไหนครับ ถ้าซัก 5หมื่นต่อเดือน ซื้อรถ B-seg ซักคันคงไม่เกินแรงและไม่ต้องกังวลอะไร แต่ถ้าคุณเงินเดือน 9000 แล้วต้องซื้อรถที่ผ่อนเดือนละ 6000 แบบนี้เครียดแล้วครับ และคิดว่าอย่าซื้อดีกว่า

ยังไงให้ดูที่รายได้เป็นหลักครับ ถ้าคุณติดขัดเรื่องเงินจริงๆ วิออสไม่ก็ยาริสมือสองน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับคุณ หรือถ้างบน้อยจริงๆ Mirage ก็โอเค

ออฟไลน์ i-Kao

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
ผมเคยคำนวณกับเพื่อนๆหลายๆคน ไม่ได้มีหลักการอะไรมากครับ ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็จำเป็นต้องผ่อน

ปัญหาคือ รถมันแพงขึ้นทุกวันๆ และ รุ่นที่อยากได้มันเกินตัวไปรึเปล่า ?
ไมเนอร์บวกหลายพัน ปรับโฉมบวกหลายหมื่น

น้ำมันก็แพง ค่าแรงก็ขึ้น

กระบะจากครึ่งล้าน กลายเป็นล้านเกือบครึ่ง
มือสองก็ดอกเบี้ยโหด เพราะธนาคารเป็นว่าเราจำเป็นต้องใช้รถ

อ้อ อีกอย่างนึงครับ
สมัยก่อน ครอบครัวนึง มีรถคันเดียว พ่อ แม่ ทำงาน ช่วยกันผ่อนส่ง เลยไม่หนัก
สมัยนี้ พอเรียนจบปุ๊บ ทำงานปั๊บ ซื้อรถ ผ่อนคนเดียว

มันเลยยิ่งดูยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ครับ

ออฟไลน์ mozart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,341
ถ้าจำเป็น ก็ต้องซื้อครับ อยากได้ก็ต้องซื้อเหมือนกัน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้  แต่ก็ต้องดูด้วยว่าผ่อนไหวรึป่าว และถ้าจะซื้อมาใช้งานและมีคันเดียวเลย ผมก็คงเลือกเจ้าตลาดตัวโตครับ แต่ถ้ามีรถหลายคันแล้วก็ขอตามใจตัวเองแล้วกันครับ

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
ขนาดกะว่าไม่เกินตัว พอเริ่มผ่อนจริงๆ รู้สึกจนลงเยอะเลยครับ :'( :'( :'(

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,144
  • SNK vs Playmore
เอาคันที่เราผ่อนได้ใน 4 ปีครับ

นานกว่านั้นผมว่าเหนื่อย


ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,231
    • อีเมล์
กังวลไหม ?

ไม่กังวล ครับ

ก่อนจะซื้อ ก่อนจะผ่อน อะไรสักอย่าง ผมคำนวณแล้ว ผมคิดแล้วว่า ผ่อนแล้ว มีแล้ว ผมต้องไม่ลำบากไปกว่าเดิม มันต้องไม่มาเป็นภาระผมครับ รวมถึง นิสัยผมนะ จะซื้ออะไรสักอย่าง มันต้องเป็นของดี ของที่เลือกแล้ว ถ้าเอาของแค่พอใช้ ของที่ไม่ถูกใจ ผมยอมไม่ซื้อ ยอมรอ รอเวลาที่มีเงินมากกว่านี้ แล้วซื้อของดี ทีเดียวครับ

ผมมีรถยนต์ ก่อน มีบ้าน

ขัดหลักของหลายๆคน แถมเปลี่ยนรถมาถึง 2 คัน ราคาก็ไม่ถูก โดนบ่น โดนด่า สารพัด หาว่า โง่ ใช้เงินไม่เป็น ... แต่ผมมีเหตุผล มีวิธีของผมนะ

ผมผ่อนรถคันละล้าน แค่เดือนละหมื่นเดียว แต่ดาวน์ระดับ 50% ครับ ซึ่งแน่นอนว่า อนาคตเกิดอะไรขึ้นมา หรือ มีอะไรฉุกเฉิน ผมก็ยังสามารถผ่อนรถคันนี้ต่อได้อีกอย่างน้อย 1 ปี (สมมติว่า ตกงาน) หรือ ถ้าต้องขาย ผมก็ขายได้เลย โดยที่ยังเหลือเงินติดมือมาบ้าง ตั้งแต่งวดแรกที่ผ่อน

พอผ่อนมาได้สักพัก ย้ายงาน อัพเงินเเดือน การเงินเริ่มคล่อง เริ่มคงที่ ผมก็ทำแผน เคลียร์หนี้ จาก 72 งวด ผมเคลียร์จบภายในงวดที่ 53 ครับ อาจจะดูไม่ฉลาดที่เอาเงินก้อนมาโปะรถ ที่ลดดอกแค่ 3 พันกว่าบาท แต่ผมมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้ลงทุนที่ไหน ดอกเบี้ยเงินฝากก็ต่ำ แถมนิสัยผมใช้เงินเก่ง เก็บเงินก้อนไว้ เดี๋ยวก็ฟุ่มเฟือยอย่างอื่นหมด เอามาปิดรถดีกว่า

เห็นเงินในบัญชีเหลือน้อยๆ เดี๋ยวก็กระตุ้นความอยาก ให้เก็บใหม่เอง

................

จากรถ ผมก็ซื้อบ้าน แน่ล่ะ ผมไม่ซื้อทาวโฮม ผมซื้อทั้งที ผมก็ซื้อบ้านเดี่ยว ในโครงการที่ค่อนข้างดี (สำหรับ ตจว.) ราคาสูง แต่ผมวางแผนมาตอนออกรถแล้ว ดังนั้น ผมมีเงินเหลือผ่อนบ้านได้สบายๆ โดยไม่เดือดร้อนครับ

นี่รอแค่เอกสารโอนรถจากไฟแนนซ์ก็จบละ ... เดี๋ยวขอฟุ่มเฟือย ซื้อของที่อยากได้ (จัดล้อกับโช้ค ไป แสนสามละ 55+) กับ ไปเที่ยวสัก 3 - 4 ทริปก่อน ... ปลายปี ค่อยวางแผนปิดบ้านต่อ แต่คงเป็นแผนยาว จากผ่อน 30 ปี กะเอาให้จบภายใน 5 - 6 ปีนี่แหละ

ไม่รู้ดิ ... ผมวางแผนพวกนี้แล้วไม่เคยพลาด ผมทำได้อ่ะ

ออฟไลน์ sengausa

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 256
    • อีเมล์
ผมเงินเดือน 13,000 - 14,000 เองครับ ( อย่าพึ่งว่ากันนะครับ ว่าเกินตัว ค่าโน้น ค่านี่ ..... ยิ่งกำลังคิดมาก 5555 )
คิดว่าจะ ดาวว์ Isuzu D'max 1.9 AT Cab ให้เหลือผ่อนประมาณไม่เกิน 8,000 บาท ( ใจจริงอยากได้ 4 ประตูครับ แต่แพงเหลือเกิน สู้ไม่ไหวครับ )

อยากได้ประสบการณ์จากทุกท่านว่า  ให้กำลังใจตัวเองยังไงไม่ให้คิดมาก หรือ วางแผนเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินอย่างไรครับ

ออฟไลน์ Pasakorndvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,310
เคยเครียดมากครับ
แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุที่ผมเป็นคนนั่ง ที่ต่างประเทศ
หลับไป 2 ชั่วโมง ตื่นมางงๆ  ซี่โครงหัก แต่โชคดีที่ไม่ตาย
    หลังจากนั้น สิ่งที่กังวลเรื่องภาระต่างๆ กลับน้อยลง เราขยันทำมาหากิน ใช้ชีวิตให้มีความสุข ตัดสิ่งไม่จำเป็นออก คิดไปคิดมา หนี้ 5 ล้าน+ค่าเรียนลูก 2 คนปีละ 140,000 บ. มันเบาลง มีทางออกแล้ว แค่ไม่ซื้อของใหญ่ๆ เพิ่มที่ไม่ใช่ทรัพย์สินแต่เป็นหนี้สิน เช่น รถ ไม่เกิน 10 ปี ก็เป็นไท
     สุดท้ายอยู่กับปัจจุบันไม่สร้างหนีี้เพิ่ม ก็สบายๆแล้วครับ
     
'19 Honda Civic EL

ออฟไลน์ Visual

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 763
ถ้าเซฟสุดสำหรับผมคือมีเงินสดเท่าราคารถที่จะซื้อหรือมากกว่า เผื่อมีปัญหาเรื่องงาน ปัญหาชีวิต ยังพอมีเงินไว้ใช้ชีวิตและไว้ผ่อนรถระหว่างแก้ปัญหาด้วย

แต่ผมเข้าใจว่าสำหรับมนุษย์เงินเดือนคงยากที่จะเก็บเงินก้อนใหญ่
ถ้าต้องซื้อจริงๆหลังออกรถแล้วควรจะมีเงินเหลือติดตัวไว้ใช้จ่าย + ผ่อนรถอย่างน้อย 6 เดือน ในกรณีตกงาน
เช่น ปกติใช้เงินกินอยู่เดือนละ 10k ค่าผ่อนรถเดือนละ 10k หลังออกรถมาแล้วควรมีเงินเหลือติดตัวอย่างน้อย 120k
แบบนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ แต่ดีกว่าดาวน์จนหมดไม่เหลือเงินติดตัวเลย อย่างน้อยคุณก็มีเวลาแก้ไขปัญหาถึง 6 เดือน ไม่งั้นถ้างานมีปัญหาหรือเจ็บป่วยหนักทีชีวิตคุณเละแน่นอน

ออฟไลน์ iamwutdy

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 412
ตามหลักการแล้วเค้าว่า หนี้สิน ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ครับ ถึงจะอยู่ได้แบบสบาย ๆ เงินสำรองประมาณ 6 เดือนของค่าใช้จ่าย

แต่ถ้าถามว่าเป็นกังวลมั้ยถ้าเป็นหนี้ ก็ต้องมีกังวลบ้างแน่นอนครับ อนาคตมันไม่แน่นอน

ออฟไลน์ neutrino

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 750
ให้ถามตัวเองก่อนว่า รายได้ที่มีงานที่ทำจะยังคงมีอยู่ต่อไปอย่างน้อย10ปีหรือไม่ถ้าตอบว่าไม่ อย่าเสี่ยงดีกว่าทุกข์ตอนนี้เราสร้างเองในใจ ทุกข์หน้าหนักหนากว่านี้เยอะ(ยามที่เป็นหนี้,ตกงาน,ไม่มีจะกิน)

ออฟไลน์ ทาสแมว

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 161
  • twinair turbo engine
    • อีเมล์
จะซื้อ ก็วางแผนล่วงหน้าครับ    เวลาพลาดมาจะได้ไม่เจ็บ

ควรมีเงินสำรองไว้ ส่วนหนึ่ง เงินฉุกเฉินนี้ ย้ำ!!!! สำคัญมาก

รถที่ใช่ จะมาในเวลาที่พร้อมครับ

ตอบตัวเองให้ได้ก่อน



ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์

ผมก็หมดไปกับรถนี่เยอะเลยครับ
สิ่งที่ตามมา ไม่ใช่ แค่เงิน ดาวน์ที่หายไป
แต่มีค่า ดูแลรักษารถตามมาอีก บาน
ตอนนี้แบกรถ สองคัน อีกคันพึ่งจะหมด
เหลือ หนึ่วคัน เริ่มเบื่อ การผ่อนรถแล้ว

ซื้อ ป้ายแดงมา สี่คัน ตอนนี้เริ่ม รู้ตัว แล้ว
ไม่อยากเอาเงินไปใ้หรัฐบาล เท่าไหร่

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ผมไม่แนะนำให้ซื้อครับ  ถ้าไม่คิดมากเค้าเรียกสิ้นคิดครับ คิดมากไม่แปลกเพราะคุณหามาได้เหนื่อยยาก

คำว่าจำเป็นของแต่ละคนแตกต่างกันครับ อีกอย่างตัวเลือกมีเยอะ คุณไปซื้อรถเก่าก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับ ถ้าว่าจำเป็น ตัวเลือกมีเยอะ รถสาธารณะก็ประหยัดกว่า
รถยนต์มีค่าใช้จ่ายแฝงเยอะครับ

ส่วนตัวผมมีคนใกล้ชิดพอสมควรที่ไม่มีรถยนต์ แต่แปลกที่ทุกคนเคยคิดจะซื้อรถทั้งนั้น บางคนมาปรึกษาอย่างดี ไปจองเรียบร้อย มานอนคิด2อาทิตย์ ถอนจองเฉยเลย 555 บอกเสียดายเงิน ทุกวันนี้ก็ไม่มีรถอยู่เลย แต่เค้าเอาเงินไปซื้อคอนโดแทน  ทุกวันนี้สุขสบายดี ผมยังคิดว่าถ้าตอนนั้นเค้าซื้อรถ วันนี้จะเป็นยังไง

ปล. คนเงินเยอะยังไงก็ได้นะครับ ผมว่าไม่ผิด เพราะจริงๆถ้ามีมันมีกว่าไม่มีแน่ๆ

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
ผมเงินเดือน 13,000 - 14,000 เองครับ ( อย่าพึ่งว่ากันนะครับ ว่าเกินตัว ค่าโน้น ค่านี่ ..... ยิ่งกำลังคิดมาก 5555 )
คิดว่าจะ ดาวว์ Isuzu D'max 1.9 AT Cab ให้เหลือผ่อนประมาณไม่เกิน 8,000 บาท ( ใจจริงอยากได้ 4 ประตูครับ แต่แพงเหลือเกิน สู้ไม่ไหวครับ )

อยากได้ประสบการณ์จากทุกท่านว่า  ให้กำลังใจตัวเองยังไงไม่ให้คิดมาก หรือ วางแผนเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินอย่างไรครับ

ถ้าเงินเดือนเท่านี้ไม่แนะนำให้ซื้อครับ อย่างมากซื้อมือสองเถอะครับ ถึงคุณเงินเดือน 2 หมื่น คุณยังไม่ควรซื้อรถที่ต้องผ่อนหนักเท่านี้เลยครับ อีซุสุมือสองทนๆ ใช้นาน อู่นอกอะไหล่เยอะ เอารถอายุซัก 2 ปีก็ได้ถ้าไม่อยากให้มันเก่าเกินไป

ซื้อรถต้องซื้ออย่างสมเหตุสมผลครับ ด้วยฐานเงินเดือนของคุณ คุณควรซื้อรถไว้"ใช้งาน"เป็นหลัก คือขับได้ ขนของได้ ไม่พัง ไม่สูบน้ำมันจนหมดตัว แค่นั้นพอครับ ถ้าซื้อมือหนึ่งนี่มันเป็นการซื้อเพราะอารมณ์ส่วนนึงครับ ถ้าคุณไม่มีครอบครัวคอยซัพพอร์ท ชีวิตคุณจะลำบากขึ้นมากเลยทีเดียว

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,488
มนุษย์เงินเดือนนี่มีหลายระดับ หลักพัก หลักหมื่น หลักแสน

คิดง่ายๆ ถ้าคุณถึงขั้นกังวล ก็ขอให้ดูว่า "จำเป็น" ไหม? ถ้า "ไม่จำเป็น" ก็อย่าซื้อเลย

เหมือนคุณคิดว่าน่าจะต้องมี เอาอะไรมาวัด ผมว่าพร้อมในระดับของเรา คือจ่ายไหว ลำบากก็พอได้ แต่ต้องไม่ใช่ถึงขึ้นกัลวล
และดูจากรายได้ ผมเห็นเหมือนพี่ๆ ว่าอย่าเพิ่งเลย ซื้อมามีทั้งค่าส่งรถ ค่าน้ำมัน ประกัน ฯลฯ

ถ้า "จำเป็น" ลองดูมือสองไหม ตอนนี้ราคาตก รถเยอะแยะ หาๆ ไปเดี๋ยวก็เจอครับ

ขอให้โชคดีนะ

ออฟไลน์ IS

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 66
ซื้อเอาไปทำอะไรครับ เอาจริงๆ ผมเองก็เคยมีกิเลส อยากได้รถ อยากมีเป็นของตัวเองบ้าง
ซึ่งเป็นความคิดชั่ววูบ อยากได้อยากโดน แต่ก็ซื้อจนได้ อย่างที่เขาบอก กิเลสย่อมระงับด้วยการซื้อ....เลย
แต่ก็ต้องมานั่งเครียดเพราะรถมาจอดตากฝุ่นอยู่เกือบ 2 เดือน เพราะผมก็เป็น sale. มีรถบจก.ให้ใช้ฟรีอยู่แล้ว ผมว่าถ้าตรึงมือเกินไปหล่อตีนปลายดีกว่า หล่อตีนต้นแต่ปลายแห้งๆครับ

แต่ถ้า จขกท มีแผนจะนำไปใช้เพื่อเพิ่มรายรับ ผมก็เห็นด้วยครับ
ลองพิจารณาดูนะครับ เงินของท่านเองครับ

ออฟไลน์ muying

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 394
ตอนนี้ผมกำลังมีโครงการที่จะซื้อรถ แต่ก็ซื้อด้วยเงินผ่อน เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ( ธรรมดาจริงๆ ) ยอมเป็นหนี้ก้อนโต เพราะคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้ว
แต่ !!! ผมเริ่มกังวลกับอนาคตแล้ว แอบเสียดายกับเงินในบัญชีธนาคารที่เก็บมากำลังจะหมดไปกับการดาวว์รถ
คิดถึงอนาคตที่จะต้องมีภาระ ค่าผ่อน ค่าน้ำมัน ค่าอื่นๆๆๆๆๆๆ อีก 5 - 6 ปี เงินเดือนที่ได้มาจะหมดไปกับรถเกือบทั้งหมด
ผมอยากถามทุกท่านว่า มนุษย์เงินเดือนธรรมดาแบบท่าน กังวลแบบผมบ้างไหมครับ หรือผมคิดมากไปเอง

ถ้าตามนี้จริง อย่าเพิ่งออกรถใหม่เลยครับ  ผมนี่มากกว่ากังวลเลยน่ะ 

คิดดีๆ ก่อนครับ

ออฟไลน์ sengausa

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 256
    • อีเมล์
ขอบคุณมากครับ สำหรับความคิดเห็นของทุกๆ ท่านเลยครับ
เฮ้อ ....... เอายังไงดีน้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ส่วนใหญ่เห็นว่าควรพักโครงการก่อน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2016, 19:29:38 โดย sengausa »

ออฟไลน์ rotaryman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,586
ถ้าซื้อมาเพื่อหาเงินแนะนำให้ซื้อครับ

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าไม่จำเป็น จอดมากกว่าวิ่ง ก็ไม่ควรซื้อครับ
สร้างภาระเพิ่มเปล่าๆ แต่ถ้ารถหาเงินได้ ผมก็ว่าน่าลงทุนครับ

ออฟไลน์ lufy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 256
    • อีเมล์
ผมยอมรับว่าทฤษฏีผ่อนรถ 30เปอร์เซ็นต์ของรายได้นี่ดีจริง คือซือ้แล้วไม่ลำบาก ไม่เดือดร้อน ซื้อในตอนที่พร้อม แต่ถ้ามันไม่พร้อมซักทีละ ผมเคยเห็นน้าคนนึงอายุ ห้าสิบกว่าละ เค้าก็ยังไม่ได้ซื้อรถซักที ทั้งที่แกก็อยากได้ พอพร้อมอายุเยอะจะเอารถมาทำไมล่ะ ไม่จำเป็นต้องเดินทางบ่อยแล้ว อุตส่าลำบากเก็บเงินมาทั้งชีวิต

รถมือสองล่ะ ดอกเบี้ยก็แสนโหด ผ่อนแต่ดอกเบี้ยะ

ต้องประเมินตัวเองละครับ ว่าไหวรึป่าว จะให้พร้อมบางคนทั้งชีวิตเค้าก็ไม่พร้อมครับ

แต่ถ้ามีแรงผ่อน ยอมลดรายจ่ายส่วนอื่น ยอมลำบากในช่วงที่ผ่อน ถ้ารายจ่ายมันเยอะก็ต้องหาเพิ่มครับ บางทีการที่เราอยู่เรื่อยๆมันก็ไม่มีแรงผลักดันครับ แต่การมีภาระทำให้เราต้องอดทนขึ้น ผ่อนเสร็จก็ได้รถเป็นของตัวเอง แม้มูลค่าจะถูกลงก็ตาม

จขกท ผมสนับสนุนครับ มีเงินเก็บแล้วส่วนนึง ถ้ามันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นสะดวกขึ้น แต่ไม่ใช่มีไว้ประดับบารมี ขับอวด หรือเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะนะครับ

เพื่อนแฟนผมเงินเดือนหมื่นต้นๆ ใช้เดือนชนเดือนไม่มีเงินเก็บ อยากได้รถเลยแนะนำมือสองไป ถามว่าอยากได้รถอะไรละ แจ๊สตัวใหม่ ผมเลิกคุยเลย

แต่ก็อย่าลืมนะครับ มีรถ ต้องมีค่าซ่อมบำรุง ค่าเติมน้ำมัน ค่าประกัน รายจ่ายตามมาอีกเยอะ

ออฟไลน์ min217

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 213
ถ้าบอกว่าเงินเดือนจะหมดไปกับการผ่อนรถ บอกได้เลยอย่าซื้อเด็ดขาด ไม่นั้นโดน
Finance ยึดรถแน่