ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมกระแสรถไฟฟ้ามาแรงมากๆ แต่ค่ายรถบางค่ายถึงยังไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย  (อ่าน 9205 ครั้ง)

ออฟไลน์ balliblue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
ค่ายใหญ่อย่าง TOYOTA Honda  เขาพัฒนารถไฮบริดไม่ได้พัฒนารถไฟฟ้า       ต้นทุนทำไฮบริดยังต้องขายให้คุ้มทุนก่อน ค่ายรถพวกนี้มองว่ารถไฟฟ้าควรต้องมาแต่ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 5-10 ปีขึ้นไปเพื่อให้ทุกอย่างพร้อม  รวมถึงค่ายรถยนต์มีเวลาปรับตัวไปหารถไฟฟ้า      ตอนนี้กำลังทำเครื่องสันดาปภายในกับเครื่องลูกผสม   ถ้าอยู่ ๆ จะให้ทำไฟฟ้าอย่างเดียวมันเร็วเกินไป   ผลดีไม่ได้ตกกับตัวเอง  ต้องปรับเปลี่ยนกันใหม่หมด  อีกทั้งความพร้อมประเทศเราพร้อมมากถึงขนาดจะรองรับรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมากแล้วเหรอ
พวกบริษัทรถญี่ปุ่น ทุ่มวิจัยเรื่อง hybrid กับ fuel cell ต้องถอนทุนคืนก่อน ส่วนรถไฟฟ้า จริงๆก็มีทำได้บ้างแล้วอย่าง nissan แต่อย่างว่าตอนนี้คงต้องดันพวก hybrid ออกมาถอนทุนคืนก่อน

ออฟไลน์ valent

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 733
ดูกล้องใช้ฟิล์มเป็นตัวอย่าง
ชะล่าใจกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเกินไป เลยดับอนาถ

แต่ผมไม่ได้สรุปนะครับว่า บริษัทรถจะล้มแบบบริษัทฟิล์ม
perfect knowledge of such things can't be acquired without divine inspiration

ออฟไลน์ nonp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 948
    • อีเมล์
แหม่ เห็นเปรียบเทียบกับเคส โกดัก กับ โนเกียกันเยอะจัง

รถยนต์มันไม่ได้ซื้อง่ายกันแบบกล้องหรือมือถือนะครับ

ไม่งั้นพวกรถราคาถูกๆ คงขายดีกันเป็นเทน้ำเทท่าแล้ว

รถยนต์มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ผมกลับคิดตรงข้ามว่า Tesla อยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ต้องหายไป
จะโดนเจ้าใหญ่ซื้อ หรือเจ๊งไปเอง ค่อยมาดูกัน

รถไฟฟ้ามีต้นทุนวิจัยและพัฒนาลงไปเยอะมาก แต่ขายเฉพาะกลุ่มเพราะราคาแพงและได้แค่ไม่กี่ประเทศ economy of scale มันจะเกิดได้ยังไง

ถ้าเกิดจริงๆ ผมว่าเป็นสวรรค์ของคนใช้รถน้ำมัน เพราะแบบนี้ demand น้ำมันก็จะลดลงไปอีก ราคาน้ำมันก็จะราคาถูกลงไปอีก เหอๆๆๆ

ออฟไลน์ TrentXWB

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 831
  • เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ
จริงๆ ถ้ามีคนคิดค้น ปฏิกรณ์ขนาดเล็กวางลงแทนเครื่องยนต์เพื่อสร้างกระแสไฟ โดยที่ปฏิกรณ์นั้นอาจเป็นโคลด์ฟิวชั่น หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่สะอาดและปลอดภัยในการให้กำเนิดไฟฟ้า แล้วพ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้กันในรถไฟฟ้าทุกวันนี้ บวกกับแบตที่ดีขึ้นอีกเพื่อเก็บประจุ จะเหมาะกับพี่ไทยมากๆ ครับ แต่ดูท่าแล้วน่าจะฝันค้าง ปฏิกรณ์ขนาดเล็กที่จ่ายไฟพอวิ่งได้ต่อหนึ่ง fuel rod ที่ 20000 กม. พอหมดแล้วก็เปลี่ยน fuel rod ใหม่ โดยใส่มาสัก 3 แกน โดยใช้จริง 2 แกน อีก 1 แกนไว้สำรองเผื่อแกนหลักล้ม ;D

ไม่งั้นก็ต้องทำแบบที่ tesla เคยว่าไว้คือ ถอดแบตทั้งยวงออกแล้วใส่แบตใหม่เข้าไปแทนที่ แล้วเอาแบตไปวนชาร์จ
แต่แบบนี้สถานีน่าจะต้องใหญ่ กินไฟมหาศาล และปริมาณรถและกำลังการชาร์จต้องพอจริงๆ ไม่งั้นวิ่งจากกรุงเทพไปปราณบุรี
ไปเปลี่ยนแบตที่ปั๊มแล้วปั๊มบอกแบตยังชาร์จไม่เต็มเลยครับรอ 2 ชั่วโมงนี่ยุ่งแน่นอนถ้ารีบๆ และยิ่งถ้ารวมช่วงสงกรานต์ที่ปริมาณรถจะมหาศาลเข้าไปด้วยนะครับ โอ้โห หัวปั่นx3แน่นอน

เขียนมาซะยืดยาว
เอาเป็นว่าถ้าเราสามารถชาร์จแบต 90 กิโลวัตต์ของเทสล่าที่มีระยะระยะทางวิ่งตีกลมๆ 400 กม. ได้ใน 5-10 นาที นี่ถึงจะน่าใช้ในชีวิตจริงครับ เพราะเราเติมน้ำมันกันเต็มที่ก็ 5 นาที หรือไม่งั้นก็ต้องสถานีเปลี่ยนแบตไปเลยครับ
ไม่รู้ว่าซูเปอร์ชาร์จของเทสล่านี่เต็มถังปัจจุบันใช้เวลากี่นาทีแล้ว

ออฟไลน์ valent

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 733
เทคโนโลยี ก้าวหน้าแบบอัตราเร่ง
สิ่งที่คิดว่าไกล อาจไม่ไกลอย่างที่คิด
perfect knowledge of such things can't be acquired without divine inspiration

ออฟไลน์ Sympho

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 996
มันเหมาะกับการใช้งานช่วงสั้นๆ  Load ไม่มาก วิ่งไปทำงานในเมือง กลับมาชาร์จที่บ้าน

ถ้าวิ่งข้างจังหวัดไกลๆ ยังแก้ปัญหาเรื่องจอดชาร์จแบตไม่ได้

เติม NGV ยังบ่นกันเลย

นี่จอดชาร์จไฟ หุหุ

ปกติครอบบครัวนึง มีรถกัน 1-2 คัน ซึ่งมันก็ต้องตอบสนองการใช้งานได้ครอบคลุมหละครับ

ซึ่งรถไฟฟ้าตอนนี้มันยังตอบโจทย์การใช้งานได้ไม่หมด ส่วนใครมีกำลัง ซื้อมาขับไปทำงาน กลับมาชาร์จไฟที่บ้านได้ มันก็ดี

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,037
    • อีเมล์
Telsa ไม่หายไปหรอกคับ  ดูซะก่อน เจ้าของเขาคือใคร  มุมมองเขาไม่ธรรมดา Yahoo ว่าใหญ่ๆ เบอร์ 1 ของโลก  ยังโดนสอยมาแล้ว  แล้วไม่ใช่แต่ Telsa  ทาง Apple เองก็ลงมาเล่นตลาดนี้แล้วด้วย มีแต่บริษัทรถที่พัฒนาตามไม่ทันจะหายไปแทนมากกว่า
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
ถ้าในต่างประเทศเค้าก็ทำไปแทบทุกยี่ห้อรถแบบไฟฟ้าล้วน
แต่หลายค่ายยังคงเน้นไปปรั๊กอิน มากกว่า เพราะมันยืดหยุ่น ปัญหาปัจจุบันคือเรื่องแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ทนมากขนาดนั้น และมันกว่าจะชาร์จเต็ม หนทาง Hybrid จึงยังคงยั่งยืนกว่า แต่เห็นมั้ยว่าหลังๆมา Plug in มันเห็นง่ายขึ้น เอาจริงๆมันก็แทบเป็นรถไฟฟ้าไปแล้วนั่นแหละ แต่วิ่งได้ไปไกลแค่นั้นเอง
ตอนนี้ต้องคิดให้ได้ว่าทำยังไงให้วิ่งได้ไกลที่สุด และชาร์จเร็วที่สุด อันนี้แหละปัญหา แล้วมันคือเรื่องของแบตเตอรี่มากกว่าตัวรถ

ส่วนแนวทางต่อระยะอยู่ที่ค่ายรถแล้วหละ ว่าจะทุ่มทางไหน ไฮโดรเจน หรือน้ำมัน ซึ่งไฮโดนเจนปัญหาคือถังเก็บที่ต้องทนมากๆเพื่อให้คงสถานะของเหลว
มันก็กินพื้นที่รถเข้าไปอีก นอกจากที่ต้องมีแบตเตอรรี่

หนทางรถไฟฟ้าล้วนยังอีกยาวไกลครับ ถ้าบริษัทรถยนต์ยังต้องทำด้วยตัวเอง ถ้ามีแนวทางลงทุนแบบหลายประเทศเช่นอังกฤษ มีเลนที่ชาร์จไฟไปด้วยได้ หรือสวีเดนที่ทดลองทำแบบรถไฟที่มีขาไปแตะกับสายไฟ โดยเน้นไปที่รถบรรทุกใช้แบบนี้
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
หลายๆค่ายที่ยังไม่พูดถึงเพราะเทคโนโลยีที่มียังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวมั้งครับ อาจจะมีประสิทธิภาพไม่พอมั้งนะ หรือไม่ก็ยังไม่เริ่มพัฒนาเลยก็เป็นได้

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
มันก็แค่กระแสครับ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
+1 สำหรับเรื่องเปลี่ยนแบต

ถ้าทำได้จริง ปั้มมีหน้าที่เก็บแบต/ชาร์จรอ รถที่มาใช้บริการก็แค่ถอดเปลี่ยนแบตได้ในระยะเวลารวดเร็ว (ใช้แบตร่วมกันเป็นของส่วนกลาง หน่วยบริการก็ควบคุมคุณภาพแบตไป) แบบนี้ก็โอเคนะ

แต่มันจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆเหมือนเปลี่ยนถ่านมั้ยนะ

ออฟไลน์ iLLuSion

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 69
ดูจากยอดจอง tesla model 3 แล้วน่าจะบอกถึงอะไรบางอย่างได้ครับ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ดูจากยอดจอง tesla model 3 แล้วน่าจะบอกถึงอะไรบางอย่างได้ครับ
จริง ยอดจองเป็นแสนๆ บริษัทอื่นจะไม่อยากแบ่งเชียวเหรอ (เทคโนโลยีอาจยังสู้ไม่ได้เลยเก็บตัวพัฒนาก่อนอย่างบางรีบอก)

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803

ออฟไลน์ onbit40

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 215
tesla ไม่ได้หยุดแค่รถนั่งส่วนบุคคลแล้วคับ รถบัส กระบะ รถบันทุก ตอนนี้เริ่มแล้ว.....

พอช เคยบอกว่าเทสล่าเป็นแค่ตัวตลก :) ทุกวันนี้กลับลำมาทำรถไฟฟ้าแทบไม่ทัน มัวแต่ไปบ้า hybrid ที่เป็นเทคโนโลยี่ร้อยกว่าปีอยู่ได้ :lol:

มันไม่ใช่รถเด็กเล่นเหมือนค่ายใหญ่คิดซะแล้ว :lol: จริงๆ bmw / พอช หาแผนมาสยบ tesla เท่าที่ก็รุ้แล้วว่า ค่ายรถใหญ่มันนั่งไม่ติดแล้ว :)


ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ต่อไปคงไม่ต้องมานั่งเถียงกันว่าเกียร์แบบไหนดีที่สุด จะดูอัลคลัทช์ จะ CVT ตอนนี้ต้องสยบให้กับรถไฟฟ้าที่ไม่มีเกียร์  ::)

ไม่ต้องมาห่วงเรื่องน้ำมันเกียร์ ไม่ต้องห่วงเรื่องเกียร์พัง นั่งได้ 7 คน แถมยังมีที่เก็บของเหลือๆ สำคัญสุดคือสวยล้ำมาก (ไม่เชื่อลองเอา Mirai มาเทียบดิ   ;D)

ปล. งงตรงไม่มีเบรค เห็นบอกว่าถอนเท้าก็จะเบรคให้เลย (เกิดเมื่อยขาอยากเปลี่ยนท่าล่ะ แต่คงมี cruise ให้มั้ง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2016, 22:32:10 โดย Jacob »

ออฟไลน์ CATM96

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 422
อย่าลืมนครับรถค่ายใหญ่ๆไม่ใช่มีแค่lineประกอบรถนะครับ tesla มาถึงจุดนี้ได้เพราะเริ่มต้นก็ไม่มีเครื่องสันดาปแล้วครับ
ในคณะค่ายอื่นมีทั้งเกียร์ เครื่องยนต์ และฯลฯ ที่มีโรงงานเป็นของตัวเอง หุ้นส่วน อีกเท่าไหร่?
ถามว่าค่ายใหญ่ๆเขาไม่พูดถึงเพราะอะไร? ทำได้มั้ยก็ขอบอกว่าทำได้แน่ แต่ยอมขาดทุน+คนตกงาน จะทำมั้ย?
ยังไม่รวมsupplier ที่มารองรับเครื่องสันดาปที่กำลังจะตายอย่างช้าๆ...

ออฟไลน์ onbit40

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 215
ผมมองคล้ายๆหนังสือพิมพ์ ในแง้ของคนตกงานเรื่อง powertrain พวกอะไหล่เครื่องสันดาบ จากการย้ายไปสู่ยุค ev

คนบอกว่า วิทยุมา หนังสือพิมพ์จะหายไป
คนบอกว่า โทรทัศน์มา หนังสือพิมพ์จะหายไป
คนบอกว่า อินเตอรเน็ตมา หนังสือพิมพ์จะหายไป
จะ 500 กว่าปีแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ยังอยู่  :o


ลดขนาด ปรับตัว มันก็เป็นมาตลอดอยู่แล้ว ไม่มีใครตายหายไปไหนแน่นอน เรื่อง supplier  จะตายผมมองว่าเป็นข้ออ้างล้วนๆ :lol:

ค่ายรถใหญ่ๆกำลังยัดเยียดรถที่ตัวเองผลิตออกมาเกินให้คนซื้อ เพราะเป้าการผลิด productivity ต้องมากกว่า 12% ทุกปี แต่คนซื้อไม่ได้มีกำลังซื้อกันขนาดนั้น :(
สุดท้ายจอดเต็ม yard :lol:

ออฟไลน์ Impulse

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
ผมตามอ่านอยู่นะครับพอดีไม่มีปุ่มกด Like ชอบความคิดเห็นหลายท่านมาก

ขอเสริมข้อมูลนิดนึงหลายท่านบอกว่า ต้องมีเงินถึงทำไฟฟ้าได้ ผมค้านนะเพราะ Mitsu ไม่มีเงินยังพยายามทำเลย PHEV ที่เคยมาทดสอบในไทย (... รึค่ายนี้ตังหมดเพราะนี้คือหนึ่งในเหตุผมก็ไม่รู้  :P) BYD ก็ทำรถไฟฟ้าราคาถูกได้ ค่ายนี้ผู้บริหารบอกเลยว่าเทคเราสู้ญี่ปุ่นไม่ไหวหรอก ต้องตัดราคาสู้เอา แต่ค่ายนี้ผมไม่แน่ใจว่ามีเงินเข้ามาทำหรือเข้ามาทำถึงมีเงิน 

ตัวแปลหลักผมก็คิดว่าอยู่ที่ Super battery ทาง Tesla Bet ไว้กับ Li-ion มากๆ เกิดวันนึงเทคนี้ไม่ใช่ทางที่ถูก หรือ ใช้เวลานานเกินไปกว่ามันจะกลายเป็นสินค้าสำหรับผลิตขายทั่วไปจริงใช้งานสมบูรญ์ทั้งระบบจริง ถึงตอนนั้นผมว่า Tesla และผู้ที่คาดหวังกับไฟฟ้ามาก มีคางเหลือง แต่ถ้าตรงข้ามก็อาจเป้นแบบที่หลายท่านคิดกัน...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2016, 23:07:27 โดย Impulse »