--รถพ่วงฉุนกระบะ ขับช้าแช่ขวา ตบลงข้างทางซะเลย--

[Slipknot`]

ฮึๆ

[Fly to dream]

ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับคนขับรถบรรทุกหรือรถใหญ่  เวลาที่ผมไปต่างจังหวัดวิ่งผ่านรถใหญ่จะรู้สึกเชื่อมั่นในมารยาทการขับรถของรถบรรทุก  ถ้าเขาขวางทางผมแค่กระพริบไฟเลี้ยวขวาสองสามครั้งเขาก็หลบให้  ความรู้สึกของผมคือ"เราใช้ภาษาขับรถเดียวกัน" สื่อสารกันเข้าใจ  รถกระบะ รถเก๋งเสียมากกว่าที่สร้างปัญหาบนท้องถนน

ส่วนในคลิปกระบะแช่ขวา คนขับรถพ่วงคงกระพริบไฟขอทางแล้วแต่กระบะไม่หลบ  คนขับรถพ่วงเลยแซงซ้าย แต่พอจะแซงด้านซ้ายคนขับกระบะกลับเร่งความเร็วแข่งซะอย่างนั้น จงใจจะปิดทางรถพ่วง  คนขับรถพ่วงก็เลยบันดาลโทสะ  ถีบกระบะลงข้างทางด้วยความไม่ตั้งใจ  หลังจากนั้นคนขับรถพ่วงก็บังคับรถชิดซ้ายตามมารยาท  กระบะก็คงบุบเล็กน้อย คนในรถก็แค่เคล็ดขัดยอก  ไม่ถึงกับโอเวอร์เป็นการฆาตกรรมหรอกครับ  คือแช่ไม่แช่ก็ดูรถกล้องเองก็ซ้ายทีขวาที  อีกหลายๆคันเขาก็อึดอัดเช่นกัน

สรุป  หาเหาใส่หัวเองครับ ถ้าไม่กวนตีนคนอื่นก็คงไม่โดนตีนคนอื่น   "กงเกวียนกำเกวียน" ครับ

ถูกครับ รถใหญ่นี่ทำให้เราขับง่ายมาก ยิ่งขับทางไกลกลางคืนผมยิ่งชอบเลย เพราะแค่แว็ปไฟสักสองครั้ง แล้วเปิดไฟเลี้ยว 3 จังหวะให้เค้าเห็น เค้าจะเปิดไฟเลี้ยวกลับว่าเค้าจะกลับหรือไม่กลับ ถ้าเค้ากลับไม่ได้เค้าจะบอกเราด้วยไฟเลี้ยวสลับซ้ายขวา ทำให้ไม่ต้องแซงซ้าย หรือเบรครอได้เลย ผิดกับพวกเห็นแค่ว่าตัวเองไม่สน กูจะแช่ยังไงมึงแซงไปเอง ที่เต็มถนนมากๆ มันน่าหงุดหงิดกว่าเป็นไหนๆ แว็ปไฟบอกก็ด้านนิ่ง ทำแบบในคลิปก็เห็นว่าสมควรแล้ว

เราไม่ต้องไปทำอะไรหรอก มันไม่หลบเราก็แซงไปเอง ตอแยแล้วจะเสียอารมณ์ ไม่โดนตีนเราก็โดนตีนคนอื่นนั่นแหละครับและตามในคลิปคือตัวอย่าง

ถ้าจะแซงแล้วเจอแบบนี้ ต้องรอไปเรื่อยๆใครรอทำได้ก็ทำไป แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรอได้  เห็นรถตามมาเป็นแถวคันเร่งก็เหยียบๆไปเถอะ แซงพ้นแล้วกลับมาขับช้าๆที่เลนซ้ายก็ไม่มีใครแจกตีนให้แบบนี้หรอก   ขับรถไม่ใช่แค่ตัวเองคือศูนย์กลาง แต่ต้องดูว่ารอบตัวเรามีปฏิกิริยาอย่างไร ถึงจะปลอดภัยกับตัวเอง

รอบตัวขับ 120 แต่ตัวเองขับ 80 ถ้ารู้ตัวก็เพิ่มมา 100 - 110 ก็ยังดี ใช่ว่าต้องไป 120 ตามเค้า หรือ รถเยอะๆขับกัน 60 แต่ตัวเองขับเร็วมาตลอด ยังไงก็จะ 100 ให้ได้ มันก็ไม่ใช่ ลดลงมาเหลือ 70-80 มันก็เร็วแล้ว

[sith(สิทธิ์)]

เริ่มเหมือนเว็บต้องห้ามเข้าทุกวัน เอากันมันส์แป้นพิมพ์เลย

[rosaniyomdeelerd]

คนขับรถบรรทุกจะเป็นใครเล็กใหญ่แค่ไหน ล่ำบึ้กหรือขี้ก้างไม่สำคัญถ้าอยู่บนรถผมขอหลบเขาก่อน

[ps000000]

โคตรโหด 

[yord]

ถ้าสมมุติว่า คนขับแช่ขวา ขับตามความเร็วที่กฎหมายกำหนดไว้ล่ะครับ คนขับแช่ขวาผิดไหม หรือกฎหมายผิดครับ

มาตรา ๓๕ รถที่มีความเร็วช้าหรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นที่
ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้

ิ่กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนครับ คุณจะขับด้วยความเร็วสูงสุด ตามกฎหมาย ก็ต้องหลบครับ

ผมขอแย้งแบบคนไม่รู้นะครับ เท่าที่อ่านดูกฏหมายก็ไม่ได้บัญญัติให้อำนาจไว้นะครับว่า ความเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้สามารถเร่งแซงขึ้นไปได้

ไม่อย่างนั้น ก็เป็นการขัดกันเองของการกำหนดความเร็วตามกฏหมายซิครับ  เมื่อกฏหมายไม่ได้ให้อำนาจให้สามารถขับได้เกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้

ผมมองว่าไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ครับครับ

แบบนี้กฎหมายเขาเรียก ต่างกรรม ต่างวาระครับ

รถที่ขับตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด แต่อยู่เลนขวา ไม่ยอมแซงแล้วชิดซ้าย ก็ผิดกฎหมายจราจรเรื่องการขับไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย หรือ แซงแล้วไม่ยอมชิดซ้าย

ส่วนเรื่องรถอีกคันที่ตามหลังมา แซงรถคันแรกไปด้วยความเร็วเกินกว่า กฎหมายกำหนด ก็ผิดกฎหมายจราจร เรื่องการใช้ความเร็ว

ลองคิดดูนะครับว่า ตามกฎจราจร รถบรรทุก 10 ล้อ ถูกจำกัดความเร็วใว้ต่ำกว่ารถยนนั่งส่วนบุคคล
ถ้าคนขับ 10 ล้อคิดว่าขับไม่เกิน 60กม/ชมและขับแช่ขวาไม่ผิด เพราะคิดว่าใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด แต่มีรถเก๋ง ขับมาที่ 90กม/ชม ในเลนขวาเหมือนกัน แบบนี้รถหลังไม่แย่เหรอครับ ถ้าจะใช้ Logic ในการคิด กันแค่ว่าใช้ความเร็วตามกำหนด ก็วิ่งขวาได้ยาวๆ โดยไม่สนใจเพื่อนร่วมทาง

ถนนเป็นของส่วนรวม อยากให้ใช้ถนนด้วยความมีน้ำใจครับ นึกถึงใจเขาใจเรา บางคนเขาอาจจะมีธุระจำเป็นจริงๆ ถ้าพอจะหลบได้ก็ควรหลบครับ

ผมตอบในฐานะการแสดงความคิดเห็นทางกฏหมายครับ เพราะเห็นยกหลักกฏหมายมาผมก็แย้งหลักกฏหมาย  กรณีอย่างที่คุณว่าถ้าคนขับ 90 แช่ขวาแล้ว

มีคนขับมาเกิน 90 ข้างหลังไม่ติดกันเป็นพรวนเหรอ ผมต้องถามกับไปว่าคุณจะเอาข้อกฏหมายหรือเอาข้อเท็จจริงครับ  แต่ผมจะตอบในทางกฎหมาย

ให้คุณลองพิจารณาดูนะครับ

ถ้ากฏหมายบัญญัติให้ขับไม่เกิน 90 คุณก็ต้องขับตามนั้นครับถ้าเกินกว่านั้นก็คือ ผิดตามที่กฏหมายบัญญัติไว้ครับ เว้นแต่กฎหมายบัญญัติให้ขับเกินกว่านั้น

ได้ครับ  ในกรณีถ้า90เป็นความเร็วสูงสุดแล้วคุณว่าคุณขับเกิน90ได้มั้ยล่ะครับถ้าเอาตามกฏหมาย แต่ตามตัวบทที่ยกมาคือเข้าขวาแล้วต้องขับลงซ้ายครับ

ท่าขับ 90แช่ขวามันก็อาจเข้าข่ายความผิดตามที่ท่าน  bravo ยกตัวบทมาได้ครับ  แต่ถ้าเราเอาตามกฏหมายท่านก็ลองพิจารณาด้วยตัวท่านเองดูครับ

ว่ามันผิดกฏหมายมั้ยน่ะครับ


แต่ถ้าท่านจะเอาตามข้อเท็จจริง มันน่าเกลียดอยู่แล้วครับ ขับช้า แช่ขวา มันไม่ควรทำอยู่แล้วครับ  ที่นี้ถึงคราวผมต้องบอกท่านว่าท่านควรแยกให้ออก

นะครับ ระหว่างข้อกฏหมาย กับข้อเท็จจริง

**แต่ที่ผมรุ้สึกได้คือ รถกระบะโดนรถพ่วงตบลงข้างทาง กับมีคนเห็นนิยมชมชอบ สนับสนุนสิ่งที่อาจเรียกได้ว่า **พยามฆ่า**

คือสิ่งที่สมควรทำแล้วกับคนที่ขับรถช้าแช่ขวา**  ผมต้องถามกลับไปว่าคนที่คิดเช่นนี้ คุณเป็นคนลักษณะใดกันครับถึงยกให้รถ 10ล้อ เป็น HERO

ของพวกคุณ คุณเป็นมนุษย์ หรือเปล่า**

[bravo]

วิ่งขวา ในความหมายของกฎจราจรเป็นแบบนี้ครับ
 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแซง และการวิ่งรถในเลนขวามีหลักๆ อยู่ 5-6 มาตราครับ จะขออธิบายเป็นลำดับๆ อาจยาวนิดนึงแต่จะมีประโยชน์กับผู้อ่าน ถ้าสามารถเปิดดู พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 33,34,35,43,44 และ 45 ประกอบไปด้วย ก็จะทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
 อันดับแรกให้เรามองสภาพความเป็นจริงก่อน คือ รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนบ้านเรานั้นเป็นรถพวงมาลัยขวา คราวนี้มาลองนึกภาพถนนที่รถวิ่งสวนทางกัน หากรถคันหน้าช้ากว่า เมื่อเราจะแซง โดยหลักแล้วเราจะแซงทางด้านขวา เพราะการมองเห็นหรือทัศนวิสัยย่อมต้องดีกว่าการจะออกไปแซงทางด้านซ้าย (ถ้าเป็นรถพวงมาลัยซ้ายอย่างต่างประเทศก็จะทำตรงข้ามกัน) คราวนี้ลองมองกลับครับ ถ้าหากให้รถพวงมาลัยขวา แต่ให้ไปวิ่งชิดด้านขวา(เหมือนต่างประเทศ) แล้วถนนเป็นเลนรถสวนทางกัน เมื่อเราต้องการแซงรถคันหน้า ถ้าต้องออกมาแซงทางด้านซ้ายก็จะทำได้ลำบาก เพราะเราจะมองเห็นรถที่สวนมาได้ยาก จริงเปล่าครับลองนึกภาพกันดู อันนี้ถือเป็นหลักสากลทั่วไป และกฎจราจรที่ออกมาก็จะไม่ฝืนธรรมชาติกับความเป็นจริงครับ
 ต่อมา มาตรา 34 ที่บอกว่า “ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือที่ได้จัดช่องเดินรถประจำทางไว้ในช่องเดินรถซ้ายสุด(อันนี้ส่วนมากต่างจังหวัดไม่มี) ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุด” ถนนลักษณะนี้ ก็คือ ทางหลวงทั่วๆ ไป เช่น พหลโยธิน สุขุมวิท เพชรเกษม หรือเส้นอื่นๆ ที่มีช่องเดินรถทั้งฝั่งขาขึ้น-ขาล่อง ฝั่งละอย่างน้อย 2 เลนขึ้นไป อาจเป็น 3-4 เลนขึ้นไปก็ได้ครับในบางช่วง อันนี้โดยหลักคือ ผู้ขับขี่รถทุกประเภทต้องขับในเลนซ้ายก่อนครับ ยกเว้นกรณี (1)-(5) ที่กฎหมายอนุญาตให้วิ่งในเลนขวาได้ สรุปคือ
(1) ในเลนซ้ายมีสิ่งกีดขวาง หรือถูกปิด
(2) ถนนเส้นนี้เป็นทางเดินรถทางเดียว(One Way) เดี๋ยวขออธิบายที่หลังครับ
(3) จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื่อถึงทางแยก
(4) เมื่อจะแซงรถคันอื่น
(5) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย หรือก็คือการแซงยาวๆ นั่นแหละครับ

กรณีที่มักเกิดปัญหาก็คือ ข้อ (4) กับ (5)
เริ่มด้วยข้อ (4) เมื่อจะแซงรถคันอื่น อันนี้คือ เมื่อเราแซงรถที่เราต้องการแซงแล้ว และไม่มีรถทางด้านซ้ายให้แซงอีก ผู้ขับขี่ก็จะต้องกลับเข้ามาขับในเลนซ้ายเหมือนเดิมครับ ตามมาตรา 34 ที่อธิบายข้างต้น
 คราวนี้มาข้อ (5) “เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย” หรือก็คือการแซงยาวๆ นั่นแหละครับ หลักคือ เมื่อเราแซงรถแล้ว และทางด้านซ้ายยังมีรถที่วิ่งช้ากว่าเราอยู่ ผู้ขับขี่สามารถขับแซงในเลนขวาต่อเนื่องได้ครับ จนไม่มีรถทางด้านซ้ายให้แซงอีก จากนั้นผู้ขับขี่ก็จะต้องเข้ามาขับในเลนซ้ายเหมือนเดิมครับ

คราวนี้มามาตรา 35 ที่บอกว่า “รถที่วิ่งช้า หรือความเร็วต่ำกว่า รถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะทำได้” อันนี้ความหมายค่อนข้างชัดเจนว่ารถช้ากว่า ต้องวิ่งทางซ้ายครับ
 ต่อมาคือ รถบรรทุก รถโดยสาร จยย. ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ก็คือถนนที่อธิบายไว้ในมาตรา 34 ช่วงแรกครับ เช่น พหลโยธิน สุขุมวิท เพชรเกษม รถ 3 ประเภทที่ว่านี้ต้องขับรถในเลนซ้ายสุดเท่านั้น ตรงนี้คือบังคับเลยครับ
 ส่วนข้อยกเว้นว่า “ความในวรรคสองไม่ให้ใช้บังคับกับรถบรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกิน หนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม(ปิคอัพ) และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน(รถตู้) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์” นั้น ส่วนนี้ก็คือต้องการเน้นในมาตรา 35 ให้พวกเราคิดแบบนี้ครับ
 ให้ลองนึกภาพ ถนนที่มีขาขึ้น - ขาล่อง ฝั่งละ 3 เลน แล้วขณะนั้นเป็นถนนโล่งๆ ที่มีรถวิ่งอยู่ไม่กี่คัน ทั้งรถบรรทุก รถโดยสาร จยย. รถทั้ง 3 ประเภทนี้ที่วิ่งอยู่บนถนน ต้องวิ่งในเลนซ้ายสุดเท่านั้น ไม่สามารถที่จะไปวิ่งในเลนกลางได้แม้ถนนจะโล่งก็ตาม ไม่ต้องไปคิดถึงเลนขวาสุดเลยครับ แล้วถามว่ารถ 3 ประเภทนี้ สามารถแซงรถคันหน้าที่ช้ากว่าได้ไหม คำตอบคือแซงได้ครับ แต่เมื่อแซงแล้วต้องรีบกลับเข้าเลนซ้ายทันที ไม่สามารถวิ่งตลอดอยู่ในเลนกลางได้ แม้ถนนจะโล่งก็ตาม
 แต่ในขณะเดียวกัน รถตู้ รถปิคอัพที่วิ่งบนถนนในขณะนั้น(ซึ่งไม่จำเป็นต้องบังคับให้ขับรถในช่องซ้ายสุด สามารถใช้ทางเดินรถขวามือได้) รถ 2 ประเภทนี้ สามารถเลือกที่จะวิ่งในเลนซ้ายสุด หรือวิ่งเลนกลาง หรือเลนขวาบ้างก็ได้ เพราะเข้าข้อยกเว้นข้างต้น แต่อย่างไรก็ตาม รถตู้ ปิคอัพ ก็ไม่สามารถวิ่งในเลนขวาสุดได้ตลอดอยู่ดี เพราะก็ต้องย้อนกลับไปปฏิบัติตามมาตรา 34 ที่บอกว่า “ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ผู้ขับขี่(รถทุกประเภท)ต้องขับรถในช่องซ้ายสุด” กับเรื่องการขับรถกีดขวางการจราจรตรามาตรา 43(3) ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ดังนั้นที่ว่า รถเก๋ง ปิคอัพ วิ่งขวายาวได้ จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนครับ
เมื่อกี้สมมติเป็นถนน 3 เลน คราวนี้ลองลดถนนมาเหลือฝั่งละ 2 เลนดูบ้างครับ รถบรรทุกไม่ต้องพูดถึงครับ คือต้องวิ่งเลนซ้ายเท่านั้น ยกเว้นตอนแซงรถคันหน้า เสร็จแล้วก็ต้องเข้าซ้าย ส่วนรถอื่นหลักก็คือต้องปฏิบัติตามมาตรา 34 เป็นอันดับแรกก่อนครับ ที่บอกว่า “ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุด” ฉะนั้น มาตรา 34 และ35 ต้องมาด้วยกันครับ และสุดท้ายก็จะมาสัมพันธ์กับการขับรถกีดขวางการจราจรตรามาตรา 43(3)

คราวนี้เรามาดูเรื่องการแซงบ้าง การแซงอยู่ในมาตรา 44 และ 45
โดยมาตรา 44 มีหลักปฏิบัติ คือ ต้องให้สัญญาณก่อน และดูแล้วต้องปลอดภัย และที่สำคัญกำหนดไว้ว่า “การแซงต้องแซงด้านขวา และเมื่อเห็นว่าได้ขับแซงผ่านรถที่ถูกแซงไปได้แล้ว จึงจะขับชิดด้านซ้ายของทางเดินรถได้”
และมาตรา 45 มีหลักคือ ห้ามแซงรถอื่นด้านซ้าย ยกเว้น
(1) รถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวาหรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา (กรณีรถวิ่งสวนทาง)
 (2) ทางเดินรถนั้นได้จัดแบ่งเป็นช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ก็คือ ถนนเหมือนที่อธิบายในมาตรา 34 ข้างต้นครับ
 และจะทำตามข้อยกเว้นนี้ได้ ก็ต่อเมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัยพอ
 อธิบายข้อยกเว้น
 มาตรา 45(1) กรณีถนนรถวิ่งสวนทาง แล้วมีรถที่จะรอเลี้ยวขวา อันนี้ให้เราแซงซ้ายไหล่ทางได้
 มาตรา 45(2) กรณีถนนที่มีหลายเลน เช่น สมมติถนน 3 เลนก็จะเห็นภาพชัดขึ้น ให้เรานึกภาพถนนที่มีรถวิ่งน้อย แล้วเราขับอยู่เลนกลาง ข้างหน้ามีรถที่วิ่งช้ากว่าเราอยู่เลนกลางเช่นกัน เมื่อจะแซง เราสามารถเลือกแซงด้านขวา(แซงปกติ) หรือแซงด้านซ้าย(แซงตามข้อยกเว้นมาตรา 45(2) นี้) ก็ได้ แต่ลองนึกถึงความปลอดภัยดูครับ แซงด้านขวาปลอดภัยกว่าแน่นอนเพราะเรามองเห็นได้ดีกว่า แต่หากเราเลือกจะแซงทางซ้ายล่ะ เมื่อโยกแซงออกไปทางซ้าย อาจไปเจอรถที่วิ่งอยู่ทางซ้ายขวางอยู่ก็ได้ เพราะเราไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนทางด้านขวา
 ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายจริงๆ แล้วคือ เมื่อต้องการจะแซง ให้แซงทางขวา เพราะปลอดภัยกว่าอย่างชัดเจน ส่วนรถที่เลือกจะแซงด้านซ้ายแบบนี้ก็ไม่ผิดครับเพราะเข้าข้อยกเว้น
 จะเห็นว่าไม่ได้มีการพูดถึงรถเก๋งไว้เป็นการเฉพาะเลยว่าวิ่งขวาได้หรือไม่ได้ มาดูกันครับโดยให้เรามองภาพรถเก๋งที่วิ่งอยู่เลนขวาสุด แล้วไม่ยอมหลบให้รถที่วิ่งเร็วกว่าแซงทางด้านขวา รถเก๋งที่วิ่งขวานั้นก็คือการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 34 ตามที่อธิบายมาข้างต้น ถ้าเราวิ่งขวายาวก็เหมือนบังคับให้ผู้อื่นต้องแซงออกไปทางด้านซ้าย ซึ่งความปลอดภัยก็ต้องน้อยกว่าการแซงทางขวา และยังถือว่าเป็นการขับขี่รถในลักษณะกีดขวางการจราจรตามมาตรา 43(3) ด้วย คิดง่ายๆ ครับ ขับช้ากว่าชาวบ้านแต่ไม่ยอมหลบให้เขาแซง ก็คือ วิ่งกีดขวางครับ ถูกต้องมั้ยครับ ดังนั้นที่พูดว่า รถเก๋ง ปิคอัพ วิ่งขวายาวได้ จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนครับ
 กระผมเข้าใจในความรู้สึกของประชาชนที่ต้องถูกตำรวจจับ ซึ่งในบางครั้งก็อาจทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่เข้าใจในข้อกฎหมาย อีกปัญหาหนึ่งคือการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมีน้อย ไม่เข้าถึงประชาชนให้รับรู้รับทราบได้ดีพอ แต่การมองเรื่องนี้เราต้องมองในภาพรวมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นหลัก ไม่ใช่การอ่านแค่ส่วนข้อยกเว้น แล้วบอกว่าไม่ผิดครับ ตรงนี้ถือเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่แท้จริงครับ
 สุดท้ายนี้กระผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งในส่วนบนที่ว่าไปนั้นเป็นข้อกฎหมายที่ต้องการอธิบายให้ประชาชนได้ทราบ บางคนก็อาจจะคิดว่าทำผิดกฎจราจรนิดหน่อย แต่ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไม่น่าจะเสียหาย ไม่น่าจะต้องมาตามจับกัน แต่เรื่องนี้เคยมีแนวคำตัดสินของศาลว่า กรณีที่มีการกระทำผิดกฎจราจรแล้วนั้น ก็สามารถปรับบทลงโทษได้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่า “การกระทำดังกล่าวเป็นการกีดขวางการจราจรหรือไม่ และจะเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ทางเดินรถคนอื่นหรือไม่” แต่ในความรู้สึกคนทั่วไป รถของเรา เราก็ต้องอยากดูแลให้สภาพดีใช้งานไปได้นานๆ เวลาวิ่งบนถนน ตรงไหนดีกว่าเราก็พยายามจะไปวิ่งตรงนั้น ไม่มีใครอยากไปวิ่งในทางที่ไม่ดี จริงอยู่ที่การวิ่งขวาเป็นความผิดตามกฎจราจรที่ว่า แต่หากกรณีเป็นถนนโล่งๆ แล้วมีรถวิ่งขวาอยู่ ถ้าไม่ได้เป็นการกีดขวางการจราจร หรือไม่ได้ไปขวางทางชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ก็สามารถใช้ดุลพินิจให้เหมาะสมได้ เน้นสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ต้องคิดว่าการจับเป็นการช่วยแก้ปัญหา ส่วนการที่จะไม่จับ ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติ แต่หากเป็นกรณีที่วิ่งขวาแล้ววิ่งช้า ขวางทางชาวบ้านอันนี้ผมเห็นสมควรให้บังคับใช้กฎหมาย เพราะถือว่าขับรถไม่มีมารยาท ขับรถกีดขวางสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น แต่ส่วนนี้ขอสงวนไว้แค่รถเก๋งกับรถปิคอัพนะครับ ส่วนรถบรรทุกหรือรถใหญ่ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอยู่ครับ ตัวผมเองก็เป็นตำรวจทางหลวง ผมก็อยากให้ประชาชนรักตำรวจทางหลวงครับ
เครดิต... วิทยากรประจำสำนักงานขนส่งจังหวัดจันทบุรี
 ตำรวจทางหลวงจันทบุรี

[mark2015]

วิ่งขวา ในความหมายของกฎจราจรเป็นแบบนี้ครับ
 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแซง และการวิ่งรถในเลนขวามีหลักๆ อยู่ 5-6 มาตราครับ จะขออธิบายเป็นลำดับๆ อาจยาวนิดนึงแต่จะมีประโยชน์กับผู้อ่าน ถ้าสามารถเปิดดู พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 33,34,35,43,44 และ 45 ประกอบไปด้วย ก็จะทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
 อันดับแรกให้เรามองสภาพความเป็นจริงก่อน คือ รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนบ้านเรานั้นเป็นรถพวงมาลัยขวา คราวนี้มาลองนึกภาพถนนที่รถวิ่งสวนทางกัน หากรถคันหน้าช้ากว่า เมื่อเราจะแซง โดยหลักแล้วเราจะแซงทางด้านขวา เพราะการมองเห็นหรือทัศนวิสัยย่อมต้องดีกว่าการจะออกไปแซงทางด้านซ้าย (ถ้าเป็นรถพวงมาลัยซ้ายอย่างต่างประเทศก็จะทำตรงข้ามกัน) คราวนี้ลองมองกลับครับ ถ้าหากให้รถพวงมาลัยขวา แต่ให้ไปวิ่งชิดด้านขวา(เหมือนต่างประเทศ) แล้วถนนเป็นเลนรถสวนทางกัน เมื่อเราต้องการแซงรถคันหน้า ถ้าต้องออกมาแซงทางด้านซ้ายก็จะทำได้ลำบาก เพราะเราจะมองเห็นรถที่สวนมาได้ยาก จริงเปล่าครับลองนึกภาพกันดู อันนี้ถือเป็นหลักสากลทั่วไป และกฎจราจรที่ออกมาก็จะไม่ฝืนธรรมชาติกับความเป็นจริงครับ
 ต่อมา มาตรา 34 ที่บอกว่า “ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือที่ได้จัดช่องเดินรถประจำทางไว้ในช่องเดินรถซ้ายสุด(อันนี้ส่วนมากต่างจังหวัดไม่มี) ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุด” ถนนลักษณะนี้ ก็คือ ทางหลวงทั่วๆ ไป เช่น พหลโยธิน สุขุมวิท เพชรเกษม หรือเส้นอื่นๆ ที่มีช่องเดินรถทั้งฝั่งขาขึ้น-ขาล่อง ฝั่งละอย่างน้อย 2 เลนขึ้นไป อาจเป็น 3-4 เลนขึ้นไปก็ได้ครับในบางช่วง อันนี้โดยหลักคือ ผู้ขับขี่รถทุกประเภทต้องขับในเลนซ้ายก่อนครับ ยกเว้นกรณี (1)-(5) ที่กฎหมายอนุญาตให้วิ่งในเลนขวาได้ สรุปคือ
(1) ในเลนซ้ายมีสิ่งกีดขวาง หรือถูกปิด
(2) ถนนเส้นนี้เป็นทางเดินรถทางเดียว(One Way) เดี๋ยวขออธิบายที่หลังครับ
(3) จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื่อถึงทางแยก
(4) เมื่อจะแซงรถคันอื่น
(5) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย หรือก็คือการแซงยาวๆ นั่นแหละครับ

กรณีที่มักเกิดปัญหาก็คือ ข้อ (4) กับ (5)
เริ่มด้วยข้อ (4) เมื่อจะแซงรถคันอื่น อันนี้คือ เมื่อเราแซงรถที่เราต้องการแซงแล้ว และไม่มีรถทางด้านซ้ายให้แซงอีก ผู้ขับขี่ก็จะต้องกลับเข้ามาขับในเลนซ้ายเหมือนเดิมครับ ตามมาตรา 34 ที่อธิบายข้างต้น
 คราวนี้มาข้อ (5) “เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย” หรือก็คือการแซงยาวๆ นั่นแหละครับ หลักคือ เมื่อเราแซงรถแล้ว และทางด้านซ้ายยังมีรถที่วิ่งช้ากว่าเราอยู่ ผู้ขับขี่สามารถขับแซงในเลนขวาต่อเนื่องได้ครับ จนไม่มีรถทางด้านซ้ายให้แซงอีก จากนั้นผู้ขับขี่ก็จะต้องเข้ามาขับในเลนซ้ายเหมือนเดิมครับ

คราวนี้มามาตรา 35 ที่บอกว่า “รถที่วิ่งช้า หรือความเร็วต่ำกว่า รถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะทำได้” อันนี้ความหมายค่อนข้างชัดเจนว่ารถช้ากว่า ต้องวิ่งทางซ้ายครับ
 ต่อมาคือ รถบรรทุก รถโดยสาร จยย. ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ก็คือถนนที่อธิบายไว้ในมาตรา 34 ช่วงแรกครับ เช่น พหลโยธิน สุขุมวิท เพชรเกษม รถ 3 ประเภทที่ว่านี้ต้องขับรถในเลนซ้ายสุดเท่านั้น ตรงนี้คือบังคับเลยครับ
 ส่วนข้อยกเว้นว่า “ความในวรรคสองไม่ให้ใช้บังคับกับรถบรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกิน หนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม(ปิคอัพ) และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน(รถตู้) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์” นั้น ส่วนนี้ก็คือต้องการเน้นในมาตรา 35 ให้พวกเราคิดแบบนี้ครับ
 ให้ลองนึกภาพ ถนนที่มีขาขึ้น - ขาล่อง ฝั่งละ 3 เลน แล้วขณะนั้นเป็นถนนโล่งๆ ที่มีรถวิ่งอยู่ไม่กี่คัน ทั้งรถบรรทุก รถโดยสาร จยย. รถทั้ง 3 ประเภทนี้ที่วิ่งอยู่บนถนน ต้องวิ่งในเลนซ้ายสุดเท่านั้น ไม่สามารถที่จะไปวิ่งในเลนกลางได้แม้ถนนจะโล่งก็ตาม ไม่ต้องไปคิดถึงเลนขวาสุดเลยครับ แล้วถามว่ารถ 3 ประเภทนี้ สามารถแซงรถคันหน้าที่ช้ากว่าได้ไหม คำตอบคือแซงได้ครับ แต่เมื่อแซงแล้วต้องรีบกลับเข้าเลนซ้ายทันที ไม่สามารถวิ่งตลอดอยู่ในเลนกลางได้ แม้ถนนจะโล่งก็ตาม
 แต่ในขณะเดียวกัน รถตู้ รถปิคอัพที่วิ่งบนถนนในขณะนั้น(ซึ่งไม่จำเป็นต้องบังคับให้ขับรถในช่องซ้ายสุด สามารถใช้ทางเดินรถขวามือได้) รถ 2 ประเภทนี้ สามารถเลือกที่จะวิ่งในเลนซ้ายสุด หรือวิ่งเลนกลาง หรือเลนขวาบ้างก็ได้ เพราะเข้าข้อยกเว้นข้างต้น แต่อย่างไรก็ตาม รถตู้ ปิคอัพ ก็ไม่สามารถวิ่งในเลนขวาสุดได้ตลอดอยู่ดี เพราะก็ต้องย้อนกลับไปปฏิบัติตามมาตรา 34 ที่บอกว่า “ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ผู้ขับขี่(รถทุกประเภท)ต้องขับรถในช่องซ้ายสุด” กับเรื่องการขับรถกีดขวางการจราจรตรามาตรา 43(3) ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ดังนั้นที่ว่า รถเก๋ง ปิคอัพ วิ่งขวายาวได้ จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนครับ
เมื่อกี้สมมติเป็นถนน 3 เลน คราวนี้ลองลดถนนมาเหลือฝั่งละ 2 เลนดูบ้างครับ รถบรรทุกไม่ต้องพูดถึงครับ คือต้องวิ่งเลนซ้ายเท่านั้น ยกเว้นตอนแซงรถคันหน้า เสร็จแล้วก็ต้องเข้าซ้าย ส่วนรถอื่นหลักก็คือต้องปฏิบัติตามมาตรา 34 เป็นอันดับแรกก่อนครับ ที่บอกว่า “ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุด” ฉะนั้น มาตรา 34 และ35 ต้องมาด้วยกันครับ และสุดท้ายก็จะมาสัมพันธ์กับการขับรถกีดขวางการจราจรตรามาตรา 43(3)

คราวนี้เรามาดูเรื่องการแซงบ้าง การแซงอยู่ในมาตรา 44 และ 45
โดยมาตรา 44 มีหลักปฏิบัติ คือ ต้องให้สัญญาณก่อน และดูแล้วต้องปลอดภัย และที่สำคัญกำหนดไว้ว่า “การแซงต้องแซงด้านขวา และเมื่อเห็นว่าได้ขับแซงผ่านรถที่ถูกแซงไปได้แล้ว จึงจะขับชิดด้านซ้ายของทางเดินรถได้”
และมาตรา 45 มีหลักคือ ห้ามแซงรถอื่นด้านซ้าย ยกเว้น
(1) รถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวาหรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา (กรณีรถวิ่งสวนทาง)
 (2) ทางเดินรถนั้นได้จัดแบ่งเป็นช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป ก็คือ ถนนเหมือนที่อธิบายในมาตรา 34 ข้างต้นครับ
 และจะทำตามข้อยกเว้นนี้ได้ ก็ต่อเมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัยพอ
 อธิบายข้อยกเว้น
 มาตรา 45(1) กรณีถนนรถวิ่งสวนทาง แล้วมีรถที่จะรอเลี้ยวขวา อันนี้ให้เราแซงซ้ายไหล่ทางได้
 มาตรา 45(2) กรณีถนนที่มีหลายเลน เช่น สมมติถนน 3 เลนก็จะเห็นภาพชัดขึ้น ให้เรานึกภาพถนนที่มีรถวิ่งน้อย แล้วเราขับอยู่เลนกลาง ข้างหน้ามีรถที่วิ่งช้ากว่าเราอยู่เลนกลางเช่นกัน เมื่อจะแซง เราสามารถเลือกแซงด้านขวา(แซงปกติ) หรือแซงด้านซ้าย(แซงตามข้อยกเว้นมาตรา 45(2) นี้) ก็ได้ แต่ลองนึกถึงความปลอดภัยดูครับ แซงด้านขวาปลอดภัยกว่าแน่นอนเพราะเรามองเห็นได้ดีกว่า แต่หากเราเลือกจะแซงทางซ้ายล่ะ เมื่อโยกแซงออกไปทางซ้าย อาจไปเจอรถที่วิ่งอยู่ทางซ้ายขวางอยู่ก็ได้ เพราะเราไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนทางด้านขวา
 ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายจริงๆ แล้วคือ เมื่อต้องการจะแซง ให้แซงทางขวา เพราะปลอดภัยกว่าอย่างชัดเจน ส่วนรถที่เลือกจะแซงด้านซ้ายแบบนี้ก็ไม่ผิดครับเพราะเข้าข้อยกเว้น
 จะเห็นว่าไม่ได้มีการพูดถึงรถเก๋งไว้เป็นการเฉพาะเลยว่าวิ่งขวาได้หรือไม่ได้ มาดูกันครับโดยให้เรามองภาพรถเก๋งที่วิ่งอยู่เลนขวาสุด แล้วไม่ยอมหลบให้รถที่วิ่งเร็วกว่าแซงทางด้านขวา รถเก๋งที่วิ่งขวานั้นก็คือการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 34 ตามที่อธิบายมาข้างต้น ถ้าเราวิ่งขวายาวก็เหมือนบังคับให้ผู้อื่นต้องแซงออกไปทางด้านซ้าย ซึ่งความปลอดภัยก็ต้องน้อยกว่าการแซงทางขวา และยังถือว่าเป็นการขับขี่รถในลักษณะกีดขวางการจราจรตามมาตรา 43(3) ด้วย คิดง่ายๆ ครับ ขับช้ากว่าชาวบ้านแต่ไม่ยอมหลบให้เขาแซง ก็คือ วิ่งกีดขวางครับ ถูกต้องมั้ยครับ ดังนั้นที่พูดว่า รถเก๋ง ปิคอัพ วิ่งขวายาวได้ จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนครับ
 กระผมเข้าใจในความรู้สึกของประชาชนที่ต้องถูกตำรวจจับ ซึ่งในบางครั้งก็อาจทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่เข้าใจในข้อกฎหมาย อีกปัญหาหนึ่งคือการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมีน้อย ไม่เข้าถึงประชาชนให้รับรู้รับทราบได้ดีพอ แต่การมองเรื่องนี้เราต้องมองในภาพรวมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นหลัก ไม่ใช่การอ่านแค่ส่วนข้อยกเว้น แล้วบอกว่าไม่ผิดครับ ตรงนี้ถือเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่แท้จริงครับ
 สุดท้ายนี้กระผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งในส่วนบนที่ว่าไปนั้นเป็นข้อกฎหมายที่ต้องการอธิบายให้ประชาชนได้ทราบ บางคนก็อาจจะคิดว่าทำผิดกฎจราจรนิดหน่อย แต่ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไม่น่าจะเสียหาย ไม่น่าจะต้องมาตามจับกัน แต่เรื่องนี้เคยมีแนวคำตัดสินของศาลว่า กรณีที่มีการกระทำผิดกฎจราจรแล้วนั้น ก็สามารถปรับบทลงโทษได้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่า “การกระทำดังกล่าวเป็นการกีดขวางการจราจรหรือไม่ และจะเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ทางเดินรถคนอื่นหรือไม่” แต่ในความรู้สึกคนทั่วไป รถของเรา เราก็ต้องอยากดูแลให้สภาพดีใช้งานไปได้นานๆ เวลาวิ่งบนถนน ตรงไหนดีกว่าเราก็พยายามจะไปวิ่งตรงนั้น ไม่มีใครอยากไปวิ่งในทางที่ไม่ดี จริงอยู่ที่การวิ่งขวาเป็นความผิดตามกฎจราจรที่ว่า แต่หากกรณีเป็นถนนโล่งๆ แล้วมีรถวิ่งขวาอยู่ ถ้าไม่ได้เป็นการกีดขวางการจราจร หรือไม่ได้ไปขวางทางชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ก็สามารถใช้ดุลพินิจให้เหมาะสมได้ เน้นสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ต้องคิดว่าการจับเป็นการช่วยแก้ปัญหา ส่วนการที่จะไม่จับ ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติ แต่หากเป็นกรณีที่วิ่งขวาแล้ววิ่งช้า ขวางทางชาวบ้านอันนี้ผมเห็นสมควรให้บังคับใช้กฎหมาย เพราะถือว่าขับรถไม่มีมารยาท ขับรถกีดขวางสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น แต่ส่วนนี้ขอสงวนไว้แค่รถเก๋งกับรถปิคอัพนะครับ ส่วนรถบรรทุกหรือรถใหญ่ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอยู่ครับ ตัวผมเองก็เป็นตำรวจทางหลวง ผมก็อยากให้ประชาชนรักตำรวจทางหลวงครับ
เครดิต... วิทยากรประจำสำนักงานขนส่งจังหวัดจันทบุรี
 ตำรวจทางหลวงจันทบุรี

สุดยอดเลยพี่กว่าจะอ่านจบ

[bravo]

สุดยอดเลยพี่กว่าจะอ่านจบ
[/quote]
ขอบคุณมากครับ ที่อ่านจนจบ
ผมกลัวว่ามันยาว บางคนจะไม่ยอมอ่าน แต่ถ้าตัดมาบางส่วน ก็จะไม่เข้าใจ และก็จะมาแย้งกฎหมายอีกครับ
เครดิต... วิทยากรประจำสำนักงานขนส่งจังหวัดจันทบุรี
 ตำรวจทางหลวงจันทบุรี

[mark2015]

ดีแล้วละครับ เอาให้ชัดๆ ตรงๆ จะได้ไม่เถียงกัน

ใครจะเข้าใจผิดจะได้ปรับความเข้าใจใหม่ๆ

[yord]

สุดยอดเลยพี่กว่าจะอ่านจบ

ขอบคุณมากครับ ที่อ่านจนจบ
ผมกลัวว่ามันยาว บางคนจะไม่ยอมอ่าน แต่ถ้าตัดมาบางส่วน ก็จะไม่เข้าใจ และก็จะมาแย้งกฎหมายอีกครับ
เครดิต... วิทยากรประจำสำนักงานขนส่งจังหวัดจันทบุรี
 ตำรวจทางหลวงจันทบุรี
[/quote]

ดีครับท่าน ยกอะไรมาก็ควรยกมาให้หมดครับ ไม่ใช่ยกมาบางส่วน

คนที่อ่านแค่นั้นก็จะเอาไปใช้ในทางที่เข้าข้างตัวเองได้ครับ

ท่านน่าจะมีความรู้ดี ผมรบกวนท่านอีกทีอย่างที่ท่านเอาลงมาพอจะมี แนวทางหรือฎีกาในเรื่องการแซงขวาในเรื่องการระบุ เรื่องของความเร็วที่

กำหนดไว้มั้ยครับว่ามันสามารถเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดได้มั้ยน่ะครับ เพราะที่อธิบายไว้กล่าวเพียงแต่รถที่เร็วกว่า ผมอยากทราบคำว่า..รถที่เร็วกว่า..

ความเร็วนั้นมันเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดนั้นสามารถทำได้ใช่มั้ยครับ ตามตัวบทกฎหมาย

ปล.รบกวนเป็นวิทยาทานด้วยครับ

[thanakorn]

ผมว่าสิบล้ออาจจะไม่ได้ตั้งใจตบแต่เร่งขึ้นไปแล้วเบรกไม่อยู่จึงต้องเลือกให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุดโดยที่ไม่ทันคิดว่ารถคันข้างๆจะเป็นอะไรบ้างภาพมันก็เลยออกมาแบบนั้นแล้วที่ดูเหมือนตบเพราะเขาคงดึงพ่วงกลับไม่ให้เสียหลัก แต่ผมว่ารถพ่วงคันนั้นก็ขับเร็วเกินไปแซงแหลกเลย แต่ที่ผมเห็นในคลิปรถส่วนมากวิ่งแช่ขวา แล้วใช้ซ้ายเป็นเลนแซงแทนซะส่วนมากหรือ ถนนแถวนั้นเลนซ้ายขรุขระจัด คนก็เลยไม่อยากลงไปวิ่งซ้าย ผมก็อยากให้ทุกฝ่ายหันมากร่วมมือกันรณรงค์ให้คนส่วนมากใช้เลนขวาในการแซงเพราะทุกวันนี้ผมก็ต้องแซงซ้ายซะส่วนมาก ผมก็ไม่อยากใช้ซ้ายไว้แซงหรอกครับแค่มันจำเป็น บางทีต้องมีการออกทีวี หรือประโคมข่าวให้มาก ว่าขอร้องอย่าแช่ขวาเลยมันทำให้การจราจรติดขัด ถ้าใครเคยขับทางด่วน
พระราม 2 จะเห็นได้ชัดว่ารถขับแช่ขวาเยอะมากแล้วก็ไม่ได้เร็วเลย 80-90 ไม่ว่าจะดิ้ปไฟ กดแตร์ ก็ไม่ลง  วิ่งจนสุดทาง กลางก็วิ่งได้ทำไมไม่วิ่ง บางทีก็อยากรู้ว่าพวกเขาคิดยังไง ผมว่าบางทีคนพวกนี้คงไม่ค่อยได้ใช้โซเชี่ยวเท่าไหร่ อาจมีแค่โปรแกรม LINE ไว้ติดต่องาน เราอาจจะต้องส่งเป็นรูปไปให้พวกเขารู้บ้างว่า ขับช้าอย่าแช่ขวานะครับ ปรับเท่าไหร่ก็ว่าไป ให้เขาได้รู้สึกกลัวการเสียตัง จะได้วิ่งเลนอื่น

[bravo]

สุดยอดเลยพี่กว่าจะอ่านจบ

ขอบคุณมากครับ ที่อ่านจนจบ
ผมกลัวว่ามันยาว บางคนจะไม่ยอมอ่าน แต่ถ้าตัดมาบางส่วน ก็จะไม่เข้าใจ และก็จะมาแย้งกฎหมายอีกครับ
เครดิต... วิทยากรประจำสำนักงานขนส่งจังหวัดจันทบุรี
 ตำรวจทางหลวงจันทบุรี

ดีครับท่าน ยกอะไรมาก็ควรยกมาให้หมดครับ ไม่ใช่ยกมาบางส่วน

คนที่อ่านแค่นั้นก็จะเอาไปใช้ในทางที่เข้าข้างตัวเองได้ครับ

ท่านน่าจะมีความรู้ดี ผมรบกวนท่านอีกทีอย่างที่ท่านเอาลงมาพอจะมี แนวทางหรือฎีกาในเรื่องการแซงขวาในเรื่องการระบุ เรื่องของความเร็วที่

กำหนดไว้มั้ยครับว่ามันสามารถเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดได้มั้ยน่ะครับ เพราะที่อธิบายไว้กล่าวเพียงแต่รถที่เร็วกว่า ผมอยากทราบคำว่า..รถที่เร็วกว่า..

ความเร็วนั้นมันเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดนั้นสามารถทำได้ใช่มั้ยครับ ตามตัวบทกฎหมาย

ปล.รบกวนเป็นวิทยาทานด้วยครับ
[/quote]

การอุทธรณ์ ฎีกา มีเงื่อนไขตามกฎหมาย ไม่ใช่จะฎีกาได้ทุกคดีนะครับ

[yord]

สุดยอดเลยพี่กว่าจะอ่านจบ

ขอบคุณมากครับ ที่อ่านจนจบ
ผมกลัวว่ามันยาว บางคนจะไม่ยอมอ่าน แต่ถ้าตัดมาบางส่วน ก็จะไม่เข้าใจ และก็จะมาแย้งกฎหมายอีกครับ
เครดิต... วิทยากรประจำสำนักงานขนส่งจังหวัดจันทบุรี
 ตำรวจทางหลวงจันทบุรี

ดีครับท่าน ยกอะไรมาก็ควรยกมาให้หมดครับ ไม่ใช่ยกมาบางส่วน

คนที่อ่านแค่นั้นก็จะเอาไปใช้ในทางที่เข้าข้างตัวเองได้ครับ

ท่านน่าจะมีความรู้ดี ผมรบกวนท่านอีกทีอย่างที่ท่านเอาลงมาพอจะมี แนวทางหรือฎีกาในเรื่องการแซงขวาในเรื่องการระบุ เรื่องของความเร็วที่

กำหนดไว้มั้ยครับว่ามันสามารถเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดได้มั้ยน่ะครับ เพราะที่อธิบายไว้กล่าวเพียงแต่รถที่เร็วกว่า ผมอยากทราบคำว่า..รถที่เร็วกว่า..

ความเร็วนั้นมันเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดนั้นสามารถทำได้ใช่มั้ยครับ ตามตัวบทกฎหมาย

ปล.รบกวนเป็นวิทยาทานด้วยครับ

การอุทธรณ์ ฎีกา มีเงื่อนไขตามกฎหมาย ไม่ใช่จะฎีกาได้ทุกคดีนะครับ
[/quote]

ไม่ใช่ครับท่าน ผมเผื่อว่าท่าน bravo เคยอ่านเจอพวกแนวคำพิพากษาศาลฏีกา มาบ้างเกี่ยวกับพวกเรื่องความเร็ว ผมก็จะขอข้อมูลเป็นวิทยาทาน

หน่อยน่ะครับ เอาไว้ศึกษาดูครับ ว่าความเร็วเขาสามารถขับได้เกินกำหนดได้หรือไม่ได้น่ะครับเวลาแซงขวาคือผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ครับ

เพราะตามความเข้าใจผมคือ ถ้ากฏหมายกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 90 ..รถที่ขับช้า.. ตามความคิดผมน่าจะเป็นรถที่ขับตั้งแต่ 1-89 คือ

ช้ากว่าคันที่จะทำความเร็วสูงสุดได้น่ะครับ ถ้าเจอหลักพวกนี้เอามาลงฝากไว้ทีนะครับผมยังหาไม่เจอครับ จะได้เป็นข้อมูลอ้างอิงทางด้าน

กฏหมายได้ครับ

[Smith686]

        ผมมองว่าอาจจะไม่มีเจตนาตบนะ  เพราะเป็นจังหวะที่รถพ่วงเร่งขึ้นไปจะแซงซ้ายรถกะบะ แต่มีรถพ่วงอีกคันขวางอยู่ด้านหน้า  จังหวะนั้นคงเบรกไม่ทัน จึงต้องหักมาด้านขวา ทำให้ดูเหมือนตบรถกะบะ

[arttie]

รถพ่วงนรกจริงๆ. กะบะก็เกินไปแช่ขวา พอจะแซงยังไม่ยอมให้แซงอีก
แต่รถพ่วงก็ไม่น่าทำแบบนี้นะครับ😳😔😔

[NONT4477]

เพิ่งจะเจอรถแช่ชวาแบบอุบาทมากเมื่อวาน
มีรถขนผู้ต้องหาเปิดไฟไซเรนมาทางด้านหลังผมที่ขับอยู่ขวา
ผมเลยชิดซ้ายให้ไปก่อน แต่กระบะข้างหน้ามันไม่ยอมหลบให้
ทั้งที่มีรถที่เปืดไซเรนเข้าไปจี้ขนาดนั้น แถมยังดิฟไฟขอทาง ก็ไม่หลบ
เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิด

[Fly to dream]

เพิ่งจะเจอรถแช่ชวาแบบอุบาทมากเมื่อวาน
มีรถขนผู้ต้องหาเปิดไฟไซเรนมาทางด้านหลังผมที่ขับอยู่ขวา
ผมเลยชิดซ้ายให้ไปก่อน แต่กระบะข้างหน้ามันไม่ยอมหลบให้
ทั้งที่มีรถที่เปืดไซเรนเข้าไปจี้ขนาดนั้น แถมยังดิฟไฟขอทาง ก็ไม่หลบ
เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิด

ผมเคยเจอเด็ดกว่าคือ รถขนผลไม้แช่ขวา แล้วรถตำรวจทางหลวงจี้ท้ายแล้วไม่หลบ ขนาดรถตำรวจเปิดไฟวาบ (แบบติดค้างไม่กระพริบ) ก็น่าจะเห็น ก็ไม่หลบ
จนซักพักเปิดเป็นไฟวาบก็ยังไม่หลบ คิดดูครับพวกนี้มันด้านขนาดไหน ผมตามอยู่นานเลยตอนนั้นรอดูเหตุการณ์  สุดท้ายตำรวจประกาศออกไมค์ให้จอด คงโดนเยอะแน่ๆ

[Auto]

ถนสายแปดริ้ว พนมสารคาม ฉะเชิงงเทราบ้นผมหรือเปล่าครับเนี่ย  คุ้น ๆ เส้นทาง   
แต่ว่าปิคอัพ เจอบทเรียนนี้เข้าไป ไม่รู้จะเข็ดไหม ขับช้าแช่ขวาคนอื่นเขาเดือดร้อน

[bravo]

เพิ่งจะเจอรถแช่ชวาแบบอุบาทมากเมื่อวาน
มีรถขนผู้ต้องหาเปิดไฟไซเรนมาทางด้านหลังผมที่ขับอยู่ขวา
ผมเลยชิดซ้ายให้ไปก่อน แต่กระบะข้างหน้ามันไม่ยอมหลบให้
ทั้งที่มีรถที่เปืดไซเรนเข้าไปจี้ขนาดนั้น แถมยังดิฟไฟขอทาง ก็ไม่หลบ
เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิด

ผมเคยเจอเด็ดกว่าคือ รถขนผลไม้แช่ขวา แล้วรถตำรวจทางหลวงจี้ท้ายแล้วไม่หลบ ขนาดรถตำรวจเปิดไฟวาบ (แบบติดค้างไม่กระพริบ) ก็น่าจะเห็น ก็ไม่หลบ
จนซักพักเปิดเป็นไฟวาบก็ยังไม่หลบ คิดดูครับพวกนี้มันด้านขนาดไหน ผมตามอยู่นานเลยตอนนั้นรอดูเหตุการณ์  สุดท้ายตำรวจประกาศออกไมค์ให้จอด คงโดนเยอะแน่ๆ

ที่ผมเจอ ช้าแช่ขวาไม่หลบให้รถโรงพยาบาล เปิดไฟวับวาบ
จนรถพยาบาลต้องแซงซ้ายไปเองครับ

[bravo]

[/quote]

ไม่ใช่ครับท่าน ผมเผื่อว่าท่าน bravo เคยอ่านเจอพวกแนวคำพิพากษาศาลฏีกา มาบ้างเกี่ยวกับพวกเรื่องความเร็ว ผมก็จะขอข้อมูลเป็นวิทยาทาน

หน่อยน่ะครับ เอาไว้ศึกษาดูครับ ว่าความเร็วเขาสามารถขับได้เกินกำหนดได้หรือไม่ได้น่ะครับเวลาแซงขวาคือผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ครับ

เพราะตามความเข้าใจผมคือ ถ้ากฏหมายกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 90 ..รถที่ขับช้า.. ตามความคิดผมน่าจะเป็นรถที่ขับตั้งแต่ 1-89 คือ

ช้ากว่าคันที่จะทำความเร็วสูงสุดได้น่ะครับ ถ้าเจอหลักพวกนี้เอามาลงฝากไว้ทีนะครับผมยังหาไม่เจอครับ จะได้เป็นข้อมูลอ้างอิงทางด้าน

กฏหมายได้ครับ
[/quote]

คดีเล็กๆ แบบนี้ คงไม่มีใครเขาอุทธรณ์ ฎีกาให้เสียเวลามั๊งครับท่าน yord
เพราะผมก็ไม่เคยเห็นคำพิพากษาฎีกาคดีแบบนี้
ส่วนความเห็นของนักกฎหมาย ตำรวจ ในกรณีนี้ ก็มีอยู่พอสมควร (ลองหาอ่านดูได้)
ทุกความเห็น ก็เป็นไปในแนวเดียวกัน คือ ขับด้วยความเร็วสูงสุดตามกฎหมายกำหนด ก็ต้องหลบให้กับรถที่ความเร็วสูงกว่าครับ

ท่าน yord ลองคิดดูครับว่า ทำไมกฎหมายไม่บังคับให้รถที่ผลิตออกมา ล็อคความเร็วไว้ที่ 120 กม/ชม ง่ายกว่ามาใช้กล้องจับความเร็วซะอีกครับ

[yord]

ไม่ใช่ครับท่าน ผมเผื่อว่าท่าน bravo เคยอ่านเจอพวกแนวคำพิพากษาศาลฏีกา มาบ้างเกี่ยวกับพวกเรื่องความเร็ว ผมก็จะขอข้อมูลเป็นวิทยาทาน

หน่อยน่ะครับ เอาไว้ศึกษาดูครับ ว่าความเร็วเขาสามารถขับได้เกินกำหนดได้หรือไม่ได้น่ะครับเวลาแซงขวาคือผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ครับ

เพราะตามความเข้าใจผมคือ ถ้ากฏหมายกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 90 ..รถที่ขับช้า.. ตามความคิดผมน่าจะเป็นรถที่ขับตั้งแต่ 1-89 คือ

ช้ากว่าคันที่จะทำความเร็วสูงสุดได้น่ะครับ ถ้าเจอหลักพวกนี้เอามาลงฝากไว้ทีนะครับผมยังหาไม่เจอครับ จะได้เป็นข้อมูลอ้างอิงทางด้าน

กฏหมายได้ครับ
[/quote]

คดีเล็กๆ แบบนี้ คงไม่มีใครเขาอุทธรณ์ ฎีกาให้เสียเวลามั๊งครับท่าน yord
เพราะผมก็ไม่เคยเห็นคำพิพากษาฎีกาคดีแบบนี้
ส่วนความเห็นของนักกฎหมาย ตำรวจ ในกรณีนี้ ก็มีอยู่พอสมควร (ลองหาอ่านดูได้)
ทุกความเห็น ก็เป็นไปในแนวเดียวกัน คือ ขับด้วยความเร็วสูงสุดตามกฎหมายกำหนด ก็ต้องหลบให้กับรถที่ความเร็วสูงกว่าครับ

ท่าน yord ลองคิดดูครับว่า ทำไมกฎหมายไม่บังคับให้รถที่ผลิตออกมา ล็อคความเร็วไว้ที่ 120 กม/ชม ง่ายกว่ามาใช้กล้องจับความเร็วซะอีกครับ
[/quote]

**ขับด้วยความเร็วสูงสุดตามกฎหมายกำหนด ก็ต้องหลบให้กับรถที่ความเร็วสูงกว่าครับ**



ลงไว้ตรงไหนทำลิ้งค์ให้ผมทีได้มั้ยครับ หรือเอามาลงให้ผมอ่านในนี้ก็ได้ครับ จักเป็นพระคุณอย่างสูงครับ

ถ้าขับด้วยความเร็วสูงสุดตามกฏหมายแล้วมันก็ไม่น่าจะมีคันไหนแซงได้อีกแล้วนะครับ

ส่วนเรื่องที่ท่านว่า **ทำไมกฎหมายไม่บังคับให้รถที่ผลิตออกมา ล็อคความเร็วไว้ที่ 120 กม/ชม** ก็ไม่มีกฏหมายบังคับเขาก็ผลิตได้ซิครับ

แต่เขาบังคับตาม พรบ. จราจรทางบกมันก็ต้องทำตามกฏหมายซิครับ มันคนละเรื่องแยกออกจากกันชัดเจนนะครับ

อย่าเพิ่งรำคาญผมนะครับ ถ้าคุยเรื่องกฏหมายแล้ว เอาข้อคิดเห็น หรือความคิดเห็นที่ไม่ระบุให้ชัดเจนมาเลยมันค่อนข้างคลุมเครือในแง่มุมของ

มุมมองทางกฏหมาย ผมก็อดสงสัยไม่ได้ครับ เพราะบางคนชอบเอาข้อกฏหมายไปปนกับข้อเท็จจริงโดยไม่แยกออกจากกันครับมันก็อาจทำให้คน

เข้าใจผิดในข้อกฏหมายได้นะครับ

[Ruksadindan]

ดิสคัสกันตามกฎหมาย คอมเมนท์หลังๆ ก็เห็นว่าผิดพอกันแหละครับ

แต่ถ้าไม่มีกระบะที่ทำเช่นนี้ ก็คงไม่เกิดเหตุขึ้นครับ

[หมูปิ้ง]

โดนสบัดก้นใส่ แล้วชิ่ง
เจองี้ฮาไม่ออกเลยครับ เห็นแล้วก็กลัวแทน

แต่กะบะก็น่าจะขับไปข้างหน้านะคับ (ส่วนใหญ่เห็นกะบะ ไม่ค่อยแช่ขวา ช้าๆเท่าไร)

[bravo]

ไม่ใช่ครับท่าน ผมเผื่อว่าท่าน bravo เคยอ่านเจอพวกแนวคำพิพากษาศาลฏีกา มาบ้างเกี่ยวกับพวกเรื่องความเร็ว ผมก็จะขอข้อมูลเป็นวิทยาทาน

หน่อยน่ะครับ เอาไว้ศึกษาดูครับ ว่าความเร็วเขาสามารถขับได้เกินกำหนดได้หรือไม่ได้น่ะครับเวลาแซงขวาคือผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ครับ

เพราะตามความเข้าใจผมคือ ถ้ากฏหมายกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 90 ..รถที่ขับช้า.. ตามความคิดผมน่าจะเป็นรถที่ขับตั้งแต่ 1-89 คือ

ช้ากว่าคันที่จะทำความเร็วสูงสุดได้น่ะครับ ถ้าเจอหลักพวกนี้เอามาลงฝากไว้ทีนะครับผมยังหาไม่เจอครับ จะได้เป็นข้อมูลอ้างอิงทางด้าน

กฏหมายได้ครับ

คดีเล็กๆ แบบนี้ คงไม่มีใครเขาอุทธรณ์ ฎีกาให้เสียเวลามั๊งครับท่าน yord
เพราะผมก็ไม่เคยเห็นคำพิพากษาฎีกาคดีแบบนี้
ส่วนความเห็นของนักกฎหมาย ตำรวจ ในกรณีนี้ ก็มีอยู่พอสมควร (ลองหาอ่านดูได้)
ทุกความเห็น ก็เป็นไปในแนวเดียวกัน คือ ขับด้วยความเร็วสูงสุดตามกฎหมายกำหนด ก็ต้องหลบให้กับรถที่ความเร็วสูงกว่าครับ

ท่าน yord ลองคิดดูครับว่า ทำไมกฎหมายไม่บังคับให้รถที่ผลิตออกมา ล็อคความเร็วไว้ที่ 120 กม/ชม ง่ายกว่ามาใช้กล้องจับความเร็วซะอีกครับ
[/quote]

**ขับด้วยความเร็วสูงสุดตามกฎหมายกำหนด ก็ต้องหลบให้กับรถที่ความเร็วสูงกว่าครับ**



ลงไว้ตรงไหนทำลิ้งค์ให้ผมทีได้มั้ยครับ หรือเอามาลงให้ผมอ่านในนี้ก็ได้ครับ จักเป็นพระคุณอย่างสูงครับ

ถ้าขับด้วยความเร็วสูงสุดตามกฏหมายแล้วมันก็ไม่น่าจะมีคันไหนแซงได้อีกแล้วนะครับ

ส่วนเรื่องที่ท่านว่า **ทำไมกฎหมายไม่บังคับให้รถที่ผลิตออกมา ล็อคความเร็วไว้ที่ 120 กม/ชม** ก็ไม่มีกฏหมายบังคับเขาก็ผลิตได้ซิครับ

แต่เขาบังคับตาม พรบ. จราจรทางบกมันก็ต้องทำตามกฏหมายซิครับ มันคนละเรื่องแยกออกจากกันชัดเจนนะครับ

อย่าเพิ่งรำคาญผมนะครับ ถ้าคุยเรื่องกฏหมายแล้ว เอาข้อคิดเห็น หรือความคิดเห็นที่ไม่ระบุให้ชัดเจนมาเลยมันค่อนข้างคลุมเครือในแง่มุมของ

มุมมองทางกฏหมาย ผมก็อดสงสัยไม่ได้ครับ เพราะบางคนชอบเอาข้อกฏหมายไปปนกับข้อเท็จจริงโดยไม่แยกออกจากกันครับมันก็อาจทำให้คน

เข้าใจผิดในข้อกฏหมายได้นะครับ
[/quote]
"ความคิดที่ว่าขับแช่ขวาไม่เป็นอะไรเพราะมองว่าตัวเองใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ตามกฎหมายจราจรผู้ขับขี่ในลักษณะนี้ถือว่ามีความผิด 2 กระทง คือ 1.มาตรา 34 บัญญัติไว้ว่าถนนที่มีการแบ่งเส้นจราจรมากกว่า 2 เลนขึ้นไป ผู้ขับขี่ต้องขับชิดขอบทางด้านซ้าย หากไม่ปฏิบัติตามอาจโดนโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และ 2.การขับรถกีดขวาทางจราจร โทษปรับตั้งแต่ 400 - 1,000 บาท"
http://www.pptvthailand.com/sport/news/31807
3.ผมขับตามกฎหมายเลยแช่ขวา ...ผิดด้วยหรือ    ไม่บอกก็รู้ว่าผิดแน่นอน สำหรับใครหลายคนที่นิยมกันจังขับช้าแช่ขวา จนบางทีผู้เขียนก็สงสัยว่าไม่เห็นเลขตอม่อทางด่วนคงไม่สบายใจ หรือฤดูยามที่ฝนพรำคงเคยผ่านการขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องแอบที่เลนขวาเพื่อไม่ให้ฝนสาด ...

ที่พูดมาทั้งหมดประชดเล่น และ บอกตรงนี้เลยว่าตามกฎหมายกราจราจรทางบก พ.ศ.  2522  การขับช้าแช่ขวานั้นเป็นการกระทำผิดกกหมายอย่างแน่นอน แม้จะมีหลายคนอ้างว่า “ก็ชั้นขับตามกฎหมายกำหนด พวกที่ขับเร็วจะรีบไปตายก็แซงซ้ายไปสิ เขาก็มีบอกอยู่ว่าถนนหลายเลน สามารถแซงซ้ายได้” แต่ในความเป็นจริงหากข้างหน้ามีกล้องตรวจจับหรือ ด่าน ตรวจพวกเขาสามารถจับปรับคุณได้ ข้อหากีดขวางการจราจร เพราะ เลนขวามีไว้ให้รถที่ใช้ความเร็ว

ถึง คุณขับตามกฎหมายกำหนดมีรถที่เร็วกว่ามาข้างหลัง คุณก็ไม่มีสิทธิตัดสินว่าเขาผิดที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด แล้วคุณก็ไม่มีอำนาจอะไร ต้องปล่อยเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ถ้าใช้ความเร็วไม่มาก เห็นรถหลังมาเร็ว ส่งสัญญาณเข้าซ้ายเถอะครับ ปลอดภัยทั้งคุณ ทั้งเขา ถนนก็น่าอยู่แล้ว

http://www.autodeft.com/deftanswer/5-%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=663040083724536&id=519620474733165



http://www.tmlthailand.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B2/