สวัสดีค่ะ จากอาทิตย์ก่อนที่ได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับการซื้อรถคันใหม่ (
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=54294.0)
สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านกระทู้ก่อนนะคะ จขกท มีงบประมาณ 1.1 ล้านบาท และ ต้องการรถที่มีช่วงล่างใกล้เคียงกับ Subaru Outback ที่เคยใช้อยู่ที่อเมริกา โดยตัวเลือกในใจของจขกทนั้นคือ Subaru XV แต่ด้วยความที่ค่าตัวของ XV นั้นขึ้นไปเป็น 1.3 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่างบที่จขกทตั้งไว้ เลยต้องยอมมองหาตัวเลือกอื่นๆด้วย
วันจันทร์ที่ผ่านมา จขกท ได้รับรถใหม่เรียบร้อย (จองไปวันพฤหัสบดีที่แล้วค่ะ) ตอนนี้ก็ใช้มาแล้ว 200 กิโลเมตรได้ สำหรับท่านสมาชิกที่ขี้เกียจอ่าน และอยากรู้ว่าคือรถรุุ่นไหน เลื่อนลงไปดูภาพได้เลยค่ะ แต่สำหรับท่านที่อยากอ่านที่มาของรถคันนี้ ก็ติดตามไปด้วยกันนะคะ
.
.
เนื่องจาก Subaru XV นั้น เป็นรถที่จขกทอยากได้ แต่นอกจากจขกทแล้ว คนในบ้านไม่เคยมีประสบการณ์กับรถคันนี้มาก่อน จขกทวางแผนไว้ว่าจะพาคนที่บ้านไปลองนั่ง ลองขับที่ศูนย์บริการแถวบ้านดู จะได้ตกหลุมรักช่วงล่างของ Subaru แบบจขกทบ้าง (ได้ลองติดต่อเซลไว้บ้างแล้ว) แต่น่าเสียดาย ที่คนที่บ้าน (รวมถึงสปอนเซอร์รายใหญ่) คัดค้านด้วยเหตุผลหลักๆว่า ไม่มั่นใจในบริการหลังการขาย เลยต้องพับแผนไปอย่างน่าเสียดายค่ะ
ตัวเลือกถัดมาก็คือยีห้อเจ้าตลาด Honda ค่ะ ซึ่งจขกทได้สนใจ Honda Hr-V (ตัว EL) และ Honda Civic (ตัว RS) ตามคำแนะนำของเพื่อนสมาชิก เลยถือโอกาสเข้าไปติดต่อศูนย์บริการแถวบ้านดูค่ะ ในมุมมองของจขกทนะคะ เซลฮอนด้า ไม่สามารถตอบคำถามได้ระดับที่จขกทพอใจ จขกทซึ่งหาข้อมูลในเน็ตไป ยังรู้มากกว่า เลยทำให้ first impression อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนตัวรถนั้น ทางบ้านจขกทได้มีโอกาสนั่ง Honda Hr-V ในศูนย์ ซึ่งไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ (โดยเฉพาะเครื่องเสียงจีนแดง) ตอนจขกทลองขับที่อเมริกา ก็รู้สึกรถจะโยนๆ คิดว่าอาจจะเป็นปัญหาในอนาคต ส่วน Civic (RS) นั้น จขกทมองว่าสวย แต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษ ข้อแปลกใจก็คือ จขกทกลับไปถูกใจ Honda City (ที่ค่าตัวถูกกว่า) มากกว่ารถที่ตั้งใจจะไปดูค่ะ
.
.
ขอย้อนกลับไปนิดนึงว่า ทางจขกทได้เตรียมเงินสดไว้ประมาณ 7 แสน สำหรับเป็นเงินดาวน์รถคันถัดไป แต่ทีนี้ พอจขกทกลับไปถูกใจ Honda City (ที่ราคาอยู่ในช่วง 7 แสนพอดี) ที่บ้านจขกทก็เลยเสนออีกทางเลือกขึ้นมาว่า หรือจะเอาเงินจำนวนนี้ซื้อรถเงินสดไปเลยดี จะได้ไม่ต้องมีภาระทางด้านการเงิน
.
.
ยี่ห้อถัดที่ดูก็คือ Mazda ค่ะ โดยเฉพาะ Mazda 3 กับ Mazda CX-5 ที่เพื่อนสมาชิกแนะนำกันมาหลายคนว่าน่าจะตอบโจทย์จขกท ทว่า CX-5 รุ่น 2.0C (ที่ดูจะใกล้เคียงกับงบประมาณของจขกทที่สุด) จขกทกลับไปค่อยประทับใจเท่าไหร่ ส่วนตัวมองว่าเครื่องมันอืดไปสำหรับตัวถังรถ ส่วนเครื่อง 2.2D ทีทั้งจขกทและทางบ้านชอบนั้น (ที่บ้านชอบรถเครื่องยนต์ดีเซลค่ะ ดูจากลายเซ็นได้เลย) ก็เกินงบที่ตั้งไว้จนสามารถเอาไปซื้อรถอีกคันได้เลย
แต่เครื่อง 2.2D ของ CX-5 นี้แหละ ที่ทำให้ที่บ้านจขกทตัดสินใจว่า เครื่องเบนซินฟีลลิ่งมันไม่ใช่ ยังไงก็ต้องเป็นรถดีเซลเหมือนรถที่บ้าน ซึ่งทำให้ Mazda 3 ที่มีแต่เครื่องเบนซิน โดนตัดไปโดยปริยาย ตัวเลือกของจขกทจึงเหลือแค่ Mazda CX-3 (ดีเซล) กับ Mazda 2 (ดีเซล) ที่เป็นรถเครื่องดีเซลที่ราคาอยู่ในงบที่ตั้งไว้
CX-3 เป็นรถที่จขกทประทับใจในหลายอย่างมากค่ะ หน้าตา ออฟชั่น เครื่องยนต์ ฟีลลิ่งในการขับขี่ ถ้าให้ใช้หัวใจในการตัดสินเป็นหลัก จขกทคงได้ขับ CX-3 ป้ายแดงออกมาจากศูนย์แน่นอน แต่พอเอามาเปรียบเทียบกับ Mazda 2 แล้ว จขกทกลับคิดว่า ข้อแตกต่างระหว่างรถสองรุ่นนี้ กลับไม่คุ้มกับส่วนต่างสามแสนกว่าบาทเท่าไหร่
.
.
พอเดากันออกแล้วสินะคะ ว่า Subaru XV ของจขกท ได้กลายร่างเป็นรถรุ่นอะไร
.
.
คำตอบก็คือ Mazda 2 Skyactiv-D Sedan รุ่น High Connect ค่ะ
เท่าที่ใช้มา (200 กิโลเมตร) ถือว่าถูกใจจขกทอยู่พอสมควรค่ะ ขนาดรถที่ไม่ใหญ่มาก กลับเป็นข้อดีสำหรับจขกทที่ยังไม่ชินกับถนนหนทางในเมืองไทยเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เล็กจนทำให้อึดอัด วันก่อนได้ลองเอากระเป๋าเดินทางไซส์ใหญ่ใส่ท้ายรถดูแล้ว (ใส่ได้สบายมาก) วีลแชร์ของคุณยายก็ไม่เป็นปัญหาอย่างที่เคยกังวลไว้ด้วย ข้อสุดท้ายและสำคัญก็ที่สุดก็คือ ยังเหลือเงินติดกระเป๋าไว้เติมน้ำมันได้อีกหลายพันกิโลอยู่ค่ะ อิอิ
.
.
สุดท้ายนี้ จขกทขอขอบคุณสมาชิก HLM ทุกท่าน ที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือแก่จขกทมาเสมอมานะคะ ถ้ามีโอกาสจะมา Review การใช้งาน Mazda 2 คันนี้นะคะ
ปล. วันที่ 16 เลขท้ายป้ายแดงยังไม่ออกค่ะ โชคดีไปนะ ที่ยังไม่ได้ซื้อ อิอิ
ปล 2. ภาพใหญ่ไปนิดนึง ต้องขอโทษด้วยค่ะ