ภายในเบาะนั่งคนขับปรับสูง-ต่ำ ใกล้-ไกล ได้ ไม่มีดันหลังมาให้ ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับใกล้-ไกลได้ตามปกติ เบาะหลังแยกพับ 60/40 ได้เฉพาะพนักพิง หลังจากผมขับไปแล้วประมาณ 200 กิโล นั้น เบาะคนขับนั้นโอเคในระดับนึง แต่ขับไปสักพักก็มีเมื่อยล้าบ้างบริเวณหลังและขา แต่ผมรู้สึกว่า อาการเมื่อยขานั้นอาจจะมาจากการเคยชินขับคันเก่า เพราะ Stream เบาะค่อนข้างสูง ทำให้ท่านั่งในการขับขี่นั้นแตกต่างกัน ผมคิดว่าอีกสักพักผมคงชินกับตำแหน่งนั่งขับของ Jazz แล้วอาการเมื่อยขาคงจะดีขึ้น.........มั้ง ส่วนเบาะส่วนอื่นๆ ยังไม่ได้ลองและยังไม่มีใครลองนั่งจับ Feel ให้ แต่ทุกคนที่นั่งบอกว่า ที่วางขากว้างมากๆ
โดยปกติเบาะของ Jazz ทุกคันจะหุ้มด้วยผ้า โดยรุ่น SV จะมีลายแตกต่งจากตัวอื่น แต่คันนี้เซลล์แถมเบาะหนังทั้งคันมาให้ คุณภาพโอเคในระดับหนึ่ง การตัดเย็บนั้นเรียบร้อยแล้วสวยดี เสียดายที่ด้ายเป็นสีดำ จริงๆถ้าได้เบาะดำด้ายสีเหลืองผมจะชอบมากกว่านี้
จุดเด่นที่สุดของ Jazz นั้นคือเบาะแบบ Ultra seat ปรับได้ 4 Function (รูปทั้ง 4 แบบ)
- Utility Mode พับเบาะหลังทั้ง 2 ด้านลง เพิ่มความจุเป็น 906 ลิตร
- Long Mode ปรับเบาะด้านหน้าซ้ายและพับเบาะด้านหลังฝังซ้ายลง เพื่อขนของแนวยาว
- Tall Mode พับเบาะรองนั่งด้านหลังขึ้น เพื่อขนของทรงสูง
- Refresh Mode ปรับเบาะหน้าเชื่อมต่อกันเบาะหลัง เพื่อการพักผ่อนระยะสั้น
สำหรับการใช้งานนั้น ผมยังไม่ได้ลองใช้งานอะไรมาก แต่รู้สึกว่ามันสะดวกดี
แผงประตูด้านคนขับนั้นจะประกอบได้ด้วย ชุดกระจกหน้าต่างไฟฟ้าทั้ง 4 บาน ขึ้น-ลง อัตโนมัติด้านคนขับ พร้อม Jam Protection ถัดขึ้นไปเป็น สวิทช์ล็อคกระจกไฟฟ้าและสวิทซ์ล็อค-ปลดล็อครถ พร้อมระบบล็อครถอัตโนมัติตามความเร็ว และปลดล็อคอัตโนมัติเมื่อดับเครื่อง ด้านบนสุดนั้นเป็นปรับกระจกมองข้างและพับกระจกไฟฟ้า ซึ่งผมว่ามันติดไว้ที่ในตำแหน่งที่แปลกๆและผมยังไม่ชิน การวางแขนนั้นพอวางได้อยู่ มือจับประตูสีเงินพร้อมตัวล็อคติดอยู่ที่มือจับ
คอนโซลหน้า ขอเริ่มจากซ้ายไปขวานะครับ ซ้ายจะเป็นช่องแอร์ประดับด้วยพลาสติกสีเงินรูปตัว C ต่อเนื่องด้วยแผงวัสดุบุนุ่มสีดำที่ไม่ค่อยจะนุ่มสักเท่าไหร่ พร้อมแถบสีเงินคาดยาวด้านล่าง ถัดลงมาเป็นกล่องเก็บของไว้สำหรับใส่คู่มือ แล้วคั่นด้วยแถบวัสดุบุนุ่มแนวตั้งพร้อมเดินตะเข็บสีดำ ถึงจะพบกันแผงควบคุมต่างๆ ด้านบนสุดเป็นช่องแอร์ 2 ช่องตกแต่งด้วยพลาสติกสีเงินตรงกลางเป็นชุดเครื่องเสียง ข้างๆชุดเครื่องเสียงนั้นมีเป็นสวิทซ์ไฟฉุกเฉินทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านล่างเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศ ถัดไปด้านขวาเป็นที่ติดตั้งของ ปุ่ม Start Stop Engine
ใต้แผงควบคุมระบบปรับอากาศ นั้นเป็นที่อยู่ของช่อง usb hdmi และช่องใส่ไฟ 12 โวลต์ พร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 จุด ถัดมาทางด้านขวา เป็นมาตรวัด และพวงมาลัย และด้านขวานสุดนั้น มีช่องวางแก้ว 1 จุด
ใต้ช่องวางแก้วนั้นจะมี ปุ่ม ECON และปุ่มปิดระบบ VSA ติดอยู่ ส่วนสวิทซ์เปิดฝากระโปรงหน้ารถและเปิดถังน้ำมันจะติดตั้งอยู่ที่แผงขอบประตูใกล้ๆประตูคนขับ
ชุดมาตรวัตคันนี้ เป็นแบบ 3 วงกลม พื้นหลังสีดำ เรืองแสงสีฟ้า ตัวเลขและเข็มไมล์สีขาว วงด้านซ้ายสุดจะเป็นมาตรวัดรอบ Redline ที่ 6,250 รอบ มีไฟเตือนความร้อนและไฟ Econ อยู่ใกล้ๆ Redline และมีจอบอกตำแหน่งเกียร์อยู่ด้านล่าง (P R N D S S1-S7) วงใหญ่ตรงกลางนั้น เป็นมาตรวัตความเร็ว มีกรอบวงกลมตกแต่งมาให้ ที่ขอบมาตรวัดความเร็วนั้นจะระบบ Eco Coaching มาให้ หากขับได้ประหยัดไฟสีฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแนวรักษ์โลก ด้านล่างนั้นจะเป็นจุดศูนย์รวมของไฟเตีอนต่างๆ ไฟเลี้ยว ไฟสูง ส่วนวงขวาสุดนั้นจะเป็น จอ MID
ด้านบนสุดเป็นแถบวัดอัตราสิ้นเปลือง แบ่งเป็น 0 25และ 50 km/l จะขับยังไงให้ผ่านเกินครึ่งหละเนี่ย ถัดลงมาเป็น นาฬิกา ต่อมาเป็นส่วนแสดงข้อมูล ไมล์ Trip A B ระยะทางที่วิ่งได้ ระยะทางที่เหลือ ถัดลงไปอีกเป็นวัดอุณหภูมิภายนอก และล่างสุดเป็น แถบวัดปริมาณน้ำมันในถัง มี 20 ขีด เยอะไปไหนเนี่ย...
พวงมาลัยคันนี้เป็นแบบ 3 ก้านหุ้มยูริเทน ตกแต่งด้วยแถบสีเงินด้านล่างของก้านพวงมาลัย สามารถปรับระยะ สูง-ต่ำ ใกล้-ไกลได้ ตรงกลางของพวงมาลัยเป็นที่อยู่ของ Airbag และแตรรถ พร้อมสวิทซ์ Multi-function บนก้านพวงมาลัย
ด้านซ้ายเป็นปุ่มควบคุมเครื่องเสียง บน-ล่าง ปรับความดัง ซ้าย-ขวาเปลี่ยนเพลงหรือคลื่นวิทยุ ตรงกลางเป็นปุ่ม Source สำหรับเปลี่ยน Mode น้ำหนักปุ่มดีมากๆ ใช้งานสะดวก แต่เสียดายที่มันควบคุมได้เฉพาะ Media Mode เท่านั้น ใช้ใน Telephone Mode ไม่ได้
ด้านขวานั้นเป็น ระบบ Cruise Control โดยเปิดระบบที่ปุ่มด้านบนเหนือปุ่มวงกลม แล้วกดปุ่ม SET เมื่อได้ความเร็วที่ต้องการพร้อมปล่อยเท้าออกจากคันเร่งและเบรค กด + เพิ่มความเร็ว กด ลดความเร็ว เหยียบเบรคหรือคันเร่งเพื่อยกเลิกระบบ หากต้องการกับไปใช้ระบบที่ความเร็วที่ตั้งไว้ให้กด RES ครับ วันนี้ผมลองใช้มาแล้ว ใช้งานง่ายดี แต่เวลา + - ความเร็วนั้น ตอบสนองช้าไปค่อนข้างมาก กดไป 2 วิ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ที่ก้านพวงมาลัยด้านล่าง จะมีสวิทซ์ควบคุมโทรศัพท์อยู่ที่ฝั่งซ้าย โดยรถที่มาพร้อมชุดเครื่องเสียงรุ่นใหม่ จะตัดปุ่ม Siri Eyes Free ออก เหลือแค่ปุ่มรับสายและวางสายเท่านั้น
ด้านหลังของก้านพวงมาลัยจะมี Paddle Shift ติดตั้ง เฉพาะรุ่น SV และ SV+ การใช้งาน ใช้ได้ทั้งเกียร์ D และเกียร์ S ฝั่งซ้าย Shift Down ฝั่งขวา Shift Up การใช้งานในเกียร์ D นั้นผมรู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่ แป๊ปเดียวก็ยกเลิกเอง แต่ถ้าหากอยู่ในเกียร์ S นั้น แรงดึงจะต่างกันแบบรู้สึกได้ แต่ไม่ดึงเท่าเกียร์ Auto ปกติ แล้วถ้าจะยกเลิก ให้กลับไปที่เกียร์ D
คอพวงมาลัยด้านซ้าย จะมีก้านปรับระบบปัดน้ำฝนติดตั้งอยู่ การควบคุมนั้นมีดังนี้ MISS < OFF > INT หรือหน่วงเวลา > LO > HI และยกก้านเข้าหาตัว = ฉีดน้ำ ส่วนใบปัดน้ำฝนหลัง จะปรับที่สวิทซ์หมุนปานกลาย แต่จะมีแค่ OFF ON และก็ฉีดน้ำเท่านั้น
คอพวงมาลัยด้านขวา จะมีก้านไฟเลี้ยวตามปกติพร้อมระบบที่เวลาเราจะเปลี่ยนเลน แค่ยกหรือกด ด้านไฟเลี้ยวเล็กน้อย ไฟเลี้ยวจะกระพริบ 3 ครั้ง ผมไม่รู้ว่าระบบนี้ชื่อว่าอะไร แต่ขอเรียกกว่า "ระบบกระดิกไฟเลี้ยวสำหรับเป็นเลน"
ส่วนการควบคุมไฟหน้านัน้ ดันเข้าเป็นไฟสูง ดันออกเปิดไฟสูงค้าง สวิทซ์ไฟหน้าอยู่ปลายก้าน และสวิทซ์ไฟตัดหมอกอยู่ถัดมาด้านใน
ชุดควบคุมระบบปรับอากาศ เป็นแบบอัตโนมัติแรงลม ควบคุมผ่านระบบ Touchscreen สามารถปรับตั้งอุณภูมิได้แต่ไม่แยกฝั่ง โดยปุ่มปรับพัดลมจะอยู่ด้านซ้าย ปุ่มปรับอุณหภูมิอยู่ด้านขวา ตรงกลางเป็น จอแสดงอุณหภูมิและแถบแสดงทิศทางลมพร้อมปุ่ม Mode สำหรับปรับทิศทาง ส่วนแถบด้านล่าง มี 7 ปุ่ม ได้แก่ ไล่ฝ้ากระจกหน้า, ไล่ฝ้ากระจกหลัง, อากาศหมุนเวียน, เปิดรับอากาศภายนอก, A/C Off, เปิด-ปิดระบบปรับอากาศ, และ Auto
มาถึงชุดเครื่องเสียงกันบ้าง ซึ่งผมยังไม่เห็นใคร Review เครื่องเสียงชุดนี้เลย เป็นเครื่องเสียงรุ่นใหม่ ไม่ใช่จอ Advance Touch แบบรุ่นเดิม หลายๆคนบ่นกันว่า Honda ตัด Spec ลงมา ผมก็อยากได้จอเก่านะ แต่ช่วยไม่ได้ ไหนๆได้มาแล้วก็ Review ให้ชมกัน จอยังคงเป็นจอ Touchscreen ขนาด 7 นิ้วเท่าเดิม แต่สิ่งที่ถูกตัดออกไปจากรุ่นเดิมนั้น ได้แก่ ช่องใส่ CD / USB เหลือ 1 ช่อง / Siri Eyes Free หายไป / จอแสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองหาย / Menu การตั้งค่าระบบอื่นๆในรถ ก็หายไป เฮ้อ..หายไปเยอะจัง
. แถมInterface ของจอรุ่นใหม่นี้ก็ต่างจากเดิมที่ผมว่าดูดีกว่า ถึงกระนั้น Function การทำงานหลักๆก็ยังอยู่เหมือนเดิมได้แก่
- วิทยุ FM / AM สามารถบันทึกช่องได้ อย่างละ 18 สถานี
- การเชื่อมต่อโทรศัพท์ ผ่านBluetooth ที่ดึง Phonebook ของโทรศัพท์ขึ้นมาเลย (ลองกับ iPhone6)
- ช่อง USB และ iPod ที่แสดงข้อมูลของเพลงได้ และเลือกให้ สุ่มเพลง และ เล่นซ้ำ ได้
- ช่อง HDMI สามารถแสดงภาพจาก Smart Phone ขึ้นจอภาพได้ หากเกียร์อยู่ในตำแหน่ง P และดึงเบรคมือไว้
- กล้องมองหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (มุมกว้าง 180 องศา / มุมตรงปกติ / มุมดิ่งลงพื้น)
และในรุ่น SV นั้น จะมีลำโพง 6 จุด (ประตูทั้ง 4 บาน และบนคอนโซลหน้าอีก 2 จุด) คุณภาพเสียงนั้น สำหรับผมถือว่าโอเคมากๆ รายละเอียดเสียงนั้น อยู่ในระดับที่ผมชอบครับ และเที่ยบกับรถคันอื่นที่ขึ้นบ่อย มันโอเคกว่า Stream ทั้งก่อน หลังเปลี่ยน Front พอสมควร ดีกว่า Vios J 2009 ของเพื่อนเยอะมาก และผมรู้สึกว่ามันโอเคกว่า Camry ACV40 2.0 ของพ่อนิดนึง
คอนโซลลกลาง คันเกียร์เป็นรางแบบตรง มาพร้อมระบบ Shift Lock โดยจะต้องเอาดอกกุญแจเสียบในช่องเพื่อปลดล็อคตอนดับเครื่อง ฐานเกียร์เป็นสีดำเงา ตกแต่งด้วยแถบตัว U สีเงิน เบรคมือแบบดึงทั่วไป มีช่องวางของเล็กๆอยู่ข้างๆ และในรุ่น SV จะมีกล่องเก็บของซึ่งเป็นที่วางแขนอยู่ปลายคอนโซลกลาง ขนาดพอจะใส่ กล้อง DSLR ตัวไม่ให้มาก กับ iPad Air ได้ แต่จะไม่มีช่อง USB แบบรุ่นเครื่องเสียงเก่า ถูกตัดอีกแล้ว
.