หลังจากพาทุกท่านรีวิวตัวรถกันมาหอมปากหอมคอแล้ว เรามาทดลองขับกันเลยครับ
สัมผัสแรกก่อนที่จะออกรถ ก็เจอสิ่งที่สร้างความหงุดหงิดให้ผมก่อนเลย คือเจ้าคันเกียร์สุดติสท์ ที่เป็นแท่นหมุนทรงกลมนั่นล่ะครับ ถ้าถามถึงความสวยงามและแปลกใหม่ อาจได้เต็ม 10 แต่การใช้งานจริงผมให้แค่ 1 เท่านั้นพอ มันน่าหงุดหงิดอย่างไร เดี๋ยวผมจะอธิบายเพิ่มเติมช่วงท้ายอีกที
หลังจากสาละวนกับเกียร์ซักพัก ได้เวลาออกตัว เร่งหนีทางทางตรงทันที (ผมพาคุณพ่อมาลองด้วย สลับกันขับ) อัตราเร่งที่รถมอบให้ จัดว่าไม่เลวครับ น่าจะใกล้เคียง RC200t กับ 520i ถ้าจับเวลากันจริงจัง ตามมาตรฐาน HLM สำหรับผม ถือว่าสอบผ่านครับ จากจุดหยุดนิ่งถึง 100 เท่าที่ผมดูจากเข็มคร่าวๆ น่าจะอยู่ราวๆ 8 วิกลางค่อนปลาย ได้ (โหมด S) อาการเทอร์โบ lag แทบไม่มีครับ น้อยมาก
ส่วนที่น่าตำหนิ คือการตอบสนองของคันเร่งครับ มาสไตล์เดียวกับ Volvo Lexus หรือ Merc บางรุ่น คือหน่วง ทำตัวเป็นผู้ดี ช้าและน่ารำคาญ ในโหมด Normal พอปรับมาโหมด S จะตอบสนองไวขึ้น แต่ก็ยังช้า lag ไปอยู่ดี เทียบกับพวก Bimmer หรือพวกเครือ VW ไม่ได้เลย รอบหน้าปรับปรุงด้วยนะครับ
มาทางด้านเกียร์ XF ใช้ของ ZF 8 สปีด เหมือนกับทาง Bimmer ครับ เกียร์ดุดัน อัตราทดชิดใช้ได้ แต่ยังเป็นรองทางบีเอ็มอยู่นิดๆ ในด้านความเนียนเวลาเปลี่ยนเกียร์ และความฉลาดของสมองกล ถ้าให้ปล่อยให้เกียร์รันเอง แต่ถือว่าทำได้ดีแล้วครับ สำหรับหัวข้อนี้
พอลองมาชิพท์เกียร์เอง อันนี้ทีเด็ดครับ โดยเฉพาะในโหมด S เกียร์ดุมาก ขนาดตัวถังหนักและค่อนข้างใหญ่ ยังรู้สึกดึงกระชากทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ ถ้าเน้นชิพท์เอง ส่วนตัวผมว่า Jag เซทมาสนุก ดุดันกว่าใน 520i และ 528i ครับ
มาพูดถึงช่วงล่างและการควบคุม XF ที่นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราทุกรุ่น จะเป็นช่วงล่างแบบ fix ครับ โหมด Dynamic จะปรับแค่การตอบสนองของเกียร์ คันเร่ง และความหนืดของพวงมาลัยเท่านั้น ซึ่งการตอบสนองของช่วงล่าง ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีครับ จะติหน่อยตรงการซับแรงสะเทือน ยังส่งผ่านมาในห้องโดยสารเยอะไปหน่อย ถ้าพูดถึงในแง่นี้ ทั้ง F10 GS และ ES ทำคะแนนได้ดีกว่า โดยไม่ลดทอนความหนึบครับ
พวงมาลัยในโหมด Normal น้ำหนักออกจะแปลกๆ ซักหน่อย คือมันไม่ถึงกับเบาสบาย แต่ก็ไม่คม ไม่ไว มีระยะฟรีเยอะไปนิด ลองหักซ้ายขวาแบบสลาลอม รถไม่ค่อยไปตามใจสั่ง ดูเหมือนจะไม่เอาดีซักทาง แต่พอปรับมาเป็นโหมด Dynamic เท่านั้น ต้องอุทานโอ้วดังๆ นี่แหละที่ผมต้องการจาก Jag น้ำหนักตึงมือที่เพิ่มขึ้นชัดเจน อีกทั้งความไวและความคม มาพร้อมกันตามที่นัดหมายอย่างเคร่งครัด โดนใจมากๆ ครับ ค่อยสมกับที่สื่อนอกหลายๆ เจ้า ยกเจ้านี่เป็นที่สุดของคลาสนี้ อาการของรถจากการโยกซ้ายขวาสลับไปมา เป็นกลางและนิ่งมาก พวงมาลัยคุมรถได้สนุกตามใจสั่ง เสมือนขับรถที่คลาสเล็กกว่าเลยทีเดียว เท่าที่ประเมินจากอากัปกริยาเหล่านี้ คาดว่า XF จะต้องเข้าโค้งได้ดีไม่แพ้ใครแน่นอนครับ (หัวข้อนี้ผมให้นำคู่แข่งหมดทุกเจ้าครับ ประทับใจจริงๆ ไม่ต้องมากังขากับน้ำหนักพวงมาลัยวัยทองแบบ F10 CKD ที่ช่วงล่างเป็นแบบ fix ที่หนักในความเร็วต่ำและเดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาในความเร็วสูง รวมถึงโยนตัวในโค้งทางด่วนธรรมดาๆ อย่างน่าประหลาดกับรถจากแบรนด์นี้)
ขอเพิ่มเติมอาการช่วงล่างซักหน่อย คือเวลาขับเร็วๆ ทางตรง ถนนเป็นลอนคลื่นเล็กๆ จะรู้สึกเหมือนรถเบาๆ ลอยๆ นิดนึง ซึ่งผมคาดว่าถ้าขับเกิน 140 ไป จะมีปัญหาสำหรับคนขับเร็วแล้วล่ะ อาจต้องแก้ปัญหาเบื้องต้นอย่างง่ายที่สุด คือไปออกรุ่น R-Sport ที่มาพร้อมกับ Sports suspension ปัญหานี้น่าจะจบครับ
ส่วนเบรค ถ้าพูดถึงแง่การหน่วงจัดว่าดี ลดความเร็วระดับ 120 จนหยุดนิ่งได้เร็วไม่ต้องลุ้น แต่จุดที่น่าตำหนิคือ แป้นเบรคไม่ค่อย linear เหมือนพวกพรีเมี่ยมเจ้าอื่น กล่าวคือการเบรคระยะแรก เหมือนเราเบรคอากาศเปล่าๆ ไม่มีการหน่วงใดๆ ทั้งสิ้น พอเพิ่มแรงกดมากขึ้น เท่านั้นล่ะ หน่วงหนัก ความเร็วลดฮวบๆ แต่พอเพิ่มแรงกดมากขึ้นไปอีก เอาจนเกือบสุดระยะแป้น การหน่วงจะไม่เพิ่มไปกว่านี้นัก ก็เป็นอะไรที่แปลกดี เวลาขับในเมืองติดๆ คุมระยะเบรคไม่ให้หัวทิ่มหัวตำค่อนข้างยาก พูดถึงในแง่นี้ ถือว่าสอบตกครับ เพื่อนฝูงทำได้ดีกว่ามาก อาจจะต้องไปดูงานเบนซ์หน่อยว่าทำให้เบรคสมบูรณ์แบบ เค้าทำอย่างไร
ตามที่เกริ่นไว้ข้างต้น ขอมาเล่าเพิ่มเติมกับเกียร์สุดติสท์อีกซักหน่อย คือถ้าคุณๆ จะเปลี่ยนเกียร์จาก D ไป S จะมีกรรมวิถีอยู่คือ 1.ต้องหยุดรถให้สนิทก่อน 2.กดที่ตัวเกียร์ทรงกลมแล้วหมุนมาที่ S ก็จะเปลี่ยนมาใช้โหมด S ครับ ส่วนถ้าจะเปลี่ยนกลับเป็น D ก็ทำตามขั้นตอนดังกล่าวครับ นี่แหละคือเหตุผลที่ผมไม่ค่อยเข้าใจคนอังกฤษ จะทำเรื่องให้มันยุ่งยากทำไม ผมว่าไปศึกษาค่ายอื่นๆ เค้าเถอะว่าทำไมเค้าถึงเปลี่ยนจาก D เป็นแมนวลได้อิสระเสรี (โหมด S ของ Jag ไม่ได้เป็นแค่เปลี่ยนเกียร์เองแบบแมนวลเท่านั้น แต่จะปรับโหมดการขับขี่ของรถไปที่ Dynamic เอง โดยเราไม่ต้องกดปุ่มปรับโหมดซ้ำ มีข้อดีเท่านี้แหละ)
ข้อด้อยอีกอย่างคือ รถราคาระดับนี้ควรมี Auto hold ฟังก์ชั่น อันที่จริงคือมีครับ ผมเพิ่งมาทราบทีหลัง ตอนที่อ่านโบรชัวร์เล่มยักษ์ระดับวิทยานิพนท์ แต่มันพิศดารไม่เหมือนชาวบ้าน (ว่าเบนซ์แปลกแล้ว ที่ให้เหยียบเบรคจนสุดแล้วถึง hold ไม่่ได้มีปุ่มมาให้เหมือนเจ้าอื่น) คือเค้าให้ดึงเบรคมือไฟฟ้าขณะอยู่เกียร์ D นั่นแหละครับ พอจะออกตัวก็เหยียบคันเร่งได้เลย เออแปลกดีวุ้ย คือผมยังงงๆ ว่าทำไมไม่ทำแยกฟังก์ชั่นออกมาเหมือนชาวบ้าน นี่มันจะสร้างความเสียหายให้ชุดเบรคมือไฟฟ้าในระยะยาวหรือเปล่า ยังน่าสงสัย
เอาล่ะ มาถึงสรุปปิดท้าย mini test drive แล้วครับ หลังจากที่ไปขับมาสั้นๆ รู้จักกันแป๊บเดียว แต่เจ้า XF ทรงสวยคันนี้ สร้างความประทับใจ และความประหลาดใจให้ผมมากทีเดียว ความประทับใจในตัวรถนั้นมีมากพอๆ กับความเบื่อหน่ายการลดต้นทุนไม่เข้าท่าของนายทุนอินเดีย อีกทั้งตัวรถเองยังมีกิมมิคแปลกๆ ที่ไม่เหมือนใคร ตามสไตล์รถเมืองผู้ดี ที่ตัวผมเองและคุณพ่อทั้งชอบและมึนไปตามๆ กัน แต่ไม่ปฏิเสธว่า XF ได้ถูกเลือกเข้ามาในลิสท์รถคันต่อไปของที่บ้านเรียบร้อยแล้วล่ะครับ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทาง Inchcape และคุณแอนนา ที่ให้ข้อมูลดีดี และให้ทดสอบรถอย่างถึงใจ ตามสมควรแก่เวลาและสถานการณ์อันจำกัดจำเขี่ยด้วยนะครับ หวังว่าครั้งหน้าจะได้ไปร่วมลอง F-Pace ด้วยกัน