ในช่วง1ปี มานี้ ผมได้อ่านกระทู้ของผู้ที่ซื้อรถเบนซ์มาใช้ แล้วมีปัญหา เยอะมากในอินเตอร์เน็ต
หลายกระทู้ผมอ่านแล้วก็สงสารเจ้าของรถมากๆ ล่าสุดเกษตรกรเก็บเงินมาทั้งชีวิตได้3ล้านกว่า เอาไปซื้อรถเบนซ์ E300 บลูเทคไฮบริดได้5เดือนแล้วเครื่องยนต์ดับสตาร์ทไม่ติด ต้องถูกรื้อรถด้านหน้าออกมาหมดเลย
ผมเลยตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เกี่ยวกับความเข้าใจผิดของคนทั่วไปเกี่ยวกับรถ Benz
ผมไม่ได้จะบอกว่าผมเป็นเซียนอะไร เพียงแต่ผมโชคดีที่เกิดในตระกูลที่บ้ารถกันทั้งตระกูล ตั้งแต่รถอีโค่คาร์ไปจนถึงปอเช่มาคัน ก็ได้สัมผัสมาหมดแล้ว และได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆจากประสบการณ์ใช้จริงของทั้งตัวเอง และ ญาติในบ้าน
และตัวผมเองผ่านปัญหามาเยอะมาก จ้างทนาย และ ร้องเรียน สคบ ผมทำมาหมดแล้ว นั่งเคลียร์ปัญหากับผู้บริหารจากสำนักงานใหญ่ก็เคยมาแล้ว ปวดหัวมาก และกล้าพูดว่าที่นี่คือประเทศไทย สิทธิผู้บริโภคเรายังด้อย ร้องเรียนไปสิ่งที่ได้มามีแค่อย่างเดียว คือ เสียเวลา คุณเคยเห็นใครได้เปลี่ยนรถบ้าง เวลารถมีปัญหา
ผมรู้นะว่า benz อ่ะเป็นรถในฝันของคนทั่วโลก ดังนั้นทุกคนที่ไม่เคยสัมผัส จะตั้งความหวังไว้กับมันสูงมากๆ
รถ benz คันแรกที่คุณเก็บเงินซื้อได้สำเร็จ มันเหมือนรางวัลของชีวิตที่คุณรอมานาน
และสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถ benz ก็คือ คิดว่ารถคันละ3-4ล้าน จะต้องไม่มีปัญหา
ตรงนี้แหละคือประเด็น ที่คนไม่เคยใช้รถยุโรป จะตั้งความหวังไว้กับรถเบนซ์คันแรกสูงมากๆ
ปัญหาที่เคยเจอในรถญี่ปุ่นคันเก่าคันละ9แสน มันต้องไม่น่ามีในรถคันละ 4ล้าน นี่คือความเข้าใจของคนทั่วไป อันจะนำไปสู่ความผิดหวัง
เมื่อซื้อรถเบนซ์มาแล้ว พบว่ามันมีปัญหามากกว่ารถญี่ปุ่นที่เคยใช้ และสิ่งที่เคยวาดฝันไว้ พอความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
ถ้าใครติดตาม Consumer report ของอเมริกา จะเห็นว่าแต่ละปีจะมีรายงานเรื่องปัญหาความจุกจิกของรถยนต์
เขามีระบบการประเมินและเก็บข้อมูล จำนวนครั้งที่ลูกค้าต้องนำรถเข้าศูนย์ไปแก้ปัญหาในแต่ละปี ผลสรุปคือ รถญี่ปุ่นจุกจิกน้อยกว่ารถยุโรป
ตรรกะของคนทั่วๆไป คือ รถที่แพงกว่ามันต้องดีกว่าสิ
อันนี้ใช่ครับ รถยุโรปดีกว่ารถญี่ปุ่นในเรื่องสมรรถนะ ความปลอดภัย การขับขี่ พวกนี้เหนือกว่ารถญี่ปุ่นครับ
ถ้าคุณคาดหวังสิ่งเหล่านี้เมื่อซื้อรถคันละ4ล้าน มันให้คุณได้แน่นอน
แต่ถ้าใครไปคาดหวังว่ารถมันจะไม่มีปัญหา หรือ ไม่จุกจิก และต้องไม่มีอะไรเสียอะไรทำนองนี้
ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่ครับ ถ้าความจุกจิก ความไม่อยากพบเจอปัญหา คือหัวใจหลักที่คุณต้องการ ไปซื้อรถญี่ปุ่นดีกว่าครับ
ทุกวันนี้เวลาผมเห็นกระทู้ต่างๆในอินเตอร์เน็ต ผมเห็นใจเจ้าของรถนะ ผมเข้าใจความคาดหวังของพวกเขา
ทุกคนพูดประโยคเดียวกันหมด รถคันละ3-4ล้าน ไม่คิดว่าเจอปัญหาเครื่องดับ ,ลมเข้า ,น้ำเข้า และปัญหาจุกจิกอื่นๆอีก
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถเบนซ์ นี่แหละครับคือปัญหา
ผมจำได้ว่าในอดีตมันมีปัญหาน้อยกว่านี้นะ เพราะตอนเด็กๆผมนั่ง E190 ทุกวันไปโรงเรียน ตลอดช่วงเวลาที่พ่อผมใช้จนขายทิ้ง ไม่เคยมีปัญหาจุกจิกเลย แต่ตั้งแต่ C180 เป็นต้นมาปัญหาโคตรเยอะเลย ตอนหลังขายทิ้งเพราะขี้เกียจซ่อม
รถเบนซ์ เมื่อก่อนบ้านผมขายทิ้ง เพราะอยากเปลี่ยนคันใหม่
แต่ C180 ขายทิ้งเพราะขี้เกียจซ่อม ตอนหลังมันมากลายเป็นแบบนี้ไปซะงั้น
ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่ารถเบนซ์มันมีปัญหาอยู่ยี่ห้อเดียวนะครับ รถญี่ปุ่นก็มีครับ
แต่คนทั่วไปเข้าใจผิดว่ารถแพงๆมันจะไม่มีปัญหา ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมพบเจอมา บอกได้ว่ามันไม่จริง
ดังนั้นถ้าใครที่ยังไม่เคยซื้อรถเบนซ์ และคิดจะซื้อ สิ่งที่ต้องคุณควรรู้ ก็คือ มันมีโอกาสอย่างมากที่คุณจะพบปัญหาแบบเดียวกับที่คุณพบในรถญี่ปุ่นคันเก่าที่คุณใช้อยู่ หรืออาจจะพบปัญหาที่ไม่เคยพบก็ได้
สุดท้ายในฐานะผู้บริโภคเหมือนกัน ผมคิดว่าสิทธิผู้บริโภคในประเทศไทยมันน้อยมาก เราไม่เคยได้รับการคุ้มครองจริงๆ และสคบ ก็เป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่เคยช่วยอะไรเราได้จริงๆ ความเสี่ยงทั้งหมดถูกผลักมาที่ผู้บริโภค ผู้บริโภคไม่ได้รับความคุ้มครองอะไรเลยจากรัฐ
ในขณะที่น้ำส้มคั้นขวดละสิบบาท ถ้าคุณพบว่าคนขายเอาน้ำเปล่าผสม คุณสามารถฟ้องร้องต่อรัฐได้ และสำเร็จมาแล้ว
ไส้กรอกไม้ละ5บาท ถ้าคุณพบว่ามีดินประสิวปน ก็ร้องเรียนทาง อย.ได้ และ อย.จะเข้ามาจัดการ
แต่รถยนต์คันละ3-4ล้าน ถ้าซื้อมาแล้วเครื่องดับสตาร์ทไม่ติด รัฐจะไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้
สิ่งเหล่านี้บอกเราว่า รัฐคุ้มครองเราได้เพียงสินค้าข้างถนนเท่านั้น และรัฐกล้าจัดการได้แต่แม่ค้าขายไส้กรอกเสียบไม้ละ5บาท กับแม่ค้าขายน้ำส้มคั้นริมถนน
สิทธิผู้บริโภคของคุณจะแปรผกผันกับราคาสินค้า ยิ่งคุณซื้อของแพงเท่าไร สิทธิผู้บริโภคของคุณยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น
แต่ สคบ จะแข็งแกร่งขึ้นมาทันที เมื่อต้องเจอกับแม่ค้าขายหมูปิ้ง แม่ค้าขายไส้กรอกเสียบไม้
นี่คือความจริงทั้งหมดที่คุณควรรู้ไว้ ก่อนซื้อรถเบนซ์คันแรก
ข้อแรก ผมจะบอกว่า รถยนต์(รถทุกยี้ห้อที่ขายในไทย)คันหนึ่งราคา ไม่ควรแพงถึงขนาดนี้เมื่อเทียบกับรายได้ของคนในประเทศไทย
ซึ่งไม่มีใครนึกถึง และไม่มีใครสนใจ
ข้อสอง รถยนต์ไม่ได้แพง นะครับที่แพงเพราะภาษี ซึ่งคนก็ไม่สนใจอีกเช่นกัน รถคันละ 4แสน ขาย 8แสนได้ แต่ภาษีเข้ารัฐ
ข้อสาม องค์การผู้บริโภคประเทศไทยมีด้วยหรือครับ ถ้าเอา อเมริกามาเทียบ ผมว่าเทียบไม่ได้อ่ะ เพราะ รถก็คนละแบบ คนขับก็มีความรู้เรื่องรถกัน
คนละแบบอีก แต่ถ้าจะเทียบว่า ซ่อมบ่อยหรือไม่ก็ได้เท่านั้น ไม่เอาญี่ปุ่นมาเทียบละครับ เข้าใช้ 3-4 ปีทิ้งเลยไม่ต้องซ่อม
ข้อสี่ (ตรรกะของคนทั่วๆไป คือ รถที่แพงกว่ามันต้องดีกว่าสิ) นั้นคือความคิดของคนไร้สมองครับ ซึ่งก็มีอยู่มากๆด้วย
สรุป ต้องไม่มีใครอยู่เหนือ กฎหมายครับ ที่ว่า สคบเก่งกะคนจน ผมว่าไม่จริงนะ แต่ กฎหมายมันมี ขบวนการของมันอยู่ แต่ถ้าอาจจะ นานมากอันนั้นคนละเรื่องกัน
รถยนต์ ต้อง บำรุงรักษา ต้อง ใช้เงินดูแล
ปัญหาที่คุณเล่ามาทั้งหมดจะหายไปได้เลย ตรงที่ว่า คนที่ซื้อรถต้องมีความเข้าใจ เรื่องรถเยอะ เรื่องเครื่องยนต์กลไกล ซึ่ง คนไทยคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องรู้อ่ะ คนไทย ซ่อมรถเองอยู่บ้านก็ไม่ค่อยเป็น DIY ก็น้อยมาก พึ่งแต่ ช่างโดนหลอกก็เยอะ พอโดนหลอกก็เอามาด่า ตัวลูกค้าเองและครับที่โง่ เพราะว่า ทุกอย่าง ที่ซ่อมในคู่มือมันมีเขียนหมด แล้ว ต้องทำอะไรบ้าง โดนหลอกทำอะไรก็เยอะ
มอเตอร์โชว์ MOTOR SHOW เขาShow ครับ ไม่ sale ไม่งั้นต้องเป็น motor sale car
motor show เขาของว่ารถเข้าดียังไง ทนแค่ไหน แต่บ้านเรา ดาวน์เท่าไหร่ ได้รถเมื่อไหร่ ok จบ(ไม่ดร่ามานะครับ)
ใช้ชีวิต คุณภาพต่ำของคุณต่อไป (ประชด)